ลู่เจ๋อไม่ได้คิดกับเธอด้วยความรู้สึกชายหญิงแบบนั้น เขาเพียงแต่ละอายใจเขาเคยสัญญากับเฉียวซุนว่าจะไม่ไปเจอไป๋เซียวเซียวอีก จริง ๆ แล้วเขาแค่ต้องใจแข็งและส่งไป๋เซียวเซียวไปให้เลขาฉินกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ดูแล จากนั้นเขาก็จะมีภรรยาที่อ่อนโยนและลูกที่น่ารัก เขาไม่อยากทำเรื่องอันตรายให้เฉียวซุนรู้อีก แต่ท้ายที่สุดแล้ว เฉียวซุนก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขามากขนาดนั้นเขาเพียงแค่อยากมีเฉียวซุนไว้ข้างกาย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่รัก......ถ้าหากวันไหนเธอรู้ เธอคงจะน้อยใจจนร้องไห้เสียใจและเย็นชาไปทั้งใจ สิ่งที่แย่ที่สุดคือความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่คงจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนแต่ลู่เจ๋อก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักลู่เจ๋อนั่งทบทวนความรู้สึกตนที่มีต่อเฉียวซุน เขาคิดทั้งข้อดีและไม่ดี สุดท้ายเขาก็ดับบุหรี่ลงและโทรกลับไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ : “เดี๋ยวผมจะไปที่นั่น!”ลู่เจ๋อไม่ได้ลุกไปทันทีหลังจากที่วางสายเขาเปิดอัลบั้ม ก่อนจะหยิบรูปหนึ่งออกมา เป็นภาพที่เฉียวซุนกำลังนอนหลับอยู่เขามองมันเงียบ ๆ อยู่นาน......กลับมาที่ห้องนอน มีแต่ความเงียบสงัด ดูเหมือนว่าเฉียวซุนจะหลับแล้วลู่เจ๋อลงไปนั่งอยู่ข้างเตียงเขา
ประมาณว่าลู่เจ๋ออยู่กับไป๋เซียวเซียวมากเกินไป เสิ่นชิงต่างก็ได้ยินข่าวลือพวกนี้เธอคิดถึงความเอาใจใส่ของลู่เจ๋อ เมื่อครั้งกลับบ้านรอบก่อน เธอกังวลเกี่ยวกับเฉียวซุนเป็นอย่างมาก จึงตั้งใจนัดเธอออกมากินกาแฟแบบลำพัง เสิ่นชิงหัวเราะอย่างเลือดเย็น “ได้ยินว่าจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว! คนแบบเธอไม่คู่ควรกับสุภาษิตที่ว่า ไม้งามกระรอกเจาะ” หรอกนะ เธอหยุดไปเพียงชั่วครู่แล้วถามเฉียวซุน “เธอวางแผนไว้ยังไงบ้างล่ะ?”ท้ายที่สุดแล้วเสิ่นชิงก็คือคนหัวโบราณ มักจะคิดว่าถ้าไม่สามารถกอบกุมหัวใจของผู้ชายเอาไว้ได้ การกอบกุมถุงเงินของเค้าไว้ก็นับว่าดีเหมือนกัน แต่ทางที่ดีที่สุดคือการที่การมีโซ่ทองคล้องใจ เพื่อยืนยันสถานะตำแหน่งคุณนายลู่อย่างสมบูรณ์เฉียวซุนก้มหน้า พลางคนกาแฟความจริงแล้ว ลู่เจ๋อก็อยากมีลูก แต่เป็นเฉียวซุนเสียเองที่ไม่อยากมี ตอนนี้เธอตาสว่างแล้ว เธอถือหุ้นของกลุ่มบริษัทสกุลลู่อยู่สองเปอร์เซ็นต์ อีกครึ่งค่อนชีวิตที่เหลือของเธอก็ไม่ต้องลำบากลำบนอีกต่อไปแล้ว ทำไมยังจะต้องมามีลูกแล้วเป็นคู่เวรคู่กรรมกับลู่เจ๋อไปตลอดชีวีตอีกล่ะ! เธอมีความคิดที่จะจากไปอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายังต้องวางแผนไปเรื่อย
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแสดงถึงความเหนื่อยล้า อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความเหนื่อยหน่ายที่ถ้าไม่สังเกตก็แทบจะดูไม่ออก “เลขาฉินบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่า ช่วงนี้มีการประชุมในบริษัทเยอะมากและผมอาจจะมาไม่ได้! แล้วทำไมยังรออยู่จนถึงตอนนี้อีก?”เขาก็เหมือนจะหิวแล้ว เลยเริ่มรับประทานอาหารเฉียวซุนลอบมองเขาเงียบ ๆ ตั้งแต่เขาเหยียบเท้าเข้ามาที่นี่ประมาณ 2 นาที เขาพูดไปสองประโยคแต่กลับไม่ใช้สายตามองเธอเลยสักครั้ง ในใจเขาคงมีความกังวล คงจะกำลังตำหนิว่าภรรยาคนนี้นี่ไม่รู้เรื่องอะไรเอาเสียเลย!เขายุ่งเสียขนาดนี้ ยังกล้าจะเอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นวันครบรอบแต่งงานมารบกวนเขาอีก เฉียวซุนก้มหน้าลงต่ำ นิ้วเรียวสวยลูบเบา ๆ ที่ติ่งหูบาง เธอดูเหมือนภรรยาทั่วไปที่ตอบสนองต่อคำบ่นตำหนิของสามี เธอไม่มีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลยซักนิด อีกทั้งยังยิ้มอ่อนออกมาเสียได้เธอพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ “จะฉลองด้วยกันกับคุณนี่มันยากจริง ๆ ขืนคุณยังไม่มาอีกเดี๋ยวฉันก็ว่าจะไปแล้ว”เธอปริปากด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังนัก “ลู่เจ๋อ ขอโทษจริงๆนะที่รบกวนคุณ!”ลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นมองเขานั่งอยู่ภายใต้โคมไฟคริสตัลระย้านั่นพลางลอบมองภรรยาของต
เฉียวซุนลงจากตึกแล้วขึ้นรถไป สารถีดูออกว่าตอนนี้เธอกำลังไม่สบอารมณ์ เขากล่าวด้วยเสียงเบาและดูผ่อนคลาย “คุณนายครับ พวกเราจะกลับกันเลยไหมครับ?”เฉียวซุนนั่งนิ่งไม่ได้เอ่ยตอบกลับสารถีไป เธอมองวิวยามค่ำคืนที่มีดวงไฟบนถนนระยิบระยับประดับค่ำคืนอันมืดมิดผ่านกระจกรถที่เธอกำลังนั่งอยู่ ในที่สุดเธอก็ปริปากออกคำสั่ง “ลุงหลิน หนูอยากกลับแล้ว ออกรถได้เลยค่ะ!”สารถีหลินขมวดคิ้ว “กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกันครับ สามทุ่มแล้วคุณนายท่านยังไม่กลับบ้าน ถ้าคุณชายทราบต้องเป็นห่วงแน่ ๆ ครับ!”เฉียวซุนส่งเสียงหัวเราะหึ ๆ เบา ๆ “เขาจะรู้ได้ยังไงคะ?”สารถีหลินใช้มือลูบริมปากหนาชั่วครู่ ดึกดื่นแบบนี้ผู้ชายที่ยังไม่กลับถึงบ้านช่องแน่นอนว่าคงต้องโดนเหล่าคนใช้พูดลับหลังอยู่แล้ว ถ้าจะพูดว่าเขาไม่รู้เรื่องเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่สารถีหลินก็ไม่วางใจจริง ๆ ในเมื่อดึกดื่นขนาดนี้เฉียวซุนยังคงเตร็ดเตร่อยู่บนถนนคนเดียว เขาจึงขับรถตามเธอเงียบ ๆเฉียวซุนไม่รู้เลยว่าเธอออกมานานขนาดไหนแล้ว เวลาตีสอง เธอมาถึงกำแพงที่ถูกเขียนด้วยลายมือไก่เขี่ยบริเวณในเมือง บนกำแพงนั่นประปรายไปด้วยคำสารภาพโง่ ๆ เต็มไปหมด เฉียวซุนนั่งลง อาศ
“ผมต้องไปแล้ว!”ลู่เจ๋อพูดตัดบทเธอ เหมือนว่าความโกรธของเขาจะคุกรุ่นอยู่ เขายังเอ่ยต่ออีกว่า “เสร็จธุระแล้วผมค่อยมาอยู่กับเธอ”เฉียวซุนยิ้ม แล้วรีบไปเตรียมเสื้อผ้าอาภรณ์ให้เขาภายในห้องบิ้วอินโครเซทและแสงไฟที่สาดส่อง เฉียวซุนเลือกชุดสูทตัวเก่งออกมาพร้อมกับเนคไทและนาฬิกา การเจรจาธุรกิจครั้งนี้ดูไม่ทางการนัก เธอแอบลอบคิดในใจ ถ้าไป๋เซียวเซียวเห็นเข้าคงต้องมองด้วยสายตาที่มีความรักและชื่นชมเป็นแน่อยู่ ๆ ร่างกายของเธอก็ถูกสวมกอดมาจากด้านหลัง แขนกำยำโอบกอดรอบเอวบางของเธอ และถือวิสาสะวางคางไว้บนต้นคอระหงส์พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “โกรธกันรึป่าวครับ?” ขณะที่พูด เขาค่อย ๆ ลูบไล้หยอกล้อเธอเพื่อแสดงถึงความต้องการ ณ ตอนนั้น เฉียวซุนได้กลิ่นยาจาง ๆ บนตัวของเขาในใจของเธอรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่ แต่ยังเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาออกไป “จะมีประชุมสำคัญที่บริษัทไม่ใช่เหรอคะ ถ้าประธานลู่ไปสายซะเอง ลูกน้องจะนินทาเอาได้นะ”ลู่เจ๋อพูดด้วยเสียงเร่าร้อน “ผมต้องเก็บมาใส่ใจเหรอ?”เฉียวซุนงุนงงไปชั่วขณะ คิดถึงความแนบชิดจากการแสดงความรักเมื่อครั้งก่อนใจก็พลันเต้นรัวขึ้นมา เธอเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนซั
สายตาที่ลึกซึ้งเกินจะคาดเดาของลู่เจ๋อเดิมที เฉียวซุนรู้มาโดยตลอดว่าคืนนี้เขาต้องมาที่นี่ เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วจับข้อมือของเฉียวซุนไว้ ก่อนที่เขาจะอยากพูดอะไร“อย่าแตะต้องฉัน!”เฉียวซุนใช้แรงผละออกไป เธอถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วมองเขา “ลู่เจ๋อ คุณเคยบอกว่าจะไม่เจอเธออีก! คืนนี้คุณบอกว่าจะไปประชุมที่บริษัทแต่คุณกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอตลอด คุณเห็นฉันเป็นอะไรงั้นเหรอ คุณคิดว่าการแต่งงานของเราคืออะไร คุณคิดว่าคำพูดเหล่านั้นของคุณ....คืออะไร? อากาศรึไง?”ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้อีกครั้ง เขาขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมาว่า “อย่าสร้างปัญหา!”เฉียวซุนยิ้มเยาะเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับบอกว่าเธอสร้างปัญหา เธอสร้างปัญหางั้นเหรอ?เธอมีสิทธิ์อะไรไปสร้างปัญหางั้นเหรอ?ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความชื้น เธอมองไปยังสามีของตัวเองพร้อมเอ่ยปากพูดเบาๆ “ลู่เจ๋อ ถ้าคุณไม่เคยพูดว่าชอบฉัน ไม่เคยพูดว่าอยากจะเริ่มต้นใหม่กับฉัน จริง ๆ ฉันไม่สนหรอกนะว่าคุณกับเธอจะมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กันหรือว่าจะแสดงความรักกันต่อหน้าคนอื่นยังไง แต่คุณเคยพูดแล้วหนิ……คุณอาจจะไม่รู้ว่าเวลาฉันเห็นว่าคุณไปไหนมาไหนกับเธอ ทุกครั้งที่คุณกลับมาเข
เฉียวซุนส่ายหัวเธอมองไปที่ประตูลิฟต์ที่กำลังปิดลง พร้อมพูดเบาๆว่า “ถึงไม่มีการแต่งงาน ก็ไม่ควรจะทำให้การงานสูญเสียไปด้วยสิ! ฉันสบายดีพี่หลิน...ไปเถอะ!”งานเลี้ยงส่วนตัวในคืนนี้ประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจเฉียวซุนเล่นเพลง "ผีเสื้อเริงรัก" นี่ทำให้เธอกลายเป็นนักดนตรีคลาสสิกหน้าใหม่และทำให้มีคนรู้จักเธอมากขึ้นเฉียวซุนดื่มไวน์แดงไปมากขากลับในรถ เธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย มันรู้สึกเหมือนกับท้องของเธอถูกไฟไหม้อย่างไรอย่างนั้นคนขับรถพาเธอกลับบ้านพร้อมบอกกับคนรับใช้ที่บ้านว่าคุณนายไม่สบาย และให้พวกเขาต้มชาเพื่อสร่างเมาไปส่งที่ชั้นบนคนรับใช้ปฏิบัติต่อเฉียวซุนเป็นอย่างดี พอได้รับคำสั่งก็รีบไปจัดการทันทีแต่เมื่อพวกเขาไปถึงชั้นสองก็ได้เห็นว่าเฉียวซุนล้มตัวอยู่บนโซฟา หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อและมือของเธอจับอยู่ที่ตรงท้องน้อยคนรับใช้รู้สึกหวาดกลัวจึงทำการเขย่าเฉียวซุนเบา ๆ ให้ตื่น “คุณนายไม่สบายตรงไหนคะ? ให้ฉันเรียกคุณผู้ชายกลับมาให้ไหม?”เฉียวซุนปวดมากจนพูดไม่ออกทรมาน... เธอรู้สึกทรมานมาก...เมื่อคนรับใช้เห็นเธอเจ็บปวดเช่นนี้ เลยรู้สึกตื่นตระหนกและสงสารจึงรีบโทรหาลู่เจ๋อ แต่โทรไปห
สองคนสบตากันลู่เจ๋อเห็นเฉียวซุนสวมชุดคนป่วย ใบหน้าขนาดฝ่ามือที่ดูป่วย อีกทั้งดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและมองมายังเขาด้วยสายตาที่แปลกออกไปเมื่อไม่นานมานี้ เธอยังอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอยู่เลย ‘ลู่เจ๋อ ความชอบครั้งนึงที่ฉันเคยมีให้คุณ มันอาจใช้เวลาหลายปีหรือนานกว่าสิบปีกว่าจะเอามันกลับมาได้... จนถึงตอนนั้นคุณยังจะคงต้องการมันอยู่ไหม?’ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาต้องการมัน ซึ่งเขาหมายความอย่างนั้นจริง ๆแต่เรื่องต่อมาที่เขาโยนหัวใจของเธอลงไปในโคลน นั่นก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันเมื่อมองดูอยู่นาน...ในที่สุด ลู่เจ๋อก็พูดจนแทบสั่นว่า “เฉียวซุน!”เขาอยากจะจับมือเธอ แต่เธอก็ผลักเขาออกไปมีเสียงร้องคร่ำครวญที่มุมปากของเธอ คำพูดของเธอก็เหมือนจะออกมาจากท้องของเธออย่างไรอย่างนั้น เธอพูดว่า “ฉันนี่มันไร้เดียงสาจริง ๆ! ฉันคิดว่าคุณคงชอบฉันอยู่บ้าง! จนถึงตอนนี้คุณก็ยังคิดว่าวันนั้นฉันจงใจจะทำแบบนั้น ในใจของคุณฉันเป็นตัวอะไร ฉันยังจะคาดหวังไปอีกว่าคุณจะชอบฉันและยังคงหวังว่าการเริ่มต้นใหม่มันจะเป็นเรื่องจริง! ลู่เจ๋อ นี่มันช่างตลกสิ้นดี นี่คุณเป็นคนรอบคอบเกินไปหรือว่
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว