นิ้วเรียวยาวของลู่เจ๋อม้วนผมยาวสลวยเล่น เสียงเอื่อยเฉื่อยและเซ็กซี่ในเวลากลางคืนเอ่ยขึ้น : “เงินเล็กน้อยพวกนั้นของคุณ คือเงินที่หามาได้จากการสีไวโอลินให้ลู่จิ้นเซิงใช่ไหมล่ะ? กี่พันหรือกี่หมื่นล่ะ? ไม่พอดื่มกาแฟระดับพรีเมี่ยมหรอก”เฉียวซุนคว่ำหน้าบนไหล่เขา ไม่ส่งเสียงอะไรออกมาบางทีเงินเพียงเล็กน้อยของเธออาจจะดูไม่สำคัญอะไรในสายตาเขาแต่ทว่าในสายตาเฉียวซุน นั่นคือน้ำพักน้ำแรงทั้งหมดที่เธอรวบรวมไว้ ถึงแม้ว่าเธอจะกลับไปแล้ว วันข้างหน้าเธอก็จะพึ่งพาแค่ตนเอง เธอไม่อยากใช้ชีวิตโดยพึ่งแต่ลู่เจ๋อ ไม่อยากติดหนี้เขาหลังจากที่มีความสัมพันธ์กันเธอไม่พูด ลู่เจ๋อก็รู้ทั้งหมดแล้วเขาวาดแขนรอบกายเธอ ก่อนจะรวบเธอมากอดไว้ มือใหญ่โอบเธอเอาไว้ เขากอดเธอแบบนี้อยู่นานเฉียวซุนดิ้นรนอย่างกระวนกระวายใจ : “ลู่เจ๋อ ฉันจะไปอาบน้ำ!”แต่ลู่เจ๋อกลับรั้งมือเธอไว้ เขาโอบรอบตัวเธอ...หน้าผากของทั้งสองแนบชิดกัน สันจมูกของเขาเสียดสีไปมากับหน้าเธออย่างใกล้ชิด ทำให้เธอพูดไม่ออกถึงความใกล้ชิด พูดไม่ออกถึงความหลงใหล เฉียวซุนทนรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้แล้วเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย : “ลู่เจ๋อ อย่าทำแบบนี้!”ดวงตาสีดำเ
ลู่เจ๋อเปิดโคมไฟหัวเตียงเขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พลางจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง : “คุณคิดว่าไงล่ะ?”เฉียวซุนไม่รู้อะไรเลยลู่เจ๋อยิ้มเบา ๆ น้ำเสียงของเขาในยามค่ำคืนดูดึงดูดเป็นพิเศษ : “เฉียวซุน ผมไม่เคยรักใครจริง และก็ไม่รู้ว่าการรักใครสักคนเป็นยังไง! แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมใส่ใจผู้หญิง ใส่ใจจนถึงขั้นละทิ้งหลักการ ใส่ใจจนถึงขั้นมาซ่อมท่อน้ำให้ที่บ้านคุณ”เขาหยุดพูดไปสักครู่แล้วจึงพูดต่อ : “หรือคุณคิดว่า ผมเพียงแค่อยากหาคนนอนด้วย? เฉียวซุน คุณควรจะรู้ ถ้าผมต้องการแค่เรื่องพวกนี้ ผมสามารถหาผู้หญิงสวยๆ มาได้มากมายเลยล่ะ”เฉียวซุนไม่สนใจเขา : “ฉันไม่ได้รั้งคุณไว้หนิ”ลู่เจ๋อหัวเราะเบา ๆภายใต้โคมไฟสลัว ขนตาของเขาช่างมีเสน่ห์ แม้กระทั่งดวงตาของเขาก็ช่างมีเสน่ห์เหมือนผู้ชายที่มีวุฒิภาวะ เฉียวซุนรู้ดีว่าถ้าหากเขาอยากหาผู้หญิงมาไว้ข้างกายสักคน มีคนมากมายพร้อมมาอยู่รอบกายโดยที่เขาไม่ต้องเสียเงินสักบาทลู่เจ๋อลูบใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยนเขาเอ่ยเสียงต่ำ : “อาจจะเป็นเพราะอายุของผม ตอนนี้ผมหวังอยากจะมีชีวิตครอบครัวแล้ว เฉียวซุน ผมอยากมีลูกกับคุณ ลูกชายหรือลูกสาวก็ได้...แต่ถ้าเทียบกับคุณ ผมยิ
ลู่เจ๋อกลับมาถึงเมือง B ในเย็นวันศุกร์เลขาฉินไปรับเขาพร้อมกับคนขับรถที่สนามบิน หลังจากขึ้นรถ เลขาฉินก็ถามเขาอย่างเป็นธรรมชาติ : “ประธานลู่ จะไปบริษัทหรือคฤหาสน์คะ?”ลู่เจ๋อยุ่งงานยุ่งตลอดสัปดาห์ เขารู้สึกเหนื่อยมากจริง ๆ ได้ยินแบบนี้เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “ไปอพาร์ตเมนต์ของเฉียวซุนเถอะ!”เลขาฉินแอบรู้สึกน้อยใจหลังจากนั้นสักพัก เธอก็ถามเสียงเบา : “ไปรับเธอกลับบ้านเหรอ? พวกคุณทะเลาะกันเหรอคะ?”ลู่เจ๋อขมวดคิ้ว : “เลขาฉินล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ”ฉินอวี๋ไม่กล้าถามอีก เธอวางมือทั้งสองลงบนชายกระโปรง และกำมือไว้แน่น......เธอเป็นผู้หญิง และสัญชาตญาณของผู้หญิงก็แม่นยำมาก เธอสัมผัสได้ว่าลู่เจ๋อเริ่มรู้สึกดีกับเฉียวซุนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่กี่วันก่อนมีกรอบรูปมาตั้งเพิ่มบนโต๊ะทำงานของเขา รูปนั้นคือรูปเฉียวซุนชีวิตแต่งงานสามปี สุดท้ายลู่เจ๋อก็รู้สึกชอบเฉียวซุนแล้วรถขับมาได้ครึ่งทางก็จอดให้เลขาฉินลงเมื่อไปถึงบ้านพักเฉียว ฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มแล้ว เป็นสีเทาจาง ๆ...มีเพียงแสงอาทิตย์ที่สองแสงผ่านกลุ่มเมฆเพียงริบหรี่ที่ยังฝืนส่องแสงสว่างสุดท้ายอยู่เฉียวซุนกำลังเดินเล่นเป็นเพื่อนคุณพ่อ พ่อลูกหยอกล้อกันไ
พวกเขาไม่เคยปรึกษาหารือกันแต่ทั้งคู่ต่างรู้ดี ทุกครั้งที่มีความสัมพันธ์กันหลังจากเฉียวซุนกลับมา ล้วนไม่ได้รับการยินยอมจากเธอ ถึงแม้บางครั้งเธอก็รู้สึกแต่วันนี้กลับไม่เหมือนเดิมชายหนุ่มผู้อ่อนโยนภายใต้แสงไฟสลัว ๆ เหมือนกับว่ากำลังพิจารณาทุกการเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ ด้วยกลัวว่าจะทำร้ายเธอและทำให้เธอต่อต้าน......เขาโน้มตัวลงไปที่หลังใบหูเล็ก ถามเธอด้วยเสียงต่ำว่ารู้สึกดีไหมเฉียวซุนรั้งคอของเขาไว้ ไม่ยอมพูดอะไรแต่ร่างกายของเธอไม่สามารถโกหกได้ คืนนี้คือคืนที่ดีที่สุดในช่วงชีวิตการแต่งงาน 3 ปี ทั้งคู่พอใจซึ่งกันและกันอย่างมากหลังจากเสร็จกิจ เฉียวซุนก็เข้าไปอาบน้ำลู่เจ๋อสวมกางเกงและเสื้อยืดเสร็จ จึงเดินไปรับลม และสูบบุหรี่ที่ระเบียงปลายผมที่เซตอย่างดีปลิวไปตามแรงลมที่ผ่านพัดไปมา นาน ๆ ครั้งที่ใบหน้าหล่อเหลาจะดูอ่อนโยน......ไม่นานก็ได้ยินเสียงดังมาจากในห้องน้ำ เขาเดาว่าเฉียวซุนน่าจะอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่เขารู้ดีว่ากว่าที่เธอจะเป่าผมและทาครีมบำรุงเสร็จคงอีกนานลู่เจ๋อเอนตัวพิงเก้าอี้ พลางหยิบโทรศัพท์มาไถไปมาในไลน์มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านเป็นคุณหมอที่ดูแลไป๋เซียวเซียวส่งข้อมู
เฉียวซุนกังวลมาโดยตลอด พวกเขาพึ่งมีอะไรกันก่อนหน้านี้ แต่หลังจากนั้นเขากลับบอกว่าที่บริษัทมีปัญหาเล็กน้อย ต้องไปจัดการ พอไปจัดการก็กลางเป็นว่าต้องจัดการตั้งหนึ่งคืน เป็นธุระอะไร ถึงขนาดต้องใช้เวลาทั้งคืน?เฉียวซุนไม่อยากคิดมากอีก แต่ในใจเธอกลับรู้ชัดเจน ว่าลู่เจ๋อกำลังทำเรื่องนี้เพื่อผู้หญิงคนอื่น ขณะที่กำลังรีดเสื้อผ้าของเขา เธอกลับคิดถึงเรื่องที่เขาเคยพูดกับเธออีกแล้ว เขาพูดว่าจะไม่ไปเจอไป๋เซียวเซียวอีก...เธอตกอยู่ในภวังค์อยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงเท้ากำลังเดินขึ้นมาลู่เจ๋อน่าจะกลับมาแล้ว!ลู่เจ๋อดูซีดเซียวเล็กน้อยหลังจากผ่านคืนที่วุ่นวายมา เธอได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อจาง ๆ ในตอนที่เขากอดเธอจากด้านหลัง......มันเป็นกลิ่นเอกลักษณ์จากโรงพยาบาลอ้อมกอดของเขาช่างอ่อนโยนแต่ในใจเฉียวซุนเหมือนกำลังถูกเตือนอย่างรุนแรง เขาไปโรงพยาบาล เขาไปเจอไป๋เซียวเซียวสิ่งที่เศร้าที่สุดคือ คำพูดหวาน ๆ ที่เขาเคยพูดกับเธอยังไม่ทันถึง 1 สัปดาห์ด้วยซ้ำเฉียวซุนไม่ได้ซักถาม มันดูไม่มีคุณค่าเกินไปเธอหรี่ตาลงและเอ่ยเสียงเบา : “เลขาฉินโทรมาตั้งแต่เช้า บอกว่าช่วงสายมีประชุมสำคัญ เตือนให้คุณไปให้ทันเวลา”ลู่เ
ลู่เจ๋อมองไปยังใบหน้าที่เรียบนิ่งของเธอในยามพลบค่ำจะส่องแสงสว่างสวยงาม และอ่อนโยนเขาอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงมาข้างหูเธอ และพูดประโยคคลุมเครือออกมา คำพูดหวาน ๆ เป็นเรื่องธรรมดาของสามีภรรยา แต่เฉียวซุนฟังแล้วกลับรู้สึกสะอิดสะเอียนด้านหลังของลู่เจ๋อ มีคนรับใช้กำลังมองอยู่ไกล ๆ เธอเอ่ยเตือนเสียงเบา : “ได้เวลาทานข้าวเย็นแล้วล่ะ!”ลู่เจ๋อคว้าข้อมือบาง พลางเดินและหยอกล้อไปกับเธอ เขาบอกว่าปูในมื้อเย็นวันนี้เพิ่งซื้อมาเมื่อตอนบ่าย ยังคงสดใหม่อยู่ : “คุณชอบปูมากที่สุดไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวก็ทานเยอะ ๆ หน่อยสิ”เฉียวซุนยิ้มเบา ๆ อย่างเย็นชาขณะรับประทานอาหารเย็น เธอไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกมา และยิ่งไม่ได้ซักไซ้สามีของตนเขากำลังแสดงความจริงใจ เธอก็ต้องให้ความร่วมมืออย่างดีกลางดึกเขาอยากทำเรื่องพวกนั้น เฉียวซุนก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่ในช่วงคับขันเธอจะเอื้อมมือไปที่ลิ้นชักหัวเตียง แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมา เพื่อให้เขาสวมใส่ลู่เจ๋อรู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่งอันที่จริงเขาไม่ชอบใช้มัน เฉียวซุนเองก็อาจจะไม่ชอบเขาก้มลงจูบเธอ กระซิบเสียงเบาว่าอยากมีลูก เขาพูดว่าตนเองใกล้จะ 30 แล้ว เพื่อนที่เคยเล่
ลู่เจ๋อไม่ได้คิดกับเธอด้วยความรู้สึกชายหญิงแบบนั้น เขาเพียงแต่ละอายใจเขาเคยสัญญากับเฉียวซุนว่าจะไม่ไปเจอไป๋เซียวเซียวอีก จริง ๆ แล้วเขาแค่ต้องใจแข็งและส่งไป๋เซียวเซียวไปให้เลขาฉินกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ดูแล จากนั้นเขาก็จะมีภรรยาที่อ่อนโยนและลูกที่น่ารัก เขาไม่อยากทำเรื่องอันตรายให้เฉียวซุนรู้อีก แต่ท้ายที่สุดแล้ว เฉียวซุนก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขามากขนาดนั้นเขาเพียงแค่อยากมีเฉียวซุนไว้ข้างกาย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่รัก......ถ้าหากวันไหนเธอรู้ เธอคงจะน้อยใจจนร้องไห้เสียใจและเย็นชาไปทั้งใจ สิ่งที่แย่ที่สุดคือความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่คงจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนแต่ลู่เจ๋อก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักลู่เจ๋อนั่งทบทวนความรู้สึกตนที่มีต่อเฉียวซุน เขาคิดทั้งข้อดีและไม่ดี สุดท้ายเขาก็ดับบุหรี่ลงและโทรกลับไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ : “เดี๋ยวผมจะไปที่นั่น!”ลู่เจ๋อไม่ได้ลุกไปทันทีหลังจากที่วางสายเขาเปิดอัลบั้ม ก่อนจะหยิบรูปหนึ่งออกมา เป็นภาพที่เฉียวซุนกำลังนอนหลับอยู่เขามองมันเงียบ ๆ อยู่นาน......กลับมาที่ห้องนอน มีแต่ความเงียบสงัด ดูเหมือนว่าเฉียวซุนจะหลับแล้วลู่เจ๋อลงไปนั่งอยู่ข้างเตียงเขา
ประมาณว่าลู่เจ๋ออยู่กับไป๋เซียวเซียวมากเกินไป เสิ่นชิงต่างก็ได้ยินข่าวลือพวกนี้เธอคิดถึงความเอาใจใส่ของลู่เจ๋อ เมื่อครั้งกลับบ้านรอบก่อน เธอกังวลเกี่ยวกับเฉียวซุนเป็นอย่างมาก จึงตั้งใจนัดเธอออกมากินกาแฟแบบลำพัง เสิ่นชิงหัวเราะอย่างเลือดเย็น “ได้ยินว่าจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว! คนแบบเธอไม่คู่ควรกับสุภาษิตที่ว่า ไม้งามกระรอกเจาะ” หรอกนะ เธอหยุดไปเพียงชั่วครู่แล้วถามเฉียวซุน “เธอวางแผนไว้ยังไงบ้างล่ะ?”ท้ายที่สุดแล้วเสิ่นชิงก็คือคนหัวโบราณ มักจะคิดว่าถ้าไม่สามารถกอบกุมหัวใจของผู้ชายเอาไว้ได้ การกอบกุมถุงเงินของเค้าไว้ก็นับว่าดีเหมือนกัน แต่ทางที่ดีที่สุดคือการที่การมีโซ่ทองคล้องใจ เพื่อยืนยันสถานะตำแหน่งคุณนายลู่อย่างสมบูรณ์เฉียวซุนก้มหน้า พลางคนกาแฟความจริงแล้ว ลู่เจ๋อก็อยากมีลูก แต่เป็นเฉียวซุนเสียเองที่ไม่อยากมี ตอนนี้เธอตาสว่างแล้ว เธอถือหุ้นของกลุ่มบริษัทสกุลลู่อยู่สองเปอร์เซ็นต์ อีกครึ่งค่อนชีวิตที่เหลือของเธอก็ไม่ต้องลำบากลำบนอีกต่อไปแล้ว ทำไมยังจะต้องมามีลูกแล้วเป็นคู่เวรคู่กรรมกับลู่เจ๋อไปตลอดชีวีตอีกล่ะ! เธอมีความคิดที่จะจากไปอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายังต้องวางแผนไปเรื่อย