เขารู้สึกผิดกับเด็กคนนี้มากขนาดไหน!กลิ่นควันตลบอบอวน แล้วหางตาของลู่เจ๋อก็มีน้ำตาไหลออกมา เขาไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าเจ้าหนูลู่เหยียนเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนจะเป็นยังไง แล้วเฉียวซุนล่ะ จะเป็นยังไง.....เขาไม่ร้องขอการให้อภัยจากเฉียวซุนอีกต่อไปเขาแค่อยากให้พวกเธอทั้งคู่ปลอดภัย......พอถึงรุ่งสาง ลู่เจ๋อก็ไปที่วัดหลิงเซียววัดโบราณที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขา ทั้งสะอาดและปราศจากฝุ่นเขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า แต่กลับคุกเข่าลงต่อหน้าพระพุทธรูปเป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมง เพียงเพื่อต้องการขอพรให้ท่านคุ้มครองเจ้าหนูลู่เหยียนตอนที่ลงจากภูเขา ลู่เจ๋อก็พบกับพระภิกษุรูปหนึ่งที่กำลังกวาดพื้นอยู่พระภิกษุรูปนั้นชี้ไปทางเขาแล้วยิ้ม “ไม่ว่าคุณจะบริจาคธูปมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถล้างบาปของคุณได้ เลือดก็ต้องล้างด้วยเลือด ชีวิตก็ต้องแลกด้วยชีวิต! ”เมื่อพระภิกษุจากไป เขาก็พึมพำอะไรบางอย่างออกมา “บนโลกนี้ผู้ชายช่างโหดเหี้ยมเสียจริง จะมีใครบ้างที่ยอมแลกชีวิตของตัวเองให้กับภรรยาและลูก? น่าขัน! น่าขันสิ้นดี! ”ลู่เจ๋อกลับยืนอยู่เงียบ ๆเขากำเครื่องรางไว้ในมือ แล้วพูดกับพระภิกษุเบา ๆ “ผมยอม! ”เขาติ
ในใจเลขาฉินรู้สึกเศร้าเธอต้องการปลอบเขา แต่กลับไม่สามารถปลอบเขาได้เลย......เวลาไม่สามารถเยียวยาทุกสิ่งได้ บาดแผลบางบาดแผลก็เหมือนจะเน่าเปื่อยอยู่ข้างในเนื้อหนัง ด้านนอกมองไม่ออก แต่ข้างในกลับเน่าเฟะจนเกินเยียวยาลู่เจ๋อขอให้เธอออกไปข้างนอกก่อน เขาบอกว่า เขาต้องการอยู่เงียบ ๆ สักพักรอจนในห้องทำงานไม่มีใครอื่นแล้ว เขาก็จุดบุหรี่ด้วยมือที่สั่นเทา แต่เขาก็รีบดับบุหรี่ทิ้งเขาคิดถึงเมื่อก่อน คิดถึงตอนที่เฉียวซุนเคยพูดไปพลางร้องไห้ไปพลางเธอพูดว่า ลู่เจ๋อ คุณไม่รู้จักวิธีรักใครเลยด้วยซ้ำ!ใช่!ในอดีต เขาไม่รู้จักวิธีรักคนอื่น เพราะในใจของเขา อำนาจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้หญิงและลูกก็เป็นเพียงเครื่องประดับ เป็นแค่สิ่งที่เขาจะมีเมื่อไหร่ก็ได้แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ารักคืออะไร กระทั่งข้าง ๆ เธอมีคนอื่นแล้วเขาก็รู้ แต่เขาก็ยังคงทำพินัยกรรมไว้อยู่ดี หากมีอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะมอบลู่ซื่อกรุ๊ปให้เธอทั้งหมดเครื่องรางที่เขาให้เจ้าหนูลู่เหยียนนั้นยังไม่เพียงพอ งั้นก็เพิ่มทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีเข้าไปชีวิตของเขา!โชคชะตาของเขา!เขายินดีที่จะใช้ทุกสิ่งที่ตัวเองมี เพื่อแลกกลับการที่ให้เจ้
เธออดไม่ได้ที่จะสะอื้นออกมาลู่เจ๋อเดินไปหาเธอ จับไหล่บาง ๆ ของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง และเรียกชื่อเธอเบา ๆ “เฉียวซุน! ”เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นท่าทางที่อ่อนแอของเธอ เธอจึงก้มหน้าลงเพื่อที่เขาจะได้ไม่เห็น แต่ลู่เจ๋อก็เพิ่มแรงขึ้นเล็กน้อยและกดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา......สักพัก ช่วงหน้าอกเสื้อเชิ้ตของเขาก็เปียกเป็นวงขึ้นมานั่นคือน้ำตาของเฉียวซุนหลังจากแยกทางกันหลายปี ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว ในที่สุดเธอก็ต้องมาอยู่ในอ้อมแขนของชายที่เธอเคยรักและเคยเกลียดจนได้ ร้องไห้จนไม่เป็นตัวเอง ร้องไห้จนควบคุมไม่อยู่ จุดอ่อนทั้งหมดของเธอถูกแสดงออกมาต่อหน้าเขา ไม่เหลือที่ให้ถอยอีกแล้ว!ลู่เจ๋อกอดเธอเอาไว้แน่นแค่กอดเธอเอาไว้เท่านั้น และช่วยพยุงเธอในตอนนี้ เขาถึงขั้นเต็มใจสละชีวิตให้เธอเลยด้วยซ้ำ เขากระซิบข้างหูเธอ เขาเรียกเธอว่าเสี่ยวซุน เขาบอกให้เธอหยุดร้องไห้ เขาบอกว่าเธอร้องไห้มากจนทำให้ใจของเขาแทบแตกสลาย......เจ้าหนูลู่เหยียนที่กำลังเล่นลูกบอลยางอยู่ ก็วิ่งเข้ามา และเห็นพวกเขากำลังกอดกันอยู่พอดีเฉียวซุนรีบผลักลู่เจ๋อออกอย่างรวดเร็วเธอหันหลังกลับ ทำเสียงให้สงบลงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ขอโ
ทันใดนั้นบรรยากาศก็ให้ความรู้ค่อนข้างอธิบายยากเฉียวซุนมองดูเขา เธอมองผ่านดวงตาของลู่เจ๋อ แต่กลับไม่สามารถมองเห็นความปรารถนาของชายคนนั้นได้เลย การแสดงออกของสีหน้าเขา อาจกล่าวได้ว่าเป็นสายตาที่จริงจังอย่างกับนักพรตเลยก็ว่าได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็ตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา “สองวันสุดท้ายแล้ว! ”พวกเขาต้องการมีลูกด้วยกันเฉียวซุนไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด เธอคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดเบา ๆ “ฉันขอไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อย...... ”ก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบ ก็ถูกลู่เจ๋ออุ้มขึ้นมา แล้วพาเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่นเฉียวซุนกลัวว่าตัวเองจะร่วง เธอจึงกอดคอเขาเบา ๆแม้ว่าท่าทางของเธอจะดูเรียบเฉยแต่ลู่เจ๋อกลับจำคืนวันแต่งงานขึ้นมาได้ เขาก็อุ้มเธอเข้าไปในห้องนอนแบบนี้เหมือนกัน ในตอนนั้น ใบหน้าของเฉียวซุนเต็มไปด้วยความเขินอายของเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงาน แต่คืนนั้นเขากลับไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอเท่าที่ควรก้าวเดินสั้น ๆ ไม่กี่ก้าว ก็ให้ความรู้สึกที่หลากหลายอาจเป็นเพราะมีบางอย่างติดอยู่ในใจของพวกเขา หรือบางทีที่พวกเขาทำแบบนี้อาจแค่ทำเพื่ออาการป่วยของเจ้าหนูลู่เหยียนเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมปล่อยเซ็กส์ของพ
ลู่เจ๋อไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมา แขนของเขากระชับขึ้น กอดร่างผอมเพรียวของเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา เขายังจูบเนื้อนุ่ม ๆ ที่หลังใบหูของเธออีกด้วย ทำให้เกิดเสียงคลุมเครือจากลำคอ “ผมรู้ ผมก็แค่อยากกอดคุณ”เฉียวซุนหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบเสียงหัวเราะที่เย็นชาของเธอ เขาจะไม่รู้ได้ยังไง เขากระซิบกับร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอ “เฉียวซุน อย่างน้อยปีนี้ พวกเราเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ! ”ในอดีต ลู่เจ๋อไม่เคยคิดเลย ว่าเขาจะจมลงสู่ห้วงของความรู้สึกขนาดนี้เขามองเธอด้วยสายตาที่ร้อนผ่าวเฉียวซุนยังคงหัวเราะด้วยสีหน้าที่ราบเรียบออกมา เธอตอบตกลง......ร่างกายของเธอถูกเขากดเอาไว้ จากนั้นเขาก็จูบเธออย่างบ้าคลั่ง เขาค่อย ๆ ดึงชุดนอนของเธอลง เขาอยากทำให้เธอพอใจและทำให้เธอมีความสุขในห้องนอน เจ้าหนูลู่เหยียนก็ตื่นขึ้นมาเธอขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่ง บนตัวยังคงสวมชุดนอนเต็มตัวอยู่ เธอทำเสียงเหมือนลูกแมว “หนูอยากเข้าห้องน้ำ! ”ร่างกายของลู่เจ๋อแข็งทื่อเล็กน้อย แต่เขายังคงกดทับเฉียวซุนไม่ปล่อย ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองไปที่เธอ สายของเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความลามกของผู้ชายที่ไม่ได้เห็
ช่วงบ่ายสองโมง เฉียวซุนขับรถออกไปเอง และพาเจ้าหนูลู่เหยียนไปที่ลู่ซื่อกรุ๊ปเจ้าหนูลู่เหยียนยืนกรานที่จะนำสุนัขมาด้วยทันทีที่เฉียวซุนจอดรถเจ้าหนูลู่เหยียนก็กอดลูกสุนัขวิ่งเข้าไปในห้องโถงอย่างร่าเริง อาจเป็นเพราะเซี่ยลี่ตัวน้อยมีพฤติกรรมสังเกตเจ้าของ มันเลยรู้ว่านี่คือบริษัทของเจ้านายตัวเอง มันเลยใช้ขาสั้น ๆ สี่ขาของมันเดินไปทั่ว......รองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า ตามด้วยเสียงของผู้หญิงที่เย็นชา “ที่นี่คือบริษัท! ทำไมถึงได้มีเด็กกับสุนัขได้! เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มาจัดการเอาสุนัขออกไปอีก? ”เฉียวซุนบังเอิญเดินเข้ามา เธอก็ได้เจอกับไป๋เสวี่ยพอไป๋เสวี่ยเห็นเธอ ก็เกิดตกตะลึง จากนั้นก็มองไปที่เจ้าหนูลู่เหยียนเสียงของไป๋เสวี่ยดูประหม่า “นี่คือลูกของคุณกับประธานลู่เหรอคะ? ”เฉียวซุนไม่ได้สนใจเธอเธอเดินตรงเข้าไปหาเจ้าหนูลู่เหยียน เจ้าหนูลู่เหยียนถูกดุจนร้องไห้ “แม่คะ เธอดุเซี่ยลี่ตัวน้อย แถมยังจะไล่มันไปอีก! แม่บอกพ่อให้ไล่เธอออกไปเลยนะ”เด็กน้อยคิดว่า บริษัทก็คงจะเหมือนกับโรงเรียนอนุบาล อยากไล่ใครไปก็ไล่ได้เฉียวซุนนั่งยอง ๆ และเช็ดน้ำตาให้เธ
