ยากที่เขาจะใจกว้างให้อภัย แต่เฉียวซุนกลับปฏิเสธเธองอนิ้วที่ขาวบางเล็กน้อยความอดทนของลู่เจ๋อมีขีดจำกัด “คุณจะเอายังไงกันแน่?”เฉียวซุนพึมพำเบา ๆ ว่า “หย่า! ฉันอยากหย่ากับคุณ”ลู่เจ๋อยุ่งจนตัวเป็นเกลียว เฉียวซุนทะเลาะกับเขาจะไม่ยอมกลับบ้านให้ได้ เมื่อเช้าตรู่เขาอยากจะหากระดุมแขนเสื้อที่คู่กันก็หาไม่เจอ รู้สึกไม่มีความสุขเอาเสียเลย ในขณะที่กำลังจะโมโหก็กลับเห็นเฮ่อจี้ถังกำลังพูดคุยกับนางพยาบาลอยู่หน้ารถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวคันหนึ่งที่ลานจอดรถด้านหน้าลู่เจ๋อยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้น เอาลิ้นดุนโพรงปากในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เป็นเลขาฉินที่โทรมา ลู่เจ๋อรับสายและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก “มีอะไร?”เลขาฉินรีบบอกเขาตามหน้าที่ “เมื่อครู่คุณไป๋ลุกจากเตียง ไม่ทันระวังก็เลยหกล้มค่ะ อาจได้รับบาดเจ็บที่เส้นประสาทบริเวณขา ตอนนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร ประธานลู่คุณอยากจะไปดูเธอที่เมือง H ไหมคะ? ถ้าคุณไปเธอจะต้องดีใจมากแน่เลยค่ะ”ลู่เจ๋อถือโทรศัพท์ไว้ ไม่พูดในทันที เห็นได้ชัดว่ารู้สึกพะว้าพะวังเฉียวซุนที่อยู่ข้าง ๆ อยู่เล็กน้อยระดับเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาไม่เบา และเฉียวซุน
สองวันต่อมา เฉียวซุนก็ขายบ้านไปแล้วบ้านมีราคาตลาดอยู่ที่สองร้อยห้าสิบล้านบาท แต่อีกฝ่ายกดราคาจนเหลือร้อยสี่สิบล้านบาท และป้าเสิ่นก็ด่าตวาดอีกฝ่ายว่าโลภออกมาทันทีแต่เฉียวซุนกลับกัดฟันพูดออกมาว่า “ขายค่ะ!”เพราะพี่ชายที่อยู่ข้างในนั้นก็รอไม่ไหวแล้ว นอกจากค่าทนาย ตระกูลเฉียวยังมีภาระขนาดมหึมาที่ต้องไปอุด ภายใต้แรงกดดันในแต่รูปแบบ เฉียวซุนไม่มีทางเลือกเลยหลังจากขายบ้านเสร็จสิ้น เธอคิดหาวิธีที่จะเจอกับเฉียวสือเยี่ยนเฉียวสือเยี่ยนผู้มีโฉมหน้าหล่อเหลาและมีเกียรติ ไม่ว่าจะไปทางไหนก็จะมีลูกสาวเศรษฐีไล่จีบ ในเวลานี้กลับดูซีดเซียว โดยที่เขาและเฉียวซุนคุยกันผ่านกระจกหนึ่งบานที่กั้นเอาไว้[ไปหาทนายความที่ชื่อเมิ่งเยียนหุย][เสี่ยวซุน เขาช่วยพี่ได้และช่วยเธอได้ด้วย]……เฉียวซุนอยากจะถามให้ชัดเจนแต่หมดเวลาเสียแล้ว และเฉียวสือเยี่ยนก็ต้องถูกพาตัวกลับไปเขามองดูน้องสาว ทิ้งสายตาอาลัยอาวรณ์ไว้มากมาย เฉียวซุนน้องสาวของเขา ตั้งแต่เด็กก็เป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในตระกูลเฉียว ตอนนี้กลับต้องมาวิ่งเต้นเพื่อครอบครัวเฉียวสือเยี่ยนอ่านหนังสือพิมพ์สถานการณ์ของเฉียวซุน เขารู้อย่างชัดเจนก่อนจากไ
ไม่ทันที่เฉียวซุนจะโต้ตอบ เขาก็เข้าประชิดเธอเรียบร้อยแล้ว เขาจับคางผิวละเอียดของเธอ แนบใบหูของเธอแล้วถามอย่างอันตรายว่า “คุณจะขายงั้นเหรอ?"ร่างของเฉียวซุนสั่นสะท้านไปทั้งตัวเธอไม่ปฏิเสธลู่เจ๋อไม่โกรธแต่กลับยิ้มให้แทน เขาประชิดตัวเธอ พึมพำเหมือนคนรักกัน “คุณจะขายให้ใครได้ ในเมือง B แห่งนี้คุณได้ชื่อว่าเป็นคุณนายลู่ ใครหน้าไหนมันจะกล้ามาเอาคุณ? อีกอย่างคนอื่นมาแตะต้องตัวคุณ คุณจะรับได้เหรอไง? ผู้ชายซื้อผู้หญิงก็อยากได้ทั้งนั้น เหมือนคืนแต่งงานของเราในคืนนั้น มันเจ็บยังไง......คุณลืมไปแล้วเหรอ?”สีหน้าเฉียวซุนซีดเซียวทำไมเธอจะจำไม่ได้ เพื่อแก้แค้นเธอ ในคืนแต่งงานนั่นลู่เจ๋อหยาบคายสุด ๆ คืนนั้น เขาทำให้เฉียวซุนเจ็บแทบจะขาดใจตายลู่เจ๋อหยุดอย่างพอประมาณเขาปล่อยเธอแล้วลูบใบหน้ารูปไข่เธออย่างนุ่มนวล “กลับมาเป็นคุณนายลู่ เราจะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน”คอเรียวบอบบางของเฉียวซุนตึงขึ้นทันใดนั้น เธอก็เห็นไวโอลินตัวใหม่ที่เงาวับตัวหนึ่งวางอยู่ในตู้หนังสือฝั่งตรงข้ามเฉียวซุนจำข่าวซุบซิบที่ว่า ท่านประธานลู่ซื่อทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อไวโอลินที่ราคาสูงลิ่วถึงหนึ่งร้อยล้านบาท เพียงเพ
สภาพของเฉียวซุนดูแทบจะไม่ได้แต่ลู่เจ๋อกลับยังคงแต่งตัวดูดี มีเพียงกางเกงสแล็คขายาวสีเข้มที่เปื้อนความชื้นเล็กน้อยแสดงออกถึงการเสพสุขที่หวานซึ้งอยู่หลายส่วนมือของเฉียวซุนสั่นอย่างไม่เข้าท่า หลายครั้งที่เธอไม่สามารถควบคุมปุ่มที่งดงามและละเอียดอ่อนขนาดเท่าเมล็ดข้าวนั่นได้ลู่เจ๋อยืนมองด้วยสายตาเหยียดอยู่ข้าง ๆ ไม่แสดงการช่วยเหลือใด ๆเขาชอบสัมผัสกระดุมข้อมือจนเป็นนิสัย แต่กลับไม่ได้สัมผัสมัน ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้กระดุมข้อมือคู่นั้น เขายังหาไม่เจอ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะก้มหน้าถามในเวลานี้เป็นเวลานาน ในที่สุดเฉียวซุนก็แต่งตัวเรียบร้อยเธอเงยหน้ามองลู่เจ๋อ ลู่เจ๋อกำลังมองเธออยู่เช่นกัน สายตาที่ล้ำลึกเกินกว่าที่จะทำให้เธอเข้าใจ แต่เฉียวซุนก็ไม่อยากที่จะเข้าใจด้วย น้ำเสียงของเธอเจือความท้อแท้เล็กน้อย “ลู่เจ๋อ ฉันเหนื่อยจริง ๆ นะ! เราเจอกันด้วยดีก็ขอให้จากกันด้วยดีเถอะ!”พูดจบ เธอก็เปิดประตูแล้วเดินออกไปครั้งนี้ ลู่เจ๋อไม่ได้รั้งเธอไว้เขายืนอยู่ตรงนั้น มองดูร่างที่จากไปของเฉียวซุน เป็นเวลานาน เขาหลับตาลงและยิ้มเย็นชาบาง ๆสามีภรรยาหย่ากัน ส่วนใหญ่ต่างคนต่างก็ต้องเจ็บปวด
เฉียวซุนหน้าตาดี เล่นไวโอลินเก่งผู้รับผิดชอบให้เงินเธอหนึ่งพันห้าร้อยบาทต่องาน เมื่อมีงานเข้ามาเยอะ เฉียวซุนต้องวิ่งแสดงสามถึงสี่งานต่อวัน ในแต่ละวันเธอต้องเล่นอย่างน้อยหกชั่วโมง นิ้วเรียวบางลอกด้านและมีตุ่มน้ำชีวิตลำบาก ต้องเดินทางกลับไปกลับมา แต่เฉียวซุนไม่เคยเสียใจเธอไม่ได้โทรหาลู่เจ๋อ และลู่เจ๋อก็ไม่ได้โทรหาเช่นกัน...... บางครั้งเธอก็เห็นข่าวของเขา ร่วมงานราตรี เข้าซื้อกิจการบริษัทต่าง ๆในแต่ละงานพบปะ ลู่เจ๋อดูหล่อเหลาและมีเกียรติงานพบปะเหล่านี้ แต่ก่อนเฉียวซุนเคยอยู่เคียงข้างเขาเป็นบางครั้ง ดูท่าทางที่อาจหาญทรงอำนาจของเขา รู้สึกประทับใจอย่างเงียบๆแต่ในตอนนี้พอเห็นสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง เฉียวซุนรู้สึกไกลตัวและไม่คุ้นเคย……ในตอนเย็น ชั้นบนสุดของโรงพยาบาลเฉียวซุนนั่งเงียบ ๆ พร้อมขวดโค้กแช่เย็นที่ซื้อมาจากร้านขายของชำ หากเป็นแต่ก่อนเธอไม่มีทางดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ตอนนี้เธอดื่มบ้างนิดหน่อยเป็นครั้งคราวเฮ่อจี้ถังก็เดินเข้ามาในเวลานี้ ร่างสูงยาว สวมเสื้อกาวน์สีขาวของหมอแผนกศัลยกรรมเขายืนอยู่ข้างเฉียวซุน มองดูพระอาทิตย์ตกดินเป็นเพื่อนเธออย่
อาจเป็นเพราะไป๋เซียวเซียวโอ้อวดมากเกินไป ในที่สุดไปรบกวนคุณหญิงลู่จนได้คุณหญิงลู่ตามหาเฉียวซุนในตอนนั้น เฉียวซุนกำลังทำการแสดงอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต สวมชุดราตรีราคาถูกที่บริษัทการแสดงเช่าให้และมือที่จับไวโอลินก็มีพลาสเตอร์ติดไว้หลายแผ่นถ้าไม่บอก ใครจะคิดว่านี่คือคุณนายของลู่ซื่อกรุ๊ป?คุณหญิงลู่ยืนอยู่ล่างเวทีด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อเฉียวซุนเห็นเธอ ปลายนิ้วชะงัก แต่เธอก็จดจ่อไปที่การเล่นเปียโนในทันทีในระหว่างพักการแสดง คุณหญิงลู่เข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและห่างเหิน “มีร้านกาแฟอยู่ข้างนอก ฉันจะรอเธออยู่ที่นั่น” พูดจบ เธอก็จากไปแล้วเฉียวซุนยังคงเล่นเปียโนต่อไปเพื่อนร่วมงานข้าง ๆ เป็นกังวล เข้ามากระซิบใกล้ ๆ ว่า “เฉียวซุน เธอมีปัญหาหรือเปล่า? ผู้หญิงคนนั้นเมื่อกี้ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งด้วยได้ง่าย ๆ!”เฉียวซุนส่ายหัวและยิ้มบาง ๆ “ไม่มีอะไร! แค่ผู้ใหญ่......ที่รู้จัก”เพื่อนคนนั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเฉียวซุนเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเองและไปที่ทางเข้าร้านกาแฟคุณหญิงลู่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง เพราะเธอสง่างามเกินไปจึงเห็นได้อย่างชัดเจนเฉียวซุนเดินเข้าไปและนั่งล
กระจกรถเลื่อนลงครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าอันสง่างามของลู่เจ๋อเขาสวมชุดสูทคลาสสิกขาวดำ ท่าทางเหมือนเพิ่งออกมาจากสถานที่ที่เป็นทางการจากไหนสักแห่ง ทั้งตัวให้ความรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย......ซึ่งทำให้เฉียวซุนรู้สึกจนตรอกมากยิ่งขึ้นคืนฝนตกที่คั่นการสบตาของกันและกัน มองกันอย่างเงียบ ๆริมฝีปากของเฉียวซุนสั่นเทาจากความหนาวเย็นมือของเธอกอดไวโอลินไว้แน่น ราวกับกำลังคว้าหญ้าที่ลอยน้ำต้นสุดท้ายในชีวิตของเธอไว้...... เธอรู้อยู่แก่ใจว่า นี่เป็นบันไดที่ลู่เจ๋อมอบให้เธอตอนนี้ เธอแค่ต้องยอมจำนนและขึ้นรถไปอีกไม่นานเธอก็จะได้ผ้าห่มที่สะอาดและน้ำอุ่น ๆ พรุ่งนี้เช้าไม่ต้องไปทำการแสดงที่ห้าง เธอจะได้ตื่นขึ้นบนเตียงที่หรูหราและนุ่มสบาย ได้กลับเป็นคุณนายลู่คนนั้นอีกครั้งแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ!เฉียวซุนยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน มองดูเขาอย่างเงียบ ๆฝนตกหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ขนตาเปียกชื้น บดบังการมองเห็นของกันและกันประมาณหนึ่งนาที เธอก็ใช้มือเดียวบังศีรษะไว้ แล้ววิ่งไปข้างหน้าท่ามกลางสายฝน......น้ำฝนสาดกระเซ็น กระเด็นใส่ตัวรถแบรนด์ดังราคาสูงเธอและเขาเลยผ่านกันไปในคืนฝนตกบนถนนกลางดึก เส
เฉียวซุนวิ่งกลับไปที่ห้องเช่าจากที่ห่างไกลออกไป เสิ่นชิงที่กำลังกางร่มรออยู่ใต้ตึกอย่างกระวนกระวายใจเฉียวซุนเดินช้าลง “คุณป้าเสิ่น คุณป้ากลับมาได้อย่างไรคะ”เมื่อถึงบ้านแล้ว เสิ่นชิงหยิบผ้าขนหนูให้เธอเช็ดผม พลางพูดไปด้วยว่า “ป้าไม่ค่อยสบายใจเลยกลับมาดูสักหน่อย ฝนตกหนักขนาดนี้ ทำไมไม่นั่งแท็กซี่ล่ะ”เสิ่นชิงไล่เธอไปอาบน้ำ เมื่อเธอออกมาก็เตรียมซุปร้อนไว้ให้เธอเพื่อที่ร่างกายจะได้อบอุ่นครั้นเมื่อเฉียวซุนกำลังดื่มซุป เสิ่นชิงก็ถามด้วยความลังเล “เรื่องระหว่างเธอกับลู่เจ๋อเป็นยังไงบ้าง”เฉียวซุนหยุดชะงักนิดหน่อยครั้นแล้วเธอก็ดื่มซุปต่อ พูดด้วยเสียงค่อยๆ ว่า “เขาไม่ยอมหย่าค่ะ! และหนูก็ยังหาคนที่รับทำคดีหย่าร้างชั่วคราวไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามหนูได้ยื่นขอแยกทางแล้ว อาจใช้เวลาถึงสองปี ในตอนนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ยอมแต่ก็ต้องหย่าอยู่ดีค่ะ”ป้าเสิ่นให้เฉียวซุนกินยาโดยไม่พูดอะไร เมื่อดูแผลที่ปลายนิ้วนั่น เสิ่นชิงก็รู้สึกเศร้าใจในตอนนั้น เฉียวซุนเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งของโรงเรียนดนตรี ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงล้วนอยากจะรับเธอ อย่างอัจฉริยะทางดนตรีแซ่เว่ยคนนั้น ในช่วงแรกก็มาทาบทามตั้งหลาย
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว