เธอกลับพูดอย่างก้าวร้าวออกมา “ฉันจะไม่มีวันลืมเงินหนึ่งหมื่นบาทที่คุณนายลู่โปรยลงบนพื้นหิมะนั่นหรอกค่ะ”เฉียวซุนหัวเราะด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”ไป๋เสวี่ยโกรธจนแทบหายใจไม่ออกแต่แล้วเธอก็สงบลง เธอยื่นมือออกมาสางผมยาวของเธอ เป็นท่าทางที่ดูมีเสน่ห์มาก “คุณนายลู่ คุณไม่อยากรู้เรื่องราวในปีนั้นของฉันกับประธานลู่เหรอคะ? ”เฉียวซุนรู้สึกรำคาญมากเธอใช้ไม้คน คนกาแฟเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “คุณเองก็บอกว่าเป็นเรื่องของปีนั้น! เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น จำเป็นต้องเล่าด้วยเหรอคะ? แต่ฉันก็พอจะจำได้ว่า ตอนนั้นลู่เจ๋อเองก็ยังไม่ได้หย่าล่ะมั้ง! หรือต่อให้จะมีอะไรจริง ๆ นั่นมันก็คงเป็นการกระทำที่น่าอับอายของคุณไป๋ แล้วทำไมคุณถึงยังอยากจะเอามาพูดอวดอยู่อีกล่ะคะ? ”น้ำเสียงของเฉียวซุนดูสงบลง “คุณเชื่อไหมคะ ว่าฉันจะเอาเรื่องพวกนี้ไปบอกลู่เจ๋อ แล้วพรุ่งนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องมาทำงานแล้ว! ”ไป๋เสวี่ยมาที่นี่ก็เพื่อนำเสนอผลงานของเธอแต่เธอกลับอยากอยู่เมือง B ต่อ นี่คือความฝันของเธอเธอไม่เชื่อว่าเฉียวซุนจะมีความสามารถมากขนาดนั้น เธอรู้ว่าพวกเขาหย่ากันแล้ว แ
จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบลงการหายใจอันรวดเร็ว ความกระตือรือร้นของชายหญิงดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ราวกับว่าบนโลกใบนี้เหลือเพียงคำพูดนั้นของลู่เจ๋อแค่ประโยคเดียว......ผมรักคุณดวงตาของเฉียวซุนเปียกชื้นเธอมองเขาอย่างสิ้นหวัง และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ลู่เจอ พวเราจะพูดเรื่องอะไรกันก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เรื่องความรัก! ถ้าคุณรักฉันจริง ๆ คุณคงไม่ทำใจทำร้ายฉัน เสียสละฉัน ครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้หรอก! ”ทุกครั้งที่เขาทำร้ายเธอ มันทำให้เธอจำฝังใจไม่ลืมมันทำให้เธอต้องจำไปตลอดชีวิต!ที่ป้าเสิ่นพยายามทดสอบจิตใจของเธอ เพราะคิดว่าเธออาจจะกำลังลังเลอยู่ คิดว่าเธออาจจะอยากเริ่มต้นใหม่กับลู่เจ๋ออีกครั้งใช่ ลู่เจ๋อในตอนนี้เป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่นมากขึ้นแต่ความเจ็บปวดที่เขาเคยทำกับเธอ มันก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันทุกตั้งที่ถึงฤดูหนาว ร่างกายของเธอจะมีอาการหนาวสั่นทะลุเข้าไปถึงกระดูก บางครั้งในตอนกลางคืนเธอก็จะฝันเห็นตัวเองซุกตัวอยู่มุมหนึ่งในวิลล่า ทำได้แค่รอให้ถึงรุ่งสางอย่างสิ้นหวัง......เพราะเมื่อถึงรุ่งสาง แสงจากพระอาทิตย์ก็พอจะทำให้อุ่นขึ้นบ้างพอคิดถึงเรื่องพวกนั้น ทุกอย่างก็เย็นลงทันที
บนคอของหลินเซียว สวมสร้อยคอทับทิมเส้นนั้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน!ภายนอกของลู่เจ๋อดูสงบ แต่ภายในกลับรู้สึกตกใจที่แท้เฉียวซุนก็ไม่ได้คบอยู่กับคุณฟ่าน ที่แท้หลินเซียวก็เป็นแฟนคุณฟ่าน ที่แท้ข้าง ๆ ของเฉียวซุนก็ยังไม่มีใคร......ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่สนใจเรื่องนี้!ลู่เจ๋อเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเขาเคยคิดว่าเฉียวซุนกับคุณฟ่านคบกันอยู่ กระทั่งในหัวของเขาเองก็เคยคิดว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์ที่สับสนอลหม่านกับคนอื่นมาแล้วด้วยซ้ำ จนทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้ ทำให้เขาไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้สำเร็จตอนนี้ เขาต้องการอยู่ร่วมกันกับเธอจริง ๆลู่เจ๋อนั่งอยู่ในรถแม้ว่าเขาจะอายุสามสิบปีแล้ว แต่เขาก็มีความกระตือรือร้นและยังมีความหุนหันพลันแล่นเหมือนเด็กหนุ่มอยู่ เขาต้องการกลับไปที่สวนชิงเดี๋ยวนี้ อยากที่จะเจอเฉียวซุนทันทีคนขับกำลังจะขับรถออกไป ก็มีร่างเพรียวบาง มาหยุดรถเอาไว้คือไป๋เสวี่ยทันทีที่ไป๋เสวี่ยเห็นรถหยุด เธอก็วิ่งไปหลังรถทันที และตบกระจกรถ “คุณลู่คะ ฉันอยากพบคุณค่ะ”ลู่เจ๋อคิดอยู่สองวินาที แล้วลดหน้าต่างลงเขานั่งอยู่ในรถ แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวหิมะที่ดูเรียบหรูไป๋เสวี่ย
เฉียวซุนไม่ได้สังเกตเห็นหลู่เจ๋อที่นอกประตู เธอหยิบไวโอลินขึ้นมา ยืนอยู่หน้าต่าง และเล่นเพลงให้เจ้าหนูลู่เหยียนฟัง ถึงแม้จะไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่ทั้งท่วงท่าและเสียงก็สวยงามและไพเราะมากพอเพลงจบลงเฉียวซุนหันกลับมา และกำลังจะคุยกับเจ้าหนูลู่เหยียน แต่เธอกลับเห็นลู่เจ๋อ......ดวงตาของลู่เจ๋อกลับเป็นประกายยิ่งขึ้นกว่าเดิมแต่เพราะมีเจ้าหนูลู่เหยียนอยู่ด้วย เขาเลยยังต้องควบคุมตัวเองเอาไว้ แล้วเดินไปที่โซฟาเพื่อนั่งลง ตอนอยู่ในงานเลี้ยง เขาดื่มไวน์แดงไปสองแก้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเจือไปด้วยอาการเมานิดหน่อย ภายใต้โคมไฟคริสตัลกลับทำให้เขาดูมีเสน่ห์หลังจากสร่างเมาได้สักพัก เจ้าหนูลู่เหยียนก็ปีนขึ้นมาบนตัวเขา เธออยากให้พ่อของเธอกอดลู่เจ๋อจับตัวเล็ก ๆ ของเธอขึ้นมาเขาให้เธอนั่งบนเอวของเขา แล้วยังนำลูกสุนัขมาให้เธอด้วย แต่เจ้าหนูลู่เหยียนกลับเริ่มนับกระดานซักผ้าตรงหน้าท้องของพ่อเธอ นับก้อนเนื้อทีละก้อนทีละก้อน มันแข็งเอามาก ๆ......ลู่เจ๋อก้มมองเธอ แต่คำพูด เขากลับพูดกับเฉียวซุนอย่างอ่อนโยน “ทำไมคุณถึงคิดจะสอนไวโอลินให้เธอ? ”เฉียวซุนสัมผัสที่ตัวไวโอลินเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน เธอ
เขาพิงเธอ และพึมพำอย่างเย้ายวน “เมื่อคืนไม่มีอารมณ์ แล้วคืนนี้ก็ไม่ใช่วันไข่ตก......เฉียวซุน นี่คุณจงใจแกล้งผมอยู่เหรอ? คุณคิดว่าต้องรอให้ถึงช่วงไข่ตกผมถึงจะแตะต้องคุณ ผมถึงจะทำเรื่องอย่างว่ากับคุณอย่างงั้นเหรอ? ”“ใช่! ”เฉียวซุนตอบกลับอย่างเด็ดขาดเธอผลักลู่เจ๋อออกไป สงบใจลงเล็กน้อย และพูดอย่างชัดเจนกับเขา “ฉันย้ายมาที่นี่ก็เพื่อเจ้าหนูลู่เหยียน ไม่ใช่เพื่อกลับมาคบกับคุณ! ใช่ ข้างกายฉันยังไม่มีใคร แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมรับคุณ! ”ลู่เจ๋อรู้สึกเศร้าเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ออกมาที่เฉียวซุนปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ มันก็สมควรแล้วเขาไม่ได้บังคับเธอ......แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง ยังคงดูเย็นชาอยู่ดีเสิ่นชิงดูสถานการณ์ออก เธอกลัวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะส่งผลกระทบต่อเจ้าหนูลู่เหยียน เฉียวซุนพูดอย่างใจเย็น “ลู่เจ๋อ ต่อหน้าลูก คุณก็หัดยับยั้งชั่งใจบ้างนะ! ”อันที่จริง เธอเองก็รู้สึกได้ว่า ลู่เจ๋อต้องการชดใช้ให้เธอจริง ๆแต่เธอ......กลับไม่อยากยอมรับ!เฉียวซุนลดงานให้น้อยลง เธอพาเจ้าหนูลู่เหยียนไปที่สวนสนุกตอนเช้ามีเด็กค่อนข้างน้อย ซึ่งค
ชายคนนั้นแต่งตัวเรียบง่าย แต่ต่อให้เขาจะกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว แต่เธอก็ยังจำเขาในนามของลู่เหวินหลี่ได้อยู่หลังจากหลายปีผ่านไปในที่สุดเขาก็กลับมา!อดีตสามีภรรยามองหน้ากัน กระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังคงเป็นสามีภรรยากันอยู่ ปีนั้นตอนที่เขาจากไป ก็ไม่ได้ทำการหย่าอย่างเป็นทางการ......ใบหน้าของคุณหญิงลู่เต็มไปด้วยน้ำตา เธอไม่สามารถแบกรับการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันนี้ได้ ในใจของเธอ ลู่เหวินหลี่ได้ตายจากเธอไปแล้ว ไม่งั้นทำไมเขาถึงไม่อยู่กับสองแม่ลูกเฮ่อหยุนล่ะ?ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเธอมีโอกาสตั้งมากมาย แต่เธอกลับไม่เคยถามเฮ่อหยุนเลยสักครั้งเพราะความหยิ่งทะนงริมฝีปากของเธอสั่น เธอมองดูผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งเกลียดมาทั้งชีวิต แล้วบ่นพึมพำ “คุณมันโหดร้ายมาก! ”ลู่เหวินหลี่ก้าวไปข้างหน้าแต่นางลูกลับก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า แล้วก็เดินโซเซจากไปในใจของเธอ สามีของเธอเสียชีวิตในต่างประเทศไปนานแล้ว......ที่ทางเข้าของสวนชิงเจ้าหนูลู่เหยียนยังเล่นไม่พอ เธอปฏิเสธที่จะไปนอน เธออยากเล่นบนสนามหญ้าในลานบ้านให้นานกว่านี้เสิ่นชิงชินกับนิสัยของเด็กน้อย เธอจึงพูดของเฉียวซุนว่
เฉียวซุนมีบางอย่างค้างคาอยู่ในใจ และรู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่งลู่เจ๋อเปิดไฟแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ผมเอง! เป็นอะไรเหรอ? ”ภายใต้แสงสีเหลืองสลัว ๆเฉียวซุนไม่ได้พูดอะไร เธอมองตรงไปที่เขา ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนั้นกับเขายังไงดียากมากที่สีหน้าของเธอจะดูอ่อนโยนแบบนี้ และลู่เจ๋อก็อดไม่ได้ที่จะกอดเธอ ผลักตัวเธอไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และจูบเธอ......เฉียวซุนพยายามต่อต้านแต่แสงจากโคมไฟสว่างเกินไป เธอกลัวว่าจะทำให้ลูกตื่น เลยทำได้แค่ยื้อยุดฉุดกระชากอยู่อย่างนั้นเธอมักจะเหม่อลอยอยู่เสมอ......ลู่เจ๋อหยุดการกระทำลง กดริมฝีปากของเธอ เปิดปากแล้วถามว่า “เป็นอะไรรึเปล่า? ”เฉียวซุนเอนตัวพิงโต๊ะเครื่องแป้งเบา ๆ ชุดนอนผ้าไหมบนตัวก็ถูกลู่เจ๋อฉีกเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว ในเวลานี้ อารมณ์ของเธอค่อนข้างจะเดือดดาลพอสมควร แต่เธอก็ไม่สนใจเรื่องนี้ เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขา แล้วพูดเบา ๆ “ฉันเพิ่งจะเจอกับใครบางคน น่าจะเป็นพ่อของคุณ! ”เกือบจะในทันที สีหน้าของลู่เจ๋อก็หยุดนิ่งลงดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองไปที่เฉียวซุน ราวกับว่าต้องการจะยืนยันในสิ่งที่เธอพูด เฉียวซุนพูดเบา ๆ อีกครั้ง “น่าจะเป็นลู่เหวินหล
ทำไมเขาถึงไม่มองไม่ออกเลยว่าในใจของเฉียวซุนยังคงรู้สึกต่อเขาอยู่ ก็แค่ส่วนใหญ่เธอเกลียดเขามากกว่าก็เท่านั้น ก็แค่เธอไม่อยากยอมรับก็เท่านั้น......ถ้าเธอไม่รักเขาจริง ๆ เธอก็คงจะปล่อยให้เขาทำแบบนี้กับเธอหรอกแต่แค่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่สามารถรับรู้ได้โดยที่ไม่ต้องพูดก็เท่านั้น!......พอกลับมานอนบนเตียงอีกครั้ง เฉียวซุนก็ยังคงนอนอยู่ข้าง ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนนานมากแล้วที่เธอไม่ได้นอนดี ๆ สักทีเธอรู้ด้วยว่าคืนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่ค่อยเต็มใจที่จะยอมรับมันเท่าไหร่......ลู่เจ๋อไม่ได้พูดถึงมัน และเธอเองก็จะไม่ได้พูดออกมาเช่นกัน เธอคิดเอาไว้แล้วว่า ยังไงเธอก็จะจากไปอยู่ดีเธอไม่ใช่สาวน้อยที่เธอเคยเป็นตั้งนานแล้วระหว่างเธอกับลู่เจ๋อ มีทั้งความสุขและความเศร้ามากมายขั้นกลางเอาไว้อยู่ แค่ความสุขทางกายไม่กี่ครั้ง จะทำให้ทั้งคู่กลับมาคบกันได้ยังไง......มือของเธอถูกจับเอาไว้......เป็นลู่เจ๋อภายใต้ความมืด เขาถามเธอด้วยเสียงที่แหบแห้ง “คุณกำลังคิดอะไรอยู่? ”เฉียวซุนส่ายหัวเบา ๆ “ฉันไม่ได้คิดอะไร! นี่ก็ดึกมากแล้ว......คุณนอนเถอะ
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว