แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: เฟเธอร์ในลมอ่อน
สภาพของเฉียวซุนดูแทบจะไม่ได้

แต่ลู่เจ๋อกลับยังคงแต่งตัวดูดี มีเพียงกางเกงสแล็คขายาวสีเข้มที่เปื้อนความชื้นเล็กน้อย

แสดงออกถึงการเสพสุขที่หวานซึ้งอยู่หลายส่วน

มือของเฉียวซุนสั่นอย่างไม่เข้าท่า หลายครั้งที่เธอไม่สามารถควบคุมปุ่มที่งดงามและละเอียดอ่อนขนาดเท่าเมล็ดข้าวนั่นได้

ลู่เจ๋อยืนมองด้วยสายตาเหยียดอยู่ข้าง ๆ ไม่แสดงการช่วยเหลือใด ๆ

เขาชอบสัมผัสกระดุมข้อมือจนเป็นนิสัย แต่กลับไม่ได้สัมผัสมัน ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

กระดุมข้อมือคู่นั้น เขายังหาไม่เจอ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะก้มหน้าถามในเวลานี้

เป็นเวลานาน ในที่สุดเฉียวซุนก็แต่งตัวเรียบร้อย

เธอเงยหน้ามองลู่เจ๋อ ลู่เจ๋อกำลังมองเธออยู่เช่นกัน สายตาที่ล้ำลึกเกินกว่าที่จะทำให้เธอเข้าใจ แต่เฉียวซุนก็ไม่อยากที่จะเข้าใจด้วย น้ำเสียงของเธอเจือความท้อแท้เล็กน้อย “ลู่เจ๋อ ฉันเหนื่อยจริง ๆ นะ! เราเจอกันด้วยดีก็ขอให้จากกันด้วยดีเถอะ!”

พูดจบ เธอก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป

ครั้งนี้ ลู่เจ๋อไม่ได้รั้งเธอไว้

เขายืนอยู่ตรงนั้น มองดูร่างที่จากไปของเฉียวซุน เป็นเวลานาน เขาหลับตาลงและยิ้มเย็นชาบาง ๆ

สามีภรรยาหย่ากัน ส่วนใหญ่ต่างคนต่างก็ต้องเจ็บปวด

มีเรื่องอะไรให้เจอกันด้วยดีแล้วจากกันด้วยดีมากมายขนาดนั้น!

*

ในตอนที่เฉียวซุนออกจากตึกลู่ซื่อ ขาก็ยังคงสั่นอยู่

ผิวที่ถูกลู่เจ๋อสัมผัสยังคงร้อนราวกับไฟแผดเผาเหมือนเดิม ราวกับว่าการสัมผัสจากฝ่ามือของลู่เจ๋อยังคงอยู่...... ในหัวของเธอมีคำพูดของลู่เจ๋อดังก้องอยู่อย่างต่อเนื่อง

[กลับบ้านกับฉัน เธอจะยังเป็นคุณนายลู่เหมือนเดิม!]

[เธอคิดว่าประตูบ้านของตระกูลลู่นึกจะเข้าก็เข้า นึกจะออกก็ออกตามใจ หรือคิดว่าคนอย่างลู่เจ๋อเป็นคนนิสัยดี จะปล่อยให้คนอื่นมาบงการง่าย ๆ งั้นเหรอ!]

……

คำพูดเหล่านั้นทำให้เฉียวซุนหอบหายใจไม่ทัน

เธอผ่อนคลายอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน ถึงได้กลับไปที่บ้านเช่า

ชุมชนเก่าคร่ำครึขนาดหกสิบตารางเมตร มีเพียงเฟอร์นิเจอร์งานหยาบที่สุดเท่านั้น เมื่อเทียบกับวิลล่าของตระกูลเฉียวแต่ก่อน แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แล้ววันนั้นป้าเสิ่นยืนเงียบ ๆ ในห้องโถงแคบ ๆ เป็นเวลานานมาก

เฉียวซุนรู้ว่าเธอไม่ชิน แต่ตอนนี้ เธอเองก็มีความสามารถได้เพียงเท่านี้

ในห้องครัว ป้าเสิ่นกำลังทำซุปอีกแล้ว

เมื่อเห็นเฉียวซุนกลับมา เธอก็วางมือจากสิ่งที่ทำอยู่ “พี่ชายแกเป็นยังไงบ้าง?”

เฉียวซุนไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์นั้นของลู่เจ๋อ เธอก้มศีรษะเปลี่ยนรองเท้าอยู่ที่ทางเข้าและเอ่ยเบา ๆ ว่า “พี่ขอให้ฉันตามหาทนายที่ชื่อเมิ่งเยียนหุย บอกว่าเขาช่วยเรื่องคดีให้เราได้"

“เมิ่งเยียนหุย?”

ป้าเสิ่นทำหน้าครุ่นคิด “เหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้นะ! ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ต้องหาทางตามหาคน ๆ นี้ให้เจอ ถ้าเขามีความสามารถจริง ๆ พี่ชายแกก็สามารถออกมาได้นั่นแหละ”

เฉียวซุนส่งเสียงตอบรับ “เมื่อกี้เพิ่งโทรคุยกับหลินเซียว ขอให้เธอช่วยฉันถามดู”

เธอรู้จักหลินเซียวมาตั้งแต่เด็ก

หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยหลินเซียวก็มาเป็นนางแบบ เดินทางไปทั่วโลก มีคอนเนคชั่นและลู่ทางที่กว้างขวางมาก

เมื่อได้ยินชื่อของหลินเซียว ป้าเสิ่นก็ทำสีหน้าซับซ้อน

แต่ก่อนเธอไม่ชอบการคบหาของเฉียวซุนกับหลินเซียว รู้สึกว่าหลินเซียวเป็นคนในวงการบันเทิง มีความซับซ้อน......คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ถึงคราวที่ต้องใช้ประโยชน์จากเธอ

ป้าเสิ่นเงียบไปสักพัก

เธอตักซุปให้เฉียวซุน “ทานบำรุงสักหน่อย ช่วงนี้แกดูผอมไปหมดแล้ว อาทิตย์หน้าแกต้องไปทำงานที่สถาบันฝึกอบรมใช่ไหม?”

เฉียวซุนก้มศรีษะมองดูซุปและเอ่ยเบา ๆ ว่า “ไม่ไปแล้วค่ะ จะหางานใหม่”

เสิ่นชิงนั่งลง “เกิดอะไรขึ้น?”

เฉียวซุนไม่อยากให้เธอกังวล จึงแกล้งทำเป็นผ่อนคลาย “เพราะลู่เจ๋อ! เขาไปทักทายพวกเขาไว้...... ทางนั้นเลยปฏิเสธฉัน! ไม่เป็นไรหรอกป้าเสิ่น ฉันยังหางานอื่นได้อีก ในหนังสือพิมพ์ก็มีข่าวเปิดรับสมัครตั้งมากมาย มันต้องหาได้บ้างสิ”

เธอคิดว่าเสิ่นชิงจะตำหนิเธอเสียอีก

แต่เสิ่นชิงเงียบไปนาน เอ่ยออกมาหนึ่งประโยคว่า “คงจะดีถ้าพี่ชายแกออกมาได้”

เธอยัดตัวขึ้นแล้วไปที่ห้องครัว

แต่สักพัก เสียงของเสิ่นชิงก็ดังออกมาจากในห้องครัว เจือด้วยการข่มอารมณ์ไว้เล็กน้อย “เฉียวซุน แกคิดว่าฉันใจร้ายขนาดนั้นเลย บังคับให้แกไปใช้ชีวิตกับลู่เจ๋อ เขาเป็นคนแบบไหน มีหรือที่พ่อแกกับฉันจะไม่รู้ แต่จะทำยังไงได้! ถ้าพี่ชายแกออกมาไม่ได้ แล้วจากนี้แกจะเอายังไงต่อ?”

เสิ่นชิงพูดไปพูดมาก็ร้องไห้

ภายในใจของเฉียวซุนก็เป็นทุกข์เช่นกัน แต่เธอยังคงข่มอารมณ์ไว้ เดินมาด้านหลังเสิ่นชิงแล้วพิงไหล่ของเธอเบา ๆ “ป้าเสิ่น ฉันโตแล้ว! ไม่มีพี่ ฉันก็สามารถดูแลครอบครัวได้เหมือนกัน”

เสิ่นชิงร้องไห้โฮ......

เฉียวซุนหางานอยู่หลายวันก็ไม่เจองานที่เหมาะ

เธอรู้อยู่แก่ใจ สถาบันระดับสูงพวกนั้นน่าจะถูกโทรไปทักทายไว้แล้ว ไม่มีทางที่จะรับเธอ

ด้วยเหตุนี้ เธอลดมาตรฐานลงแล้วยื่นความต้องการไปที่บริษัทการแสดงแห่งหนึ่ง บอกว่าเป็นบริษัท แต่จริง ๆ แล้วเป็นการวิ่งงานตามสถานที่เพื่อจัดงานฉลองครบรอบและรับเงินตามจำนวนการแสดง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 14

    เฉียวซุนหน้าตาดี เล่นไวโอลินเก่งผู้รับผิดชอบให้เงินเธอหนึ่งพันห้าร้อยบาทต่องาน เมื่อมีงานเข้ามาเยอะ เฉียวซุนต้องวิ่งแสดงสามถึงสี่งานต่อวัน ในแต่ละวันเธอต้องเล่นอย่างน้อยหกชั่วโมง นิ้วเรียวบางลอกด้านและมีตุ่มน้ำชีวิตลำบาก ต้องเดินทางกลับไปกลับมา แต่เฉียวซุนไม่เคยเสียใจเธอไม่ได้โทรหาลู่เจ๋อ และลู่เจ๋อก็ไม่ได้โทรหาเช่นกัน...... บางครั้งเธอก็เห็นข่าวของเขา ร่วมงานราตรี เข้าซื้อกิจการบริษัทต่าง ๆในแต่ละงานพบปะ ลู่เจ๋อดูหล่อเหลาและมีเกียรติงานพบปะเหล่านี้ แต่ก่อนเฉียวซุนเคยอยู่เคียงข้างเขาเป็นบางครั้ง ดูท่าทางที่อาจหาญทรงอำนาจของเขา รู้สึกประทับใจอย่างเงียบๆแต่ในตอนนี้พอเห็นสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง เฉียวซุนรู้สึกไกลตัวและไม่คุ้นเคย……ในตอนเย็น ชั้นบนสุดของโรงพยาบาลเฉียวซุนนั่งเงียบ ๆ พร้อมขวดโค้กแช่เย็นที่ซื้อมาจากร้านขายของชำ หากเป็นแต่ก่อนเธอไม่มีทางดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ตอนนี้เธอดื่มบ้างนิดหน่อยเป็นครั้งคราวเฮ่อจี้ถังก็เดินเข้ามาในเวลานี้ ร่างสูงยาว สวมเสื้อกาวน์สีขาวของหมอแผนกศัลยกรรมเขายืนอยู่ข้างเฉียวซุน มองดูพระอาทิตย์ตกดินเป็นเพื่อนเธออย่

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 15

    อาจเป็นเพราะไป๋เซียวเซียวโอ้อวดมากเกินไป ในที่สุดไปรบกวนคุณหญิงลู่จนได้คุณหญิงลู่ตามหาเฉียวซุนในตอนนั้น เฉียวซุนกำลังทำการแสดงอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต สวมชุดราตรีราคาถูกที่บริษัทการแสดงเช่าให้และมือที่จับไวโอลินก็มีพลาสเตอร์ติดไว้หลายแผ่นถ้าไม่บอก ใครจะคิดว่านี่คือคุณนายของลู่ซื่อกรุ๊ป?คุณหญิงลู่ยืนอยู่ล่างเวทีด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อเฉียวซุนเห็นเธอ ปลายนิ้วชะงัก แต่เธอก็จดจ่อไปที่การเล่นเปียโนในทันทีในระหว่างพักการแสดง คุณหญิงลู่เข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและห่างเหิน “มีร้านกาแฟอยู่ข้างนอก ฉันจะรอเธออยู่ที่นั่น” พูดจบ เธอก็จากไปแล้วเฉียวซุนยังคงเล่นเปียโนต่อไปเพื่อนร่วมงานข้าง ๆ เป็นกังวล เข้ามากระซิบใกล้ ๆ ว่า “เฉียวซุน เธอมีปัญหาหรือเปล่า? ผู้หญิงคนนั้นเมื่อกี้ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งด้วยได้ง่าย ๆ!”เฉียวซุนส่ายหัวและยิ้มบาง ๆ “ไม่มีอะไร! แค่ผู้ใหญ่......ที่รู้จัก”เพื่อนคนนั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเฉียวซุนเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเองและไปที่ทางเข้าร้านกาแฟคุณหญิงลู่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง เพราะเธอสง่างามเกินไปจึงเห็นได้อย่างชัดเจนเฉียวซุนเดินเข้าไปและนั่งล

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 16

    กระจกรถเลื่อนลงครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าอันสง่างามของลู่เจ๋อเขาสวมชุดสูทคลาสสิกขาวดำ ท่าทางเหมือนเพิ่งออกมาจากสถานที่ที่เป็นทางการจากไหนสักแห่ง ทั้งตัวให้ความรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย......ซึ่งทำให้เฉียวซุนรู้สึกจนตรอกมากยิ่งขึ้นคืนฝนตกที่คั่นการสบตาของกันและกัน มองกันอย่างเงียบ ๆริมฝีปากของเฉียวซุนสั่นเทาจากความหนาวเย็นมือของเธอกอดไวโอลินไว้แน่น ราวกับกำลังคว้าหญ้าที่ลอยน้ำต้นสุดท้ายในชีวิตของเธอไว้...... เธอรู้อยู่แก่ใจว่า นี่เป็นบันไดที่ลู่เจ๋อมอบให้เธอตอนนี้ เธอแค่ต้องยอมจำนนและขึ้นรถไปอีกไม่นานเธอก็จะได้ผ้าห่มที่สะอาดและน้ำอุ่น ๆ พรุ่งนี้เช้าไม่ต้องไปทำการแสดงที่ห้าง เธอจะได้ตื่นขึ้นบนเตียงที่หรูหราและนุ่มสบาย ได้กลับเป็นคุณนายลู่คนนั้นอีกครั้งแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ!เฉียวซุนยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน มองดูเขาอย่างเงียบ ๆฝนตกหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ขนตาเปียกชื้น บดบังการมองเห็นของกันและกันประมาณหนึ่งนาที เธอก็ใช้มือเดียวบังศีรษะไว้ แล้ววิ่งไปข้างหน้าท่ามกลางสายฝน......น้ำฝนสาดกระเซ็น กระเด็นใส่ตัวรถแบรนด์ดังราคาสูงเธอและเขาเลยผ่านกันไปในคืนฝนตกบนถนนกลางดึก เส

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 17

    เฉียวซุนวิ่งกลับไปที่ห้องเช่าจากที่ห่างไกลออกไป เสิ่นชิงที่กำลังกางร่มรออยู่ใต้ตึกอย่างกระวนกระวายใจเฉียวซุนเดินช้าลง “คุณป้าเสิ่น คุณป้ากลับมาได้อย่างไรคะ”เมื่อถึงบ้านแล้ว เสิ่นชิงหยิบผ้าขนหนูให้เธอเช็ดผม พลางพูดไปด้วยว่า “ป้าไม่ค่อยสบายใจเลยกลับมาดูสักหน่อย ฝนตกหนักขนาดนี้ ทำไมไม่นั่งแท็กซี่ล่ะ”เสิ่นชิงไล่เธอไปอาบน้ำ เมื่อเธอออกมาก็เตรียมซุปร้อนไว้ให้เธอเพื่อที่ร่างกายจะได้อบอุ่นครั้นเมื่อเฉียวซุนกำลังดื่มซุป เสิ่นชิงก็ถามด้วยความลังเล “เรื่องระหว่างเธอกับลู่เจ๋อเป็นยังไงบ้าง”เฉียวซุนหยุดชะงักนิดหน่อยครั้นแล้วเธอก็ดื่มซุปต่อ พูดด้วยเสียงค่อยๆ ว่า “เขาไม่ยอมหย่าค่ะ! และหนูก็ยังหาคนที่รับทำคดีหย่าร้างชั่วคราวไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามหนูได้ยื่นขอแยกทางแล้ว อาจใช้เวลาถึงสองปี ในตอนนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ยอมแต่ก็ต้องหย่าอยู่ดีค่ะ”ป้าเสิ่นให้เฉียวซุนกินยาโดยไม่พูดอะไร เมื่อดูแผลที่ปลายนิ้วนั่น เสิ่นชิงก็รู้สึกเศร้าใจในตอนนั้น เฉียวซุนเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งของโรงเรียนดนตรี ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงล้วนอยากจะรับเธอ อย่างอัจฉริยะทางดนตรีแซ่เว่ยคนนั้น ในช่วงแรกก็มาทาบทามตั้งหลาย

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 18

    เฉียวซุนรู้สึกว่าสนิทสนมมากเกินไปขณะที่กำลังจะปฏิเสธ เฮ่อจี้ถังก็หยิบกล่องถนอมอาหารตรงที่นั่งผู้โดยสารออกมา “แม่ผมทำเกี๊ยวเองเลยนะ ไส้ขึ้นฉ่ายที่คุณชอบทาน ท่านจึงให้ผมเอามาให้คุณ”เฉียวซุนรู้สึกเกรงใจนิดหน่อย “คุณป้ายังจำได้!”เฮ่อจี้ถังยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาเอียงตัวเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร “ขึ้นรถสิ ผมผ่านทางนั้นพอดี”เฉียวซุนคิดว่าคงไม่ดีแน่หากจะปฏิเสธอีกครั้งเธอขึ้นรถแล้วคาดเข็มขัดนิรภัย “รบกวนคุณแล้วค่ะ”มือทั้งสองข้างของเฮ่อจี้ถังจับพวงมาลัย เอียงตัวหันไปมองเธอที่กำลังกอดกล่องถนอมอาหารด้วยสายตาที่อบอุ่น “ถ้าหิวแล้วก็เปิดทานเถอะ มันกำลังร้อน ๆ อยู่”เฉียวซุนไม่คิดที่จะสนิทสนมมากเกินไป นอกจากนี้แล้วเธอกลัวว่าจะทำรถเขาสกปรก เธอส่ายหน้า “ฉันอยากกลับไปทานที่บ้านค่ะ”เฮ่อจี้ถังไม่บังคับเธอ เขาค่อย ๆ เหยียบคันเร่ง หลังจากนั้นเขาก็พูดด้วยท่าทีสบาย ๆ “กลับบ้านแล้วค่อย ๆ ทานก็ดีเหมือนกัน!”รถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวขับออกไปอย่างช้า ๆห่างออกไปประมาณสิบเมตร ลู่เจ๋อมองไปยังรถที่เคลื่อนออกไป ด้วยสีหน้าอึมครึมราวกับจะมีน้ำสามารถหยดได้เขาหยิบโทรศัพท์มาจากในรถ ต่อสายโทรศัพท์หาใครบางคน ไม่นานเขาก็ได้คำ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 19

    ลู่เจ๋อและเธอเคยใช้ชีวิตสามีภรรยาร่วมกันมานานกว่าสามปีเขารู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้เธอมีอารมณ์ร่วมได้อย่างเร็ว ทำอย่างไรให้เธอสบาย และทําอย่างไรให้เธออ่อนปวกเปียกจนทนไม่ไหวในทางเดินที่มืดและทรุดโทรม ชายหญิงนัวเนียกันอยู่อย่างนั้นพวกเขาได้รับการศึกษาระดับสูงมาตั้งแต่เด็ก โดยที่เฉียวซุนเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดีโดยแท้ ส่วนลู่เจ๋อก็ยิ่งดูพิถีพิถันกับสถานที่และรักความสะอาดเป็นอย่างมากแต่ในเวลานี้ เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วเขาต้องการเห็นเธอในสภาพที่พังทลาย อยากเห็นเธอร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งและไร้เรี่ยวแรง แล้วก็เรียกชื่อของเขาอย่างไม่รู้ตัวออกมา...เฉียวซุนแทบจะเสียสติ“ไม่นะ!ไม่ใช่สักหน่อย!”เสียงของเธอแหบแห้งและสั่นเครือ แต่กลับสามารถทำให้แรงปรารถนาของผู้ชายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีกทุกครั้งที่เธอพยายามดิ้นรนออกมาเพียงเล็กน้อย เธอก็กลับถูกลู่เจ๋อกดเอาไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นก็จะปฏิบัติต่อเธออย่างรุนแรงและหยาบคาย แม้กระทั่งกระซิบไปที่ใบหูของเธอด้วยเสียงพึมพำที่ชั่วร้าย...“รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร?”“ไม่เห็นว่าเขาจะคล้ายกับผมสักเท่าไหร

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 20

    ในตอนที่เฉียวซุนจากไป ขาของเธอก็ไร้เรี่ยวแรงไปอย่างสิ้นเชิงแต่เธอยังคงพยายามอดกลั้นเอาไว้ ไม่อยากให้ลู่เจ๋อมองออก เพราะเกรงจะแย่ไปกว่านี้และในความจริง มันจะมีอะไรอีกล่ะ?มันก็แค่ฉากรักระหว่างชายหญิงเท่านั้น ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ท่าทางที่แย่ๆลู่เจ๋อก็เคยใช้กับเธอมาก่อนแล้วทั้งนั้น และในตอนนี้มันก็แค่เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างก็เท่านั้นเองยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้ทำจริงๆสักหน่อยทางเดินยังคงมืดครึ้ม กลิ่นอายการพัวพันระหว่างชายหญิงก็ยังคลุมเครืออยู่แบบนั้น เฉียวซุนกลั้นหายใจแล้วก้มลงไปหยิบเกี๊ยวทำมือที่ตกอยู่กล่องนั้นและไวโอลินที่ถูกละเลยขึ้นมาเธอลากร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับมาบ้าน ขณะที่กำลังจะเปิดประตู ก็มีเสียงเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นมา“เฉียวซุน!”จู่ๆไฟทางเดินก็สว่างขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าที่แสนจะคุ้นเคย เฉียวซุนก็ได้พึมพำอย่างไม่รู้ตัวออกมาว่า“หลินเซียว”ผ่านไปสักพัก เธอก็ดึงสติกลับมาได้“เธอรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”“ฉันไปโรงพยาบาลมาน่ะ ป้าเสิ่นให้ที่อยู่ฉันมา”หลินเซียวพูดพลางยกคางขึ้น“เพิ่งลงเครื่องก็มาเลย ทำอะไรให้ฉันกินหน่อยสิ ฉันหิวมาเกือบ12ชั่วโมงแล้วนะ อาหารบนเครื่องไม่อร่อยเ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 21

    เฉียวซุนพึมพำออกมา“ฉันรู้!ลู่เจ๋อเป็นคนเชิญมาน่ะ”หลินเซียวตกตะลึง“งั้นชู้รักนั่นก็คือไป๋เซียวเซียวยังงั้นเหรอ?...เฉียวซุนเธอว่าสองคนนั้นทำไมไม่ไปผุดไปเกินสักทีนะ!หากตอนนั้นไม่ใช่เกิดผิดพลาดขึ้นมา เธอก็คงจะไปเรียนต่อกับอาจารย์เว่ยที่ต่างประเทศตั้งนานแล้วนะ แล้วก็คงไม่ต้องมาปรนนิบัติพัดวีลู่เจ๋ออยู่แบบนี้หรอก!”หลินเซียวสูบบุหรี่เพื่อระงับอาการตื่นตระหนกแต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังอดก่นด่าออกมาไม่ได้ว่า“ลู่เจ๋อนี่แผนสูงจริงๆเลยนะ แค่นอนด้วยก็คุ้มขนาดนี้แล้ว!”เธอคิดว่าเฉียวซุนคงจะถอยอย่างแน่นอนแต่เฉียวซุนกลับพูดอย่างเรียบๆออกมาว่า“อาจารย์เว่ยโทรหาฉันแล้ว เขาบอกว่าหวังว่าภายในสี่ปีที่เขากลับประเทศ ฉันจะไปเรียนกับเขาได้”หลินเซียวรู้สึกตื่นเต้นแบบสุดๆ จนต้องดับบุหรี่เลยทีเดียว“หากเธอพลาดโอกาสแบบนี้ไปอีก เฉียวซุน ฉันจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเธอไปแน่ๆ”เฉียวซุนยิ้มเจื่อนๆ“ฉันรู้”ในที่สุดอารมณ์ก็ผ่อนคลายลง หลังจากที่เฉียวซุนเก็บจานชามเรียบร้อยแล้ว เธอก็อาบน้ำและกลับไปที่บนเตียงอีกครั้งโดยที่หลินเซียวได้ผล็อยหลับไปแล้วเฉียวซุนนอนอยู่ข้างๆหลินเซียว และอดไม่ได้ที่จะพิงไหล่ของเธอเอาไว

บทล่าสุด

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 445

    ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 444

    เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 443

    ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 442

    เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 441

    หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 440

    เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 439

    ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 438

    จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 437

    เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status