พอทำงานได้อยู่ตัว จิณณาก็เพลินไปเหมือนกัน หนังสือของเขาน่าสนใจทั้งนั้น ในตอนแรกคิดว่าจะมีแต่หนังสือที่เกี่ยวกับงาน ไม่ว่างานไร่หรืองานโปรแกรมเมอร์ที่เพิ่งรู้มา อย่างดีก็อาจเพิ่มหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนที่หล่อนคิดไปเองว่าคนรวยๆ ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว…หากหล่อนก็คาดผิดถนัด
เพราะหนังสือของอาทิตย์นั้นมีทั้งนวนิยาย ประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆ หลายยุคหลายสมัย รวมถึงหนังสือด้านปรัชญา หรือแม้แต่หนังสือเกี่ยวกับกฎหมาย ซึ่งหนังสือเหล่านี้มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยคละกัน จิณณาอาจรู้สึกทึ่งได้ง่ายๆ ว่าเขาคงมีความรอบรู้หลายด้าน นอกเหนือจากงานที่ทำ แต่เพราะอคติที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ว่าเขาไม่มีน้ำใจต่อคนทำงานเช่นหล่อน คะแนนพฤติกรรมของชายหนุ่มจึงถูกตัดเสียเหี้ยนเตียนแทบไม่เหลือ “เสร็จแล้วหรือ”เสียงของเขาดังขึ้น หลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำบรรยากาศในห้องทำงานอยู่นาน คนที่นั่งอยู่บนพื้นห้อง ข้างหนังสือที่แยกเป็นกองไว้หลายกอง เงยหน้าขึ้นมองคนนั่งเอกเขนกบนเก้าอี้อย่างสบายๆ “จิณแยกเป็นหมวดเรียบร้อยแล้ว รอเขเพียงแค่นั้น จิณณาก็เก็บโทรศัพท์มือถือกลับที่เดิม แล้ววิ่งออกจากบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางไร่ไปตามถนนคอนกรีต สู่พื้นที่ที่กันไว้สำหรับแปลงปลูกสตรอว์เบอร์รีผมยาวดำขลับผูกเป็นหางม้าแกว่งไกวตามการเคลื่อนไหวของเจ้าตัว แสงอาทิตย์ตอนบ่ายสาดกระทบเนื้อนวลจนแลขาวผุดผ่องยิ่งกว่าเดิม จนคนที่ยืนมองบนระเบียงบ้านชั้นสองต้องนึกขัดใจ“ทำไมไม่รู้จักใส่หมวกและสวมเสื้อแขนยาว โดนแดดขนาดนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก คราวก่อนหายเองได้ คอยดูเถอะ คราวนี้จะปล่อยให้นอนซมในห้องข้างล่างซะให้เข็ด”อาทิตย์บ่นพึมพำอยู่คนเดียว หล่อนทำให้เขาหงุดหงิด ตั้งแต่ทำงานให้เขาเสร็จก็รีบจ้ำออกจากห้องทำงาน ชนิดที่ว่าไม่ยอมเหลียวมองข้างหลังไม่อยากจะคิดเลยว่าหล่อนกลัวเขาจนไม่อยากอยู่ใกล้ จึงไม่ยอมอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียวโปรแกรมเมอร์หนุ่มหล่อผู้เป็นเจ้าของไร่เดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน มองหนังสือที่เพิ่งถูกเก็บกลับเข้าชั้นด้วยความรู้สึกแปลกกับตัวเองตอนใกล้เที่ยง เขาบอกป้าแววว่าต้องการคนมาช่วยในห้องทำงาน โดยกำชับว่าต้องเป็นคนที่พอมีความรู้ เพราะงานที่จะให้ช่วยนั้นเกี่ยวกับหนังสือและเ
“ส้มโอ!”สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เสียงหนึ่งมาจากลุงชื่น ส่วนอีกเสียงมาจากคนที่ต้องเข้าไปอยู่ในจินตนาการของเด็กสาวอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวจิณณาตกใจ ไม่คิดว่าส้มโอจะพูดเรื่องพวกนี้ หล่อนกลัวว่าคนงานอื่นได้ยินแล้วรู้ถึงหูคุณนายอรอรเข้า แล้วท่านจะพานไม่พอใจขึ้นมาได้หญิงสาวหันไปมองลุงชื่นที่คงได้ยินเต็มสองหูเช่นเดียวกัน คนอาวุโสกว่าได้แต่ส่ายหน้าพลางหัวเราะ คล้ายได้ฟังเรื่องเบาสมอง จิณณาจึงได้แต่ภาวนาว่าลุงชื่นจะไม่คิดอะไรมากกว่านี้จากนั้นจิณณาจึงหันมาปรามเด็กสาวอย่างจริงจัง“ส้มโออย่าพูดอย่างนี้อีกนะ เพราะมันไม่ดี พี่เป็นคนงานเหมือนส้มโอ เหมือนลุงชื่น เราไม่ควรตีเสมอเจ้านาย ถ้าเจ้านายรู้เข้าจะไม่ชอบใจเอาได้ ทีหลังไม่ทำแล้วนะ”ส้มโอหน้าจืดเจื่อน ชะรอยว่านิยายฝันหวานของเธอถูกสกัดตั้งแต่เริ่มวางพล็อต มันไม่สามารถดำเนินไปถึงตอนจบบริบูรณ์ได้เลยใช่ไหมหากไม่ทันที่เด็กสาวจะได้ขอโทษสาวรุ่นพี่ หางตาก็แลเห็นใครคนหนึ่งทอดฝีเท้าตรงมา เจ้าตัวเบิกตาโต เพราะไม่รู้ว่าคนมาใหม่นั้นจะได้ยินคำพูดของตัวเองด้วยหรือเปล่า&ld
เจ้าหล่อนไม่พูดอะไรสักคำ ทำตามคำสั่งเขาโดยเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารแล้วเข้าไปนั่งอย่างนิ่งสงบอาทิตย์อดที่จะชำเลืองมองดวงหน้าของหญิงสาวไม่ได้ อยากรู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไรหากสีหน้าของจิณณายังคงเรียบเฉย ไม่ส่ออาการว่าไม่พอใจหรือขุ่นเคืองเขา แม้กระทั่งคิดว่าหล่อนอาจกลัวเขา...มองอีกที หล่อนแลคล้ายหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตจิตใจเสียมากกว่าและนั่นก็ทำให้เจ้าของไร่หนุ่มอดที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้รถกระบะเคลื่อนตัวไปตามถนนคอนกรีตทอดยาว จนถึงเขตรั้วด้านหน้าที่มีประตูคั่นอยู่ รถชะลอความเร็วจนจอดตรงหน้าประตู ผู้โดยสารสาวเหลือบมองคนขับ เพราะไม่รู้ว่าจะมีคนมาเปิดประตูให้เขาหรือเปล่าหากไม่กี่วินาทีถัดมา ประตูก็ค่อยๆ เคลื่อนเปิดออกจากกัน จิณณาถึงได้รู้ว่ามันถูกบังคับด้วยสัญญาณรีโมตจากคนขับรถเองเมื่อรถเคลื่อนผ่านไปแล้ว ด้วยความอยากรู้ จิณณาก็ยังหันกลับไปมอง แล้วเห็นว่าประตูค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากันจนปิดสนิทอีกครั้งตั้งแต่เข้ามาอยู่ในไร่ จิณณาก็ไม่ได้มาที่บริเวณนี้อีก หล่อนเคยผ่านประตูรั้วครั้งเดียวเมื่อตอนนั่งรถรับจ้างที่อาจารย์พริกเหมาให้มาส่ง คราวนั้นรถรับจ
อาทิตย์จัดต้นไม้อยู่บนกระบะท้ายรถ โดยที่จิณณาเป็นคนคอยหยิบจากรถเข็นแล้วส่งให้ จนถึงต้นสุดท้ายที่เขาวางลง หล่อนก็เห็นว่ามันเต็มพอดี ไม่เหลือพื้นที่ให้วางอีก“คุณขนต้นไม้มาหมดหรือยังคะ ตอนนี้ไม่มีที่วางบนรถแล้ว”“หมดแล้ว”“ถ้าอย่างนั้นฉันขอล้างมือหน่อยนะคะ” หล่อนชี้เข้าไปในร้าน ตั้งใจจะขอเจ้าของร้านล้างหน้าล้างมือให้สดชื่นหากคนตัวโตกลับไม่สนใจ เขาเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งประจำที่ จิณณามองตามตาปริบๆ ไม่รู้ว่าต้องตัดสินใจอย่างไรดี จนกระทั่งได้ยินเสียงสตาร์ตรถ หญิงสาวจึงเดินไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารขึ้นนั่งรถเคลื่อนออกจากหน้าร้านขายต้นไม้ อาทิตย์เหลือบมองคนที่นั่งข้างๆ พอเห็นดวงหน้างอง้ำก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาดรถกระบะคันสีน้ำตาลที่บรรทุกต้นไม้จนเต็มคันรถแล่นมาได้ไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงหัวมุมถนน ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปจอดตรงลานจอด“โน่นห้องน้ำ ทำธุระของเธอเสร็จก็เข้าไปในร้าน”ชายหนุ่มบอกพลางบุ้ยใบ้ไปยังร้านกาแฟ โดยด้านหลังร้านยังมีป้ายห้องน้ำบอกอย่างชัดเจนจิณณายิ้มก
กว่าจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาค่ำแล้ว เมื่อรถกระบะคันสีน้ำตาลที่บรรทุกต้นไม้มาเต็มคันจอดเทียบหน้าบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางไร่ คนที่นั่งข้างคนขับเปิดประตูรถแล้วก้าวออกมา ทำท่าจะช่วยขนต้นไม้ลงอย่างรู้งานหากสองมือที่กำลังจับต้นไม้ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดนั้นต้องชะงัก“เธอไปพักเถอะ เดี๋ยวคนงานมาจัดการต่อเอง”อาทิตย์บอกให้หล่อนพัก แต่ตัวเขาที่เปิดประตูรถตามออกมาก็หยิบโน่นฉวยนี่อย่างไม่วางมือ ไม่เห็นว่าเขาจะได้พักด้วยเหมือนกัน ทำให้คนอาศัยที่ตั้งใจจะทำตัวให้มีประโยชน์นั้นต้องลังเล“มีอะไรอีก”“จิณช่วยขนต้นไม้ลงจากรถได้ค่ะ จิณยังไม่เหนื่อย”“ถ้าเธออยากจะช่วยก็ช่วยไปพักซะ ฉันโทร.เรียกคนงานแล้ว ปล่อยให้พวกเขาทำกันเองจะเร็วกว่ามีเธอช่วยอยู่ด้วย”เพียงเท่านี้คนหวังดีก็เชิดหน้าขึ้น แล้วหันกายเดินเข้าบ้านโดยไม่เหลียวมองข้างหลังอีก จึงไม่อาจเห็นคนตัวโตที่ยืนเท้าสะเอวมองตามพลางหรี่ตาครุ่นคิดอาทิตย์กำลังทบทวนคำพูดของตัวเอง สงสัยว่าอะไรที่ทำให้หล่อนเปลี่ยนท่าทีไปขนาดนั้น เพราะเมื่อสักครู่ก็เห็นยังดีๆ อยู
ห้องโล่งกว้างอยู่ทางปีกขวาบนชั้นสองของบ้าน คนละฝั่งกับห้องนอนและห้องทำงานที่ใช้อยู่ประจำ อาทิตย์ปล่อยห้องนี้ไว้ตั้งแต่สร้างบ้านเสร็จเมื่อสี่ปีก่อน จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยเข้ามาใช้ประโยชน์จากมัน หากอยู่ๆ ก็นึกอยากทำห้องนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ จึงเริ่มต้นด้วยการสั่งต้นไม้แล้วพา ‘คนอาศัย’ ไปช่วยขนจากร้าน เพื่อจะนำมาประดับภายในห้องตามภาพที่ร่างอยู่ในหัวไว้ตั้งแต่ต้น “ป้าแวว ให้จิณณาขึ้นมาข้างบนด้วย” ไวเท่าความคิด อาทิตย์โทร.เข้าไปบอกป้าแววที่อยู่ในครัวให้ทำตามคำสั่ง โดยไม่ลืมขยายความ...เผื่อว่าป้าแววจะสงสัย “บอกให้มาทำงานของเมื่อวานให้เสร็จ” “งานอะไรหรือคะคุณอั๋น หนูจิณทำงานอะไรค้างไว้” “เอาต้นไม้ลงกระถาง บอกจิณณาให้มาที่ห้องปีกขวา” “คุณอั๋นรอสักครึ่งชั่วโมงแล้วกันนะ หนูจิณเพิ่งเข้ามาในครัว ยังไม่ได้กินข้าวเช้า” อาทิตย์ตัดสายไปแล้ว ทางด้านป้าแววก็หันไปทางจิณณาซึ่งยืนมองตาปริบๆ เพราะได้ยินว่ามีเอ่ยถึงตัวเองด้วย “มีอะไรหรือจ๊ะป้า แล้วเมื่อกี้ป้าคุยกับใคร ได้ยินพูดถึงหนูด้วย” “คุณอั๋นให้ขึ้นไปทำงานข้างบน เอาต้
จิณณายืนมองคนงานที่กำลังเคลื่อนย้ายกระถางปูนเปลือยขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้านอย่างสนใจ หล่อนเพิ่งรู้ว่าต้นไม้ที่อาทิตย์ไปรับมาเมื่อวานนั้น เขาจะปลูกประดับไว้ในบ้าน ไม่ได้ปลูกในไร่เพื่อขายดอกผลอย่างที่เข้าใจ“อ้าว! พี่จิณยังอยู่นี่เหรอ คิดว่าขึ้นไปช่วยเขาทำงานข้างบนแล้วเสียอีก”ส้มโอที่เดินผ่านไปแล้วยังอุตส่าห์ถอยหลังกลับมาสองก้าว แล้วถามอย่างสงสัย“พี่รอให้คนงานทำงานเสร็จก่อน ไม่อยากขึ้นไปเกะกะพวกเขา เดี๋ยวงานจะเสร็จช้าลงอีก”ส้มโอหัวเราะคิกทีเดียว จิณณาหันมาเลิกคิ้วมองอย่างคาใจ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรที่น่าขำนัก สาวรุ่นน้องถึงต้องหัวเราะขนาดนี้ จนเจ้าตัวต้องเฉลย“พี่จิณตลกเป็นบ้าเลย รู้ตัวหรือเปล่า แล้วเมื่อกี้พูดแซะคุณอั๋นใช่ไหม ที่บอกว่าพี่อยู่ก็ไม่ได้ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น”“ไม่ได้แซะใครเลย พี่พูดของพี่เอง”“นั่นสินะ หนูก็คิดว่าคนอย่างพี่จิณไม่มีทางว่ากระทบใครได้หรอก”“ใช่ พี่ไม่ได้มีนิสัยแย่ขนาดนั้น”“หนูเปลี่ยนใจแล้ว”จู่ๆ แม่สาวน
อาทิตย์หัวเราะชอบใจ จิณณารู้ตัวว่าถูกต้อนให้เดินตามเกมเขาเสียแล้ว หญิงสาวจึงย่นจมูกใส่อย่างเผลอตัว “ตอนแรกฉันเลือกบ้านสไตล์ลอฟต์ทั้งหลัง แต่แม่บอกว่ามันดูดิบไป ไม่สวย ขู่ว่าถ้าฉันสร้างบ้านแบบนั้นก็จะไม่ยอมมาหาเด็ดขาด ฉันเลยต้องให้แม่เลือกแบบบ้านเอง แต่ขอเว้นพื้นที่นี้ไว้ให้ฉันได้ทำตามใจตัวเองด้วย” จิณณามองรอบตัวอย่างพิจารณาอีกครั้ง ครามรู้สึกคราวนี้เปลี่ยนไปจากเดิม มองเห็นความสวยงามในความดิบ เรียวปากอิ่มแย้มออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นสายไฟ ท่อน้ำ และท่อแอร์ โผล่มาให้เห็นด้วย แต่มองแวบเดียวก็รู้ว่าฝีมือช่างนั้นละเอียดนัก ทำให้ห้องไม่กลายสภาพเป็นโรงงานหรือโกดังเก็บของ กระนั้นก็ยากที่จะให้คนอย่างคุณนายอรอรซึ่งคงชินกับความหรูหรายอมรับในรสนิยมแบบนี้ของอาทิตย์ได้ แต่พอนึกในมุมของเขาที่เป็นคนอยู่อาศัยเองก็เผลอถามออกไปตามใจคิด “แล้วไม่ฝืนใจคุณแย่หรือคะ เขาว่าปลูกเรือนตามใจผู้อยู่” “ฉันอยู่ได้ บ้านสไตล์ลอฟต์เป็นความชอบ แต่ที่แม่เลือกให้มันคือความสะดวกสบาย ฉันอยู่แล้วก็มีความสุขดี” “ดีจังเลยค่ะ” จิณณาเผลอยิ้มเต็มสีหน้า แล้วมองรอบตัวด้วยสายตาเปลี่ยนไปจา
ตะกร้าสานที่มีผ้าปูรองมีผลสตรอว์เบอร์รีสีแดงสดอยู่เกือบเต็มตะกร้า หากจิณณายังก้มหน้าก้มตาเก็บจากต้นบนแปลงปลูกอย่างตั้งใจเจ้าของไร่หนุ่มหล่อที่เดินฝ่าคนงานตรงไปหานั้นถึงกับยืนมองนิ่ง เห็นความตั้งใจของหล่อนก็นึกเอ็นดูระคนอ่อนใจ“กลับได้หรือยังหนูจิณ”“อ้าว! คุณอั๋นมาทำไมคะ”จิณณาสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะเอียงคอถามเมื่อเห็นเขายืนอยู่ใกล้ๆ“มาตามคนงานจอมอู้น่ะสิ นี่ใกล้เที่ยงแล้ว ทำไมไม่ยอมกลับบ้าน”ก่อนจะขับรถกอล์ฟมาส่งที่ไร่ในเวลาเกือบแปดนาฬิกา อาทิตย์ได้กำชับว่าให้จิณณาทำงานแค่สามชั่วโมง แล้วจะมารับกลับบ้าน เพราะไม่อยากให้ตากแดดนาน กลัวว่าหล่อนจะป่วยเหมือนคราวก่อน หากหญิงสาวก็ห้ามเขาไว้ ไม่ยอมให้มารับ แต่ก็สัญญาว่าเมื่อถึงเวลาจะเดินกลับบ้านเองพอเวลาใกล้เที่ยงเต็มที แสงแดดร้อนจ้า อาทิตย์ก็เดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านหลายรอบ หากยังไม่เห็นคนงานสาวหน้าใสกลับบ้านสักที จนเขาตัดสินใจมาตามกลับเองนี่แหละ“อู้ตรงไหนกัน จิณพยายามเก็บสตรอว์เบอร์รีไม่ให้ช้ากว่าคนอื่นแล้วนะ ถึงจะยังทำได้ไม่ดี แต่ก็ไม่ถ
“ฉันกลับจากธุระแล้วผ่านมาทางนี้ เลยให้คนรถแวะเข้ามาในไร่ของแก เห็นลุงชื่นบอกว่าสตรอว์เบอร์รีบางแปลงเริ่มเก็บได้แล้ว”คุณนายอรอรเดินนำลูกชายเข้ามาในบ้าน สายตาคมกริบกวาดรอบโถงกว้างอย่างสำรวจ เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดผิดสังเกต เธอก็ตรงไปนั่งบนโซฟารับแขก มุมที่สบายที่สุดสำหรับเธอ“เห็นแม่หายไปหลายวัน ปกติยังโทร.มาปลุกผมตอนเช้า หรือไม่บางทีช่วงเย็นก็โทร.มาถามว่าจะกินอะไร แล้วแม่ก็ให้คนรถเอาของกินมาส่ง”“หน้าที่นี้ควรเป็นแกทำให้ฉันมากกว่านะ นี่พอฉันหายไป แกก็ทวงเลยสิท่า” คุณนายเจ้าของห้างสรรพสินค้าประจำจังหวัดค้อนลูกชายคนโต แล้วหรี่ตาอย่างจับสังเกต “แล้วทำไมแกถึงถามจุกจิกกับฉันจังเลย เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้”“ผมแค่เป็นห่วง เพราะแม่หายไปหลายวัน แล้วจู่ๆ ก็มาหาด้วยตัวเองในช่วงใกล้ค่ำ ผมห่วงว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับแม่น่ะสิ”“แล้วถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับฉัน แกจะช่วยฉันทันไหม พอฉันไม่แวะมา แกก็ไม่ไปหา ไม่คิดจะถามข่าวคราวของฉันเหมือนกัน”คุณนายอรอรบ่นด้วยน้ำเสียงติดจะน้อยใจ จนอ
“เพราะคุณมีพร้อม อยู่ในจุดที่สบายพอแล้ว”“ไม่รู้สิ ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก แต่พอเป็นผู้ใหญ่ก็อยากมีชีวิตของตัวเอง ฉันก็เปลี่ยนของฉันเอง เพราะจะใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยโดยหวังพึ่งพาแม่หรือที่บ้านตลอดไปก็ไม่ดี”“คุณเป็นลูกคนโต ตอนนี้คุณนายคงภูมิใจมากค่ะ เพราะคุณเก่ง คุณทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง”จิณณาเพิ่งได้คิดว่าอาทิตย์เป็นลูกชายของเศรษฐีใหญ่ในจังหวัด ตระกูลของเขาเป็นที่รู้จักของคนในสังคม ยิ่งการที่เขาเป็นทายาทคนโตซึ่งต้องเป็นความหวังและความภูมิใจของครอบครัว...โดยเฉพาะคุณนายอรอรที่เป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามา“แม่ไม่เคี่ยวเข็ญเกี่ยวกับงานว่าจะให้ใครทำอะไร เราสามารถเลือกทำตามที่ถนัดได้ทุกคน...แต่มียกเว้นเรื่องเดียว”“เรื่องอะไรคะ”“อีกไม่นานเธอจะได้รู้เอง คุณนายยังตามเคี่ยวเข็ญฉันอยู่จนถึงตอนนี้ ดูท่าแล้วคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ”จิณณามองอาทิตย์อย่างคาดเดา เรื่องที่เขาพูดควรเป็นเรื่องชวนเครียด แต่ทำไมเขาต้องหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขำ แถมหน้าตาก็บ่งบอกว่ามีความสุขอีกด้วยช่วงเ
คำว่าคิดถึงของเขามาพร้อมกับดวงตาพราวระยับ จิณณามองปราดเดียวก็รู้ทันคนคิดไม่ซื่อ และแววตาของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มต้องลอบยิ้ม เขาโน้มตัวลงไปโอบกอดหล่อนไว้ แล้วกดจุมพิตหนักๆ ตรงต้นคอ หากเพียงแค่นี้ก็ทำให้จิณณาวูบไหวไปทั้งกาย “จิณกำลังแกะเมล็ดสตรอว์เบอร์รีเอาไว้ปลูกค่ะ เมื่อวานลุงชื่นเอาลูกใหญ่ๆ มาให้จิณสี่ลูก จิณเห็นแล้วอยากแกะเมล็ดมาปลูกใส่กระถางไว้ในห้องนี้” จิณณาเบือนหนีสัมผัสของเขา แล้วบอกถึงความตั้งใจในสิ่งที่จะทำต่อไป อาทิตย์มองตามก็เห็นเปลือกสตรอว์เบอร์รีที่มีเมล็ดเกาะอยู่บนกระดาษทิชชู สภาพแห้งเหมือนถูกตากแดดไว้ระยะหนึ่งแล้ว “แกะเมล็ดแล้วยังไงต่อ” “เอาไปแช่น้ำหนึ่งสัปดาห์ แล้วเอาไปปลูกในกระเปาะเล็กๆ ระหว่างนั้นก็ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นไปด้วยค่ะ” “ยุ่งยาก มันดีกว่าใช้ไหลสตรอว์เบอร์รีปลูกยังไง” “ดีกว่าตรงที่เราได้ฟูมฟักมันขึ้นมาจากเมล็ด เฝ้ารอและประคับประคองให้ต้นเติบใหญ่จนออกลูกออกผลให้เราชื่นชมสิคะ” “ปลูกไว้ชื่นชมหรอกหรือ” “คุณจะกินก็ได้ค่ะ” “ให้ถึงตอนนั้นก่อน แล้วฉันค่อยตัดสินใจว่าจะเก็บไว้ชื่นชมหรือเอามากิน”
“สองทุ่มนี่นะ นายนอนแต่หัวค่ำตั้งแต่เมื่อไร”น้องชายจอมจุ้นยังไม่เลิกเซ้าซี้ถาม อาทิตย์จึงตัดบทโดยการตัดสายแล้วปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันการถูกรบกวนเสียเลย ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะทำงาน แล้วเดินมาผลักบานประตูที่เชื่อมกันเพื่อเข้ามาในห้องนอนแม่เนื้อนวลของเขายังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในส่วนพักผ่อนของห้องนอน เห็นหล่อนนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับนักร้องไทยที่มีลุคคล้ายเกาหลีอยู่ในจอขวางหูขวางตาชะมัด!อาทิตย์ก้าวอาดๆ ไปหาอย่างไม่รอช้า“อย่านะ! อย่าปิดทีวี จิณยังดูไม่จบ”“ดูนักร้องคนนี้หรือ แล้วทำไมต้องยิ้มให้เขาด้วย”ชายหนุ่มชี้ไปทางหน้าจอโทรทัศน์อย่างสุดที่ทนได้ไหว“ใช่ ขอดูพี่เป๊กให้จบก่อนนะ คนดี๊คนดีของหนูจิณ คุณอั๋นไปนอนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจิณตามไป”น้องก็กวนโมโห เมียก็ไม่ยอมเอาใจคนหัวร้อนออกอาการฮึดฮัดจำต้องเดินไปยังที่นอนคนเดียว แล้วก็ได้แต่เดินไปเดินมาสะกดอารมณ์อยู่สองสามรอบ แต่ใจก็ไม่ยอมสงบ จนเมื่อคิดว่าจะลงไปข้างล่างก็เห็นคนร่างกลมกลึงปรี่มาหาเสียก่อน“รายการทีวีจบแล้วห
“แม่คุณสงสัยว่าคุณมีใครแอบไว้หรือเปล่า แล้วคุณก็ว่าสุดท้ายคุณก็ซุกจิณไว้จริงๆ อย่างนี้ถ้าไม่เรียกว่าเมียเก็บแล้วจะให้เรียกอะไร”อาทิตย์ถึงกับกุมขมับกับการก้าวพลาดของตัวเอง...แต่ก็ยังดีที่แม่คุณยอมเปิดปากบอกสิ่งที่อยู่ในใจ แม้แลกด้วยการถูกเรียกว่าเป็นผัวเก็บของเจ้าหล่อนก็เถอะ!“ฉันไม่เคยคิดจะให้เธอเป็นเมียเก็บหรือเมียซุก แต่ฉันจะเอาเธอมาเป็นเมียจริงๆ”คำยืนยันที่แสนโอหังของเขาทำให้จิณณาตีสีหน้าไม่ถูก แน่นอนว่าความเสียใจและน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อครู่บินหายไปแล้ว แต่ความหมั่นไส้ที่มีต่อเขานั้นกลับเพิ่มเป็นทวีหญิงสาวจ้องมองเขานิ่ง มือก็ดึงผ้าห่มมาคลุมกายไว้ด้วย จนเมื่อเห็นว่ามิดชิดพอก็พูดกับเขา“จิณโกรธคุณ”“โกรธเรื่อง…?”“คุณบังคับจิณ ทำให้จิณเจ็บ ดูสิ เป็นจ้ำๆ หมดแล้ว”“ไหนดูสิ” เขาดึงแขนหล่อนมาดู พอเห็นว่าเป็นจริงตามที่บอกก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเหมือนกัน “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้อยากให้เธอเจ็บ...แต่เธอผิวบาง”“คุณทำผิดแล้วมาใส่ร้ายจิณ”
ไม่ยากเกินความสามารถของอาทิตย์สำหรับการหลอกล่อให้จิณณาเข้ามาอยู่ในห้องนอนของเขาในทุกค่ำคืน แม้ใครจะมองว่าเห็นแก่ตัวและเอาเปรียบหญิงสาว แต่อาทิตย์ก็ไม่สนใจเขายอมรับว่าตัวเองเห็นแก่ตัว แต่ในจังหวะนี้ขอเลือกทำตามใจตัวเอง และคิดเข้าข้างตัวเองว่าทุกครั้งที่ร่วมรักกัน เขาก็ทำให้จิณณาได้พบกับความสุขล้นไปด้วยที่สำคัญกว่านั้น อาทิตย์มั่นใจว่าจิณณาไม่ได้รังเกียจเขา เขาไม่ได้คิดไปเอง แต่จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าท่าทางของแม่สาวน้อยที่มีต่อเขานั้นมันคืออะไร บางเรื่องไม่ต้องมีคำอธิบาย แต่สัมผัสได้ด้วยหัวใจและความรู้สึก“แม่เคยเห็นเธอแล้ว”จู่ๆ อาทิตย์ก็พูดขึ้นในค่ำคืนที่ทั้งสองคนขลุกอยู่บนเตียงนอน จนคนที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขาตัวเกร็งขึ้นมา“ครั้งล่าสุดที่แม่มาที่นี่ เธอย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว ตอนนั้นเธอนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่กับคนงานในโถงใกล้กับห้องครัว แม่ทำท่าจะเดินไปหา คงอยากจะดูหน้าเธอให้ได้ แต่ฉันขวางเอาไว้ก่อน”จิณณาเริ่มร้อนรน หากอาทิตย์กลับเห็นเป็นเรื่องขัน เขายังมีแก่ใจหัวเราะ“แค
เป็นเวลาเย็นมากแล้วที่อาทิตย์เฝ้าสังเกตจิณณาซึ่งนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ทางหน้าบ้าน เขาบอกผ่านป้าแววให้สั่งส้มโอคอยอยู่เป็นเพื่อนหญิงสาวอาทิตย์เชื่อว่าตนเลือกคนไม่ผิด เพราะเด็กคนนั้นพูดเป็นต่อยหอยอยู่ตลอดเวลา คงทำให้จิณณาเพลินไปได้ในจังหวะนี้จะหาว่าเขาไม่มีปัญญาทำให้หล่อนสบายใจ เขาก็ยอมรับ ดังนั้นใครก็ตามที่สามารถทำให้หล่อนร่าเริงขึ้นมาได้ เขาก็ไม่ขัดทั้งนั้นส่วนป้าแววนั้นไม่ผิดจากที่เขาคาด หญิงชรารู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและจิณณา แถมยังพูดให้อาทิตย์ต้องหน้าม้านด้วยว่ารู้สึกพลาด ไม่น่าปล่อยให้ปลาย่างอย่างจิณณาให้อยู่ใกล้แมวตะกละอย่างเขา‘ป้าแววก็พูดเกินไป ผมไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย’‘คุณอั๋นรู้ใช่ไหมว่าจะมาทำเล่นๆ กับคนในบ้านไม่ได้ ถ้ารู้ถึงหูคุณนายจะเป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ เพราะคุณนายถือเรื่องพวกนี้มาก มันทำให้คนในปกครองไม่เคารพเรา’‘ให้ผมพูดตอนนี้ก็คงไม่มีความหมายอะไร เพราะป้าแววก็ไม่เชื่อผมอยู่ดี รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า’‘เวลาอะไรคะ แล้วนานแค่ไหน จะปล่อยให้คุณอั๋นเอาเปรียบ
หลังจากเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้ว อาทิตย์ก็เข้าไปในห้องลอฟต์ในเวลาเกือบสิบนาฬิกา เขาทอดฝีเท้าตรงไปยังมุมด้านในของห้อง ซึ่งเป็นจุดที่เขาและจิณณาโรมรันกันเมื่อวานนอกจากเครื่องนอนจะถูกพับเก็บแล้ว เสื้อผ้าของจิณณาทั้งชั้นนอกและชั้นใจก็ถูกพับวางไว้ข้างๆ อย่างเรียบร้อย รวมถึงเสื้อเชิ้ตชื้นฝนที่เขาถอดทิ้งไว้ด้วยชายหนุ่มก้มหยิบเสื้อผ้าทั้งของเขาและหล่อนไว้ในมือ ก่อนจะกวาดสายตามองรอบห้อง“ใครเข้ามาเก็บห้อง...ป้าแววหรือเปล่า”อาทิตย์หรี่ตาครุ่นคิด อาจเป็นแม่บ้านใหญ่ที่เข้ามาทำความสะอาดห้องลอฟต์อย่างที่เคยทำ และแม่บ้านคนนี้ก็เคยทำงานอยู่กับพิจิกา เขารู้อยู่เต็มอกว่าทั้งสองคนยังคงติดต่อสม่ำเสมอ แถมค่อนข้างสนิทสนมกันด้วยและจากสภาพห้องนี้ที่เขาทิ้งร่องรอยไว้ แน่นอนว่าคนอย่างป้าแววมองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น อาทิตย์คาดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้อย่างทะลุปรุโปร่งเขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอนที่ทิ้งจิณณาไว้ตามลำพัง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาเองก็ไม่คิดจะปิดบังคนในบ้าน ให้รู้เสียเลยก็เป็นการดี เขากับจิณณาจะได้ทำตัวได้สะด