จิณณาล่องลอยอยู่ในความฝัน ท่ามกลางเมฆหมอกสวยงาม...แต่บางสิ่งก็ค้านว่ามันอาจเป็นความจริง
ไฟร้อนอบอ้าวที่แผดเผาหล่อนมานานกำลังมอดดับลง ร่างกายเริ่มเย็นสบาย สายลมเย็นนั้นไล้ทั่วกาย ช่างให้ความรู้สึกดีจนจิณณาต้องปล่อยเสียงหัวเราะอย่างสุขใจนานทีเดียวกว่าสายลมเย็นนั้นจะหยุดไล้เรือนกาย เมื่อทุกอย่างหยุดนิ่ง จิณณาถึงรับรู้ว่าไฟร้อนที่แผดเผากลับมาหาหล่อนอีกแล้ว จิณณาไม่ต้องการ หล่อนอยากหนีไปให้ไกล แต่ตะโกนร้องจนเสียงแห้งก็ไม่มีใครได้ยินเลยน้ำตาแห่งความอาดูรไหลพราก หล่อนไม่อยากกลับไปทรมานอยู่กับความร้อนนั้นอีกแล้วร่างกายก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ จิณณาล่องลอย รู้สึกกายเบาหวิวคล้ายวัตถุไร้น้ำหนัก หล่อนเคลื่อนกายผ่านมวลเมฆสวยงามก้อนแล้วก้อนเล่า ความอบร้อนไม่มาเยือนอีกเลย หญิงสาวครางในลำคออย่างพอใจกระทั่งเคลื่อนเข้าไปอยู่ในมวลอากาศที่เย็นฉ่ำแสนชื่นใจ ร่างกายจึงเคลื่อนลงต่ำ แล้วเอนลงบนผืนหญ้านุ่มดุจพรมเนื้อดีที่ตรงนี้ดีเหลือเกิน เย็นฉ่ำชื่นใจ ไม่ร้อนอบอ้าว แถมยังนุ่มสบายอีกด้วย อาทิตย์ชะงักฝีเท้าแล้วหันขวับไปมองบนเตียงนอนของตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงหัวเจิณณาไม่รู้ตัวว่าไปอยู่ในห้องนั้นได้อย่างไรหล่อนคลำทางสะเปะสะปะออกมา ขณะเดียวกันก็ได้รู้ว่าห้องนอนนั้นมีขนาดใหญ่และกว้างมาก จนเจอประตู กอดปล้ำอยู่ตั้งนานถึงเปิดออกมาได้ แล้วพบว่าห้องนอนนั้นอยู่บนชั้นสองของบ้านหลังนี้นี่เองเพียงแค่นั้น จิณณาก็วิ่งปรู๊ดลงบันได แล้วเข้าไปขังตัวเองอยู่ในห้องพักด้วยหัวใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่หาย เมื่อก้มมองตัวเองก็แทบกรีดร้อง เพราะเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่นั้นเปิดอ้า กระดุมทุกเม็ดถูกปลดออก หน้าอกหน้าใจแทบเปิดเปลือยออกมา หากยังใจชื้นเมื่อสำรวจกางเกงและชุดชั้นในก็เห็นว่ามันยังอยู่ในสภาพเรียบร้อยดี ร่างกายของหล่อนก็ไม่มีส่วนไหนผิดปกติหรือว่าเราละเมอเดินขึ้นไปนอนในห้องนั้นเอง...“ยกช้อนค้างเลย คิดอะไรอยู่หรือพี่จิณ”เสียงดังใกล้ๆ หูและระดับเสียงก็ไม่เบานัก ทำให้จิณณาสะดุ้งสุดตัว ตื่นจากความคิดโดยพลันส้มโอมองสาวรุ่นพี่อย่างสงสัยละคราวนี้ เจ้าตัวยื่นมือมาสัมผัสหน้าผากนูนเกลี้ยงนั้นอย่างต้องการวัดไข้ แล้วขมวดคิ้วมุ่น“ตัวไม่ร้อน แต่รุมๆ นิดหน่อย หรือว่าพี่จิณไม่สบาย”“พี่ไม่สบายหรือ&rdqu
ขนมจีนน้ำยาปูของป้าแววทำให้จิณณาเจริญอาหารเป็นพิเศษ หล่อนรู้สึกว่าไม่ได้รับประทานอาหารรสชาติอร่อยแบบนี้มานานแล้ว“หน้าแดงเลยพี่จิณ เผ็ดมากหรือ เอานี่ ส้มโอเติมน้ำเย็นให้”เด็กสาวที่นั่งประกบข้างจิณณายกเหยือกน้ำแล้วรินใส่แก้วให้อย่างมีน้ำใจ ป้าแววมองคนทั้งสองแล้วกระแทกเสียงพูดอย่างอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้“พากันไปบุกป่าฝ่าดงจนเหนื่อยสิท่า ถึงได้ฟาดขนมจีนไปคนละ 2-3 จาน”“เปล่าสักหน่อยป้า ที่กินได้เยอะเพราะมันอร่อยต่างหาก ถามพี่จิณดูก็ได้”ส้มโอท้วงขึ้นขณะที่มือยังจับช้อนอย่างไม่ยอมวาง หลังจากที่ไปผจญภัยในสวนป่าด้วยกันเกือบชั่วโมง เจ้าตัวก็ติดหนึบสาวรุ่นพี่คนนี้ไปแล้ว“อร่อยจริงๆ จ้ะ หนูไม่ได้กินของถูกปากอย่างขนมจีนน้ำยาปูของป้าแววมานานแล้วเหมือนกัน”จิณณาพูดเสริม หลังจากจิบน้ำเย็นที่ส้มโอรินให้แล้ว หากอีกคนที่นั่งล้อมวงอยู่ด้วยกันก็มุ่นคิ้วแล้วพูดขึ้นด้วย“แต่หนูจิณก็กินกับข้าวฝีมือป้าแววมาตั้งหลายมื้อแล้วนะ ที่ผ่านมาไม่ถูกปากบ้างเลยหรือ เอ๊ะ! หรือว่าชอบน้ำยาปูเป็นพิเศษ”“
จิณณาเดินขึ้นบันไดด้วยฝีเท้าเงียบกริบ รู้จากป้าแววว่าห้องทำงานของอาทิตย์เป็นห้องที่สองซึ่งอยู่ทางปีกซ้าย จนเมื่อเดินไปตามที่ป้าแววบอก หญิงสาวจึงได้รู้ว่าห้องนั้นอยู่ถัดจากห้องนอนที่หล่อนหลงเข้าไปนอนอยู่ทั้งคืน แล้วหนีกลับออกมาในตอนเช้ามืดแค่นึกถึง ขนอ่อนบริเวณต้นคอของจิณณาก็ลุกชันอย่างหาสาเหตุไม่ได้หญิงสาวจ้ำฝีเท้าเร็วขึ้นเมื่อต้องเดินผ่านห้องนอนห้องนั้น โดยไม่ยอมแม้แต่จะปรายตามอง แล้วพุ่งตัวไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องเป้าหมายจิณณายกมือขึ้นเคาะประตูเป็นสัญญาณให้คนข้างในได้ยินเป็นจังหวะสามครั้ง แต่เมื่อเคาะเสร็จ เสียงข้างในก็ยังเงียบกริบ จึงต้องเคาะอีกหน แต่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม“เขาอยู่ในห้องหรือเปล่านะ”หญิงสาวค่อยๆ ยกมือขึ้นมาทาบบานประตู แล้วออกแรงผลักหวังจะให้มันเปิดออก“ว้าย!”ร่างของจิณณาถลาไปข้างหน้าอย่างไร้หลักยึด เมื่อสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ออกแรงผลักนั้นกลายเป็นอากาศ คิดว่าตัวเองต้องล้มไปนอนวัดพื้นอย่างแน่นอน แต่เมื่อทุกอย่างหยุดนิ่ง หญิงสาวลืมตาขึ้นมามอง ถึงได้รู้ว่าหล่อนยังยืนทรงตัวอยู่ได้ เพราะลำแขนของใครสักคนโอบรัดไว้&
พอทำงานได้อยู่ตัว จิณณาก็เพลินไปเหมือนกัน หนังสือของเขาน่าสนใจทั้งนั้น ในตอนแรกคิดว่าจะมีแต่หนังสือที่เกี่ยวกับงาน ไม่ว่างานไร่หรืองานโปรแกรมเมอร์ที่เพิ่งรู้มา อย่างดีก็อาจเพิ่มหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนที่หล่อนคิดไปเองว่าคนรวยๆ ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว…หากหล่อนก็คาดผิดถนัดเพราะหนังสือของอาทิตย์นั้นมีทั้งนวนิยาย ประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆ หลายยุคหลายสมัย รวมถึงหนังสือด้านปรัชญา หรือแม้แต่หนังสือเกี่ยวกับกฎหมาย ซึ่งหนังสือเหล่านี้มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยคละกันจิณณาอาจรู้สึกทึ่งได้ง่ายๆ ว่าเขาคงมีความรอบรู้หลายด้าน นอกเหนือจากงานที่ทำ แต่เพราะอคติที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ว่าเขาไม่มีน้ำใจต่อคนทำงานเช่นหล่อน คะแนนพฤติกรรมของชายหนุ่มจึงถูกตัดเสียเหี้ยนเตียนแทบไม่เหลือ“เสร็จแล้วหรือ”เสียงของเขาดังขึ้น หลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำบรรยากาศในห้องทำงานอยู่นานคนที่นั่งอยู่บนพื้นห้อง ข้างหนังสือที่แยกเป็นกองไว้หลายกอง เงยหน้าขึ้นมองคนนั่งเอกเขนกบนเก้าอี้อย่างสบายๆ“จิณแยกเป็นหมวดเรียบร้อยแล้ว รอเข
เพียงแค่นั้น จิณณาก็เก็บโทรศัพท์มือถือกลับที่เดิม แล้ววิ่งออกจากบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางไร่ไปตามถนนคอนกรีต สู่พื้นที่ที่กันไว้สำหรับแปลงปลูกสตรอว์เบอร์รีผมยาวดำขลับผูกเป็นหางม้าแกว่งไกวตามการเคลื่อนไหวของเจ้าตัว แสงอาทิตย์ตอนบ่ายสาดกระทบเนื้อนวลจนแลขาวผุดผ่องยิ่งกว่าเดิม จนคนที่ยืนมองบนระเบียงบ้านชั้นสองต้องนึกขัดใจ“ทำไมไม่รู้จักใส่หมวกและสวมเสื้อแขนยาว โดนแดดขนาดนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก คราวก่อนหายเองได้ คอยดูเถอะ คราวนี้จะปล่อยให้นอนซมในห้องข้างล่างซะให้เข็ด”อาทิตย์บ่นพึมพำอยู่คนเดียว หล่อนทำให้เขาหงุดหงิด ตั้งแต่ทำงานให้เขาเสร็จก็รีบจ้ำออกจากห้องทำงาน ชนิดที่ว่าไม่ยอมเหลียวมองข้างหลังไม่อยากจะคิดเลยว่าหล่อนกลัวเขาจนไม่อยากอยู่ใกล้ จึงไม่ยอมอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียวโปรแกรมเมอร์หนุ่มหล่อผู้เป็นเจ้าของไร่เดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน มองหนังสือที่เพิ่งถูกเก็บกลับเข้าชั้นด้วยความรู้สึกแปลกกับตัวเองตอนใกล้เที่ยง เขาบอกป้าแววว่าต้องการคนมาช่วยในห้องทำงาน โดยกำชับว่าต้องเป็นคนที่พอมีความรู้ เพราะงานที่จะให้ช่วยนั้นเกี่ยวกับหนังสือและเ
“ส้มโอ!”สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เสียงหนึ่งมาจากลุงชื่น ส่วนอีกเสียงมาจากคนที่ต้องเข้าไปอยู่ในจินตนาการของเด็กสาวอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวจิณณาตกใจ ไม่คิดว่าส้มโอจะพูดเรื่องพวกนี้ หล่อนกลัวว่าคนงานอื่นได้ยินแล้วรู้ถึงหูคุณนายอรอรเข้า แล้วท่านจะพานไม่พอใจขึ้นมาได้หญิงสาวหันไปมองลุงชื่นที่คงได้ยินเต็มสองหูเช่นเดียวกัน คนอาวุโสกว่าได้แต่ส่ายหน้าพลางหัวเราะ คล้ายได้ฟังเรื่องเบาสมอง จิณณาจึงได้แต่ภาวนาว่าลุงชื่นจะไม่คิดอะไรมากกว่านี้จากนั้นจิณณาจึงหันมาปรามเด็กสาวอย่างจริงจัง“ส้มโออย่าพูดอย่างนี้อีกนะ เพราะมันไม่ดี พี่เป็นคนงานเหมือนส้มโอ เหมือนลุงชื่น เราไม่ควรตีเสมอเจ้านาย ถ้าเจ้านายรู้เข้าจะไม่ชอบใจเอาได้ ทีหลังไม่ทำแล้วนะ”ส้มโอหน้าจืดเจื่อน ชะรอยว่านิยายฝันหวานของเธอถูกสกัดตั้งแต่เริ่มวางพล็อต มันไม่สามารถดำเนินไปถึงตอนจบบริบูรณ์ได้เลยใช่ไหมหากไม่ทันที่เด็กสาวจะได้ขอโทษสาวรุ่นพี่ หางตาก็แลเห็นใครคนหนึ่งทอดฝีเท้าตรงมา เจ้าตัวเบิกตาโต เพราะไม่รู้ว่าคนมาใหม่นั้นจะได้ยินคำพูดของตัวเองด้วยหรือเปล่า&ld
เจ้าหล่อนไม่พูดอะไรสักคำ ทำตามคำสั่งเขาโดยเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารแล้วเข้าไปนั่งอย่างนิ่งสงบอาทิตย์อดที่จะชำเลืองมองดวงหน้าของหญิงสาวไม่ได้ อยากรู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไรหากสีหน้าของจิณณายังคงเรียบเฉย ไม่ส่ออาการว่าไม่พอใจหรือขุ่นเคืองเขา แม้กระทั่งคิดว่าหล่อนอาจกลัวเขา...มองอีกที หล่อนแลคล้ายหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตจิตใจเสียมากกว่าและนั่นก็ทำให้เจ้าของไร่หนุ่มอดที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้รถกระบะเคลื่อนตัวไปตามถนนคอนกรีตทอดยาว จนถึงเขตรั้วด้านหน้าที่มีประตูคั่นอยู่ รถชะลอความเร็วจนจอดตรงหน้าประตู ผู้โดยสารสาวเหลือบมองคนขับ เพราะไม่รู้ว่าจะมีคนมาเปิดประตูให้เขาหรือเปล่าหากไม่กี่วินาทีถัดมา ประตูก็ค่อยๆ เคลื่อนเปิดออกจากกัน จิณณาถึงได้รู้ว่ามันถูกบังคับด้วยสัญญาณรีโมตจากคนขับรถเองเมื่อรถเคลื่อนผ่านไปแล้ว ด้วยความอยากรู้ จิณณาก็ยังหันกลับไปมอง แล้วเห็นว่าประตูค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากันจนปิดสนิทอีกครั้งตั้งแต่เข้ามาอยู่ในไร่ จิณณาก็ไม่ได้มาที่บริเวณนี้อีก หล่อนเคยผ่านประตูรั้วครั้งเดียวเมื่อตอนนั่งรถรับจ้างที่อาจารย์พริกเหมาให้มาส่ง คราวนั้นรถรับจ
อาทิตย์จัดต้นไม้อยู่บนกระบะท้ายรถ โดยที่จิณณาเป็นคนคอยหยิบจากรถเข็นแล้วส่งให้ จนถึงต้นสุดท้ายที่เขาวางลง หล่อนก็เห็นว่ามันเต็มพอดี ไม่เหลือพื้นที่ให้วางอีก“คุณขนต้นไม้มาหมดหรือยังคะ ตอนนี้ไม่มีที่วางบนรถแล้ว”“หมดแล้ว”“ถ้าอย่างนั้นฉันขอล้างมือหน่อยนะคะ” หล่อนชี้เข้าไปในร้าน ตั้งใจจะขอเจ้าของร้านล้างหน้าล้างมือให้สดชื่นหากคนตัวโตกลับไม่สนใจ เขาเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งประจำที่ จิณณามองตามตาปริบๆ ไม่รู้ว่าต้องตัดสินใจอย่างไรดี จนกระทั่งได้ยินเสียงสตาร์ตรถ หญิงสาวจึงเดินไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารขึ้นนั่งรถเคลื่อนออกจากหน้าร้านขายต้นไม้ อาทิตย์เหลือบมองคนที่นั่งข้างๆ พอเห็นดวงหน้างอง้ำก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาดรถกระบะคันสีน้ำตาลที่บรรทุกต้นไม้จนเต็มคันรถแล่นมาได้ไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงหัวมุมถนน ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปจอดตรงลานจอด“โน่นห้องน้ำ ทำธุระของเธอเสร็จก็เข้าไปในร้าน”ชายหนุ่มบอกพลางบุ้ยใบ้ไปยังร้านกาแฟ โดยด้านหลังร้านยังมีป้ายห้องน้ำบอกอย่างชัดเจนจิณณายิ้มก
ห้องแถวชั้นเดียวในชุมชนริมคลองของตัวอำเภอยังตั้งอยู่เช่นเดิม หากความรู้สึกของจิณณาในวันนี้ต่างกับวันก่อนที่มาหาแม่ลิบลับ“เข้ามาในบ้านก่อนสิคุณ หนูจิณพาพี่เขาเข้ามา ข้างนอกอากาศมันร้อน”ลัดดามีสีหน้ายิ้มแย้มขณะเชิญชวนลูกเขยให้เข้าบ้าน โดยไม่ลืมกำชับลูกสาวไว้ด้วย ส่วนตัวเองก็ปราดเดินนำเข้าไปก่อนจิณณายิ้มตาม หัวใจเหมือนจะโบยบินเสียให้ได้ หล่อนรักที่จะเห็นความยินดีและรอยยิ้มบนใบหน้าของแม่เหลือเกิน“ผมมาฝากเนื้อฝากตัวกับคุณอาไว้ก่อนครับ ส่วนแม่จะมาในสัปดาห์หน้าพร้อมกับผู้ใหญ่เพื่อสู่ขอหนูจิณกับคุณอา”อาทิตย์พูดขึ้นหลังจากทั้งสามคนเข้ามานั่งบนโซฟาในบ้านเรียบร้อยแล้วจิณณามองรอบตัวปราดเดียวก็รู้ว่าแม่ตั้งใจจัดเก็บบ้านอย่างดีที่สุด จนเห็นความเป็นระเบียบแปลกตาไปจากทุกวัน ข้าวของที่มักมีเก็บไว้มากมายตามประสาคนค้าขาย ในวันนี้ข้าวของพวกนั้นได้หายไปหมดแล้ว พื้นที่รับแขกกลายเป็นพื้นที่โล่ง มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นสำหรับใช้งานจริงๆลัดดาวางตัวได้เหมาะสม แม้สีหน้าจะยิ้มแย้มเบิกบานโดยที่ใครเห็นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอดี
จิณณาเดินเข้าไปด้านในห้องนอนตามทิศทางของแสงไฟที่เห็นส่องสว่าง และเมื่อไปถึง ร่างกายของหญิงสาวก็หยุดอยู่กับที่ มองภาพเบื้องหน้านิ่งงันอยู่อย่างนั้น“ห่างแค่วันเดียวจำผัวไม่ได้แล้วหรือหนูจิณ”“พี่อั๋น!”“ครับ พี่เอง ดีใจจังที่เมียยังจำได้”ชายหนุ่มเย้า สีหน้าของเขาเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมหลุบมองส่วนกลางของร่างกายหญิงสาว แล้วตรงเข้ามาโอบกอดแม้เจ้าหล่อนยังยืนตัวแข็งเช่นเดิม แต่เขาก็ไม่สนใจ ความยินดีเกิดขึ้นเต็มหัวใจจนไม่อยากเก็บมันไว้อีกแล้วดวงหน้าคมโน้มลงพรมจูบตรงเรือนผมนุ่มสลวย แล้วเลื่อนมากดจูบบริเวณหน้าผาก ไล่มาถึงพวงแก้มนวล แล้วกดจูบที่ริมฝีปากอิ่มหนักๆ“ใจร้ายกับพี่ทุกคนเลย หนูจิณก็เป็นไปกับเขาด้วย”“แล้วพี่อั๋นมาได้ยังไงคะ”“ขับรถมาสิ แล้วนี่บ้านของพี่นะ ห้องนี้ก็เป็นห้องของพี่ พี่อยู่มาตั้งแต่เด็กๆ”“เอ่อ...จิณขอโทษค่ะ ไม่น่าถามอย่างนี้เลย”“ไม่ได้กอดแค่คืนเดียว รู้ไหมคิดถึงมาก เมื่อคืนนอนไม่หลับ ห่วงไปสารพัด ทั้งที่รู้ว่าอยู่
พิจิกาเร่งสาวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาล หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนอาจารย์ที่มาฝากครรภ์แล้วบอกว่าได้เจอกับคนรู้จักของเธอที่แผนกเดียวกันเข้าเพียงแค่นั้น อาจารย์สาวที่ว่างจากชั่วโมงสอนก็ปรี่มายังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยในทันทีเมื่อถามจนรู้พิกัดของ ‘คนรู้จัก’ เธอก็รีบจอดรถแล้วขึ้นลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นเป้าหมาย พลันก็เจอกับผู้หญิงสองคนที่เธอคาดไว้จริงๆพิจิกาเดินหลบไปยังมุมหนึ่ง แล้วโทร.ติดต่อหาเพื่อนสนิทโดยไว“นายอั๋น ทำอะไรอยู่ที่ไหนเนี่ย”“อยู่ที่ไร่ พริกมีอะไรหรือเปล่า”“แล้วเจอเมียนายหรือยัง”พิจิกายิงคำถามไปตรงๆ เพราะไม่ต้องการให้เรื่องยืดเยื้ออีก“เมียของนายหายไปไม่ใช่หรือ แล้วทำไมนายไม่ตามหา หรือว่านายแค่เล่นๆ กับยายขนุน”“หนูจิณออกจากบ้านของฉัน แต่ฉันรู้ว่าเธออยู่กับแม่ของฉันแล้ว”“อ้าว! นายก็รู้ด้วยนี่ ฉันเห็นที่บ้านของนายพร้อมใจกันปิดข่าวนายไม่ใช่หรือ”“ฉันรู้จากสัญญาณมือถือของหนูจิณ แล้วถามจากคนขับรถตู้
หลังจากพิจิกากลับไปแล้ว ขวัญจึงเอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ไม่เว้นแม้แต่เครื่องสำอางแบรนด์ดังมาให้จิณณา หญิงสาวพลิกมองอย่างพิจารณา คิดในใจว่ามันดีเกินไป ไม่จำเป็นเลยที่คุณนายอรอรจะนำของพวกนี้มาให้หล่อนใช้ หากก็ไม่ทันได้พูด ขวัญก็รายงานต่อด้วยเสียงดังแจ้วๆ ขึ้นมาเสียก่อน“คุณนายบอกว่าให้คุณจิณรับไว้แล้วใช้ของพวกนี้ด้วยค่ะ”จิณณาเหลือบมองแล้วยิ้ม แน่นอนว่าหล่อนไม่มีทางปฏิเสธได้ ถ้าคุณนายฝากถ้อยคำมาแบบนี้แล้ว“คุณนายใจดีค่ะ ถึงท่าทางจะดุไปสักนิดก็ตาม หนูชอบอยู่บ้านนี้ที่สุดแล้ว”จิณณาปล่อยให้เด็กรับใช้พูดต่อไป แม้หล่อนจะเห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ผสมโรง เพราะยังติดความรู้สึกที่ว่าตนยังไม่ใช่คนในบ้านนี้ หล่อนจึงเพียงรับฟังไปเงียบๆ“คุณหายปวดหัวหรือยังคะ ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว”“อะไรนะ นี่บ่ายแล้วหรือ”“บ่ายสองแล้วค่ะ คุณหลับไปหลายรอบเลย หนูก็ไม่อยากปลุก”“นั่นสิ วันนี้ง่วงนอนทั้งวัน เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้นะ ฉันยังไปทำงานในไร่ด้วยเลย”จิณณาเผลอพูดออกไป แต่เมื่อรู้ตัวก็ปิดปากฉับทันที
เสียงพูดคุยดังแว่วเข้ามาในหู จิณณาคิดว่าเป็นเพียงความฝัน เพราะหล่อนพยายามปรือตาเปิด แต่รู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้งเหลือเกิน ครั้นจะปล่อยตัวเองให้หลับต่อ จิตใต้สำนึกก็บอกว่าหล่อนนอนหลับมากเกินไปแล้ว ควรจะตื่นขึ้นได้สักทีหญิงสาวพยายามฝืนตัวเอง ค่อยๆ ปรือเปิดดวงตาขึ้นอีกรอบ กระทั่งทำได้สำเร็จ เพดานห้องสีขาวที่มีดวงไฟงดงามหรูหราปรากฏขึ้นในสายตา แล้วก็จดจำได้ต่อมาว่าหล่อนอยู่ที่ไหน“ตื่นแล้วหรือหนูจิณ ดูสิ ตัวก็ไม่ร้อน แต่นอนหลับนิ่งไปเลย”เสียงคุ้นหูพร้อมกับสัมผัสนุ่มนวลและอ่อนโยนตรงหน้าผากทำให้จิณณาเบือนหน้าไปมอง แล้วเมื่อเห็นว่าเป็นใคร หล่อนก็ชันกายขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกว่าไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย“อาจารย์พริก!”หล่อนตกใจ ไม่นึกว่าจะเห็นพิจิกาในห้องนี้ ซึ่งเป็นห้องนอนส่วนตัวของอาทิตย์ เพราะจิณณายังไม่มั่นใจในสิทธิ์ของตัวเองนัก“ทำไมทำหน้าตกใจ หนูจิณไม่ดีใจหรือที่เห็นฉัน ชักจะน้อยใจแล้วนะ”“ไม่ค่ะ หนูจิณ เอ่อ...นึกไม่ถึงว่าจะได้เจออาจารย์”“โกหกไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะหนูน้อย”พิจิ
หลังจากเรียกเด็กในบ้านให้พาจิณณาไปพักผ่อนแล้ว พอคล้อยหลังจิณณาไป คุณนายอรอรก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ท่าทางเหมือนจมอยู่กับความคิด ในขณะที่ลูกชายคนรองก็ยังนั่งปักหลักอยู่ข้างๆ ไม่ยอมลุกไปไหนเช่นกัน“แม่คิดว่าซ้ออายุสิบเจ็ดสิบแปดได้ยังไง เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยและเคยทำงานที่กรุงเทพฯ มาแล้ว”ข้อมูลที่ได้ยินนั้นทำให้เศรษฐีนีใหญ่เบิกตาโต แล้วหันขวับไปทางคนพูด“อ้าว! แล้วทำไมแกเพิ่งบอกฉัน ฉันอุตส่าห์ทำใจให้ยอมรับอยู่ตั้งนานว่าพี่แกไปฉวยเด็กมาทำเมีย เห็นหน้าตายังกับเพิ่งจบมัธยม แต่กิริยาท่าทางก็น่าเอ็นดู ผิดจากที่ฉันนึกภาพเอาไว้มาก แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้าเป็นเด็กของหนูพิจิกาก็ต้องน่ารักไม่ต่างกัน ไม่งั้นจะให้ตามหลังกันได้ยังไง”“แม่ก็ยังเอ็นดูหนูพิจิกาของแม่ไม่เลิกนะ อย่าเผลอเอาเขาใส่พานให้นายอั๋นเข้าก็แล้วกัน จำไว้ว่าตอนนี้นายอั๋นมีเมียเรียบร้อยแล้ว”“เอาน่า ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก แกก็บอกเองนี่ว่าพี่แกย้ำนักย้ำหนาว่าพวกเขาเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่เคยคบหากัน”“นายอั๋นยืนยันตามนั้น ส่วนอีกคนผมไม่รู้ความรู้สึกเขาหรอก สนิทกันม
“หนูจิณไม่อยู่ ไม่มีใครเห็นว่าออกไปไหน มันเป็นไปได้ยังไง ทั้งในบ้านและไร่ของเราก็มีคนอยู่ตั้งมาก”อาทิตย์ออกอาการตกใจ เมื่อเรียกคนงานมาพร้อมหน้าเพื่อสอบถามว่าเห็นจิณณากันบ้างไหม และคำตอบก็ไปในทางเดียวกัน...ไม่มีใครรู้และไม่มีใครเห็นหล่อน“หนูจิณเอาโทรศัพท์ไปด้วยไหม แล้วคุณอั๋นโทร.หาเธอหรือยัง”ป้าแววที่ถูกตามมาจากบ้านพักกลางไร่ออกอาการร้อนรน นางเป็นห่วงจิณณาไม่น้อยกว่าใคร ทั้งที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนก็ยังโกรธอาทิตย์อยู่ เพิ่งบอกกับตัวเองว่าจะไม่พูดและไม่ยุ่งแล้วด้วยซ้ำ แต่พอไม่ทันข้ามวันก็กลับต้องมาช่วยกันเหมือนเดิม“ผมไม่มีเบอร์หนูจิณ”“แล้วเป็นผัวเมียประสาอะไร ไม่รู้เรื่องของเขาเลย”ป้าแววอดไม่ได้ที่จะบ่น ถ้าอาทิตย์จะโกรธนางอีกก็ตามใจ เพราะเหลืออดเต็มทนแล้วเหมือนกัน หากคราวนี้เจ้าของบ้านหนุ่มกลับก้มหน้ายอมรับผิดเสียง่ายๆ“ผมรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้ใส่ใจหนูจิณอย่างที่ป้าพูดจริงๆ” อาทิตย์บอกเสียงอ่อนน้อม เพราะรู้สึกสำนึกผิด “เมื่อตอนเย็นผมก็ก้าวร้าวกับป้า ผมขอโทษด้วย&rd
และเวลานี้จิณณาก็ห่วงความรู้สึกของหญิงชราเช่นกัน รู้ดีว่าฝ่ายนั้นยอมออกปากพูดกับอาทิตย์เพราะหวังดีต่อทุกคน...โดยเฉพาะพิจิกาที่เป็นเจ้านายเก่าของป้าแววเองหญิงสาววางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง แล้วตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า เลือกเสื้อเชิ้ตเข้ารูปกับกางเกงยีนออกมา แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ที่มีแบงก์ร้อยสามใบกับเหรียญอีกไม่กี่เหรียญวางเคียงกันอย่างเตรียมพร้อมบรรยากาศในตลาดประจำอำเภอช่วงเวลาเย็นนั้นค่อนข้างเงียบ ไม่มีคนพลุกพล่านเช่นเวลาเช้า ร้านรวงปิดไปหมดแล้ว เหลือแต่ร้านค้าที่เป็นตึกแถวซึ่งส่วนใหญ่ใช้เป็นที่พักอาศัยด้วยที่ยังเปิดอยู่จิณณาเดินผ่านไปเงียบๆ ละแวกนี้หล่อนคุ้นเคยดี เพราะเห็นจนชินตามาตั้งแต่จำความได้ ผู้คนล้วนแต่คุ้นหน้า แถมเวลานี้หล่อนก็สัมผัสได้ว่าสายตาบางคู่ก็กำลังมองตาม หากจิณณายังคงก้าวดุ่มๆ ตรงไป หล่อนไม่พร้อมจะทักทายกับใครทั้งสิ้น และยินดีที่ไม่ได้ยินเสียงทักถามจากพวกเขาหญิงสาวเดินไปหยุดตรงห้องแถวชั้นเดียว เมื่อกวาดสายตามองรอบตัว หล่อนก็เห็นความเก่าโทรมชัดตาขึ้น“มาถึงแล้วหรือ แล้วมายังไง มีใครมาส่งหรือเปล่า”ลัดดา...แม่วั
“เมื่อกี้ฉันโทร.ไป แกไม่ได้รับ ยุ่งอยู่หรือเปล่า”น้ำเสียงของแม่ผิดจากที่จิณณาคาด หล่อนคิดว่าแม่จะโกรธและเกรี้ยวกราดกับเรื่องที่หล่อนทำลงไปเสียอีก หากน้ำเสียงนั้นกลับทอดอ่อนเจือความอ่อนล้า วูบหนึ่งจิณณาก็รู้สึกผิด ขณะที่ตัวเองอยู่อย่างสุขสบายในบ้านหลังใหญ่ ได้รับการดูแลอย่างดี แต่แม่ยังทำงานอย่างหนัก แม่ต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสามมาดักรอซื้อของจากพ่อค้าขายส่ง เพื่อจะนำมาขายบนแผงในช่วงเวลากลางวัน“ไม่ยุ่งค่ะ แม่สบายดีไหม”“ไม่เจ็บไม่ป่วย ฉันก็เป็นของฉันเหมือนเดิม แล้วแกล่ะ เป็นยังไงบ้าง”จิณณาเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลพรั่งพรูอีกคราว หล่อนอ้าปากจะตอบ แต่กลัวเสียงสะอื้นจะหลุดลอดออกไป“แกหายไปเลยนะ ทำงานกับใคร อยู่ที่ไหนก็ไม่โทร.มาบอกฉัน ถ้าพ่อแกไม่บังเอิญได้ยินคนในตลาดพูดถึงแก ฉันก็คงหูหนวกตาบอดไปอีกนาน”เป็นอย่างที่จิณณาคาดไว้ แม่รู้เรื่องของหล่อนจากพ่อเลี้ยงจริงๆ“แม่ผัวของแกมากว้านซื้อตึกแถวในตลาดเราไปหลายคูหา เห็นว่าจะทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่เป็นศูนย์การค้าขายจำพวกพืชผลทางเกษตรครบวงจร มีพวก