เธอกลับพูดอย่างก้าวร้าวออกมา “ฉันจะไม่มีวันลืมเงินหนึ่งหมื่นบาทที่คุณนายลู่โปรยลงบนพื้นหิมะนั่นหรอกค่ะ”เฉียวซุนหัวเราะด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”ไป๋เสวี่ยโกรธจนแทบหายใจไม่ออกแต่แล้วเธอก็สงบลง เธอยื่นมือออกมาสางผมยาวของเธอ เป็นท่าทางที่ดูมีเสน่ห์มาก “คุณนายลู่ คุณไม่อยากรู้เรื่องราวในปีนั้นของฉันกับประธานลู่เหรอคะ? ”เฉียวซุนรู้สึกรำคาญมากเธอใช้ไม้คน คนกาแฟเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “คุณเองก็บอกว่าเป็นเรื่องของปีนั้น! เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น จำเป็นต้องเล่าด้วยเหรอคะ? แต่ฉันก็พอจะจำได้ว่า ตอนนั้นลู่เจ๋อเองก็ยังไม่ได้หย่าล่ะมั้ง! หรือต่อให้จะมีอะไรจริง ๆ นั่นมันก็คงเป็นการกระทำที่น่าอับอายของคุณไป๋ แล้วทำไมคุณถึงยังอยากจะเอามาพูดอวดอยู่อีกล่ะคะ? ”น้ำเสียงของเฉียวซุนดูสงบลง “คุณเชื่อไหมคะ ว่าฉันจะเอาเรื่องพวกนี้ไปบอกลู่เจ๋อ แล้วพรุ่งนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องมาทำงานแล้ว! ”ไป๋เสวี่ยมาที่นี่ก็เพื่อนำเสนอผลงานของเธอแต่เธอกลับอยากอยู่เมือง B ต่อ นี่คือความฝันของเธอเธอไม่เชื่อว่าเฉียวซุนจะมีความสามารถมากขนาดนั้น เธอรู้ว่าพวกเขาหย่ากันแล้ว แ
จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบลงการหายใจอันรวดเร็ว ความกระตือรือร้นของชายหญิงดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ราวกับว่าบนโลกใบนี้เหลือเพียงคำพูดนั้นของลู่เจ๋อแค่ประโยคเดียว......ผมรักคุณดวงตาของเฉียวซุนเปียกชื้นเธอมองเขาอย่างสิ้นหวัง และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ลู่เจอ พวเราจะพูดเรื่องอะไรกันก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เรื่องความรัก! ถ้าคุณรักฉันจริง ๆ คุณคงไม่ทำใจทำร้ายฉัน เสียสละฉัน ครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้หรอก! ”ทุกครั้งที่เขาทำร้ายเธอ มันทำให้เธอจำฝังใจไม่ลืมมันทำให้เธอต้องจำไปตลอดชีวิต!ที่ป้าเสิ่นพยายามทดสอบจิตใจของเธอ เพราะคิดว่าเธออาจจะกำลังลังเลอยู่ คิดว่าเธออาจจะอยากเริ่มต้นใหม่กับลู่เจ๋ออีกครั้งใช่ ลู่เจ๋อในตอนนี้เป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่นมากขึ้นแต่ความเจ็บปวดที่เขาเคยทำกับเธอ มันก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันทุกตั้งที่ถึงฤดูหนาว ร่างกายของเธอจะมีอาการหนาวสั่นทะลุเข้าไปถึงกระดูก บางครั้งในตอนกลางคืนเธอก็จะฝันเห็นตัวเองซุกตัวอยู่มุมหนึ่งในวิลล่า ทำได้แค่รอให้ถึงรุ่งสางอย่างสิ้นหวัง......เพราะเมื่อถึงรุ่งสาง แสงจากพระอาทิตย์ก็พอจะทำให้อุ่นขึ้นบ้างพอคิดถึงเรื่องพวกนั้น ทุกอย่างก็เย็นลงทันที
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว