ลู่เจ๋อในวัย 22 ปี ซุกมือลงในกระเป๋ากางเกงอย่างเย็นชา แล้วพยักหน้าพอเขาได้เห็นของสิ่งนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “นี่มันผ้าอ้อมไม่ใช่รึไง? ”พนักงานขายยังอธิบายถึงประโยชน์ของมันอีกว่า “มันจะไม่ทำให้ผ้าปูที่นอนสกปรกแน่นอน ตอนกลางคืนจะกลิ้งไปกลิ้งมาแค่ไหนก็ได้ ถ้าได้ลองใช้แล้ว จะต้องกลับมาใช้ซ้ำแน่นอน! ”ลู่เจ๋อนึกถึงยัยเด็กโข่งที่อยู่ข้างนอก แล้วคิดว่านี่น่าจะเหมาะกับเธอมากกว่าท่าทางของเขายังคงเย็นชา และไม่พูดโต้ตอบอยู่ดีหลังจากที่เขาเดินจากไป พนักงานคิดเงินหลายคนก็มารวมตัวนินทากัน “บ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นเมื่อกี้หล่อมาก! ดูจากภายนอกแล้ว คงจะเป็นลูกคนรวยแน่ ๆ ดูนาฬิกาบนข้อมือของเขานั่นสิ ฉันเคยเห็นบนโฆษณา เหมือนจะเรือนละสิบล้านกว่าบาทเลยนะ”......ลู่เจ๋อเดินออกประตูมา เฉียวซุนก็ยังคงเกาะอยู่ที่เบาะหลังจักรยานอย่างเชื่อฟังเขาโยนถุงสีดำให้เธอ “เธอก็ไปหาห้องน้ำสาธารณะเปลี่ยนซะ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปส่งที่บ้านเอง! ยังไงเธอก็โทรบอกป้าของเธอก่อนด้วยละกัน...... ”เขาเตือนอีกครั้ง “ถ้าเธอพูดอะไรไร้สาระ ฉันจะทิ้งเธอไว้ที่นี่แน่”เฉียวซุนพูดด้วยความน้อยใจ “ถ้าคุณทิ้งฉันไว้ที่นี่
จมูกของเฉียวซุนรู้สึกแสบขึ้นมาเธอวางโทรศัพท์มือถือลง และนึกถึงวันเวลาที่เธอเคยอาศัยอยู่ที่สวนฉิน เธอนึกถึงคืนก่อนที่เจ้าหนูลู่เหยียนจะผ่าตัด ตอนนั้นลู่เจ๋อกำลังบอกลาเธออย่างไม่เต็มใจ แต่ในเวลานั้นเธอกลับกังวลแค่เรื่องของเจ้าหนูลู่เหยียนเท่านั้น จนไม่ได้ทันสังเกตว่าลู่เจ๋อทำตัวแปลกไปแต่ต่อให้ทุกอย่างจะย้อนกลับมาเริ่มใหม่ ต่อให้เธอจะรู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรก เธอก็ไม่สามารถหยุดลู่เจ๋อได้อยู่ดีอดีต ก็เป็นแค่เพียงอดีตที่ผ่านไปแล้วปัจจุบันและอนาคต ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด......เฉียวซุนไม่ได้ตอบกลับข้อความของลู่เจ๋ออีก เธอนัดเจอกับเลขาฉิน หากเธอต้องการที่จะพิชิตใจลู่เจ๋อ เธอก็ต้องขอความช่วยเหลือจากเลขาฉินนี่แหละพอฉินอวี้รับสาย เธอก็รู้สึกยินดีและตอบตกลงทันทีเธอติดตามลู่เจ๋อมานานหลายปีแล้ว และเธอเองก็ไปมาหาสู่กับเฉียวซุนอยู่บ่อย ๆ แล้วเธอก็คาดหวังอยู่เสมอว่าให้พวกเขากลับมาคืนดีกัน หลังจากที่วางสาย จมูกของเธอก็เริ่มรู้สึกแสบขึ้นมาอีก......เธอคิดว่า ถ้าเฉียวซุนกลับมาอยู่ข้างประธานลู่ได้จริง ๆ ร่างกายของเขาก็น่าจะฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่าเดิมช่วงบ่ายโมง พวกเธอนัดกันไว้ที่ร้านกาแฟแ
คุณหญิงลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่ถ่อมตนมาก ๆ เพราะเธอกลัวว่าเฉียวฉุนจะปฏิเสธ แถมยังตั้งใจเรียกพนักงานมาอีก “กาแฟเย็นหมดแล้ว ช่วยเปลี่ยนใหม่ให้ทีนะ เฉียวซุนของพวกเราชอบดื่มบลูเมาน์เท่นมากที่สุด”พนักงานเสิร์ฟยิ้มแล้วตอบตกลงคุณหญิงลู่มองกลับไปที่เฉียวซุนอีกครั้ง แล้วพูดขอร้อง “ฉันขอเวลาคุยด้วยสักเดี๋ยวได้ไหม? พูดแค่ไม่กี่คำเท่านั้น”เฉียวซุนค่อย ๆ นั่งลงอย่างเงียบ ๆคุณหญิงลู่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ต่อมาพนักงานก็นำกาแฟมาเสิร์ฟ แล้วเธอก็เอาใจใส่มากเช่นกัน แต่เฉียวซุนก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอดีมากนัก เพราะตนก็ยังไม่สามารถลืมสิ่งที่เธอทำกับตัวเองไปได้คุณหญิงลู่รู้สึกผิดหวัง แต่เธอก็รู้เหตุผลดีเธอพยายามฝืนบังคับตัวเองให้คุยกับเฉียวซุน เธอไม่ได้บอกสาเหตุอาการป่วยของลู่เจ๋อ เธอเพียงแต่ขอให้เฉียวซุนอยู่เคียงข้างลู่เจ๋อต่อ เพียงแค่ขอให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันเท่านั้นคุณหญิงลู่ปาดน้ำตา “ระหว่างพวกลูกก็มีลูกด้วยกันแล้วสองคน ต่างก็สกุลลู่ทั้งนั้น! เฉียวซุน ฉันเชื่อว่าหนูยังมีความรู้สึกกับลู่เจ๋ออยู่ ฉันจะไม่ขอให้หนูยกโทษให้ฉัน แต่ฉันแค่หวังว่าหนูจะเห็นแก่ลูกทั้งสอง กลับมาอยู่ข้างกายของลู่เจ๋อเถอ
ลู่เจ๋อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัวเฉียวซุนกลับมาแล้ว!เธอพาเด็ก ๆ กลับมาแล้ว......พอเห็นว่าเขาไม่ตอบสนอง เสียงของคนขับก็ยิ่งร่าเริงมากขึ้นกว่าเดิม “โถ่ คุณหนูเหยียนเหยียนก็น่าจะสูงขึ้นมาก แล้วยังมีนายน้อยลู่ฉวิน ตอนนี้ก็คงอยู่ในวัยหัดเดินด้วยแล้วล่ะมั้งครับ! เติบโตมาอย่างดีเลยทีเดียว แถมยังเหมือนกันกับคุณชาย ราวกับแกะมาจากพิมพ์เดียวกัน”ลู่เหยียน ลู่ฉวิน......ในใจลู่เจ๋อรู้สึกตื่นเต้นมาก จนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ลูกชายของผมกับเฉียวซุน ก็ต้องเหมือนผมอยู่แล้วสิ! ”ขาของเขาไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ก็พยายามจะเปิดประตูรถเมื่อเขาเห็นเฉียวซุนเฉียวซุนกำลังวางสัมภาระไว้ที่ท้ายรถ เจ้าหนูลู่เหยียนก็ยืนอยู่ข้าง ๆ หนูน้อยวัยหกขวบดูน่ารักน่าชังมาก ร่างกายผอมสูง เจ้าหนูลู่ฉวินถูกป้าของเขาจับเอาไว้ อายุเพิ่งจะขวบกว่า ๆ เหมือนที่เหล่าหลินบอก หน้าตาคล้ายกับลู่เจ๋อมากดวงตาของลู่เจ๋อแดงเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเจ้าหนูลู่ฉวินแล้วเขาเองก็ไม่ได้เจอเจ้าหนูลู่เหยียนนานแล้วเหมือนกันเขาคิดถึงมาก ๆเฉียวซุนปิดประตูท้ายรถ และกำลังจะพาเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นรถ เพ
เธอบอกให้เขาวางใจเห็นได้ชัดว่าเขาควรจะมีความสุข แต่ในใจเขากลับรู้สึกไม่โอเคเลยแม้แต่น้อยแล้วเฉียวซุนเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเธอก้มตัวลงเล็กน้อย แล้วปิดประตูรถให้ลู่เจ๋อ......แล้วก็เป็นเพราะการกระทำนี้ เลยทำให้พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้น ใกล้จนสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายบนร่างกายของเจ้าหนูลู่ฉวิน แล้วยังได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากตัวเฉียวซุนอีกด้วย เหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด เธอยังคงชอบน้ำหอมกลิ่นดอกไม้อยู่กลิ่นหอมจาง ๆ นั้น ทำให้รู้สึกราวกับเป็นน้ำพุอันแสนหอมหวาน ที่ช่วยหล่อเลี้ยงความแห้งเหี่ยวของลู่เจ๋อให้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง และช่วยปลุกสัญชาตญาณความเป็นผู้ชายของเขาให้ตื่นขึ้นแววตาอันล้ำลึกของเขา ส่องเข้าไปในส่วนลึกจิตวิญญาณของเธอประตูรถหรูปิดลงอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ ลับสายตาของกันและกัน เหล่าหลินยืนลูบมืออยู่ด้านข้าง “คุณนายครับ หน้าที่ปิดประตูอะไรพวกนี้ ต่อไปก็ให้ผมเป็นคนจัดการเถอะครับ! ”เขาเรียกเธอว่าคุณนายเฉียวซุน แต่เฉียวซุนก็ไม่ได้แย้งเขาเหล่าหลินเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง หลังจากที่เขาขึ้นไปบนรถ ทำให้เขาก็รู้สึกมีพลังมากขึ้นทางด้านเบาะห
เธอเดินเข้ามา ก้มลงเข็นรถเข็นอย่างเป็นธรรมชาติ และพูดด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย “คุณลู่ ไม่ใช่ว่าคุณไปรับลูกค้าหรอกเหรอคะ ทำไมถึงกลับมาที่คฤหาสน์ได้?”หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปทางเจ้าหนูลู่เหยียน “นี่คือ...... ”เจ้าหนูลู่เหยียนมองไปที่หมอสาวสวย โดยเฉพาะหน้าอกที่อวบอิ่มของเธอ........เด็กน้อยไม่สามารถซ่อนความคิดของเธอได้ เจ้าหนูลู่เหยียนตะโกนเรียกพ่อของเธอทันที แล้วผลักรถเข็นของลู่เจ๋อเซี่ยลี่ตัวน้อยกระโดดลงจากขั้นบันได และวนเวียนไปรอบ ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนอย่างมีความสุข หางเล็ก ๆ ของมันก็ขดจนเหมือนดอกไม้ทำไมลู่เจ๋อจะไม่รู้ ว่าหนูน้อยกำลังคิดอะไรอยู่เขาหัวเราะ และกอดเซี่ยลี่ตัวน้อยกับเธอเอาไว้ “ลูกไปเล่นกับเจ้าหมาน้อยของลูกก่อนนะ! ”เจ้าหนูลู่เหยียนกอดลูกสุนัข จากนั้นก็กอดคอของลู่เจ๋อไม่ปล่อย เธอพูดโพล่งกับหมอสาวสวยคนนั้นไปว่า “รบกวนคุณป้าเข็นหนูไปด้วยนะคะ”เห็นได้ชัดว่าจางหยวนตกตะลึงไปครู่หนึ่งอันที่จริงจะให้เข็นก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าหนูน้อยคนนี้จะรับมือด้วยยากนิดหน่อย เธอค่อนข้างเป็นคนเจ้าเล่ห์......เธอยิ้มจนติดเป็นนิสัย “เด็ก ๆ จะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้นะ! ถ้าหนูยังกดคุณลู
......หลังจากที่เด็ก ๆ จากไปแล้ว เฉียวซุนก็มองไปยังทิศทางของจางหยวนอีกครั้งจางหยวนเพิ่งจะเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลลู่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นเธอก็ประจำอยู่ในศูนย์ฟื้นฟูเช่นปัจจุบัน เธอไม่เคยเห็นเฉียวซุน......ครั้งนี้คงถือว่าเป็นการพบหน้ากันอย่างเป็นทางการกันจริง ๆในช่วงปลายฤดูร้อน เฉียวซุนสวมกระโปรงทรงเอทำให้รูปร่างดูเพรียวบาง ดูมีภูมิฐาน และสง่างามผู้หญิงทุกคนต่างก็มีการเปรียบเทียบกันทั้งนั้น จางหยวนกวาดสายตามองเฉียวซุนทุกระเบียบนิ้ว ในใจรู้สึกอึดอัด เพราะในฐานะผู้หญิงที่เป็นแม่ลูกสองอย่างเฉียวซุน เธอกลับยังมีรูปร่างที่สวยเพรียวอยู่เลยบนตัวเธอ ความเอาใจใส่ทำให้เธอดูดีมากจริง ๆจางหยวนรู้สึกไม่สบายใจ สีหน้าของเธอแสดงออกได้อย่างชัดเจน เธอยื่นมือออกมา แล้วมองไปทางเฉียวซุน จงใจพูดออกไปว่า “คุณนายลู่ สวัสดีค่ะ ฉันคือหมอประจำตัวของคุณลู่ จางหยวนค่ะ ตอนนี้ก็พักที่คฤหาสน์แห่งนี้อยู่ค่ะ”คำพูดแบบนี้ มักจะเป็นคำพูดที่ทำคนรู้สึกใจเต้นระรัวเฉียวซุนยื่นมือออกมา แล้วยิ้มเบา ๆ “คุณเรียกฉันว่าคุณเฉียวเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ฉันเป็นแค่อดีตภรรยาคุณลู่ของพวกคุณเพียงเท่านั้น แล้วตอนนี้ฉันก็มี
วันนี้คนรับใช้ในคฤหาสน์มีความสุขมากพวกเธอทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมโต๊ะอาหารเซ็ตใหญ่ พิจารณาจากการเจริญเติบโตของเจ้าหนูลู่เหยียน จากนั้นก็ทำไก่ตุ๋นเห็ดให้ จะให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดีที่สุด ก็จะต้องค่อย ๆ เคี่ยวอย่างช้า ๆ หลังจากที่อาหารถูกเสิร์ฟ กลิ่นหอมของอาหารก็ฟุ้งกระจายไปทั่วหมอจางคนนั้นก็ร่วมรับประทานอาหารที่โต๊ะด้วยเช่นกันซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะที่เธอต้องคอยดูแลลู่เจ๋อ เธอนั่งตรงตำแหน่งเก้าอี้ของนายหญิง และก็เป็นเก้าอี้ที่เมื่อก่อนเฉียวซุนเคยนั่งอยู่บ่อย ๆ แต่เฉียวซุนก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะยังไงซะ เธอกับลู่เจ๋อก็หย่ากันแล้ว!จางหยวนเป็นคนเอาใจใส่และมีน้ำใจ แถมยังเตรียมอาหารให้อย่างระมัดระวังอีกต่างหากดูเหมือนเธอกับลู่เจ๋อจะเข้าใจกันได้ดี เห็นได้ชัดว่าเธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้มาสักระยะแล้ว......เฉียวซุนค่อนข้างใส่ใจแต่สิ่งที่คุณจางคนนี้ตาไม่มีแววเลยก็คือ เจ้าหนูลู่เหยียนอยากกินน่องไก่ ถึงได้ยื่นตะเกียบออกไป แต่น่องไก่อวบอ้วนอันนั้นก็ถูกจางหยวนคีบตัดหน้าไปแล้ว จากนั้นเธอก็วางมันลงบนชามของลู่เจ๋อเจ้าหนูลู่เหยียนจ้องตามตาไม่กะพริบน่องไก่มีแค่สองอันเท่านั้น เมื่อกี้เพิ่ง