จมูกของเฉียวซุนรู้สึกแสบขึ้นมาเธอวางโทรศัพท์มือถือลง และนึกถึงวันเวลาที่เธอเคยอาศัยอยู่ที่สวนฉิน เธอนึกถึงคืนก่อนที่เจ้าหนูลู่เหยียนจะผ่าตัด ตอนนั้นลู่เจ๋อกำลังบอกลาเธออย่างไม่เต็มใจ แต่ในเวลานั้นเธอกลับกังวลแค่เรื่องของเจ้าหนูลู่เหยียนเท่านั้น จนไม่ได้ทันสังเกตว่าลู่เจ๋อทำตัวแปลกไปแต่ต่อให้ทุกอย่างจะย้อนกลับมาเริ่มใหม่ ต่อให้เธอจะรู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรก เธอก็ไม่สามารถหยุดลู่เจ๋อได้อยู่ดีอดีต ก็เป็นแค่เพียงอดีตที่ผ่านไปแล้วปัจจุบันและอนาคต ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด......เฉียวซุนไม่ได้ตอบกลับข้อความของลู่เจ๋ออีก เธอนัดเจอกับเลขาฉิน หากเธอต้องการที่จะพิชิตใจลู่เจ๋อ เธอก็ต้องขอความช่วยเหลือจากเลขาฉินนี่แหละพอฉินอวี้รับสาย เธอก็รู้สึกยินดีและตอบตกลงทันทีเธอติดตามลู่เจ๋อมานานหลายปีแล้ว และเธอเองก็ไปมาหาสู่กับเฉียวซุนอยู่บ่อย ๆ แล้วเธอก็คาดหวังอยู่เสมอว่าให้พวกเขากลับมาคืนดีกัน หลังจากที่วางสาย จมูกของเธอก็เริ่มรู้สึกแสบขึ้นมาอีก......เธอคิดว่า ถ้าเฉียวซุนกลับมาอยู่ข้างประธานลู่ได้จริง ๆ ร่างกายของเขาก็น่าจะฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่าเดิมช่วงบ่ายโมง พวกเธอนัดกันไว้ที่ร้านกาแฟแ
คุณหญิงลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่ถ่อมตนมาก ๆ เพราะเธอกลัวว่าเฉียวฉุนจะปฏิเสธ แถมยังตั้งใจเรียกพนักงานมาอีก “กาแฟเย็นหมดแล้ว ช่วยเปลี่ยนใหม่ให้ทีนะ เฉียวซุนของพวกเราชอบดื่มบลูเมาน์เท่นมากที่สุด”พนักงานเสิร์ฟยิ้มแล้วตอบตกลงคุณหญิงลู่มองกลับไปที่เฉียวซุนอีกครั้ง แล้วพูดขอร้อง “ฉันขอเวลาคุยด้วยสักเดี๋ยวได้ไหม? พูดแค่ไม่กี่คำเท่านั้น”เฉียวซุนค่อย ๆ นั่งลงอย่างเงียบ ๆคุณหญิงลู่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ต่อมาพนักงานก็นำกาแฟมาเสิร์ฟ แล้วเธอก็เอาใจใส่มากเช่นกัน แต่เฉียวซุนก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอดีมากนัก เพราะตนก็ยังไม่สามารถลืมสิ่งที่เธอทำกับตัวเองไปได้คุณหญิงลู่รู้สึกผิดหวัง แต่เธอก็รู้เหตุผลดีเธอพยายามฝืนบังคับตัวเองให้คุยกับเฉียวซุน เธอไม่ได้บอกสาเหตุอาการป่วยของลู่เจ๋อ เธอเพียงแต่ขอให้เฉียวซุนอยู่เคียงข้างลู่เจ๋อต่อ เพียงแค่ขอให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันเท่านั้นคุณหญิงลู่ปาดน้ำตา “ระหว่างพวกลูกก็มีลูกด้วยกันแล้วสองคน ต่างก็สกุลลู่ทั้งนั้น! เฉียวซุน ฉันเชื่อว่าหนูยังมีความรู้สึกกับลู่เจ๋ออยู่ ฉันจะไม่ขอให้หนูยกโทษให้ฉัน แต่ฉันแค่หวังว่าหนูจะเห็นแก่ลูกทั้งสอง กลับมาอยู่ข้างกายของลู่เจ๋อเถอ
ลู่เจ๋อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัวเฉียวซุนกลับมาแล้ว!เธอพาเด็ก ๆ กลับมาแล้ว......พอเห็นว่าเขาไม่ตอบสนอง เสียงของคนขับก็ยิ่งร่าเริงมากขึ้นกว่าเดิม “โถ่ คุณหนูเหยียนเหยียนก็น่าจะสูงขึ้นมาก แล้วยังมีนายน้อยลู่ฉวิน ตอนนี้ก็คงอยู่ในวัยหัดเดินด้วยแล้วล่ะมั้งครับ! เติบโตมาอย่างดีเลยทีเดียว แถมยังเหมือนกันกับคุณชาย ราวกับแกะมาจากพิมพ์เดียวกัน”ลู่เหยียน ลู่ฉวิน......ในใจลู่เจ๋อรู้สึกตื่นเต้นมาก จนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ลูกชายของผมกับเฉียวซุน ก็ต้องเหมือนผมอยู่แล้วสิ! ”ขาของเขาไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ก็พยายามจะเปิดประตูรถเมื่อเขาเห็นเฉียวซุนเฉียวซุนกำลังวางสัมภาระไว้ที่ท้ายรถ เจ้าหนูลู่เหยียนก็ยืนอยู่ข้าง ๆ หนูน้อยวัยหกขวบดูน่ารักน่าชังมาก ร่างกายผอมสูง เจ้าหนูลู่ฉวินถูกป้าของเขาจับเอาไว้ อายุเพิ่งจะขวบกว่า ๆ เหมือนที่เหล่าหลินบอก หน้าตาคล้ายกับลู่เจ๋อมากดวงตาของลู่เจ๋อแดงเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเจ้าหนูลู่ฉวินแล้วเขาเองก็ไม่ได้เจอเจ้าหนูลู่เหยียนนานแล้วเหมือนกันเขาคิดถึงมาก ๆเฉียวซุนปิดประตูท้ายรถ และกำลังจะพาเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นรถ เพ
เธอบอกให้เขาวางใจเห็นได้ชัดว่าเขาควรจะมีความสุข แต่ในใจเขากลับรู้สึกไม่โอเคเลยแม้แต่น้อยแล้วเฉียวซุนเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเธอก้มตัวลงเล็กน้อย แล้วปิดประตูรถให้ลู่เจ๋อ......แล้วก็เป็นเพราะการกระทำนี้ เลยทำให้พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้น ใกล้จนสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายบนร่างกายของเจ้าหนูลู่ฉวิน แล้วยังได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากตัวเฉียวซุนอีกด้วย เหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด เธอยังคงชอบน้ำหอมกลิ่นดอกไม้อยู่กลิ่นหอมจาง ๆ นั้น ทำให้รู้สึกราวกับเป็นน้ำพุอันแสนหอมหวาน ที่ช่วยหล่อเลี้ยงความแห้งเหี่ยวของลู่เจ๋อให้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง และช่วยปลุกสัญชาตญาณความเป็นผู้ชายของเขาให้ตื่นขึ้นแววตาอันล้ำลึกของเขา ส่องเข้าไปในส่วนลึกจิตวิญญาณของเธอประตูรถหรูปิดลงอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ ลับสายตาของกันและกัน เหล่าหลินยืนลูบมืออยู่ด้านข้าง “คุณนายครับ หน้าที่ปิดประตูอะไรพวกนี้ ต่อไปก็ให้ผมเป็นคนจัดการเถอะครับ! ”เขาเรียกเธอว่าคุณนายเฉียวซุน แต่เฉียวซุนก็ไม่ได้แย้งเขาเหล่าหลินเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง หลังจากที่เขาขึ้นไปบนรถ ทำให้เขาก็รู้สึกมีพลังมากขึ้นทางด้านเบาะห
เธอเดินเข้ามา ก้มลงเข็นรถเข็นอย่างเป็นธรรมชาติ และพูดด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย “คุณลู่ ไม่ใช่ว่าคุณไปรับลูกค้าหรอกเหรอคะ ทำไมถึงกลับมาที่คฤหาสน์ได้?”หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปทางเจ้าหนูลู่เหยียน “นี่คือ...... ”เจ้าหนูลู่เหยียนมองไปที่หมอสาวสวย โดยเฉพาะหน้าอกที่อวบอิ่มของเธอ........เด็กน้อยไม่สามารถซ่อนความคิดของเธอได้ เจ้าหนูลู่เหยียนตะโกนเรียกพ่อของเธอทันที แล้วผลักรถเข็นของลู่เจ๋อเซี่ยลี่ตัวน้อยกระโดดลงจากขั้นบันได และวนเวียนไปรอบ ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนอย่างมีความสุข หางเล็ก ๆ ของมันก็ขดจนเหมือนดอกไม้ทำไมลู่เจ๋อจะไม่รู้ ว่าหนูน้อยกำลังคิดอะไรอยู่เขาหัวเราะ และกอดเซี่ยลี่ตัวน้อยกับเธอเอาไว้ “ลูกไปเล่นกับเจ้าหมาน้อยของลูกก่อนนะ! ”เจ้าหนูลู่เหยียนกอดลูกสุนัข จากนั้นก็กอดคอของลู่เจ๋อไม่ปล่อย เธอพูดโพล่งกับหมอสาวสวยคนนั้นไปว่า “รบกวนคุณป้าเข็นหนูไปด้วยนะคะ”เห็นได้ชัดว่าจางหยวนตกตะลึงไปครู่หนึ่งอันที่จริงจะให้เข็นก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าหนูน้อยคนนี้จะรับมือด้วยยากนิดหน่อย เธอค่อนข้างเป็นคนเจ้าเล่ห์......เธอยิ้มจนติดเป็นนิสัย “เด็ก ๆ จะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้นะ! ถ้าหนูยังกดคุณลู
......หลังจากที่เด็ก ๆ จากไปแล้ว เฉียวซุนก็มองไปยังทิศทางของจางหยวนอีกครั้งจางหยวนเพิ่งจะเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลลู่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นเธอก็ประจำอยู่ในศูนย์ฟื้นฟูเช่นปัจจุบัน เธอไม่เคยเห็นเฉียวซุน......ครั้งนี้คงถือว่าเป็นการพบหน้ากันอย่างเป็นทางการกันจริง ๆในช่วงปลายฤดูร้อน เฉียวซุนสวมกระโปรงทรงเอทำให้รูปร่างดูเพรียวบาง ดูมีภูมิฐาน และสง่างามผู้หญิงทุกคนต่างก็มีการเปรียบเทียบกันทั้งนั้น จางหยวนกวาดสายตามองเฉียวซุนทุกระเบียบนิ้ว ในใจรู้สึกอึดอัด เพราะในฐานะผู้หญิงที่เป็นแม่ลูกสองอย่างเฉียวซุน เธอกลับยังมีรูปร่างที่สวยเพรียวอยู่เลยบนตัวเธอ ความเอาใจใส่ทำให้เธอดูดีมากจริง ๆจางหยวนรู้สึกไม่สบายใจ สีหน้าของเธอแสดงออกได้อย่างชัดเจน เธอยื่นมือออกมา แล้วมองไปทางเฉียวซุน จงใจพูดออกไปว่า “คุณนายลู่ สวัสดีค่ะ ฉันคือหมอประจำตัวของคุณลู่ จางหยวนค่ะ ตอนนี้ก็พักที่คฤหาสน์แห่งนี้อยู่ค่ะ”คำพูดแบบนี้ มักจะเป็นคำพูดที่ทำคนรู้สึกใจเต้นระรัวเฉียวซุนยื่นมือออกมา แล้วยิ้มเบา ๆ “คุณเรียกฉันว่าคุณเฉียวเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ฉันเป็นแค่อดีตภรรยาคุณลู่ของพวกคุณเพียงเท่านั้น แล้วตอนนี้ฉันก็มี
วันนี้คนรับใช้ในคฤหาสน์มีความสุขมากพวกเธอทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมโต๊ะอาหารเซ็ตใหญ่ พิจารณาจากการเจริญเติบโตของเจ้าหนูลู่เหยียน จากนั้นก็ทำไก่ตุ๋นเห็ดให้ จะให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดีที่สุด ก็จะต้องค่อย ๆ เคี่ยวอย่างช้า ๆ หลังจากที่อาหารถูกเสิร์ฟ กลิ่นหอมของอาหารก็ฟุ้งกระจายไปทั่วหมอจางคนนั้นก็ร่วมรับประทานอาหารที่โต๊ะด้วยเช่นกันซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะที่เธอต้องคอยดูแลลู่เจ๋อ เธอนั่งตรงตำแหน่งเก้าอี้ของนายหญิง และก็เป็นเก้าอี้ที่เมื่อก่อนเฉียวซุนเคยนั่งอยู่บ่อย ๆ แต่เฉียวซุนก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะยังไงซะ เธอกับลู่เจ๋อก็หย่ากันแล้ว!จางหยวนเป็นคนเอาใจใส่และมีน้ำใจ แถมยังเตรียมอาหารให้อย่างระมัดระวังอีกต่างหากดูเหมือนเธอกับลู่เจ๋อจะเข้าใจกันได้ดี เห็นได้ชัดว่าเธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้มาสักระยะแล้ว......เฉียวซุนค่อนข้างใส่ใจแต่สิ่งที่คุณจางคนนี้ตาไม่มีแววเลยก็คือ เจ้าหนูลู่เหยียนอยากกินน่องไก่ ถึงได้ยื่นตะเกียบออกไป แต่น่องไก่อวบอ้วนอันนั้นก็ถูกจางหยวนคีบตัดหน้าไปแล้ว จากนั้นเธอก็วางมันลงบนชามของลู่เจ๋อเจ้าหนูลู่เหยียนจ้องตามตาไม่กะพริบน่องไก่มีแค่สองอันเท่านั้น เมื่อกี้เพิ่ง
ลู่เจ๋ออยู่ด้วยเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะโทรเข้าโทรศัพท์บ้าน เรียกให้ป้าแม่บ้านขึ้นมาป้าเคาะประตูก่อน แล้วเดินเข้ามา พอเห็นว่าเจ้าหนูลู่เหยียนและเจ้าหนูลู่ฉวินหลับไปแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปให้แน่ใจว่า “หลับไปแล้วอย่างนั้นเหรอคะ? ”ลู่เจ๋อมองดูพวกเขาด้วยสายตาอ่อนโยนหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นเบา ๆ “ฝากดูแลที่นี่ต่อทีครับ”ป้าพูดขึ้นอย่างชาญฉลาด “คุณผู้ชายไปจัดการธุระเถอะค่ะ ตรงนี้ให้เป็นหน้าที่ของป้าก็พอค่ะ”สีหน้าของลู่เจ๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาเข็นรถเข็น ออกมาจนถึงนอกห้องนอน แต่เขาก็กลับไม่เห็นเฉียวซุน......สุดท้าย เขาก็ไปหาเธอที่ห้องโถงเล็กเธอพิงหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน และกำลังคุยโทรศัพท์แสงแดดยามบ่าย ส่องผ่านกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน ปกคลุมเรือนร่างของเฉียวซุน ทำให้ผิวของเธอดูขาวเปล่งประกาย และดูละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น เธอดูผ่อนคลายและมีความสุขขณะที่พูดคุยกับคนที่อยู่ปลายสายสิ่งนี้ทำให้ลู่เจ๋อนึกอะไรขึ้นมาได้ ครึ่งปีก่อนตอนที่เธอจากเขาไป เธอก็ใช้คำพูดที่มีความสุขเช่นนี้เหมือนกันตอนนั้นคือเมิ่งเยียนหุยตอนนี้ ก็เปลี่ยนเป็นหลินซวง......อันที่จริง
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว