วันรุ่งขึ้น เฉียวซุนก็ไปที่ลู่สือกรุ๊ป เธอฝากให้เลขาฉินไปส่งเอกสารแทน ขอให้เธอส่งต่อ เลขาฉินถืออย่างลังเลแล้วถามว่า “คุณไปคุยกับคุณลู่ดีไหมคะ? ช่วงนี้เห็นได้ชัดว่าเขาเอาแต่คิดถึงคุณ” เฉียวซุนยิ้มแล้วส่ายหัว “เราหย่ากันแล้ว ไม่จำเป็นค่ะ!” หลังจากที่เธอหันหลังกลับ เลขาฉินมองดูแผ่นหลังของเธอแล้วคิดว่า ดูเหมือนเฉียวซุนจะยอมแพ้กับความสัมพันธ์นี้แล้วจริง ๆ เลขาฉินกลับมาที่ชั้นบนสุดแล้วมอบของให้กับลู่เจ๋อ ลู่เจ๋อแตะกล่องแล้วถามเบา ๆ “เธอมีอะไรฝากบอกผมไหม?” เลขาฉินส่ายหัว “ไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ” หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เจ๋อก็พูดอย่างใจเย็น “ออกไปก่อนเถอะ!” หลังจากที่เลขาฉินออกไปแล้ว ลู่เจ๋อก็ลูบกล่องใบนั้น หลังจากหย่า เขาก็ดีต่อเฉียวซุน แสดงความเอาใจใส่ต่อเธอ แต่เธอไม่ต้องการมัน เธอไม่ต้องการหัวใจของเขาและไม่รับของจากเขา... เธอเดินจากไปอย่างว่างเปล่าและปล่อยวางทุกสิ่ง! แต่เขาไม่ยอมแพ้ ตอนที่เฉียวซุนจากไป ก็ทิ้งน้ำตาไว้ในใจเขา ถ้าเขารู้ว่าตัวเองจะคิดถึงเธอมากขนาดนี้ เขาคงไม่เลือกโครงการ แต่จะเลือกแต่งงานกับเฉียวซุน... แต่ในชีวิตมันไม่มีคำว่าถ้า พวกเขาจึงลงเอยด้วยการหย่าร้างกั
เฉียวซุนมองดูเธอจากไป พนักงานเสิร์ฟเดินผ่าน คุณฟานหยิบแก้วแชมเปญสองแก้วแล้วยื่นให้เฉียวซุนหนึ่งแก้ว เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองรูปลักษณ์อันงดงามของเฉียวซุน คืนนี้เฉียวซุนสวมกระโปรงสีดำ เสื้อสเวตเตอร์รัดรูปสีดำ กระโปรงกำมะหยี่ยาวถึงข้อเท้า รวบผมยาวสีดำ... มีเสน่ห์แบบตะวันออกมาก! คุณฟานอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ผมไม่ได้เห็นผู้หญิงคนไหนสวยและมีเสน่ห์เท่าคุณเฉียวมานานแล้ว!” เฉียวซุนยิ้ม “คุณฟานก็ชมเกินไปค่ะ!” แม้ว่าคุณฟานต้องการพัฒนาธุรกิจในแผ่นดินใหญ่ แต่เรื่องนี้ยากที่จะเกิดในชั่วข้ามคืน เขาจึงยื่นข้อเสนอให้เฉียวซุน “คุณเฉียว คุณสนใจที่จะพัฒนาธุรกิจในเมืองเซียงไหม? ผมสามารถหาเงินทุนให้ได้” เฉียวซุนตกใจเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าคุณฟานจะถามคำถามแบบนี้ เธอครุ่นคิดและพูดด้วยรอยยิ้ม “ครอบครัวของฉันทั้งหมดอยู่ในเมืองบี ตอนนี้อาจจะไม่สามารถไปได้” คุณฟานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า เขาอายุเกือบสี่สิบปีแล้ว ภรรยาของเขาเสียชีวิตกะทันหันเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาเป็นโสดอยู่กับลูกสาวมาจนถึงตอนนี้... ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดจะแต่งงาน แต่เขายังไม่เจอคนที่เหมาะสม คืนนี้เขาตกหลุมรักเฉียวซุนตั้งแต่แรกเห็น คุณ
หลังงานเลี้ยง คุณนายหลี่ก็จัดรถไปส่งเฉียวซุนกลับ เฉียวซุนเพิ่งลงจากรถ เธอเห็นรถแลนด์โรเวอร์สีดำจอดอยู่ชั้นล่างของบ้านเธอ เมิ่งเยียนหุยกำลังออกมาจากตัวรถ ยากที่เขาจะไม่สูบซิการ์แต่สูบแค่บุหรี่อย่างผู้ชายธรรมดา ๆ เมื่อเห็นเฉียวซุนลงจากรถ เขาก็เดินไปและยื่นข้อมูลให้เฉียวซุน “วันพิจารณาคดีของพี่ชายคุณถูกเลื่อนออกไปอีกสองเดือน!” เฉียวซุนรับมัน นิ้วสั่นเล็กน้อย “เป็นแบบนี้ได้ยังไง?” เมิ่งเยียนหุยสูดบุหรี่เข้าลึก ๆ “ฉันไปสืบมาแล้วแต่คนในปฏิเสธที่จะบอกฉัน! เฉียวซุน ฉันขอแนะนำให้คุณถามคุณลู่ บางทีเขาอาจมีข้อมูลที่ดีกว่า” เขาหยุดเว้นวรรคแล้วพูดต่อ “บางสิ่งอยู่นอกกฎหมาย มันอยู่นอกเหนืออำนาจของฉัน แต่คุณลู่สามารถทำได้ง่าย ๆ” เฉียวซุนเงยหน้าขึ้นมองทันที ภายใต้แสงไฟสลัว ๆ บนถนน ใบหน้าของเธอก็ซีดเซียว เมิ่งเยียนหุยรู้ว่ามันโหดร้าย แต่ก็ไม่มีทางอื่น อำนาจอยู่ในมือของคนไม่กี่คนเสมอ... ในเมืองบี ตัวตนของลู่เจ๋อมีตำแหน่งและมีอำนาจ พูดได้ว่าสั่งฟ้าสั่งลมได้ ถ้าเฉียวซุนยอมก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นปัญหา! เขาดับบุหรี่ หันหลังขึ้นรถแล้วขับออกไปเฉียวซุนไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน เธอกลัวว่าพ่อของเธอกับป้
เฉียวซุนไม่เต็มใจลู่เจ๋อยิ้มเบา ๆ และจงใจยั่วเธอ “ทำไม คุณไม่กล้ามองเหรอ?”เฉียวซุนพูดเสียงต่ำ "จะเป็นงั้นได้ไง?"พูดจบ เธอก็รับโทรศัพท์จากมือลู่เจ๋อ แต่เธออ่านเพียงไม่กี่บรรทัดก็ตกตะลึง——นี่คือ... นี่คือเอกสารโครงการบางส่วนที่พ่อของเธอลงนามตอนเฉียวซื่อกรุ๊ปยังไม่ปิดตัวลง บางโครงการหยุดชะงักและเคยออกข่าว หากเอกสารนี้รั่วไหล พ่อของเธอต้องติดคุกล้มป่วยจนตาย!ใบหน้าของเธอซีดมากลู่เจ๋อรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เขาหยิบเอกสารในมือของเธอมา แล้วจุดไฟแช็กเผามันน้ำเสียงของเขาสงบเหมือนสายลม “ตอนนั้นพ่อของคุณก็ถูกมอมเมาให้เซ็นสิ่งเหล่านั้นโดยไม่ตั้งใจ! เขาก็ตกเป็นเหยื่อด้วย! ตอนนี้ต้นฉบับถูกเผาไปแล้ว พี่ชายของคุณอยู่ในช่วงพิจารณาคดีในอีกสองเดือนให้หลัง ผลลัพธ์จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง!”เอกสารเหล่านั้น กลายเป็นเถ้าถ่านระหว่างนิ้วของลู่เจ๋อ...เฉียวซุนตกตะลึงเธอเข้าใจว่า นี่เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่ลู่เจ๋อมอบให้เธอ และก็เข้าใจด้วยว่าเขาไม่ได้ทำสิ่งนี้ให้ฟรี ๆ เธอจึงยืนตรงหน้าเขา แล้วถามเบา ๆ “ลู่เจ๋อ คุณมีเงื่อนไขอะไร?”ลู่เจ๋อเข้าใจความคิดของเธอเขาทิ้งของในมือ แล้วเอนกายลงบนโซฟา มองไปที่เธ
เสียงของลู่เจ๋อเบามากในตอนกลางคืน “คุณรู้ไหมว่าพอมีโอกาสก็เล่นสนุกบ้างเป็นครั้งคราวคืออะไร? หืม?”เฉียวซุนไม่รู้ และเธอก็ไม่อยากรู้เช่นกันเธออยากแยกตัวออกไป แต่ลู่เจ๋อจับตัวเธอไว้แน่น โดยให้สะโพกแตะสะโพก... ผ้าบาง ๆ สองชั้นบนร่างเธอปิดอะไรไม่มิดเธอละอายใจ “ฉันบอกคุณแล้ว ฉันไม่ใช่ผู้หญิงข้างนอกพวกนั้น!”เขาก้มศีรษะลงมองเธอ ผมยาวสีดำพาดไหล่ ใบหน้ารูปไข่เรียวเล็กและละเอียดอ่อน คิ้วที่ไม่ได้ทา จมูกตรง ริมฝีปากเป็นสีกุหลาบกำมะหยี่ ร่างกายเล็กบอบบางและอิ่มเอิบรูปร่างหน้าตาของเธอ ถือว่าเหนือชั้นคิ้วของลู่เจ๋อเลิกขึ้น อดไม่ได้ที่จะพึมพำ “เฉียวซุน คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมเล่นสนุกด้วย!”เฉียวซุนได้ยินคำนี้ อยากตีเขาแต่ก็ไม่กล้า หลังจากชะงักมาได้สักพักเธอยังคงอยู่บนตักของเขาอย่างขวยเขิน ราวกับกำลังได้รับความเมตตาจากเขาอยู่ลู่เจ๋อจับมือเธอ แล้วตบหน้าตัวเขาเองเบา ๆ มันค่อนข้างลามกแต่ก็ดูสนิทสนม เป็นเรื่องตลกระหว่างสามีภรรยาแต่พวกเขาไม่ใช่คู่รักอีกต่อไปเฉียวซุนหันหลังกลับ ดวงตาแดงเล็กน้อย “ถ้าคุณไม่ทำก็ปล่อยฉัน ฉันจะกลับแล้ว!”ลู่เจ๋อลังเลที่จะปล่อยเธอไปเขากระซิบ "พักที่นี่ แล
ทั่วร่างของเฉียวซุนสั่นไปหมดเธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ลู่เจ๋อพูด เธอไม่เชื่อว่าความเป็นจริงจะโหดร้ายขนาดนี้... แต่เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าลู่เจ๋อไม่จำเป็นต้องโกหกเธอเธอมองดูเขา เสียงของเธอค่อนข้างเบา “ลู่เจ๋อ...”ลู่เจ๋ออ่านความคิดเธอออก ว่าเธอต้องการขอร้องแทนหลินเซียวเขาปัดฝุ่นขี้เถ้าบุหรี่ออก แล้วยิ้มเบา ๆ “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ผมไม่สามารถทำให้ครอบครัวตระกูลหนิงลู่ขุ่นเคืองเพราะเธอได้โดยไร้เหตุผลได้ นอกจากนี้เฉียวซุน ผมไม่ใช่คนใจบุญ... จริงไหม? ”สามคำสุดท้าย น้ำเสียงของเขานุ่มนวลมาก และดวงตาดูลึกล้ำเฉียวซุนรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ขอแค่เธอเต็มใจก้มหัวให้ และยอมกลับมาหาเขา เขาจะสามารถรช่วยหลินเซียวไว้ได้ และเด็กก็จะเกิดมาอย่างดีเธองอนิ้วเล็กน้อย และเงียบไปสักพักลู่เจ๋อจ้องเธออยู่นาน เดาจากสีหน้าของเธอว่าเธอไม่เต็มใจ เขาไม่ได้บังคับแต่โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อดับบุหรี่ และพูดอย่างใจเย็น “ถ้างั้นให้หลินเซียวไปต่างประเทศ แล้วหาเกาะที่ไม่มีใครหาพบและคลอดลูกที่นั่น! เธอคงอยู่เมืองบีต่อไปไม่ได้แน่”เฉียวซุนกระซิบขอบคุณเขาเบา ๆลู่เจ๋อพยักหน้าอย่างใจเย็น แล้วเปิดประตูรถให้เธอ...ตอนเฉ
คืนนี้ เฉียวซุนพักค้างคืนที่นี่เธออาบน้ำ สวมชุดนอนของหลินเซียว ทั้งสองคนพูดคุยกันเยอะมากเสียงของหลินเซียวนุ่มนวลและอ่อนโยน “ที่จริงฉันไม่สนใจลู่จิ้นเซิงแล้ว! เขาแต่งงานแล้ว ฉันก็มีลูกเป็นของตัวเอง! เฉียวซุนฉันคิดมาดีแล้ว ฉันจะออกจากเมืองบีในอีกครึ่งเดือน แล้วไปใช้ชีวิตในเมืองเล็ก ๆ ฉันจะซื้อบ้านและเปิดร้านดอกไม้อยู่กับลูกของฉัน”“แต่ฉันจะอยู่ไกลจากเธอมาก ฉันคงคิดถึงเธอแย่!”“เธอจะมาหาฉันใช่ไหม?”เฉียวซุนได้ยินแล้วเศร้าเธอทำเสียงอืม “แน่นอน! ฉันจะไปที่นั่นอย่างน้อยปีละสองสามครั้ง! ฉันจะให้หุ้น 10% ของร้านกับเธอ เป็นค่าช่วยเลี้ยงลูกให้อ้วนท้วนสมบูรณ์! รอให้ลูกโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือหญิงก็ต้องโดดเด่นกว่าเพื่อน!”เฉียวซุนพูด แล้วหันไปกอดหลินเซียว “ฉันไม่อยากให้เธอไปเลย!”ในใจของหลินเซียวก็เศร้าเช่นกันทั้งสองไม่พูดอะไรอีกต่อไป แค่กอดกันอย่างเงียบ ๆ ในคืนที่มืดมิด... รอให้รุ่งสางมาถึง…...ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เฉียวซุนก็เตรียมตัวแยกทางเธอขอให้ใครสักคนซื้อบ้านเดี่ยวหลังเล็กในเมืองชั้น 3 โดยมีเนื้อที่ประมาณ 240 ตารางเมตร มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบเธอหวังว่าหลินเซียว
เธอแค่อยากจะมีญาติในที่สุดหลินเซียวก็พูดขึ้น เสียงของเธอแตกสลาย “เฉียวซุน ทำไมมันยากขนาดนี้? ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้? ทำไมทุกครั้งความปรารถนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉันถึงไม่ได้รับการเติมเต็มเลย? ฉันรักเด็กคนนี้จริง ๆ แม้กระทั่งคิด... ชื่อ...คือ หลินเซี่ยว ฉันอยากให้เขามีความสุข มีรอยยิ้มตั้งแต่เกิด และโชคดีไปทั้งชีวิต”ตอนท้ายเสียงของเธอแหบแห้ง ทำได้แค่หายใจเท่านั้นเลือดไหลออกจากร่างกายของเธอมากขึ้น กระจายไปทั่ว...เฉียวซุนกอดเธอ เสียงสั่นเครือ“ไร้สาระ! ไร้สาระ! ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล! หลินเซียว แข็งใจไว้นะ ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล มันจะดีขึ้น! มันจะไม่เป็นไร ได้ยินไหม? รถพยาบาล... รถพยาบาล…”…...เสียงรถจอดชั้นใต้ดิน คือน้ำเสียงร่ำไห้จนแทบจะขาดใจของเฉียวซุนจู่ ๆ ป้ายโฆษณารอบ ๆ ก็เปลี่ยนไป ทั้งหมดเป็นภาพถ่ายงานแต่งของลู่จิ้นเซิงและหนิงหลินที่แท้ วันนี้เป็นวันที่สอง!ที่แท้ วันนี้เป็นวันที่ตระกูลหนิงลู่แต่งงานกันตาของหลินเซียวพร่ามัวเธอยื่นมือออกมา พยายามที่จะจับชายที่มีความสุขให้อยู่หมัด จู่ ๆ เธอก็นึกถึงคืนสุดท้ายคืนนั้นของพวกเขา ลู่จิ้นเซิงกระซิบบางอย่างที่หูซ้ายของเธอ
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว