Share

บทที่ 5

Author: เฟเธอร์ในลมอ่อน
เขามีลูกศรอยู่บนสายธนู จำเป็นต้องยิงมันออกไป

ยิ่งไปกว่านั้น เฉียวซุนที่อยู่ใต้ร่างของเขานุ่มนวลแถมกลิ่นตัวหอมละมุน แม้ว่าลู่เจ๋อจะไม่ได้รักเธอ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเขาชอบร่างกายนี้

เขาพูดได้อย่างเต็มปาก และกำลังจะเข้าครอบครองเธอ

เฉียวซุนจับไหล่ของเขาไว้แน่น แล้วพูดด้วยลมหายใจที่ไม่สมดุลว่า “ลู่เจ๋อ ช่วงนี้ฉันไม่ได้กินยาเลย เดี๋ยวฉันท้องนะ”

เมื่อได้ยินดังนี้ ลู่เจ๋อก็หยุดชะงัก

ไม่ว่าเขาต้องการมันมากแค่ไหน ก็ไม่เคยขาดสติสัมปชัญญะ ระหว่างที่แต่งงานกับเฉียวซุนเขาไม่ต้องการที่จะมีลูก อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะมีลูก

จากนั้นไม่นาน เขาก็หัวเราะเยาะเย้ยว่า “ดูเหมือนว่าช่วงนี้คุณจะคิดเยอะนะ!"

การต่อต้านของเธอไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย ลู่เจ๋อเอามือข้างหนึ่งวางไว้ข้างกายเธอ แล้วเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงด้วยมืออีกข้างแล้วเอากล่องเล็ก ๆ ที่ยังไม่ได้เปิดออกมา ข้างบนมีอักษรภาษาอังกฤษอยู่สามตัว

ขณะที่กำลังแกะออก โทรศัพท์ก็ดังขึ้น!

ลู่เจ๋อไม่สนใจ เขาหยิบสิ่งเล็กๆด้วยมือเดียว แล้วก้มลงจูบเฉียวซุน เฉียวซุนไม่ยอมขยับศีรษะเพื่อหนีจากเขา... เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุด ลู่เจ๋อก็หยิบขึ้นมารับสายอย่างไม่พอใจ

อีกฝ่ายคือคุณหญิงลู่แม่ของเขา

คุณหญิงลู่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “ลู่เจ๋อ คุณย่าของลูกไม่สบาย กลับมาเยี่ยมคุณย่าหน่อย! ใช่แล้ว พาเธอมาด้วยนะ คุณย่าของลูกบอกว่าอยากกินเค้กผงรากบัวที่เธอทำ”

ไม่ว่าคนจะแก่หรือเด็ก คุณหญิงลู่ล้วนไม่ชอบ ดังนั้นเธอจึงมีบุคลิกที่เย็นชา

ลู่เจ๋อกดร่างของเฉียวซุนด้วยมือข้างหนึ่ง นัยน์ตาสีดำเข้มมองมาที่เธอ... เหมือนเขาจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดผ่านทางโทรศัพท์ว่า “เดี๋ยวผมจะพาเธอไปนะครับ”

หลังจากที่วางสาย เขาก็ลุกขึ้นแต่งตัว “คุณย่าไม่สบาย อยากเจอคุณ... ถ้าคุณจะอยากทะเลาะก็รอให้กลับมาก่อนค่อยว่ากัน”

เฉียวซุนหมดแรงทรุดตัวลงบนเตียง จากนั้นไม่นาน เธอก็ลุกขึ้นไปแต่งตัวอย่างเงียบ ๆ

หลังจากที่ลู่เจ๋อรูดซิปกางเกงขึ้น เขาก็เหลือบมองแผ่นหลังเรียวยาวของเฉียวซุน และกล่องดูเร็กซ์ที่ไม่ได้เปิดอยู่ข้างหัวเตียง จากนั้นก็เม้มริมฝีปากบางๆ แล้วออกไปก่อน

ตอนที่เฉียวซุนลงไปชั้นล่าง ลู่เจ๋อกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ในรถ

ในเวลานี้เหลือเพียงแสงอำไพสุดท้ายที่อยู่บนท้องฟ้า และแสงนั้นก็มืดสลัวลง

เฉียวซุนสวมเสื้อไหมสีขาว แมตช์คู่กับกระโปรงยาวสีดำที่เป็นผ้าชนิดเดียวกัน ซึ่งยาวถึงข้อเท้า เผยให้เห็นขาอันเรียวขาวดั่งหิมะ นวลใสของเธอ

เธออยากจะนั่งเบาะหลัง แต่ลู่เจ๋อกลับเปิดประตูตรงที่นั่งข้างคนขับ “ขึ้นรถ”

เฉียวซุนไม่มีทางเลือก จึงขึ้นรถอย่างเงียบๆ

เบนท์ลีย์สีดำค่อยๆขับออกจากประตูวิลล่า ลู่เจ๋อใช้มือข้างเดียวถือพวงมาลัย โฟกัสไปที่ถนน ตอนที่เขามองกระจกหลังก็เหลือบมองดูเฉียวซุนบ้าง

แต่งงานกันมาสามปี เฉียวซุนแทบจะไม่ได้นั่งรถของเขาเลย ตอนนี้ต้องการหย่าจึงไม่อยากพูดเป็นธรรมดา

ทั้งคู่เงียบขรึม

ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็ขับเข้าไปในวิลล่ากลางภูเขา เมื่อประตูแกะสลักสีดำเปิดออก ไฟทั่วทั้งวิลล่าก็สว่างไสว ราวกับแสงในตอนกลางวัน

หยุดรถแล้วดับเครื่อง ลู่เจ๋อหันข้างมองไปที่เฉียวซุน “คุณย่าสุขภาพไม่ค่อยดี ทนต่อสิ่งเร้าไม่ได้ คุณรู้ว่าควรจะพูดอะไร”

เฉียวซุนเปิดประตูรถ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณวางใจเถอะ”

ลู่เจ๋อจ้องมองไปที่ด้านหลังของเธอสักพัก ลงจากรถเดินเร็วไปสักสองสามก้าว แล้วคว้ามือของเฉียวซุนเอาไว้ เขาสัมผัสได้ถึงการต่อต้านของเธอ จากนั้นเขาก็บีบมือของเธอเอาไว้แน่น “อย่าลืมสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป”

เฉียวซุนงอนิ้วมือเล็กน้อย แต่ก็ดึงไม่ออก

ในห้องโถง คุณหญิงลู่กำลังรอพวกเขาอยู่ เมื่อเธอเห็นพวกเขาจับมือกันเข้ามาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็พูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “คุณหมอห่าวเพิ่งจะออกไป พวกเธอเข้าไปเยี่ยมได้เลยนะ”

พูดจบ เธอก็มองไปที่เฉียวซุน

เฉียวซุนเรียกเธอว่าคุณแม่ ผ่านไปนานสองนาน คุณหญิงลู่ถึงตอบรับอย่างไม่พึงใจ

โดยปกติแล้วเฉียวซุนจะต้องโศกเศร้าผิดหวัง แต่ตอนนี้แม้แต่ลู่เจ๋อเธอไม่แคร์ไม่สนแล้ว แล้วทำไมยังจะต้องแคร์เรื่องนี้อีก... เสียงของลู่เจ๋อก็ดังอยู่ข้างหู “พวกเราไปเยี่ยมคุณย่ากันเถอะ”

เมื่อเข้าไปในห้องนอน ปรากฏว่าท่านผู้เฒ่าหญิงไม่สบายจริงๆ เอนกายทำเสียงฮึดฮัดอยู่ข้างเตียง... เมื่อเห็นลู่เจ๋อพาเฉียวซุนมานัยน์ตาแก่ชราของเธอก็สุกสว่างขึ้นมาทันที “รออย่างใจจดใจจ่อมานานแล้ว ในที่สุดก็พาเสี่ยวซุนมาสักที”

ลู่เจ๋อผลักเธอไปข้างหน้า

เขาโน้มตัวไปข้างหน้าและกระซิบข้างหูท่านผู้เฒ่าหญิงว่า “ผมรู้ว่าคุณย่าไม่สบาย ก็เลยพาเธอมาหาคุณย่าครับ”

ท่านผู้เฒ่าหญิงยิ้มตาหยี

แต่เธอแสร้งทำเป็นได้ยินไม่ชัด จึงยื่นหูออกไปแล้วถามอย่างเสียงดังว่า “อะไรนะ? หลานกับเสี่ยวซุนกำลังจะมีลูกหรือ?... ลู่เจ๋อ การมีลูกสำคัญมาก ย่าอายุมากแล้วไม่เป็นไรหรอก”

Related chapters

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 6

    แม้จะรู้ท่านผู้เฒ่าหญิงจงใจ แต่ลู่เจ๋อก็ยังคงชำเลืองมองเฉียวซุนแต่เฉียวซุนกลับไม่สวีทเป็นเพื่อนเขาเธอคุยกับท่านผู้เฒ่าหญิงอยู่พักหนึ่ง แล้วลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวหนูจะทำเค้กผงรากบัวให้นะคะ"เธอจากไป รอยยิ้มของหญิงชราลดน้อยลง แล้วโน้มตัวกลับไปพิงด้านหลัง“ลู่เจ๋อ เรื่องของไป๋เซียวเซียวนี่มันยังไงกัน? แค่ดูแลเธอตามปกติก็พอแล้ว ทำไมต้องจุดพลุดอกไม้ไฟอะไรด้วยล่ะ? ระวังภรรยาจะหึงแล้วชวนทะเลาะเอาไว้นะ”“ ต้องเอาใจใส่ครอบครัวของเสี่ยวซุนให้มากขึ้น อย่าทำราวกับว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองแบบนี้”“ถ้ายังเย็นชาแบบนี้ต่อไป ระวังเธอจะหนีไปได้นะ”……ลู่เจ๋อพูดตอบรับเพียงไม่กี่คำ และไม่ได้อธิบายเรื่องพลุดอกไม้ไฟ บางทีอาจเป็นฝีมือของเลขาฉินก็ได้!หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน เฉียวซุนทำขนมเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาลู่เจ๋อเห็นว่า แม้เธอจะทำงานบ้านแต่เสื้อผ้าบนตัวของเฉียวซุนก็ยังคงเรียบเนียน ทั้งตัวดูงามสง่า เฉกเช่นสตรีผู้สูงศักดิ์อาจจะมีบางเวลาที่ทำให้เขารู้สึกเบื่อท่านผู้เฒ่าลู่กลับชอบมาก เธอหยิบขนมมาชิมแล้วพูดประเด็นสำคัญว่า “ลู่เจ๋ออีกสองปีก็จะอายุครบ30ปีแล้ว เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 7

    เฉียวซุนใช้มือจับประตูรถไว้แล้วค่อย ๆ ปล่อยลงบรรยากาศภายในรถอึดอัดมากขึ้นลู่เจ๋อที่กลับมาจากต่างจังหวัดก็ต้องวิ่งไปที่บ้านตระกูลลู่อีกครั้ง ที่จริงแล้วก็รู้สึกเพลียอยู่นิดหน่อย เขาวางมือข้างหนึ่งบนพวงมาลัยแล้วลูบหัวคิ้ว น้ำเสียงเจือความหงุดหงิด “คุณคิดจะสร้างความวุ่นวายไปจนถึงเมื่อไหร่ ?”จนถึงตอนนี้ เขาคิดว่าเธอกำลังสร้างความวุ่นวายอยู่ดีเฉียวซุนรู้สึกเย็นวาบกลางอก เธอนั่งตัวตรงมองไปทางหน้ารถ สักพักเธอก็เอ่ยเบา ๆ ว่า “ลู่เจ๋อ ฉันจริงจัง! ฉันไม่อยากอยู่กับคุณแล้ว”ลู่เจ๋อหันไปมองเธอทันทีเขาหน้าตาดี สัดส่วนใบหน้าสามมิติ เฉียวซุนเคยหลงใหลใบหน้านี้มาก แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกแล้ว ไม่เลยสักนิด......ดวงตาดำขลับของลู่เจ๋อจ้องมองเธอ โดยที่มือข้างหนึ่งปลดเข็มขัดนิรภัย “ลงรถ!”เขาเอ่ยเสียงเบาและปลดล็อกรถเฉียวซุนลงจากรถทันที เดินไปที่ทางเข้าวิลล่า……. หลังตั้งตรงของเธอภายในแสงสลัว แน่วแน่พอ ๆ กับการตัดสินใจหย่าของเธอลู่เจ๋อดึงบุหรี่ออกมาสูบแล้วถึงจะลงจากรถ เดินตามขึ้นไปชั้นบนพวกเขาแยกทางกันโดยไม่สบอารมณ์คืนนั้น เฉียวซุนนอนที่ห้องพักรับรอง ในใจลู่เจ๋อก็โกรธเกินกว่าที่จะง้อเธอ....

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 8

    เฉียวซุนค่อย ๆ บิดถ้วยเก็บความร้อนหลังจากบิดแน่นแล้ว เธอก็ก้มหน้าแล้วพูดเบาๆว่า “ต้องมีสักทาง! เงินที่ขายแหวนแต่งงานก็พอสำหรับค่ารักษาพยาบาลของพ่ออีกตั้งครึ่งปี ค่าทนายของพี่...... หนูวางแผนว่าจะขายบ้านหลังนี้แล้วจากนั้นหนูก็จะออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวด้วยค่ะ”พูดจบ แววตาของเฉียวซุนก็ชื้นขึ้นบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่แม่เธอทิ้งไว้ให้ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะลำบากยากแค้นแค่ไหนก็ไม่เคยแตะต้องมันเสิ่นชิงตะลึงเธอไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด แต่ภายในใจยังคงไม่เห็นด้วยเสมอเฉียวซุนจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ไปโรงพยาบาลหลังการรักษาอาการป่วยของเฉียวต้าซวินโดยทั่วไปก็ค่อนข้างคงที่แล้ว แต่อารมณ์ค่อนข้างดำดิ่งอยู่บ้าง คอยแต่คิดถึงอนาคตที่เหลือของลูกชายคนโตอย่างเฉียวสือเยี่ยนในเวลานี้เฉียวซุนไม่ได้พูดถึงเรื่องหย่าช่วงบ่ายคุณหมอเจ้าของไข้แวะมาตรวจที่วอร์ดเฮ่อจี้ถัง ปริญญาเอกแพทยศาสตร์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมสมองตั้งแต่อายุยังน้อย แถมเขายังหน้าตาดี ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้า และเป็นคนสุขุมใจเย็นอีกด้วยหลังจากตรวจอาการเสร็จ เขาก็เหลือบมองไปที่เฉียวซุน “ออกไปคุยกันหน่อยนะครับ”เ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 9

    เฉียวซุนรู้สึกหมดความอดทน “ลู่เจ๋อ นี่โรงพยาบาลนะ!”“ฉันรู้อยู่แล้ว”หลู่เจ๋อไม่ไหวติง เขากดแนบร่างของเธอไว้ ใบหน้าอันหล่อเหลาก็แทบจะแนบกับข้างหูเธอ เสียงยิ่งเจือความอันตรายมากขึ้นเล็กน้อย “รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร?”เฉียวซุนเดาความคิดที่ซ่อนอยู่ของเขาได้เขาเป็นประธานบริษัทลู่ซื่อกรุ๊ป มีฐานะและตำแหน่ง เขาไม่อนุญาตให้ภรรยาเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นมากเกินไปเฉียวซุนยิ้มอย่างกล้ำกลืนฝืนทนเธอเอ่ยว่า “ลู่เจ๋อ ฉันไม่ได้มีความคิดสกปรก ๆ แบบคุณนะ และฉันก็ไม่มีอารมณ์แบบนั้นเหมือนกัน...... คุณไม่ต้องห่วง ก่อนที่เราจะหย่ากัน ฉันจะไม่เล่นชู้หรอกน่า”พูดจบ เธอก็ผลักเขาออก หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยลู่เจ๋อตามไปผลักประตูแล้วเข้าไปพอเขาเข้าไปก็ถึงกับขมวดคิ้ว ปรากฏว่าไม่ใช่ห้องเดี่ยวเสิ่นชิงย้ายเก้าอี้ให้เขาและกระซิบเบา ๆ ว่า “รีบนั่งเร็ว! เดี๋ยวป้าให้เฉียวซุนไปปอกผลไม้ให้คุณนะ......นี่ เฉียวซุนอย่ามัวยื่นบื้อสิ! เดี๋ยวแกก็กลับไปกับลู่เจ๋อเลยนะ พ่อของแกอยู่ตรงนี้มีฉันดูแลอยู่ทั้งคน!”ลู่เจ๋อนั่งลงและพูดคุยเป็นเพื่อนกับเฉียวต้าซวินโดยปกติเขาจะทำตัวเย็นชากับเฉียวซุน แต่ต่อหน้าเฉียวต

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 10

    ยากที่เขาจะใจกว้างให้อภัย แต่เฉียวซุนกลับปฏิเสธเธองอนิ้วที่ขาวบางเล็กน้อยความอดทนของลู่เจ๋อมีขีดจำกัด “คุณจะเอายังไงกันแน่?”เฉียวซุนพึมพำเบา ๆ ว่า “หย่า! ฉันอยากหย่ากับคุณ”ลู่เจ๋อยุ่งจนตัวเป็นเกลียว เฉียวซุนทะเลาะกับเขาจะไม่ยอมกลับบ้านให้ได้ เมื่อเช้าตรู่เขาอยากจะหากระดุมแขนเสื้อที่คู่กันก็หาไม่เจอ รู้สึกไม่มีความสุขเอาเสียเลย ในขณะที่กำลังจะโมโหก็กลับเห็นเฮ่อจี้ถังกำลังพูดคุยกับนางพยาบาลอยู่หน้ารถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวคันหนึ่งที่ลานจอดรถด้านหน้าลู่เจ๋อยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้น เอาลิ้นดุนโพรงปากในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เป็นเลขาฉินที่โทรมา ลู่เจ๋อรับสายและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก “มีอะไร?”เลขาฉินรีบบอกเขาตามหน้าที่ “เมื่อครู่คุณไป๋ลุกจากเตียง ไม่ทันระวังก็เลยหกล้มค่ะ อาจได้รับบาดเจ็บที่เส้นประสาทบริเวณขา ตอนนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร ประธานลู่คุณอยากจะไปดูเธอที่เมือง H ไหมคะ? ถ้าคุณไปเธอจะต้องดีใจมากแน่เลยค่ะ”ลู่เจ๋อถือโทรศัพท์ไว้ ไม่พูดในทันที เห็นได้ชัดว่ารู้สึกพะว้าพะวังเฉียวซุนที่อยู่ข้าง ๆ อยู่เล็กน้อยระดับเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาไม่เบา และเฉียวซุน

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 11

    สองวันต่อมา เฉียวซุนก็ขายบ้านไปแล้วบ้านมีราคาตลาดอยู่ที่สองร้อยห้าสิบล้านบาท แต่อีกฝ่ายกดราคาจนเหลือร้อยสี่สิบล้านบาท และป้าเสิ่นก็ด่าตวาดอีกฝ่ายว่าโลภออกมาทันทีแต่เฉียวซุนกลับกัดฟันพูดออกมาว่า “ขายค่ะ!”เพราะพี่ชายที่อยู่ข้างในนั้นก็รอไม่ไหวแล้ว นอกจากค่าทนาย ตระกูลเฉียวยังมีภาระขนาดมหึมาที่ต้องไปอุด ภายใต้แรงกดดันในแต่รูปแบบ เฉียวซุนไม่มีทางเลือกเลยหลังจากขายบ้านเสร็จสิ้น เธอคิดหาวิธีที่จะเจอกับเฉียวสือเยี่ยนเฉียวสือเยี่ยนผู้มีโฉมหน้าหล่อเหลาและมีเกียรติ ไม่ว่าจะไปทางไหนก็จะมีลูกสาวเศรษฐีไล่จีบ ในเวลานี้กลับดูซีดเซียว โดยที่เขาและเฉียวซุนคุยกันผ่านกระจกหนึ่งบานที่กั้นเอาไว้[ไปหาทนายความที่ชื่อเมิ่งเยียนหุย][เสี่ยวซุน เขาช่วยพี่ได้และช่วยเธอได้ด้วย]……เฉียวซุนอยากจะถามให้ชัดเจนแต่หมดเวลาเสียแล้ว และเฉียวสือเยี่ยนก็ต้องถูกพาตัวกลับไปเขามองดูน้องสาว ทิ้งสายตาอาลัยอาวรณ์ไว้มากมาย เฉียวซุนน้องสาวของเขา ตั้งแต่เด็กก็เป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในตระกูลเฉียว ตอนนี้กลับต้องมาวิ่งเต้นเพื่อครอบครัวเฉียวสือเยี่ยนอ่านหนังสือพิมพ์สถานการณ์ของเฉียวซุน เขารู้อย่างชัดเจนก่อนจากไ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 12

    ไม่ทันที่เฉียวซุนจะโต้ตอบ เขาก็เข้าประชิดเธอเรียบร้อยแล้ว เขาจับคางผิวละเอียดของเธอ แนบใบหูของเธอแล้วถามอย่างอันตรายว่า “คุณจะขายงั้นเหรอ?"ร่างของเฉียวซุนสั่นสะท้านไปทั้งตัวเธอไม่ปฏิเสธลู่เจ๋อไม่โกรธแต่กลับยิ้มให้แทน เขาประชิดตัวเธอ พึมพำเหมือนคนรักกัน “คุณจะขายให้ใครได้ ในเมือง B แห่งนี้คุณได้ชื่อว่าเป็นคุณนายลู่ ใครหน้าไหนมันจะกล้ามาเอาคุณ? อีกอย่างคนอื่นมาแตะต้องตัวคุณ คุณจะรับได้เหรอไง? ผู้ชายซื้อผู้หญิงก็อยากได้ทั้งนั้น เหมือนคืนแต่งงานของเราในคืนนั้น มันเจ็บยังไง......คุณลืมไปแล้วเหรอ?”สีหน้าเฉียวซุนซีดเซียวทำไมเธอจะจำไม่ได้ เพื่อแก้แค้นเธอ ในคืนแต่งงานนั่นลู่เจ๋อหยาบคายสุด ๆ คืนนั้น เขาทำให้เฉียวซุนเจ็บแทบจะขาดใจตายลู่เจ๋อหยุดอย่างพอประมาณเขาปล่อยเธอแล้วลูบใบหน้ารูปไข่เธออย่างนุ่มนวล “กลับมาเป็นคุณนายลู่ เราจะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน”คอเรียวบอบบางของเฉียวซุนตึงขึ้นทันใดนั้น เธอก็เห็นไวโอลินตัวใหม่ที่เงาวับตัวหนึ่งวางอยู่ในตู้หนังสือฝั่งตรงข้ามเฉียวซุนจำข่าวซุบซิบที่ว่า ท่านประธานลู่ซื่อทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อไวโอลินที่ราคาสูงลิ่วถึงหนึ่งร้อยล้านบาท เพียงเพ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 13

    สภาพของเฉียวซุนดูแทบจะไม่ได้แต่ลู่เจ๋อกลับยังคงแต่งตัวดูดี มีเพียงกางเกงสแล็คขายาวสีเข้มที่เปื้อนความชื้นเล็กน้อยแสดงออกถึงการเสพสุขที่หวานซึ้งอยู่หลายส่วนมือของเฉียวซุนสั่นอย่างไม่เข้าท่า หลายครั้งที่เธอไม่สามารถควบคุมปุ่มที่งดงามและละเอียดอ่อนขนาดเท่าเมล็ดข้าวนั่นได้ลู่เจ๋อยืนมองด้วยสายตาเหยียดอยู่ข้าง ๆ ไม่แสดงการช่วยเหลือใด ๆเขาชอบสัมผัสกระดุมข้อมือจนเป็นนิสัย แต่กลับไม่ได้สัมผัสมัน ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้กระดุมข้อมือคู่นั้น เขายังหาไม่เจอ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะก้มหน้าถามในเวลานี้เป็นเวลานาน ในที่สุดเฉียวซุนก็แต่งตัวเรียบร้อยเธอเงยหน้ามองลู่เจ๋อ ลู่เจ๋อกำลังมองเธออยู่เช่นกัน สายตาที่ล้ำลึกเกินกว่าที่จะทำให้เธอเข้าใจ แต่เฉียวซุนก็ไม่อยากที่จะเข้าใจด้วย น้ำเสียงของเธอเจือความท้อแท้เล็กน้อย “ลู่เจ๋อ ฉันเหนื่อยจริง ๆ นะ! เราเจอกันด้วยดีก็ขอให้จากกันด้วยดีเถอะ!”พูดจบ เธอก็เปิดประตูแล้วเดินออกไปครั้งนี้ ลู่เจ๋อไม่ได้รั้งเธอไว้เขายืนอยู่ตรงนั้น มองดูร่างที่จากไปของเฉียวซุน เป็นเวลานาน เขาหลับตาลงและยิ้มเย็นชาบาง ๆสามีภรรยาหย่ากัน ส่วนใหญ่ต่างคนต่างก็ต้องเจ็บปวด

Latest chapter

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 445

    ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 444

    เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 443

    ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 442

    เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 441

    หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 440

    เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 439

    ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 438

    จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ

  • ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม   บทที่ 437

    เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status