เห็นได้ชัดว่ามันเหลือเพียงข้างเดียว แต่เจ้าของกลับไม่ยอมทิ้ง แถมยังเก็บเอาไว้อย่างดีเฉียวซุนหยิบมันขึ้นมาเธอมองดูอย่างเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้น กำแพงหินในใจของเธอก็ได้พังทลายลงลู่เจ๋อยังกล้าพูดอยู่อีก ว่าไม่จำเป็นต้องมีเธอก็ได้!ลู่เจ๋อยังกล้าพูดอีก ว่าจะหาผู้หญิงธรรมดา ๆ สักคน เพื่อมาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ร่วมกับเขา......เขาตีกรอบให้กับร่างกายที่เป็นแบบนี้ของเขาเอาไว้อย่างชัดเจน แล้วใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมานานกว่าสองปี แถมวางแผนจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดชีวิตอีกเขาขอให้เธอไปเริ่มต้นมีชีวิตใหม่ แต่เขาเองกลับใช้ชีวิตอย่างรันทดอยู่ในบ้านที่เป็นเรือนหอเก่าของพวกเขาทั้งที่เป็นแบบนี้แล้ว เขากลับยังจะกล้าพูดแบบนั้นอยู่อีก เขาสำหรับเธอแล้วก็คงเป็นได้แค่เท่านี้อารมณ์ปะทุขึ้นมาโดยไม่ทันคาดคิด!อดีตของพวกเขาเหล่านั้น มีทั้งดีและไม่ดี......ต่างก็รู้อยู่แก่ใจ!เธอนึกถึงความเฉยเมยของเขาในตอนที่พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกัน ช่วงวัยเยาว์ของเธอ เธอกลับต้องมานั่งอยู่ตรงมุมห้อง เพื่อช่วยลู่เจ๋อจัดเสื้อผ้าและเครื่องประดับสำหรับการออกไปข้างนอกของทุกวัน เธอเคยมีความสุขมากที่ได้เป็นภรรยาตัวน้อ
ลู่เจ๋อยิ้มอย่างขมขื่น “แล้วพวกเรายังจะทำอะไรได้อีก?”เขากดศีรษะของเธอ แล้วมองดูเธออย่างลึกซึ้ง ร่างกายของพวกเขาต่างก็สั่นจนแทบคุมไม่อยู่ความต้องการอันโหดเหี้ยมของชายหญิงกลับมีเพียงอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นเท่านั้นต่อให้จะรู้จักกันมามากกว่าสิบปี แต่งงานกันมาก็หลายปี ต่อให้จะเคยผ่านทั้งเรื่องสุขและทุกข์มามากมาย และต่อให้พวกเขาจะมีลูกร่วมกันมาแล้วสองคนก็ตาม แต่พวกเขากลับไม่เคยสัมผัสถึงส่วนลึกของจิตใจขนาดนี้มาก่อน มันทั้งชัดเจนและตรงไปตรงมา......แววตาของลู่เจ๋อเต็มไปด้วยความปรารถนาในตัวเธอแต่เขาก็ยังกดหัวเธอลง แล้วพูดแนบข้างหูของเธอ คำพูดนั้นราวกับมีญาติสนิทหรือรุ่นพี่กำลังบอกให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขยังไงอย่างงั้นเฉียวซุนยังคงตัวสั่นอย่างรุนแรงเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอที่อยู่ภายใต้แสงไฟ มันทั้งขาวและดูอบอุ่น ซึ่งเป็นภาพที่เขาชอบที่สุด เธอพูดเบา ๆ พร้อมกับน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น “จะให้ฉันมีชีวิตที่ดีอีกครั้งได้ยังไง ลู่เจ๋อ คุณบอกฉันที......ฉันจะใช้ชีวิตต่อไปให้ดีได้ยังไง? ”ลู่เจ๋อเองก็ไม่สามารถตอบได้เขาไม่อยากให้เธอต้องมัวมาเสียเวลา เขาคิดว่า พอเวลาผ่านไป เธอ
เขาไม่รู้ว่าเฉียวซุนกำลังป่วยอยู่ พอเขาส่งเฉียวซุนเสร็จ ก็จากไปทันทีเฉียวซุนกลับไปถึงบ้านอาจเป็นเพราะนาน ๆ จะกลับมาสักครั้ง จึงไม่ได้จ้างแม่บ้านให้มาดูแลอะพาร์ตเมนต์ ทำให้ในห้องเลยค่อนข้างรก......ตัวเธอไม่รู้สึกกระหายน้ำ แล้วก็ไม่อยากทานอะไรด้วย เธอตรงไปนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ทันทีเธอนึกถึงลู่เจ๋อ นึกถึงอดีตของพวกเขา แล้วก็นึกถึงอนาคตของพวกเขาด้วยพอคิดวกไปวนมา ไม่นานเฉียวซุนก็ค่อย ๆ ผล็อยหลับไปเธอฝัน ฝันว่าเธอได้ย้อนกลับไปเห็นตัวเองในตอนที่อายุได้ 18 ปี นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหัวใจเต้นแรงกับลู่เจ๋อ......ในวันนั้น บ้านพักลู่ได้จัดงานเลี้ยงที่ใหญ่โตขึ้นเฉียวซุนตามเสิ่นชิงไปร่วมงานด้วย แม้ว่าในปีนั้นเธอเพิ่งจะอายุเพียง 18 ปี แต่เธอก็มีฐานะที่ดีอยู่แล้ว ในตอนนั้นคุณหญิงลู่เองชอบเธอมาก และปฏิบัติต่อเธออย่างสนิทชิดเชื้อครึ่งชั่วโมงหลังจากการเต้นรำเริ่มต้น จู่ ๆ ประจำเดือนครั้งแรกของเฉียวซุนก็มาประจำเดือนของเธอมาช้า แต่พอมาก็มาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แถมเธอยังสวมชุดเดรสสีขาวล้วนอีก เดิมทีเสิ่นชิงจะพาเธอกลับ แต่คุณหญิงลู่ก็บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรขนาดนั้น จากนั้นเธอก็เป็นค
ลู่เจ๋อในวัย 22 ปีเองก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อนแต่เขาก็เคยดูหนังอย่างว่ากับเพื่อน ๆ มาบ้างเหมือนกัน ทุกครั้งที่ดูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แล้วก็ไม่ได้คิดจะหาผู้หญิงมาระบายอารมณ์ด้วย......แต่ว่าเมื่อกี้นี้ เขาเพิ่งจะเห็นเรือนร่างที่อ่อนเยาว์ของเฉียวซุน เขากลับทนไม่ไหวเอาซะอย่างนั้น!พออยู่ในวัยที่อายุยังน้อย ก็ไม่มีใครสามารถต้านทานต่อสิ่งกระตุ้นได้ทั้งนั้นลู่เจ๋อถึงขั้นดื่มน้ำเย็นลงไปตั้งสองแก้ว ถึงทำให้เขาพอจะสามารถระงับไฟกามชั่วร้ายได้ หลังจากที่เขารู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว เสียงขี้อายของเฉียวซุนก็ดังขึ้นมาจากห้องน้ำ “คุณช่วยเอาเสื้อผ้าบนเตียงมาให้ฉันหน่อยสิ”ลู่เจ๋อทิ้งขวดน้ำแร่ลงเมื่อมองแวบแรก บนเตียงมีชุดเดรสสีชมพูอ่อนวางพาดอยู่หนึ่งชุด มันนุ่มนวลและสวยมาก......ลู่เจ๋อเกือบจะจินตนาการถึงเฉียวซุนที่สวมชุดนั้นไปแล้ว ลูกกระเดือกของเขากลิ้งไปมา จากนั้นก็พูดคำพูดที่ไม่ค่อยน่าฟังออกมา “เธอเลือดไหลอยู่ไม่ใช่รึไง? ยังใส่ชุดนี้ได้อีกเหรอ? ”หลังจากพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหยิบชุดออกกำลังกายออกมาหนึ่งชุดเขาเคาะประตูห้องน้ำ “ใส่นี่สิ! ”เฉียวซุนเองก็ไม่อยากใส่ชุดเดรสแ
ลู่เจ๋อในวัย 22 ปี ซุกมือลงในกระเป๋ากางเกงอย่างเย็นชา แล้วพยักหน้าพอเขาได้เห็นของสิ่งนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “นี่มันผ้าอ้อมไม่ใช่รึไง? ”พนักงานขายยังอธิบายถึงประโยชน์ของมันอีกว่า “มันจะไม่ทำให้ผ้าปูที่นอนสกปรกแน่นอน ตอนกลางคืนจะกลิ้งไปกลิ้งมาแค่ไหนก็ได้ ถ้าได้ลองใช้แล้ว จะต้องกลับมาใช้ซ้ำแน่นอน! ”ลู่เจ๋อนึกถึงยัยเด็กโข่งที่อยู่ข้างนอก แล้วคิดว่านี่น่าจะเหมาะกับเธอมากกว่าท่าทางของเขายังคงเย็นชา และไม่พูดโต้ตอบอยู่ดีหลังจากที่เขาเดินจากไป พนักงานคิดเงินหลายคนก็มารวมตัวนินทากัน “บ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นเมื่อกี้หล่อมาก! ดูจากภายนอกแล้ว คงจะเป็นลูกคนรวยแน่ ๆ ดูนาฬิกาบนข้อมือของเขานั่นสิ ฉันเคยเห็นบนโฆษณา เหมือนจะเรือนละสิบล้านกว่าบาทเลยนะ”......ลู่เจ๋อเดินออกประตูมา เฉียวซุนก็ยังคงเกาะอยู่ที่เบาะหลังจักรยานอย่างเชื่อฟังเขาโยนถุงสีดำให้เธอ “เธอก็ไปหาห้องน้ำสาธารณะเปลี่ยนซะ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปส่งที่บ้านเอง! ยังไงเธอก็โทรบอกป้าของเธอก่อนด้วยละกัน...... ”เขาเตือนอีกครั้ง “ถ้าเธอพูดอะไรไร้สาระ ฉันจะทิ้งเธอไว้ที่นี่แน่”เฉียวซุนพูดด้วยความน้อยใจ “ถ้าคุณทิ้งฉันไว้ที่นี่
จมูกของเฉียวซุนรู้สึกแสบขึ้นมาเธอวางโทรศัพท์มือถือลง และนึกถึงวันเวลาที่เธอเคยอาศัยอยู่ที่สวนฉิน เธอนึกถึงคืนก่อนที่เจ้าหนูลู่เหยียนจะผ่าตัด ตอนนั้นลู่เจ๋อกำลังบอกลาเธออย่างไม่เต็มใจ แต่ในเวลานั้นเธอกลับกังวลแค่เรื่องของเจ้าหนูลู่เหยียนเท่านั้น จนไม่ได้ทันสังเกตว่าลู่เจ๋อทำตัวแปลกไปแต่ต่อให้ทุกอย่างจะย้อนกลับมาเริ่มใหม่ ต่อให้เธอจะรู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรก เธอก็ไม่สามารถหยุดลู่เจ๋อได้อยู่ดีอดีต ก็เป็นแค่เพียงอดีตที่ผ่านไปแล้วปัจจุบันและอนาคต ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด......เฉียวซุนไม่ได้ตอบกลับข้อความของลู่เจ๋ออีก เธอนัดเจอกับเลขาฉิน หากเธอต้องการที่จะพิชิตใจลู่เจ๋อ เธอก็ต้องขอความช่วยเหลือจากเลขาฉินนี่แหละพอฉินอวี้รับสาย เธอก็รู้สึกยินดีและตอบตกลงทันทีเธอติดตามลู่เจ๋อมานานหลายปีแล้ว และเธอเองก็ไปมาหาสู่กับเฉียวซุนอยู่บ่อย ๆ แล้วเธอก็คาดหวังอยู่เสมอว่าให้พวกเขากลับมาคืนดีกัน หลังจากที่วางสาย จมูกของเธอก็เริ่มรู้สึกแสบขึ้นมาอีก......เธอคิดว่า ถ้าเฉียวซุนกลับมาอยู่ข้างประธานลู่ได้จริง ๆ ร่างกายของเขาก็น่าจะฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่าเดิมช่วงบ่ายโมง พวกเธอนัดกันไว้ที่ร้านกาแฟแ
คุณหญิงลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่ถ่อมตนมาก ๆ เพราะเธอกลัวว่าเฉียวฉุนจะปฏิเสธ แถมยังตั้งใจเรียกพนักงานมาอีก “กาแฟเย็นหมดแล้ว ช่วยเปลี่ยนใหม่ให้ทีนะ เฉียวซุนของพวกเราชอบดื่มบลูเมาน์เท่นมากที่สุด”พนักงานเสิร์ฟยิ้มแล้วตอบตกลงคุณหญิงลู่มองกลับไปที่เฉียวซุนอีกครั้ง แล้วพูดขอร้อง “ฉันขอเวลาคุยด้วยสักเดี๋ยวได้ไหม? พูดแค่ไม่กี่คำเท่านั้น”เฉียวซุนค่อย ๆ นั่งลงอย่างเงียบ ๆคุณหญิงลู่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ต่อมาพนักงานก็นำกาแฟมาเสิร์ฟ แล้วเธอก็เอาใจใส่มากเช่นกัน แต่เฉียวซุนก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอดีมากนัก เพราะตนก็ยังไม่สามารถลืมสิ่งที่เธอทำกับตัวเองไปได้คุณหญิงลู่รู้สึกผิดหวัง แต่เธอก็รู้เหตุผลดีเธอพยายามฝืนบังคับตัวเองให้คุยกับเฉียวซุน เธอไม่ได้บอกสาเหตุอาการป่วยของลู่เจ๋อ เธอเพียงแต่ขอให้เฉียวซุนอยู่เคียงข้างลู่เจ๋อต่อ เพียงแค่ขอให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันเท่านั้นคุณหญิงลู่ปาดน้ำตา “ระหว่างพวกลูกก็มีลูกด้วยกันแล้วสองคน ต่างก็สกุลลู่ทั้งนั้น! เฉียวซุน ฉันเชื่อว่าหนูยังมีความรู้สึกกับลู่เจ๋ออยู่ ฉันจะไม่ขอให้หนูยกโทษให้ฉัน แต่ฉันแค่หวังว่าหนูจะเห็นแก่ลูกทั้งสอง กลับมาอยู่ข้างกายของลู่เจ๋อเถอ
ลู่เจ๋อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัวเฉียวซุนกลับมาแล้ว!เธอพาเด็ก ๆ กลับมาแล้ว......พอเห็นว่าเขาไม่ตอบสนอง เสียงของคนขับก็ยิ่งร่าเริงมากขึ้นกว่าเดิม “โถ่ คุณหนูเหยียนเหยียนก็น่าจะสูงขึ้นมาก แล้วยังมีนายน้อยลู่ฉวิน ตอนนี้ก็คงอยู่ในวัยหัดเดินด้วยแล้วล่ะมั้งครับ! เติบโตมาอย่างดีเลยทีเดียว แถมยังเหมือนกันกับคุณชาย ราวกับแกะมาจากพิมพ์เดียวกัน”ลู่เหยียน ลู่ฉวิน......ในใจลู่เจ๋อรู้สึกตื่นเต้นมาก จนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ลูกชายของผมกับเฉียวซุน ก็ต้องเหมือนผมอยู่แล้วสิ! ”ขาของเขาไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ก็พยายามจะเปิดประตูรถเมื่อเขาเห็นเฉียวซุนเฉียวซุนกำลังวางสัมภาระไว้ที่ท้ายรถ เจ้าหนูลู่เหยียนก็ยืนอยู่ข้าง ๆ หนูน้อยวัยหกขวบดูน่ารักน่าชังมาก ร่างกายผอมสูง เจ้าหนูลู่ฉวินถูกป้าของเขาจับเอาไว้ อายุเพิ่งจะขวบกว่า ๆ เหมือนที่เหล่าหลินบอก หน้าตาคล้ายกับลู่เจ๋อมากดวงตาของลู่เจ๋อแดงเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเจ้าหนูลู่ฉวินแล้วเขาเองก็ไม่ได้เจอเจ้าหนูลู่เหยียนนานแล้วเหมือนกันเขาคิดถึงมาก ๆเฉียวซุนปิดประตูท้ายรถ และกำลังจะพาเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นรถ เพ