เฉียวซุนมองเขาอย่างว่างเปล่าสักพัก น้ำเสียงที่แหบแห้งของเธอก็ดังขึ้น “ลู่เจ๋อ พวกเราไม่ได้มีอะไรกัน”“พวกเรามีอะไรกันแล้ว! ”เขาผลักรถเข็น แล้วค่อย ๆ เข้ามาอยู่ข้างเธอ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและสงบ ราวกับพายุฝนที่หยุดนิ่งลง “ต่อให้ไม่ได้ทำจนสุด แต่คุณก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์อยู่ได้อยู่ดี”ลู่เจ๋อยื่นขวดยาให้เธอเฉียวซุนรับมันมาด้วยมือที่สั่นเทา เธอมองดูขวดยาที่คุ้นเคย และคำพูดที่คุ้นเคย จากนั้นตัวเธอก็จมดิ่งสู่ความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นเมื่อในอดีต......หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็มองไปที่ลู่เจ๋อเสียงของเธอแผ่วเบา แต่ก็หนักแน่น เธอพูดว่า “ลู่เจ๋อ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในอาณัติของคุณเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว! ใช่ ต่อให้เราจะมีอะไรกันแล้ว แต่ฉันก็มีสิทธิ์เลือกจะกินยา หรือไม่กินยาได้! แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรบังคับให้ฉันกินล่ะ? ใช้ฐานะอดีตสามี หรือฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นคู่นอนของฉันกันล่ะ? ”หลังจากพูดจบ เธอก็โยนขวดยาทิ้งลงถังขยะ“ลู่เจ๋อ ต่อให้ฉันมีลูก ฉันก็ไม่จำเป็นต้องให้คุณมารับผิดชอบหรอก”ลู่เจ๋อมองเธออย่างเงียบ ๆเฉียวซุนเปลี่ยนไปแล้ว......เมื่อเทียบกับเด็กสาวในเมื่อก่อน
เห็นได้ชัดว่ามันเหลือเพียงข้างเดียว แต่เจ้าของกลับไม่ยอมทิ้ง แถมยังเก็บเอาไว้อย่างดีเฉียวซุนหยิบมันขึ้นมาเธอมองดูอย่างเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้น กำแพงหินในใจของเธอก็ได้พังทลายลงลู่เจ๋อยังกล้าพูดอยู่อีก ว่าไม่จำเป็นต้องมีเธอก็ได้!ลู่เจ๋อยังกล้าพูดอีก ว่าจะหาผู้หญิงธรรมดา ๆ สักคน เพื่อมาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ร่วมกับเขา......เขาตีกรอบให้กับร่างกายที่เป็นแบบนี้ของเขาเอาไว้อย่างชัดเจน แล้วใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมานานกว่าสองปี แถมวางแผนจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดชีวิตอีกเขาขอให้เธอไปเริ่มต้นมีชีวิตใหม่ แต่เขาเองกลับใช้ชีวิตอย่างรันทดอยู่ในบ้านที่เป็นเรือนหอเก่าของพวกเขาทั้งที่เป็นแบบนี้แล้ว เขากลับยังจะกล้าพูดแบบนั้นอยู่อีก เขาสำหรับเธอแล้วก็คงเป็นได้แค่เท่านี้อารมณ์ปะทุขึ้นมาโดยไม่ทันคาดคิด!อดีตของพวกเขาเหล่านั้น มีทั้งดีและไม่ดี......ต่างก็รู้อยู่แก่ใจ!เธอนึกถึงความเฉยเมยของเขาในตอนที่พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกัน ช่วงวัยเยาว์ของเธอ เธอกลับต้องมานั่งอยู่ตรงมุมห้อง เพื่อช่วยลู่เจ๋อจัดเสื้อผ้าและเครื่องประดับสำหรับการออกไปข้างนอกของทุกวัน เธอเคยมีความสุขมากที่ได้เป็นภรรยาตัวน้อ
ลู่เจ๋อยิ้มอย่างขมขื่น “แล้วพวกเรายังจะทำอะไรได้อีก?”เขากดศีรษะของเธอ แล้วมองดูเธออย่างลึกซึ้ง ร่างกายของพวกเขาต่างก็สั่นจนแทบคุมไม่อยู่ความต้องการอันโหดเหี้ยมของชายหญิงกลับมีเพียงอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นเท่านั้นต่อให้จะรู้จักกันมามากกว่าสิบปี แต่งงานกันมาก็หลายปี ต่อให้จะเคยผ่านทั้งเรื่องสุขและทุกข์มามากมาย และต่อให้พวกเขาจะมีลูกร่วมกันมาแล้วสองคนก็ตาม แต่พวกเขากลับไม่เคยสัมผัสถึงส่วนลึกของจิตใจขนาดนี้มาก่อน มันทั้งชัดเจนและตรงไปตรงมา......แววตาของลู่เจ๋อเต็มไปด้วยความปรารถนาในตัวเธอแต่เขาก็ยังกดหัวเธอลง แล้วพูดแนบข้างหูของเธอ คำพูดนั้นราวกับมีญาติสนิทหรือรุ่นพี่กำลังบอกให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขยังไงอย่างงั้นเฉียวซุนยังคงตัวสั่นอย่างรุนแรงเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอที่อยู่ภายใต้แสงไฟ มันทั้งขาวและดูอบอุ่น ซึ่งเป็นภาพที่เขาชอบที่สุด เธอพูดเบา ๆ พร้อมกับน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น “จะให้ฉันมีชีวิตที่ดีอีกครั้งได้ยังไง ลู่เจ๋อ คุณบอกฉันที......ฉันจะใช้ชีวิตต่อไปให้ดีได้ยังไง? ”ลู่เจ๋อเองก็ไม่สามารถตอบได้เขาไม่อยากให้เธอต้องมัวมาเสียเวลา เขาคิดว่า พอเวลาผ่านไป เธอ
เขาไม่รู้ว่าเฉียวซุนกำลังป่วยอยู่ พอเขาส่งเฉียวซุนเสร็จ ก็จากไปทันทีเฉียวซุนกลับไปถึงบ้านอาจเป็นเพราะนาน ๆ จะกลับมาสักครั้ง จึงไม่ได้จ้างแม่บ้านให้มาดูแลอะพาร์ตเมนต์ ทำให้ในห้องเลยค่อนข้างรก......ตัวเธอไม่รู้สึกกระหายน้ำ แล้วก็ไม่อยากทานอะไรด้วย เธอตรงไปนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ทันทีเธอนึกถึงลู่เจ๋อ นึกถึงอดีตของพวกเขา แล้วก็นึกถึงอนาคตของพวกเขาด้วยพอคิดวกไปวนมา ไม่นานเฉียวซุนก็ค่อย ๆ ผล็อยหลับไปเธอฝัน ฝันว่าเธอได้ย้อนกลับไปเห็นตัวเองในตอนที่อายุได้ 18 ปี นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหัวใจเต้นแรงกับลู่เจ๋อ......ในวันนั้น บ้านพักลู่ได้จัดงานเลี้ยงที่ใหญ่โตขึ้นเฉียวซุนตามเสิ่นชิงไปร่วมงานด้วย แม้ว่าในปีนั้นเธอเพิ่งจะอายุเพียง 18 ปี แต่เธอก็มีฐานะที่ดีอยู่แล้ว ในตอนนั้นคุณหญิงลู่เองชอบเธอมาก และปฏิบัติต่อเธออย่างสนิทชิดเชื้อครึ่งชั่วโมงหลังจากการเต้นรำเริ่มต้น จู่ ๆ ประจำเดือนครั้งแรกของเฉียวซุนก็มาประจำเดือนของเธอมาช้า แต่พอมาก็มาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แถมเธอยังสวมชุดเดรสสีขาวล้วนอีก เดิมทีเสิ่นชิงจะพาเธอกลับ แต่คุณหญิงลู่ก็บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรขนาดนั้น จากนั้นเธอก็เป็นค
ลู่เจ๋อในวัย 22 ปีเองก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อนแต่เขาก็เคยดูหนังอย่างว่ากับเพื่อน ๆ มาบ้างเหมือนกัน ทุกครั้งที่ดูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แล้วก็ไม่ได้คิดจะหาผู้หญิงมาระบายอารมณ์ด้วย......แต่ว่าเมื่อกี้นี้ เขาเพิ่งจะเห็นเรือนร่างที่อ่อนเยาว์ของเฉียวซุน เขากลับทนไม่ไหวเอาซะอย่างนั้น!พออยู่ในวัยที่อายุยังน้อย ก็ไม่มีใครสามารถต้านทานต่อสิ่งกระตุ้นได้ทั้งนั้นลู่เจ๋อถึงขั้นดื่มน้ำเย็นลงไปตั้งสองแก้ว ถึงทำให้เขาพอจะสามารถระงับไฟกามชั่วร้ายได้ หลังจากที่เขารู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว เสียงขี้อายของเฉียวซุนก็ดังขึ้นมาจากห้องน้ำ “คุณช่วยเอาเสื้อผ้าบนเตียงมาให้ฉันหน่อยสิ”ลู่เจ๋อทิ้งขวดน้ำแร่ลงเมื่อมองแวบแรก บนเตียงมีชุดเดรสสีชมพูอ่อนวางพาดอยู่หนึ่งชุด มันนุ่มนวลและสวยมาก......ลู่เจ๋อเกือบจะจินตนาการถึงเฉียวซุนที่สวมชุดนั้นไปแล้ว ลูกกระเดือกของเขากลิ้งไปมา จากนั้นก็พูดคำพูดที่ไม่ค่อยน่าฟังออกมา “เธอเลือดไหลอยู่ไม่ใช่รึไง? ยังใส่ชุดนี้ได้อีกเหรอ? ”หลังจากพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหยิบชุดออกกำลังกายออกมาหนึ่งชุดเขาเคาะประตูห้องน้ำ “ใส่นี่สิ! ”เฉียวซุนเองก็ไม่อยากใส่ชุดเดรสแ
ลู่เจ๋อในวัย 22 ปี ซุกมือลงในกระเป๋ากางเกงอย่างเย็นชา แล้วพยักหน้าพอเขาได้เห็นของสิ่งนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “นี่มันผ้าอ้อมไม่ใช่รึไง? ”พนักงานขายยังอธิบายถึงประโยชน์ของมันอีกว่า “มันจะไม่ทำให้ผ้าปูที่นอนสกปรกแน่นอน ตอนกลางคืนจะกลิ้งไปกลิ้งมาแค่ไหนก็ได้ ถ้าได้ลองใช้แล้ว จะต้องกลับมาใช้ซ้ำแน่นอน! ”ลู่เจ๋อนึกถึงยัยเด็กโข่งที่อยู่ข้างนอก แล้วคิดว่านี่น่าจะเหมาะกับเธอมากกว่าท่าทางของเขายังคงเย็นชา และไม่พูดโต้ตอบอยู่ดีหลังจากที่เขาเดินจากไป พนักงานคิดเงินหลายคนก็มารวมตัวนินทากัน “บ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นเมื่อกี้หล่อมาก! ดูจากภายนอกแล้ว คงจะเป็นลูกคนรวยแน่ ๆ ดูนาฬิกาบนข้อมือของเขานั่นสิ ฉันเคยเห็นบนโฆษณา เหมือนจะเรือนละสิบล้านกว่าบาทเลยนะ”......ลู่เจ๋อเดินออกประตูมา เฉียวซุนก็ยังคงเกาะอยู่ที่เบาะหลังจักรยานอย่างเชื่อฟังเขาโยนถุงสีดำให้เธอ “เธอก็ไปหาห้องน้ำสาธารณะเปลี่ยนซะ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปส่งที่บ้านเอง! ยังไงเธอก็โทรบอกป้าของเธอก่อนด้วยละกัน...... ”เขาเตือนอีกครั้ง “ถ้าเธอพูดอะไรไร้สาระ ฉันจะทิ้งเธอไว้ที่นี่แน่”เฉียวซุนพูดด้วยความน้อยใจ “ถ้าคุณทิ้งฉันไว้ที่นี่
จมูกของเฉียวซุนรู้สึกแสบขึ้นมาเธอวางโทรศัพท์มือถือลง และนึกถึงวันเวลาที่เธอเคยอาศัยอยู่ที่สวนฉิน เธอนึกถึงคืนก่อนที่เจ้าหนูลู่เหยียนจะผ่าตัด ตอนนั้นลู่เจ๋อกำลังบอกลาเธออย่างไม่เต็มใจ แต่ในเวลานั้นเธอกลับกังวลแค่เรื่องของเจ้าหนูลู่เหยียนเท่านั้น จนไม่ได้ทันสังเกตว่าลู่เจ๋อทำตัวแปลกไปแต่ต่อให้ทุกอย่างจะย้อนกลับมาเริ่มใหม่ ต่อให้เธอจะรู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรก เธอก็ไม่สามารถหยุดลู่เจ๋อได้อยู่ดีอดีต ก็เป็นแค่เพียงอดีตที่ผ่านไปแล้วปัจจุบันและอนาคต ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด......เฉียวซุนไม่ได้ตอบกลับข้อความของลู่เจ๋ออีก เธอนัดเจอกับเลขาฉิน หากเธอต้องการที่จะพิชิตใจลู่เจ๋อ เธอก็ต้องขอความช่วยเหลือจากเลขาฉินนี่แหละพอฉินอวี้รับสาย เธอก็รู้สึกยินดีและตอบตกลงทันทีเธอติดตามลู่เจ๋อมานานหลายปีแล้ว และเธอเองก็ไปมาหาสู่กับเฉียวซุนอยู่บ่อย ๆ แล้วเธอก็คาดหวังอยู่เสมอว่าให้พวกเขากลับมาคืนดีกัน หลังจากที่วางสาย จมูกของเธอก็เริ่มรู้สึกแสบขึ้นมาอีก......เธอคิดว่า ถ้าเฉียวซุนกลับมาอยู่ข้างประธานลู่ได้จริง ๆ ร่างกายของเขาก็น่าจะฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่าเดิมช่วงบ่ายโมง พวกเธอนัดกันไว้ที่ร้านกาแฟแ
คุณหญิงลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่ถ่อมตนมาก ๆ เพราะเธอกลัวว่าเฉียวฉุนจะปฏิเสธ แถมยังตั้งใจเรียกพนักงานมาอีก “กาแฟเย็นหมดแล้ว ช่วยเปลี่ยนใหม่ให้ทีนะ เฉียวซุนของพวกเราชอบดื่มบลูเมาน์เท่นมากที่สุด”พนักงานเสิร์ฟยิ้มแล้วตอบตกลงคุณหญิงลู่มองกลับไปที่เฉียวซุนอีกครั้ง แล้วพูดขอร้อง “ฉันขอเวลาคุยด้วยสักเดี๋ยวได้ไหม? พูดแค่ไม่กี่คำเท่านั้น”เฉียวซุนค่อย ๆ นั่งลงอย่างเงียบ ๆคุณหญิงลู่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ต่อมาพนักงานก็นำกาแฟมาเสิร์ฟ แล้วเธอก็เอาใจใส่มากเช่นกัน แต่เฉียวซุนก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอดีมากนัก เพราะตนก็ยังไม่สามารถลืมสิ่งที่เธอทำกับตัวเองไปได้คุณหญิงลู่รู้สึกผิดหวัง แต่เธอก็รู้เหตุผลดีเธอพยายามฝืนบังคับตัวเองให้คุยกับเฉียวซุน เธอไม่ได้บอกสาเหตุอาการป่วยของลู่เจ๋อ เธอเพียงแต่ขอให้เฉียวซุนอยู่เคียงข้างลู่เจ๋อต่อ เพียงแค่ขอให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันเท่านั้นคุณหญิงลู่ปาดน้ำตา “ระหว่างพวกลูกก็มีลูกด้วยกันแล้วสองคน ต่างก็สกุลลู่ทั้งนั้น! เฉียวซุน ฉันเชื่อว่าหนูยังมีความรู้สึกกับลู่เจ๋ออยู่ ฉันจะไม่ขอให้หนูยกโทษให้ฉัน แต่ฉันแค่หวังว่าหนูจะเห็นแก่ลูกทั้งสอง กลับมาอยู่ข้างกายของลู่เจ๋อเถอ
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว