จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบลงการหายใจอันรวดเร็ว ความกระตือรือร้นของชายหญิงดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ราวกับว่าบนโลกใบนี้เหลือเพียงคำพูดนั้นของลู่เจ๋อแค่ประโยคเดียว......ผมรักคุณดวงตาของเฉียวซุนเปียกชื้นเธอมองเขาอย่างสิ้นหวัง และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ลู่เจอ พวเราจะพูดเรื่องอะไรกันก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เรื่องความรัก! ถ้าคุณรักฉันจริง ๆ คุณคงไม่ทำใจทำร้ายฉัน เสียสละฉัน ครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้หรอก! ”ทุกครั้งที่เขาทำร้ายเธอ มันทำให้เธอจำฝังใจไม่ลืมมันทำให้เธอต้องจำไปตลอดชีวิต!ที่ป้าเสิ่นพยายามทดสอบจิตใจของเธอ เพราะคิดว่าเธออาจจะกำลังลังเลอยู่ คิดว่าเธออาจจะอยากเริ่มต้นใหม่กับลู่เจ๋ออีกครั้งใช่ ลู่เจ๋อในตอนนี้เป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่นมากขึ้นแต่ความเจ็บปวดที่เขาเคยทำกับเธอ มันก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันทุกตั้งที่ถึงฤดูหนาว ร่างกายของเธอจะมีอาการหนาวสั่นทะลุเข้าไปถึงกระดูก บางครั้งในตอนกลางคืนเธอก็จะฝันเห็นตัวเองซุกตัวอยู่มุมหนึ่งในวิลล่า ทำได้แค่รอให้ถึงรุ่งสางอย่างสิ้นหวัง......เพราะเมื่อถึงรุ่งสาง แสงจากพระอาทิตย์ก็พอจะทำให้อุ่นขึ้นบ้างพอคิดถึงเรื่องพวกนั้น ทุกอย่างก็เย็นลงทันที
บนคอของหลินเซียว สวมสร้อยคอทับทิมเส้นนั้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน!ภายนอกของลู่เจ๋อดูสงบ แต่ภายในกลับรู้สึกตกใจที่แท้เฉียวซุนก็ไม่ได้คบอยู่กับคุณฟ่าน ที่แท้หลินเซียวก็เป็นแฟนคุณฟ่าน ที่แท้ข้าง ๆ ของเฉียวซุนก็ยังไม่มีใคร......ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่สนใจเรื่องนี้!ลู่เจ๋อเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเขาเคยคิดว่าเฉียวซุนกับคุณฟ่านคบกันอยู่ กระทั่งในหัวของเขาเองก็เคยคิดว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์ที่สับสนอลหม่านกับคนอื่นมาแล้วด้วยซ้ำ จนทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้ ทำให้เขาไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้สำเร็จตอนนี้ เขาต้องการอยู่ร่วมกันกับเธอจริง ๆลู่เจ๋อนั่งอยู่ในรถแม้ว่าเขาจะอายุสามสิบปีแล้ว แต่เขาก็มีความกระตือรือร้นและยังมีความหุนหันพลันแล่นเหมือนเด็กหนุ่มอยู่ เขาต้องการกลับไปที่สวนชิงเดี๋ยวนี้ อยากที่จะเจอเฉียวซุนทันทีคนขับกำลังจะขับรถออกไป ก็มีร่างเพรียวบาง มาหยุดรถเอาไว้คือไป๋เสวี่ยทันทีที่ไป๋เสวี่ยเห็นรถหยุด เธอก็วิ่งไปหลังรถทันที และตบกระจกรถ “คุณลู่คะ ฉันอยากพบคุณค่ะ”ลู่เจ๋อคิดอยู่สองวินาที แล้วลดหน้าต่างลงเขานั่งอยู่ในรถ แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวหิมะที่ดูเรียบหรูไป๋เสวี่ย
เฉียวซุนไม่ได้สังเกตเห็นหลู่เจ๋อที่นอกประตู เธอหยิบไวโอลินขึ้นมา ยืนอยู่หน้าต่าง และเล่นเพลงให้เจ้าหนูลู่เหยียนฟัง ถึงแม้จะไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่ทั้งท่วงท่าและเสียงก็สวยงามและไพเราะมากพอเพลงจบลงเฉียวซุนหันกลับมา และกำลังจะคุยกับเจ้าหนูลู่เหยียน แต่เธอกลับเห็นลู่เจ๋อ......ดวงตาของลู่เจ๋อกลับเป็นประกายยิ่งขึ้นกว่าเดิมแต่เพราะมีเจ้าหนูลู่เหยียนอยู่ด้วย เขาเลยยังต้องควบคุมตัวเองเอาไว้ แล้วเดินไปที่โซฟาเพื่อนั่งลง ตอนอยู่ในงานเลี้ยง เขาดื่มไวน์แดงไปสองแก้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเจือไปด้วยอาการเมานิดหน่อย ภายใต้โคมไฟคริสตัลกลับทำให้เขาดูมีเสน่ห์หลังจากสร่างเมาได้สักพัก เจ้าหนูลู่เหยียนก็ปีนขึ้นมาบนตัวเขา เธออยากให้พ่อของเธอกอดลู่เจ๋อจับตัวเล็ก ๆ ของเธอขึ้นมาเขาให้เธอนั่งบนเอวของเขา แล้วยังนำลูกสุนัขมาให้เธอด้วย แต่เจ้าหนูลู่เหยียนกลับเริ่มนับกระดานซักผ้าตรงหน้าท้องของพ่อเธอ นับก้อนเนื้อทีละก้อนทีละก้อน มันแข็งเอามาก ๆ......ลู่เจ๋อก้มมองเธอ แต่คำพูด เขากลับพูดกับเฉียวซุนอย่างอ่อนโยน “ทำไมคุณถึงคิดจะสอนไวโอลินให้เธอ? ”เฉียวซุนสัมผัสที่ตัวไวโอลินเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน เธอ
เขาพิงเธอ และพึมพำอย่างเย้ายวน “เมื่อคืนไม่มีอารมณ์ แล้วคืนนี้ก็ไม่ใช่วันไข่ตก......เฉียวซุน นี่คุณจงใจแกล้งผมอยู่เหรอ? คุณคิดว่าต้องรอให้ถึงช่วงไข่ตกผมถึงจะแตะต้องคุณ ผมถึงจะทำเรื่องอย่างว่ากับคุณอย่างงั้นเหรอ? ”“ใช่! ”เฉียวซุนตอบกลับอย่างเด็ดขาดเธอผลักลู่เจ๋อออกไป สงบใจลงเล็กน้อย และพูดอย่างชัดเจนกับเขา “ฉันย้ายมาที่นี่ก็เพื่อเจ้าหนูลู่เหยียน ไม่ใช่เพื่อกลับมาคบกับคุณ! ใช่ ข้างกายฉันยังไม่มีใคร แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมรับคุณ! ”ลู่เจ๋อรู้สึกเศร้าเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ออกมาที่เฉียวซุนปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ มันก็สมควรแล้วเขาไม่ได้บังคับเธอ......แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง ยังคงดูเย็นชาอยู่ดีเสิ่นชิงดูสถานการณ์ออก เธอกลัวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะส่งผลกระทบต่อเจ้าหนูลู่เหยียน เฉียวซุนพูดอย่างใจเย็น “ลู่เจ๋อ ต่อหน้าลูก คุณก็หัดยับยั้งชั่งใจบ้างนะ! ”อันที่จริง เธอเองก็รู้สึกได้ว่า ลู่เจ๋อต้องการชดใช้ให้เธอจริง ๆแต่เธอ......กลับไม่อยากยอมรับ!เฉียวซุนลดงานให้น้อยลง เธอพาเจ้าหนูลู่เหยียนไปที่สวนสนุกตอนเช้ามีเด็กค่อนข้างน้อย ซึ่งค
ชายคนนั้นแต่งตัวเรียบง่าย แต่ต่อให้เขาจะกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว แต่เธอก็ยังจำเขาในนามของลู่เหวินหลี่ได้อยู่หลังจากหลายปีผ่านไปในที่สุดเขาก็กลับมา!อดีตสามีภรรยามองหน้ากัน กระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังคงเป็นสามีภรรยากันอยู่ ปีนั้นตอนที่เขาจากไป ก็ไม่ได้ทำการหย่าอย่างเป็นทางการ......ใบหน้าของคุณหญิงลู่เต็มไปด้วยน้ำตา เธอไม่สามารถแบกรับการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันนี้ได้ ในใจของเธอ ลู่เหวินหลี่ได้ตายจากเธอไปแล้ว ไม่งั้นทำไมเขาถึงไม่อยู่กับสองแม่ลูกเฮ่อหยุนล่ะ?ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเธอมีโอกาสตั้งมากมาย แต่เธอกลับไม่เคยถามเฮ่อหยุนเลยสักครั้งเพราะความหยิ่งทะนงริมฝีปากของเธอสั่น เธอมองดูผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งเกลียดมาทั้งชีวิต แล้วบ่นพึมพำ “คุณมันโหดร้ายมาก! ”ลู่เหวินหลี่ก้าวไปข้างหน้าแต่นางลูกลับก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า แล้วก็เดินโซเซจากไปในใจของเธอ สามีของเธอเสียชีวิตในต่างประเทศไปนานแล้ว......ที่ทางเข้าของสวนชิงเจ้าหนูลู่เหยียนยังเล่นไม่พอ เธอปฏิเสธที่จะไปนอน เธออยากเล่นบนสนามหญ้าในลานบ้านให้นานกว่านี้เสิ่นชิงชินกับนิสัยของเด็กน้อย เธอจึงพูดของเฉียวซุนว่
เฉียวซุนมีบางอย่างค้างคาอยู่ในใจ และรู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่งลู่เจ๋อเปิดไฟแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ผมเอง! เป็นอะไรเหรอ? ”ภายใต้แสงสีเหลืองสลัว ๆเฉียวซุนไม่ได้พูดอะไร เธอมองตรงไปที่เขา ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนั้นกับเขายังไงดียากมากที่สีหน้าของเธอจะดูอ่อนโยนแบบนี้ และลู่เจ๋อก็อดไม่ได้ที่จะกอดเธอ ผลักตัวเธอไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และจูบเธอ......เฉียวซุนพยายามต่อต้านแต่แสงจากโคมไฟสว่างเกินไป เธอกลัวว่าจะทำให้ลูกตื่น เลยทำได้แค่ยื้อยุดฉุดกระชากอยู่อย่างนั้นเธอมักจะเหม่อลอยอยู่เสมอ......ลู่เจ๋อหยุดการกระทำลง กดริมฝีปากของเธอ เปิดปากแล้วถามว่า “เป็นอะไรรึเปล่า? ”เฉียวซุนเอนตัวพิงโต๊ะเครื่องแป้งเบา ๆ ชุดนอนผ้าไหมบนตัวก็ถูกลู่เจ๋อฉีกเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว ในเวลานี้ อารมณ์ของเธอค่อนข้างจะเดือดดาลพอสมควร แต่เธอก็ไม่สนใจเรื่องนี้ เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขา แล้วพูดเบา ๆ “ฉันเพิ่งจะเจอกับใครบางคน น่าจะเป็นพ่อของคุณ! ”เกือบจะในทันที สีหน้าของลู่เจ๋อก็หยุดนิ่งลงดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองไปที่เฉียวซุน ราวกับว่าต้องการจะยืนยันในสิ่งที่เธอพูด เฉียวซุนพูดเบา ๆ อีกครั้ง “น่าจะเป็นลู่เหวินหล
ทำไมเขาถึงไม่มองไม่ออกเลยว่าในใจของเฉียวซุนยังคงรู้สึกต่อเขาอยู่ ก็แค่ส่วนใหญ่เธอเกลียดเขามากกว่าก็เท่านั้น ก็แค่เธอไม่อยากยอมรับก็เท่านั้น......ถ้าเธอไม่รักเขาจริง ๆ เธอก็คงจะปล่อยให้เขาทำแบบนี้กับเธอหรอกแต่แค่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่สามารถรับรู้ได้โดยที่ไม่ต้องพูดก็เท่านั้น!......พอกลับมานอนบนเตียงอีกครั้ง เฉียวซุนก็ยังคงนอนอยู่ข้าง ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนนานมากแล้วที่เธอไม่ได้นอนดี ๆ สักทีเธอรู้ด้วยว่าคืนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่ค่อยเต็มใจที่จะยอมรับมันเท่าไหร่......ลู่เจ๋อไม่ได้พูดถึงมัน และเธอเองก็จะไม่ได้พูดออกมาเช่นกัน เธอคิดเอาไว้แล้วว่า ยังไงเธอก็จะจากไปอยู่ดีเธอไม่ใช่สาวน้อยที่เธอเคยเป็นตั้งนานแล้วระหว่างเธอกับลู่เจ๋อ มีทั้งความสุขและความเศร้ามากมายขั้นกลางเอาไว้อยู่ แค่ความสุขทางกายไม่กี่ครั้ง จะทำให้ทั้งคู่กลับมาคบกันได้ยังไง......มือของเธอถูกจับเอาไว้......เป็นลู่เจ๋อภายใต้ความมืด เขาถามเธอด้วยเสียงที่แหบแห้ง “คุณกำลังคิดอะไรอยู่? ”เฉียวซุนส่ายหัวเบา ๆ “ฉันไม่ได้คิดอะไร! นี่ก็ดึกมากแล้ว......คุณนอนเถอะ
เขาหันไปด้านข้าง แล้วมองไปที่ลู่เจ๋อ “ประธานลู่ครับ เป็นคุณผู้ชาย......คุณอยากจะพบเขาไหมครับ?”ใบหน้าของลู่เจ๋อไร้ความรู้สึก “นายหมายถึงลู่เหวินหลี่เหรอ? ”คนขับไม่กล้าพูดอะไรลู่เจ๋อลดหน้าต่างลง แล้วมองไปยังด้านข้างของรถ......จากนั้นเขาก็เห็นลู่เหวินหลี่ชายคนนั้นอายุมากกว่าที่เขาจำได้เล็กน้อย เขาจำได้ว่าตอนที่เขาจากไปในปีนั้น เขายังอายุไม่ถึง 40 ปี ซึ่งเป็นอายุที่ลงตัวที่สุดสำหรับผู้ชายมีแค่กระจกรถที่กั้นระหว่างพ่อลูกเท่านั้น แต่กลับเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันลู่เหวินหลี่มองไปที่ลูกชายของตัวเองเช้าวันนี้ ลู่เจ๋อจะต้องไปประชุมผู้ถือหุ้น เขาสวมชุดสูททำมือสุดหรูสไตล์อังกฤษ มีใบหน้าที่หล่อเหลา บนตัวของเขาได้สลัดทิ้งคราบของเด็กชายเมื่อตอนยังเป็นเด็กไปจนหมด สายตาของเขาเย็นชาอย่างมาก ราวกับกำลังมีคนแปลกหน้ามองมาที่ตัวเองอยู่มือของลู่เหวินหลี่เริ่มสั่นเขาอยากที่จะเรียกชื่อลู่เจ๋อ แต่ลู่เจ๋อกลับไม่เปิดโอกาสให้เขาเลย ลู่เจ๋อมองเขาอย่างเย็นชา แต่เสียงของเขาก็เย็นชายิ่งกว่า “ในเมื่อคุณเลือกที่จะจากไปแล้ว ทำไมคุณถึงยังกลับมาอยู่อีก? เป็นเพราะแก่แล้ว......เลยอยากได้คนเลี้ยงดูยามแก่