เขาได้รับของขวัญที่หายาก แต่เฉียวซุนปฏิเสธเธองอนิ้วสีขาวบางๆ เล็กน้อยความอดทนของลู่เจ๋อมีจำกัด "คุณต้องการอะไรกันแน่?"เฉียวซุนกระซิบ "หย่า! ฉันต้องการหย่ากับคุณ"ลู่เจ๋อยุ่งกับงาน เฉียวซุนปฏิเสธที่จะกลับบ้าน เขาพยายามหากระดุมข้อมือตอนเช้าแต่ก็หาไม่พบ ในใจเขารู้สึกไม่มีความสุข เกือบโกรธตอนเห็นเหอจี้ถังและพยาบาลพูดกันอยู่หน้ารถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวในลานจอดรถข้างหน้า ลู่เจ๋อยิ่งไม่มีความสุข เอาลิ้นดุนปากไว้ในเวลานี้ โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น เป็นเลขาฉินที่โทรมา ลู่เจ๋อกดรับ พูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก "เกิดอะไรขึ้น?"เลขาฉินบอกเขา "คุณไป๋เพิ่งลุกจากเตียง ไม่ระวังแล้วล้มลง เธอได้รับบาดเจ็บที่เส้นประสาทขา ตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดี คุณลู่ คุณอยากไปดูเธอที่เมืองเฮช ไหม? ถ้าคุณไป เธอคงมีความสุขมาก”ลู่เจ๋อถือโทรศัพท์ ไม่ได้พูดทันที เห็นได้ชัดว่ากังวลเฉียวซุนที่ยืนอยู่ข้างเขาเสียงในโทรศัพท์เขาไม่เบา เฉียวซุนได้ยินแล้วเธอยิ้มเบาๆ เปิดประตูรถลงจากรถ แล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามองลมยามเย็นพัดผ่าน ทำให้ร่างกายของเฉียวซุนรู้สึกหนาวเย็นเธอคิดว่า โชคดีที่ลู่เจ๋อหยิบแหวนแต่งงานออกมาตอนนี้ เธอ
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่เจ๋อตื่นขึ้นมาและพบว่าเฉียวซุนไม่ได้นอนอยู่ข้าง ๆ แล้ว เขานึกว่าเธออยู่ในห้องแต่งตัว จึงค่อยๆ พลิกตัว และ เดินเข้าไปในห้องนั้นชุดสูทที่เขาต้องสวมใส่ในวันนี้ถูกแขวนไว้บนตู้เสื้อผ้า ชุดเซ็ตนาฬิกาข้อมือและกระดุมแขนถูกเลือกไว้อย่างดี...แต่ตัวของเฉียวซุนกลับไม่อยู่ลู่เจ๋อจึงคิดว่าเฉียวซุนอาจจะกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ที่ชั้นหนึ่งหลังจากที่ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้ว เขาจึงรีบเปลี่ยนชุดแล้วลงไปคนรับใช้กำลังจัดจานอาหารอยู่ในห้องอาหารชั้นหนึ่ง พร้อมทั้งเตรียมครัวซองต์อบใหม่ 2 ชิ้น กาแฟดำที่คุณชายดื่มเป็นประจำ และเตรียมหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษตอนเช้าวางไว้ด้านซ้ายมือ ของพวกนี้คือสิ่งที่คุณนายมักจะเป็นคนเตรียมเอาไว้เสมอเมื่อเห็นลู่เจ๋อลงมา คนรับใช้ก็ทักทายอย่างนอบน้อมลู่เจ๋อนั่งลงพร้อมทั้งพลิกหนังสือพิมพ์ไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามคนรับใช้ว่า : “เฉียวซุนล่ะ?”คนรับใช้สะดุ้งเล็กน้อยสักครู่หนึ่งเธอถึงหันกลับมา และเอ่ยตอบอย่างอ่อนโยน : “คุณชายถามถึงคุณนายลู่เหรอคะ? คุณนายลู่ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ เหมือนว่าจะกลับไปบ้านคุณย่าค่ะ ยังบอกอีกว่าจะไปค้างสัก 2-3 วัน”
อีกฝั่งของโทรศัพท์ ลู่เจ๋อมองโทรศัพท์ของตนและยิ้มอย่างเงียบ ๆอะไรที่เขาอยากได้ เขาไม่เคยไม่ได้มาเขาต้องการเฉียวซุน และเธอจะต้องเป็นของเขา!......เฉียวซุนวางสายโทรศัพท์แล้วเดินออกไปเสิ่นชิงดูสีหน้าท่าทางของเธอแล้วจึงถามขึ้น : “มีปัญหากับลู่เจ๋ออีกแล้วเหรอ?”เฉียวซุนส่ายหน้า เธอพูดความจริงกับเสิ่นชิง : “ไม่กี่วันก่อนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ แต่เมื่อคืนเขากลับมีท่าทีเปลี่ยนไป ป้าเสิ่น……หนูเดาความคิดของลู่เจ๋อไม่ถูกเลย”เสิ่นชิงเดินกลับไปที่ห้องนอนและออกมาพร้อมกับตั๋ว 1 ใบในมือเสิ่นชิงลูบมันเบา ๆ และยิ้มอย่างอ่อนโยน : “นี่เป็นนิทรรศการภาพวาดของแม่หนูในช่วงชีวิตของเธอ เสี่ยวซุน ถ้าในใจมีอะไรก็ไปเดินเล่นให้ผ่อนคลายเถอะ......ค่อยกลับมาทานข้าวตอนเย็น ป้าจะเก็บเกี๊ยวไว้ให้”นิทรรศการภาพวาดของคุณแม่......เฉียวซุนรับตั๋วมา พลางลูบอย่างหวงแหนแม่ของเธอแซ่ฉิน และได้ชื่อว่าตงจิงเฉิงตั้งแต่อายุยังน้อย น่าเสียดายที่ความงดงามนี้กลับด่วนจากไปก่อน หลังจากที่เธอเสียชีวิตได้ไม่นาน ผลงานของเธอกว่าร้อยชิ้นก็ถูกส่งออกแกลเลอรี่ ด้วยมูลค่า 4-8 ล้านเสิ่นชิงดูออกว่าเธออยากไป จึงคะยั้นคะยอเธอเบา ๆ
ฤดูใบไม้ร่วงในตอนเย็น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆหลากหลาย เพิ่มสีสันให้กับยามพลบค่ำเฉียวซุนกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ตระกูลเฉียวแค่เปิดประตู เธอก็ได้ยินเสียงพูดของลู่เจ๋อ ซึ่งเป็นเสียงที่ไพเราะและอ่อนโยน“เมื่อก่อนที่เรียนที่ต่างประเทศ ท่อน้ำเสียผมก็ซ่อมเองครับ”“ถึงเสื้อผ้าจะสกปรก พรุ่งนี้เช้าผมค่อยกลับไปเปลี่ยนก็ได้ครับ! ไม่รบกวนเลยครับป้าเสิ่น”......เขามาทำอะไรที่นี่?เฉียวซุนปิดประตูลง และเปลี่ยนรองเท้าอย่างเงียบ ๆ เสิ่นชิงได้ยินเสียงจึงบอกเธอเสียงเบา : “เขามาได้ชั่วโมงหนึ่งแล้ว ท่อน้ำในครัวแตกพอดี เขาก็ซ่อมให้! เขามารับหนูกลับไปใช่ไหม?”เสิ่นชิงตกใจอยู่ไม่น้อยปกติลู่เจ๋อรักศักดิ์ศรีจะตาย เคยทำเรื่องแบบนี้ที่ไหน? ดูเหมือนว่าพวกผู้ชายจะเป็นเหมือนกันหมด ถ้าคิดจะเอาใจ แม้แต่บอกให้เขามุดบ้านสุนัขก็สามารถทำได้!เฉียวซุนถอดเสื้อคลุมของเธอออก และพูดเบา ๆ : “วันนี้หนูจะนอนที่นี่”เสิ่นชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก : “ได้ ป้าไปทำอาหารก่อน! เดี๋ยวตอนทานข้าวก็พูดกันดี ๆ ล่ะ แล้วก็อย่าไปกระตุ้นอะไรพ่อหนูอีกล่ะ……ถึงเขาจะไม่พูด แต่ก็คงมีอะไรในใจต่อลู่เจ๋ออยู่บ้าง”เฉียวซุนรู้เรื่องพวกนี้ดี เธอจึ
นิ้วเรียวยาวของลู่เจ๋อม้วนผมยาวสลวยเล่น เสียงเอื่อยเฉื่อยและเซ็กซี่ในเวลากลางคืนเอ่ยขึ้น : “เงินเล็กน้อยพวกนั้นของคุณ คือเงินที่หามาได้จากการสีไวโอลินให้ลู่จิ้นเซิงใช่ไหมล่ะ? กี่พันหรือกี่หมื่นล่ะ? ไม่พอดื่มกาแฟระดับพรีเมี่ยมหรอก”เฉียวซุนคว่ำหน้าบนไหล่เขา ไม่ส่งเสียงอะไรออกมาบางทีเงินเพียงเล็กน้อยของเธออาจจะดูไม่สำคัญอะไรในสายตาเขาแต่ทว่าในสายตาเฉียวซุน นั่นคือน้ำพักน้ำแรงทั้งหมดที่เธอรวบรวมไว้ ถึงแม้ว่าเธอจะกลับไปแล้ว วันข้างหน้าเธอก็จะพึ่งพาแค่ตนเอง เธอไม่อยากใช้ชีวิตโดยพึ่งแต่ลู่เจ๋อ ไม่อยากติดหนี้เขาหลังจากที่มีความสัมพันธ์กันเธอไม่พูด ลู่เจ๋อก็รู้ทั้งหมดแล้วเขาวาดแขนรอบกายเธอ ก่อนจะรวบเธอมากอดไว้ มือใหญ่โอบเธอเอาไว้ เขากอดเธอแบบนี้อยู่นานเฉียวซุนดิ้นรนอย่างกระวนกระวายใจ : “ลู่เจ๋อ ฉันจะไปอาบน้ำ!”แต่ลู่เจ๋อกลับรั้งมือเธอไว้ เขาโอบรอบตัวเธอ...หน้าผากของทั้งสองแนบชิดกัน สันจมูกของเขาเสียดสีไปมากับหน้าเธออย่างใกล้ชิด ทำให้เธอพูดไม่ออกถึงความใกล้ชิด พูดไม่ออกถึงความหลงใหล เฉียวซุนทนรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้แล้วเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย : “ลู่เจ๋อ อย่าทำแบบนี้!”ดวงตาสีดำเ
ลู่เจ๋อเปิดโคมไฟหัวเตียงเขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พลางจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง : “คุณคิดว่าไงล่ะ?”เฉียวซุนไม่รู้อะไรเลยลู่เจ๋อยิ้มเบา ๆ น้ำเสียงของเขาในยามค่ำคืนดูดึงดูดเป็นพิเศษ : “เฉียวซุน ผมไม่เคยรักใครจริง และก็ไม่รู้ว่าการรักใครสักคนเป็นยังไง! แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมใส่ใจผู้หญิง ใส่ใจจนถึงขั้นละทิ้งหลักการ ใส่ใจจนถึงขั้นมาซ่อมท่อน้ำให้ที่บ้านคุณ”เขาหยุดพูดไปสักครู่แล้วจึงพูดต่อ : “หรือคุณคิดว่า ผมเพียงแค่อยากหาคนนอนด้วย? เฉียวซุน คุณควรจะรู้ ถ้าผมต้องการแค่เรื่องพวกนี้ ผมสามารถหาผู้หญิงสวยๆ มาได้มากมายเลยล่ะ”เฉียวซุนไม่สนใจเขา : “ฉันไม่ได้รั้งคุณไว้หนิ”ลู่เจ๋อหัวเราะเบา ๆภายใต้โคมไฟสลัว ขนตาของเขาช่างมีเสน่ห์ แม้กระทั่งดวงตาของเขาก็ช่างมีเสน่ห์เหมือนผู้ชายที่มีวุฒิภาวะ เฉียวซุนรู้ดีว่าถ้าหากเขาอยากหาผู้หญิงมาไว้ข้างกายสักคน มีคนมากมายพร้อมมาอยู่รอบกายโดยที่เขาไม่ต้องเสียเงินสักบาทลู่เจ๋อลูบใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยนเขาเอ่ยเสียงต่ำ : “อาจจะเป็นเพราะอายุของผม ตอนนี้ผมหวังอยากจะมีชีวิตครอบครัวแล้ว เฉียวซุน ผมอยากมีลูกกับคุณ ลูกชายหรือลูกสาวก็ได้...แต่ถ้าเทียบกับคุณ ผมยิ
ลู่เจ๋อกลับมาถึงเมือง B ในเย็นวันศุกร์เลขาฉินไปรับเขาพร้อมกับคนขับรถที่สนามบิน หลังจากขึ้นรถ เลขาฉินก็ถามเขาอย่างเป็นธรรมชาติ : “ประธานลู่ จะไปบริษัทหรือคฤหาสน์คะ?”ลู่เจ๋อยุ่งงานยุ่งตลอดสัปดาห์ เขารู้สึกเหนื่อยมากจริง ๆ ได้ยินแบบนี้เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “ไปอพาร์ตเมนต์ของเฉียวซุนเถอะ!”เลขาฉินแอบรู้สึกน้อยใจหลังจากนั้นสักพัก เธอก็ถามเสียงเบา : “ไปรับเธอกลับบ้านเหรอ? พวกคุณทะเลาะกันเหรอคะ?”ลู่เจ๋อขมวดคิ้ว : “เลขาฉินล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ”ฉินอวี๋ไม่กล้าถามอีก เธอวางมือทั้งสองลงบนชายกระโปรง และกำมือไว้แน่น......เธอเป็นผู้หญิง และสัญชาตญาณของผู้หญิงก็แม่นยำมาก เธอสัมผัสได้ว่าลู่เจ๋อเริ่มรู้สึกดีกับเฉียวซุนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่กี่วันก่อนมีกรอบรูปมาตั้งเพิ่มบนโต๊ะทำงานของเขา รูปนั้นคือรูปเฉียวซุนชีวิตแต่งงานสามปี สุดท้ายลู่เจ๋อก็รู้สึกชอบเฉียวซุนแล้วรถขับมาได้ครึ่งทางก็จอดให้เลขาฉินลงเมื่อไปถึงบ้านพักเฉียว ฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มแล้ว เป็นสีเทาจาง ๆ...มีเพียงแสงอาทิตย์ที่สองแสงผ่านกลุ่มเมฆเพียงริบหรี่ที่ยังฝืนส่องแสงสว่างสุดท้ายอยู่เฉียวซุนกำลังเดินเล่นเป็นเพื่อนคุณพ่อ พ่อลูกหยอกล้อกันไ
พวกเขาไม่เคยปรึกษาหารือกันแต่ทั้งคู่ต่างรู้ดี ทุกครั้งที่มีความสัมพันธ์กันหลังจากเฉียวซุนกลับมา ล้วนไม่ได้รับการยินยอมจากเธอ ถึงแม้บางครั้งเธอก็รู้สึกแต่วันนี้กลับไม่เหมือนเดิมชายหนุ่มผู้อ่อนโยนภายใต้แสงไฟสลัว ๆ เหมือนกับว่ากำลังพิจารณาทุกการเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ ด้วยกลัวว่าจะทำร้ายเธอและทำให้เธอต่อต้าน......เขาโน้มตัวลงไปที่หลังใบหูเล็ก ถามเธอด้วยเสียงต่ำว่ารู้สึกดีไหมเฉียวซุนรั้งคอของเขาไว้ ไม่ยอมพูดอะไรแต่ร่างกายของเธอไม่สามารถโกหกได้ คืนนี้คือคืนที่ดีที่สุดในช่วงชีวิตการแต่งงาน 3 ปี ทั้งคู่พอใจซึ่งกันและกันอย่างมากหลังจากเสร็จกิจ เฉียวซุนก็เข้าไปอาบน้ำลู่เจ๋อสวมกางเกงและเสื้อยืดเสร็จ จึงเดินไปรับลม และสูบบุหรี่ที่ระเบียงปลายผมที่เซตอย่างดีปลิวไปตามแรงลมที่ผ่านพัดไปมา นาน ๆ ครั้งที่ใบหน้าหล่อเหลาจะดูอ่อนโยน......ไม่นานก็ได้ยินเสียงดังมาจากในห้องน้ำ เขาเดาว่าเฉียวซุนน่าจะอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่เขารู้ดีว่ากว่าที่เธอจะเป่าผมและทาครีมบำรุงเสร็จคงอีกนานลู่เจ๋อเอนตัวพิงเก้าอี้ พลางหยิบโทรศัพท์มาไถไปมาในไลน์มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านเป็นคุณหมอที่ดูแลไป๋เซียวเซียวส่งข้อมู