กระจกรถเลื่อนลงครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าอันสง่างามของลู่เจ๋อเขาสวมชุดสูทคลาสสิกขาวดำ ท่าทางเหมือนเพิ่งออกมาจากสถานที่ที่เป็นทางการจากไหนสักแห่ง ทั้งตัวให้ความรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย......ซึ่งทำให้เฉียวซุนรู้สึกจนตรอกมากยิ่งขึ้นคืนฝนตกที่คั่นการสบตาของกันและกัน มองกันอย่างเงียบ ๆริมฝีปากของเฉียวซุนสั่นเทาจากความหนาวเย็นมือของเธอกอดไวโอลินไว้แน่น ราวกับกำลังคว้าหญ้าที่ลอยน้ำต้นสุดท้ายในชีวิตของเธอไว้...... เธอรู้อยู่แก่ใจว่า นี่เป็นบันไดที่ลู่เจ๋อมอบให้เธอตอนนี้ เธอแค่ต้องยอมจำนนและขึ้นรถไปอีกไม่นานเธอก็จะได้ผ้าห่มที่สะอาดและน้ำอุ่น ๆ พรุ่งนี้เช้าไม่ต้องไปทำการแสดงที่ห้าง เธอจะได้ตื่นขึ้นบนเตียงที่หรูหราและนุ่มสบาย ได้กลับเป็นคุณนายลู่คนนั้นอีกครั้งแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ!เฉียวซุนยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน มองดูเขาอย่างเงียบ ๆฝนตกหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ขนตาเปียกชื้น บดบังการมองเห็นของกันและกันประมาณหนึ่งนาที เธอก็ใช้มือเดียวบังศีรษะไว้ แล้ววิ่งไปข้างหน้าท่ามกลางสายฝน......น้ำฝนสาดกระเซ็น กระเด็นใส่ตัวรถแบรนด์ดังราคาสูงเธอและเขาเลยผ่านกันไปในคืนฝนตกบนถนนกลางดึก เส
เฉียวซุนวิ่งกลับไปที่ห้องเช่าจากที่ห่างไกลออกไป เสิ่นชิงที่กำลังกางร่มรออยู่ใต้ตึกอย่างกระวนกระวายใจเฉียวซุนเดินช้าลง “คุณป้าเสิ่น คุณป้ากลับมาได้อย่างไรคะ”เมื่อถึงบ้านแล้ว เสิ่นชิงหยิบผ้าขนหนูให้เธอเช็ดผม พลางพูดไปด้วยว่า “ป้าไม่ค่อยสบายใจเลยกลับมาดูสักหน่อย ฝนตกหนักขนาดนี้ ทำไมไม่นั่งแท็กซี่ล่ะ”เสิ่นชิงไล่เธอไปอาบน้ำ เมื่อเธอออกมาก็เตรียมซุปร้อนไว้ให้เธอเพื่อที่ร่างกายจะได้อบอุ่นครั้นเมื่อเฉียวซุนกำลังดื่มซุป เสิ่นชิงก็ถามด้วยความลังเล “เรื่องระหว่างเธอกับลู่เจ๋อเป็นยังไงบ้าง”เฉียวซุนหยุดชะงักนิดหน่อยครั้นแล้วเธอก็ดื่มซุปต่อ พูดด้วยเสียงค่อยๆ ว่า “เขาไม่ยอมหย่าค่ะ! และหนูก็ยังหาคนที่รับทำคดีหย่าร้างชั่วคราวไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามหนูได้ยื่นขอแยกทางแล้ว อาจใช้เวลาถึงสองปี ในตอนนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ยอมแต่ก็ต้องหย่าอยู่ดีค่ะ”ป้าเสิ่นให้เฉียวซุนกินยาโดยไม่พูดอะไร เมื่อดูแผลที่ปลายนิ้วนั่น เสิ่นชิงก็รู้สึกเศร้าใจในตอนนั้น เฉียวซุนเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งของโรงเรียนดนตรี ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงล้วนอยากจะรับเธอ อย่างอัจฉริยะทางดนตรีแซ่เว่ยคนนั้น ในช่วงแรกก็มาทาบทามตั้งหลาย
เฉียวซุนรู้สึกว่าสนิทสนมมากเกินไปขณะที่กำลังจะปฏิเสธ เฮ่อจี้ถังก็หยิบกล่องถนอมอาหารตรงที่นั่งผู้โดยสารออกมา “แม่ผมทำเกี๊ยวเองเลยนะ ไส้ขึ้นฉ่ายที่คุณชอบทาน ท่านจึงให้ผมเอามาให้คุณ”เฉียวซุนรู้สึกเกรงใจนิดหน่อย “คุณป้ายังจำได้!”เฮ่อจี้ถังยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาเอียงตัวเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร “ขึ้นรถสิ ผมผ่านทางนั้นพอดี”เฉียวซุนคิดว่าคงไม่ดีแน่หากจะปฏิเสธอีกครั้งเธอขึ้นรถแล้วคาดเข็มขัดนิรภัย “รบกวนคุณแล้วค่ะ”มือทั้งสองข้างของเฮ่อจี้ถังจับพวงมาลัย เอียงตัวหันไปมองเธอที่กำลังกอดกล่องถนอมอาหารด้วยสายตาที่อบอุ่น “ถ้าหิวแล้วก็เปิดทานเถอะ มันกำลังร้อน ๆ อยู่”เฉียวซุนไม่คิดที่จะสนิทสนมมากเกินไป นอกจากนี้แล้วเธอกลัวว่าจะทำรถเขาสกปรก เธอส่ายหน้า “ฉันอยากกลับไปทานที่บ้านค่ะ”เฮ่อจี้ถังไม่บังคับเธอ เขาค่อย ๆ เหยียบคันเร่ง หลังจากนั้นเขาก็พูดด้วยท่าทีสบาย ๆ “กลับบ้านแล้วค่อย ๆ ทานก็ดีเหมือนกัน!”รถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวขับออกไปอย่างช้า ๆห่างออกไปประมาณสิบเมตร ลู่เจ๋อมองไปยังรถที่เคลื่อนออกไป ด้วยสีหน้าอึมครึมราวกับจะมีน้ำสามารถหยดได้เขาหยิบโทรศัพท์มาจากในรถ ต่อสายโทรศัพท์หาใครบางคน ไม่นานเขาก็ได้คำ
ลู่เจ๋อและเธอเคยใช้ชีวิตสามีภรรยาร่วมกันมานานกว่าสามปีเขารู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้เธอมีอารมณ์ร่วมได้อย่างเร็ว ทำอย่างไรให้เธอสบาย และทําอย่างไรให้เธออ่อนปวกเปียกจนทนไม่ไหวในทางเดินที่มืดและทรุดโทรม ชายหญิงนัวเนียกันอยู่อย่างนั้นพวกเขาได้รับการศึกษาระดับสูงมาตั้งแต่เด็ก โดยที่เฉียวซุนเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดีโดยแท้ ส่วนลู่เจ๋อก็ยิ่งดูพิถีพิถันกับสถานที่และรักความสะอาดเป็นอย่างมากแต่ในเวลานี้ เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วเขาต้องการเห็นเธอในสภาพที่พังทลาย อยากเห็นเธอร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งและไร้เรี่ยวแรง แล้วก็เรียกชื่อของเขาอย่างไม่รู้ตัวออกมา...เฉียวซุนแทบจะเสียสติ“ไม่นะ!ไม่ใช่สักหน่อย!”เสียงของเธอแหบแห้งและสั่นเครือ แต่กลับสามารถทำให้แรงปรารถนาของผู้ชายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีกทุกครั้งที่เธอพยายามดิ้นรนออกมาเพียงเล็กน้อย เธอก็กลับถูกลู่เจ๋อกดเอาไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นก็จะปฏิบัติต่อเธออย่างรุนแรงและหยาบคาย แม้กระทั่งกระซิบไปที่ใบหูของเธอด้วยเสียงพึมพำที่ชั่วร้าย...“รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร?”“ไม่เห็นว่าเขาจะคล้ายกับผมสักเท่าไหร
ในตอนที่เฉียวซุนจากไป ขาของเธอก็ไร้เรี่ยวแรงไปอย่างสิ้นเชิงแต่เธอยังคงพยายามอดกลั้นเอาไว้ ไม่อยากให้ลู่เจ๋อมองออก เพราะเกรงจะแย่ไปกว่านี้และในความจริง มันจะมีอะไรอีกล่ะ?มันก็แค่ฉากรักระหว่างชายหญิงเท่านั้น ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ท่าทางที่แย่ๆลู่เจ๋อก็เคยใช้กับเธอมาก่อนแล้วทั้งนั้น และในตอนนี้มันก็แค่เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างก็เท่านั้นเองยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้ทำจริงๆสักหน่อยทางเดินยังคงมืดครึ้ม กลิ่นอายการพัวพันระหว่างชายหญิงก็ยังคลุมเครืออยู่แบบนั้น เฉียวซุนกลั้นหายใจแล้วก้มลงไปหยิบเกี๊ยวทำมือที่ตกอยู่กล่องนั้นและไวโอลินที่ถูกละเลยขึ้นมาเธอลากร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับมาบ้าน ขณะที่กำลังจะเปิดประตู ก็มีเสียงเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นมา“เฉียวซุน!”จู่ๆไฟทางเดินก็สว่างขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าที่แสนจะคุ้นเคย เฉียวซุนก็ได้พึมพำอย่างไม่รู้ตัวออกมาว่า“หลินเซียว”ผ่านไปสักพัก เธอก็ดึงสติกลับมาได้“เธอรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”“ฉันไปโรงพยาบาลมาน่ะ ป้าเสิ่นให้ที่อยู่ฉันมา”หลินเซียวพูดพลางยกคางขึ้น“เพิ่งลงเครื่องก็มาเลย ทำอะไรให้ฉันกินหน่อยสิ ฉันหิวมาเกือบ12ชั่วโมงแล้วนะ อาหารบนเครื่องไม่อร่อยเ
เฉียวซุนพึมพำออกมา“ฉันรู้!ลู่เจ๋อเป็นคนเชิญมาน่ะ”หลินเซียวตกตะลึง“งั้นชู้รักนั่นก็คือไป๋เซียวเซียวยังงั้นเหรอ?...เฉียวซุนเธอว่าสองคนนั้นทำไมไม่ไปผุดไปเกินสักทีนะ!หากตอนนั้นไม่ใช่เกิดผิดพลาดขึ้นมา เธอก็คงจะไปเรียนต่อกับอาจารย์เว่ยที่ต่างประเทศตั้งนานแล้วนะ แล้วก็คงไม่ต้องมาปรนนิบัติพัดวีลู่เจ๋ออยู่แบบนี้หรอก!”หลินเซียวสูบบุหรี่เพื่อระงับอาการตื่นตระหนกแต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังอดก่นด่าออกมาไม่ได้ว่า“ลู่เจ๋อนี่แผนสูงจริงๆเลยนะ แค่นอนด้วยก็คุ้มขนาดนี้แล้ว!”เธอคิดว่าเฉียวซุนคงจะถอยอย่างแน่นอนแต่เฉียวซุนกลับพูดอย่างเรียบๆออกมาว่า“อาจารย์เว่ยโทรหาฉันแล้ว เขาบอกว่าหวังว่าภายในสี่ปีที่เขากลับประเทศ ฉันจะไปเรียนกับเขาได้”หลินเซียวรู้สึกตื่นเต้นแบบสุดๆ จนต้องดับบุหรี่เลยทีเดียว“หากเธอพลาดโอกาสแบบนี้ไปอีก เฉียวซุน ฉันจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเธอไปแน่ๆ”เฉียวซุนยิ้มเจื่อนๆ“ฉันรู้”ในที่สุดอารมณ์ก็ผ่อนคลายลง หลังจากที่เฉียวซุนเก็บจานชามเรียบร้อยแล้ว เธอก็อาบน้ำและกลับไปที่บนเตียงอีกครั้งโดยที่หลินเซียวได้ผล็อยหลับไปแล้วเฉียวซุนนอนอยู่ข้างๆหลินเซียว และอดไม่ได้ที่จะพิงไหล่ของเธอเอาไว
ลู่ซื่อกรุ๊ปเลขาฉินเคาะประตู หลังจากได้รับการอนุญาตแล้ว เธอก็ผลักประตูเข้าไปลู่เจ๋อกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ โดยที่ปลายสายเป็นคุณนายลู่ และเนื้อหาการสนทนานั้นก็เป็นเรื่องที่เลขาฉินกำลังจะรายงานกับลู่เจ๋ออยู่พอดี[ลู่เจ๋อ ลูกปล่อยให้เฉียวซุนออกหน้าออกตาแบบนี้ได้ยังไง?][ลู่จิ้นเซิงเป็นใครกัน?][แล้วยังจะคนที่ชื่อหลินเซียวนั่นอีก ชื่อเสียงแย่ขนาดนั้น เฉียวซุนจะไปมาหาสู่กับเธอไม่ได้อย่างเด็ดขาด!ลู่เจ๋อ ลูกต้องคอยดูภรรยาของตัวเองหน่อยนะ]......และน้ำเสียงของลู่เจ๋อก็แฝงความเฉยเมยอยู่เล็กน้อย“แม่ครับ เฉียวซุนกำลังอาละวาดอยากจะหย่ากับผมอยู่นะครับ!แล้วจะคอยดูได้ยังไง?”คุณนายลู่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของตระกูลลู่เป็นอย่างมากเธอพูดพร่ำอยู่นานโดยลูกชายไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย และเธอก็วางสายไปอย่างโกรธลู่เจ๋อวางโทรศัพท์ลง มองไปทางเลขาฉินแล้วพูดว่า“เฉียวซุนไปทำงานที่ลู่จิ้นเซิงงั้นเหรอ?”และเลขาฉินต่างหากล่ะที่อยากจะพูดจู่ๆเธอก็เห็นกล่องกำมะหยี่วางอยู่ข้างมือของลู่เจ๋อ เธอจำกล่องนั้นได้ และภายในเป็นแหวนแต่งงานของเฉียวซุนนั่นเอง ซึ่งหากเมื่อวางอยู่ข้างๆมือแบบนี้ คาดว่าเขาจะต้องเปิดออกมา
เขาตั้งใจที่จะทำให้เฉียวซุนลำบากใจ จึงหันข้างมายิ้มๆ แล้วพูดด้วยความหมายหยั่งเชิงเล็กน้อยขึ้นมาว่า“ลู่เจ๋อ เฉียวซุนก็อยู่ด้วยหรือเนี่ย!”ลู่เจ๋อเล่นไฟแช็กโดยไม่พูดอะไรสักคําและหลีรุ่ยก็แน่ใจแล้วว่า ลู่เจ๋อไม่ได้สนใจเฉียวซุนแต่อย่างใด เขาจึงหันไปทักทายเฉียวซุนที่อยู่บนเวที“เฉียวซุน!”เฉียวซุนหันมามองเธอรู้ว่าหลีรุ่ยไม่มีเจตนาดี แต่ลู่จิ้นเซิงก็อยู่ที่นั่นด้วย เธอจำเป็นต้องไว้หน้าลู่จิ้นเซิงอย่างไม่มีทางเลือกเมื่อเฉียวซุนเดินเข้ามา หลีรุ่ยก็รินไวน์แดงสามแก้วให้กับเธอและหลีรุ่ยก็พูดอย่างสุภาพขึ้นมาว่า“เฉียวซุน คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอคุณที่นี่ได้?ตอนนั้นที่คุณกับลู่เจ๋อแต่งงานกัน ชิงเฉิงไม่รู้ประสา เลยนิสัยเสียอาละวาดออกไปแบบนั้น วันนี้ผมจะขอชดเชยแทนเธอก็แล้วกันนะ!”หลีรุ่ยมีงานสังสรรค์ในบ่อยครั้ง และคงไม่ต้องพูดถึงว่าเขาดื่มเก่งแค่ไหน?และเขาก็กระดกไวน์แดงทั้งสามแก้วราวกับน้ำเปล่าหลังจากดื่มเสร็จ เขาก็จ้องมาที่เฉียวซุนตรงๆ“เฉียวซุน คุณนายลู่อย่างคุณคงไม่ดูถูกผมและไม่ไว้หน้าผมหรอกใช่มั้ย?”ขณะที่ลู่จิ้นเซิงนั่งอยู่ เขาก็ใช้นิ้วเรียวยาวหนึ่งนิ้วดันคางเอาไว้ด้วยเดิมที เฉียวซ
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว