“อันที่จริง ผมก็ไม่อยากรู้จักคนที่ทำงานไม่เป็นมืออาชีพหรอกนะ แล้วคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณ ผมเห็นตายไปจากอาชีพเยอะแยะ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะคุณเพิ่งจะฟักออกมาจากไข่ เพิ่งหัดเดินแล้วดันมาเจอคนสวนมืออาชีพอย่างผมไง ความไฟแรงมันไม่ช่วยอะไร นอกจากทำให้องค์กรมอดไหม้ไปด้วย เจ้าสัวรู้จักผมเป็นอย่างดี ฉะนั้นฝากบอกท่านว่า ถ้าอยากให้การค้าของเราราบรื่นไปอีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้าล่ะก็ อย่าเอาน้องใหม่มาติดต่องาน ผมไม่ชอบ” คำพูดทั้งหมดทั้งมวลเขาต่อว่าเธอชัดๆ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ปรี๊ดแตกได้อย่างไร“นาย... นายว่าฉัน นายกล้าดียังไง นายไม่รู้เหรอว่าฉันเป็น...” เธอโมโหสุดขีด แต่เขายังคงยืนนิ่งชักสีหน้าเข้มใส่เธอ“ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ชาติ ส่งแขก” เขาแทรกขึ้นและออกปากไล่เสียเลย แต่เธอจะกลับได้อย่างไรหากกลับไปมือเปล่า เจ้าสัวบุญเสริมต้องต่อว่าเธอแน่ๆ อาจจะมีการลดตำแหน่งให้เธอไปทำงานอย่างอื่นแทนน่ะสิ“ได้ครับนาย” ชาติชายรับคำแต่เธอไม่ยอมแพ้แน่ๆ“ตกลงว่านายจะไม่คุยกับฉัน” เพราะอยากคุยกับเขาสินะถึงได้ยอมรอจนเกือบค่ำขนาดนี้ “ผมบอกคุณแล้วว่า ใจเย็นให้เป็นเสียก่อนเถอะแล้วเราค่อยคุยกัน” เขานี่มันเล่นตัวเสียจริง เธ
“คุณปล่อยให้ฉันรอจนค่ำ แล้วก็ไล่กลับอย่างนั้นเหรอ ฉันถ่อสังขารขับรถมาคนเดียวไม่รู้หรือไง” สิ้นคำของเธอเท่านั้นแหละ เขาก็ปรับสีหน้าตึงเครียดกว่าเดิมและขมวดคิ้วด้วยความสงสัย“พูดแบบนี้แปลว่าอยากนอนกับผม เอ่อไม่สิ อยากนอนที่นี่ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก” ปราบมีสีหน้าเคร่งแต่แกล้งเย้าแหย่“ไอ้บ้า เพราะนายนั่นแหละ ขับรถไปส่งเลย”“ไม่!” ปราบตอบปฏิเสธพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ“นี่! ฉันเป็นแขกนะ”“ช่วยไม่ได้ ใครบอกให้คุณมาคนเดียว ก็ต้องกลับไปคนเดียวนั่นแหละ แต่ถ้าไม่กลับ บ้านผมมีห้องรับแขกนะเดี๋ยวจัดให้นอนตรงโซฟา” จบคำเขาก็เดินเข้าบ้านไป แล้วเธอก็เดินตามอย่างเสียมิได้ และห้องแรกที่เจอคือห้องรับแขกจริงๆ ด้วย“ฉันจะบอกเจ้าสัวว่านายใจดำ ไม่มีน้ำใจ ไร้มารยาท”“ถ้าอยากให้ผมมีน้ำใจล่ะก็ ขึ้นไปนอนด้วยกันบนห้อง เอาไหมล่ะ” เขาเอ่ยและหันกลับมาหาเธอ พลางยักคิ้วหลิ่วตายั่วโมโหสุด
“คุณป๋า...” ตู๊ดดดด ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดต่อ ปลายสายก็ตัดสายทิ้งเสียแล้ว“โอ้ย! อะไรเนี่ย ทำงานวันแรกก็ได้เรื่องแล้ว เสื้อผ้าก็ไม่มีใส่แล้วจะให้นอนที่ไหน ป๋านะป๋า” หงส์หยกบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ทำท่าทางฮึดฮัดก่อนจะทรุดกายนั่งลงที่โซฟาตัวยาว พร้อมกับมองไปรอบๆ ก็ไร้วี่แววเจ้าของบ้าน“อะไรของป๋า อยู่ๆ ก็สั่งให้อยู่ที่นี่จนกว่าจะได้งาน ดูคู่ค้าของตัวเองเถอะเล่นตัวอย่างกับอะไรดี ส้มเคลือบทองคำหรือยังไง” หงส์หยกนั่งบ่นอยู่เพียงลำพัง โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าของสวนจะได้ยินหรือเปล่า จากนั้นผ่านไปไม่นานปราบก็ออกมาจากห้องครัว ในมือถือถาดเครื่องดื่มออกมาแล้ววางไว้ที่โต๊ะกลางตรงหน้าเธอนี่เอง เสร็จแล้วเขาก็รินน้ำให้แบบไม่พูดไม่จา ก่อนจะวกกลับเข้าครัวอีกรอบ“อะไรของเขา ไม่พูดไม่จา” เธอบ่นอีกครั้งพลางนึกสงสัยว่าเขาทำอะไรในครัวแต่ไม่อยากเข้าไปดู กระทั่งเขาเดินออกมาอีกรอบพร้อมถาดอาหาร พอเขาวางลงบนโต๊ะเท่านั้นแหละเธอก็ตาโตราวกับไข่ห่าน เพราะไม่คิดว่าเขาจะรับประทาน...“บะหมี่!” หงส
“พูดง่ายดี ไปลองเก็บดูไหม อีกอย่างพรุ่งนี้คิวส่งเต็ม”“เล่นตัว ทำอย่างกับดารา”“นี่คุณ เราส่งส้มเข้าโรงงานเป็นล็อตๆ นะครับ วันนี้ส่งที่หนึ่ง อีกวันก็ต้องส่งที่หนึ่ง แต่นั่นเพราะเรามีคิวให้”“ก็นายไม่คุยกับฉันซะที”“คุณหยิ่งไม่ยอมไปหาผมเองนะ โทษผมไม่ได้”“นี่! นายหาว่าฉันหยิ่งอย่างนั้นเหรอ”“ใช่ เอาล่ะ ผมไม่คุยด้วยแล้ว พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันต่อ ผมจะไปอาบน้ำนอน” ว่าแล้วเขาก็ลุกแล้วเดินออกไปจากห้องรับแขกทันที ห้องนอนคือที่ๆ เขาอยากจะเข้าไปทิ้งตัวลงนอนมากที่สุด แต่เพราะมีลูกสาวเจ้าของโรงงานนั่งทำหน้าง้ำงออยู่ เขาจึงนอนยังไม่ได้ ใช่แล้วเขารู้ว่าหงส์หยกเป็นลูกสาวของเจ้าสัวบุญเสริม เพราะท่านได้โทรศัพท์มาบอกก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาไม่อยากบอกให้เธอรู้เท่านั้นเอง ประเดี๋ยวจะได้ใจแต่ดูเหมือนเธออยากจะบอกเหลือเกินว่าเป็นลูกสาว ฉะนั้นเพื่อให้สมกับหน้าตาอันมีเกียรติ ต้องหาที่นอนให้กับเธอขณะเดียวกันหงส์หยกยังคงนั่งอยู่ในห้อง
“นาย! เอ่อ อย่ามาทิ้งกันไปดื้อๆ แบบนี้สิ” พอเธอพูดจบเขาก็ยืนยิ้มก่อนจะชักสีหน้าให้เรียบตึงแล้วค่อยหันกลับมาอีกครั้ง“ว่าไงครับ” เขาถามและทำสีหน้ายียวนกวนประสาทเต็มที่เชียว“เอ่อ ก็ได้ เรียกก็ได้ พี่... พี่ปราบ” แม้ปากจะเรียกไปแล้วแต่น้ำเสียงไม่รื่นหูเอาเสียเลย เขาคิด แต่ยังดีกว่าไม่เรียกแหละ“ไม่ใช่เรียกแค่เวลานี้นะ เรียกตลอดไปเลย”“ค่ะ!” เธอกระแทกเสียงอย่างไม่เต็มใจนัก แต่เขาอะลุ่มอล่วยให้ได้ ไว้สนิทกันมากกว่านี้เสียก่อนจะบังคับให้พูดหวานๆ เลย“ก็ยังดี รออยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวผมมา” พูดจบเขาก็ไม่รอให้เธอตอบ รีบเดินออกไปจากบ้านทันที ไปทางไหนก็ไม่รู้เพราะทุกอย่างรอบๆ มืดไปหมดแล้ว มีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรเท่านั้นที่ดังให้ได้ยิน พอเห็นเขาเดินลับตา ความน่ากลัวก็เข้ามาแทนที่เธอจึงต้องปิดประตูหน้าต่างและปิดม่านเอาไว้ให้เรียบร้อย ด้วยความมืดมันทำให้เธอกลัวอย่างบอกไม่ถูก เพราะรอบๆ มีแต่ป่าเขาลำเนาไพร เขาอยู่ได้อย่างไร แต่ก็นะผู้ชายจะกลัวอ
หงส์หยก ครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อยเพราะความที่นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายพลิกตัวไปมาหลายรอบ จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานไม่รู้ว่ากี่ทุ่มแล้ว สุดท้ายเธอก็จำเป็นต้องข่มตาให้หลับ แต่ทันทีที่หลับตาลงกลับมีเสียงบางอย่างดังอยู่นอกบ้าน คล้ายกับเสียงคนเดินเหยียบใบไม้ ต่อมาสักครู่ก็มีเสียงคล้ายกับกิ่งไม้ครูดกับหน้าต่าง เธอรีบลืมตาขึ้นทันทีพร้อมกับกรอกตาไปมาด้วยความหวาดกลัว“โอ้ยตาย! เสียงอะไรอ่ะ” เธอเอ่ยลอยๆ ด้วยเสียงคล้ายกระซิบแกรก! แกรก! แกรก! เสียงเหมือนมีใครเอาเล็บครูดไปตามกระจก ให้ตายสิ“อื้อ! เสียงอะไรเนี่ย โอ้ย” ตอนนี้เธอเริ่มสั่นกลัวมากเพราะเสียงมันชัดขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เธอตัดสินใจลุกขึ้นนั่งตัวสั่น พร้อมเอาผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงคอแกรก! แกรก! แกรก! เสียงเล็บครูดกระจกอีกแล้ว คราวนี้เธอนั่งสั่นยิ่งกว่าเดิม กระทั่งมีอีกเสียงหนึ่งโผล่มาแฮ่! เสียงเหมือนคนแก่เปล่งเสียงออกมาจากลำคอ แหบๆ แห้งๆ ได้ยินไม่ชัดเจนนัก แต่น่ากลัวจนเธอกรีดร้องลั่นห้อง“กรี๊ดดดด&
“คือ... เอ่อ หยก... หยกกลัว เอ่อ” เธออ้ำอึ้งไม่กล้าพูดออกมา เพราะเกรงจะดูเป็นคนจัดจ้านที่ต้องขอให้เขานอนเป็นเพื่อน แต่เธอกลัวมากนี่นะ“กลัวแล้วไงจ้ะจะให้พี่ช่วยยังไง” เขาแสร้งถามอีกครั้ง ยิ้มนิดๆ เหมือนคนเจ้าเล่ห์“เอ่อ” หงส์หยกได้แต่อ้ำอึ้งเช่นเดิม อีกอย่างเพิ่งรู้จักเขาเป็นวันแรก เท่านั้นยังไม่พอ การพบกันนั้นไม่ได้น่าประทับใจเอาเสียเลย รวมถึงการได้มานอนที่นี่ ก็เกิดจากความไม่เต็มใจอีกเช่นกัน“กลัวผี?” ปราบถามด้วยเสียงที่แผ่วเบาลง ขณะที่กำลังขยับเข้าไปหาเธอใกล้ๆ กระทั่งชิดกัน“คือ หยก...” เสียงเธอก็แผ่วเบาลงเช่นกันและต้องก้มหน้าไม่กล้าตอบ แม้ในใจอยากพูดออกมาก็ตาม ขณะเดียวกันปราบค่อยๆ เอื้อมมือมาสอดประคองเอาไว้ที่ใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน นั่นทำให้หงส์หยกยิ่งต้องก้มหน้าต่ำลงพร้อมกับกรอกตาไปมาด้วยความประหม่าก่อนหน้านี้เธอแสดงความเย่อหยิ่ง จองหอง ปากร้ายใส่เขา มาตอนนี้เถอะไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมา หัวใจเต้นแรง หวั่นไหวอย่างบอกไ
“อืม พะ พอ... พอแล้วค่ะ” เธอพยายามดันเขาออกได้สำเร็จพร้อมกับเบือนหน้าหนีเล็กน้อย แต่ใบหน้าหล่อเหลาที่สากไปด้วยเครากับอยู่ใกล้แก้มนุ่มไม่ยอมห่าง“หายกลัวบ้างไหม” เขากระซิบถามเสียงนุ่มกลายเป็นคนละคนกับนายปราบ สุริยะฉัตรกันเลยทีเดียว“เอ่อ พี่ปราบ มันไม่ควร... ไม่ เราเพิ่ง” เธอห้ามปรามด้วยน้ำเสียงอึกอัก แต่จะหลีกหนีอย่างไรก็ไม่พ้นเพราะแผ่นหลังติดพนักพิงแล้ว“ยังสั่นอยู่เลย ยังไม่หายกลัวใช่ไหม” เขากระซิบถามอีกครั้ง“คือ หยก กลัวพี่ปราบ” เธอเอ่ยออกมาตรงๆ เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังเสียความเป็นตัวเองแน่ๆ พอพูดจบก็ก้มหน้าอีกครั้ง“พี่ทำอะไรให้กลัว ฮืม” เขายังมีหน้ามาถามเธออีก“ก็ทำ... ทำแบบนี้ไงคะ เอ่อ ถอยออกไปนิดนึงนะคะ หยกไม่...” ว่าแล้วเธอยกมือขึ้นดันแผงอกเขาให้ออกไปห่างๆ แต่เขากลับจับมือเธอเอาไว้แล้วรั้งให้เข้าไปหาเสียอย่างนั้น“เอ่อ หยกว่าเรา... พี่ปราบปล่อยหยก” น่าแปลกเหลือเกินที
“อืม” เขาครางออกอยู่ในลำคอเมื่อปากอิ่มบดขยี้จูบอย่างดูดดื่ม สิ่งที่เขาสอนเธอมาหลายครั้ง เธอจำแม่นและนำมาใช้กับเขา ซึ่งทำได้ดีจนเขาแทบคลั่งเลยทีเดียว แต่จูบได้ไม่นานนักเธอก็ถอนออกก่อนจะไล่เรียวปากจูบแก้มที่สากไปด้วยเครา ไล่มาที่ซอกคอและดูดเม้มแรงกว่าเขาด้วยซ้ำ“อืม แม่เสือสาว ร้อนแรงจัง” เขาครางและบอกอย่างพอใจอีกครั้ง พลางกัดฟันและยิ้มกับตัวเอง จากนั้นปากอิ่มก็จูบจนถึงแผงอกกว้างที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามแน่น ๆ ปลายลิ้นร้อนไร้เดียงสาของเธอถูกส่งออกมาโลมเลียตวัดไปมากระทั่งถึงยอดอก ครั้งนี้เธอจะเอาคืนบ้างจึงใช้ลิ้นเลียตรงยอดอกระรัว ทำให้เขาสะท้านและบิดเกร็งลำตัว“ซี๊ดดดด อ่า ดีจัง ดีมากเลย” เขาออกปากชมและครางด้วยความพอใจครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่ลิ้นและเรียวปากอิ่มดูดเลียยอกอกอย่างร้อนแรง กลางลำตัวของเขาก็ดีดดิ้นขึงขัง แข็งจนอยากจะออกมาหายใจ เธอสัมผัสได้ว่ามันดิ้นเมื่อเนินสวาทถูไถไปมา“โอ้ว หยกจ๋า อ่า ช่วยพี่ที” คราวนี้เป็นทีของเขาที่จะต้องเอ่ยปากขอร้องบ้าง และเมื่อได้ยินดังนั้
“เอา พี่จะเอา จะเอาหยกตอนนี้ เดี๋ยวนี้” เขาบอกด้วยน้ำเสียงหื่นกระหายก่อนจะผงกศีรษะขึ้นแล้วขยี้จูบที่ปากอิ่มอีกครั้งอย่างเร่าร้อน ทำเอาปากบางแทบพังและแสบเพราะหนวดเคราถูไถ ขณะที่เรียวลิ้นร้อนส่งออกมาลากเลียไปตามเรียวปากแห้งผาก ก่อนจะสอดแทรกเข้าสู่โพรงปากนุ่มอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตวัดลิ้นเกาะและสูบกลืนลมหายใจกันเอาไว้ จูบดูดดื่มร้อนแรงจนทำให้กลางกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ท่อนเนื้อภายใต้กางเกงยีนส์มันกำลังดีดดิ้นและถูไถกับกลางลำตัวของเธอ กระตุ้นให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนอย่างรุนแรงและจากมือที่เกาะกุมมือเธออยู่ค่อยๆ ปล่อยเคลื่อนลงมาตามลำคอ จนถึงเนินอกอวบ เขาบีบเค้นแรงๆ ขณะที่ปากยังคงบดขยี้จูบ ก่อนจะละเรียวปากขยับลงมาขบเม้มที่ซอกคอและดูดจนเป็นรอยแดงจ้ำ มือก็ขยำทรวงอกอย่างหนักหน่วง จากนั้นก็เลื่อนมืออีกข้างลงไปที่หน้าท้องแบนราบ กระทั่งถึงขอบกางเกง เขาจึงปลดกระดุม รูดซิบ ก่อนจะสอดฝ่ามือล้วงเข้าไปอย่างรวดเร็ว“อืม” เธอครางในลำคอเมื่อฝ่ามือหนาลูบไล้บนเนินสวาทแผ่วเบา พร้อมกับสอดแทรกนิ้วมือแกร่งแหวกว่ายหยอกเย้ากับกลีบสวาท กรีดกรายนิ้
แต่ในขณะเดียวกัน ชาติชายก็รีบโทรศัพท์บอกเจ้านายว่าตัวเองได้เผลอพูดความจริงออกไปแล้ว ทำให้ปราบต้องรีบตามหงส์หยกกลับไปที่บ้านทันที“ไอ้ชาติ ไอ้ตัวแสบ ฆ่าทิ้งดีไหมเนี่ย” ปราบบ่นพร้อมกับขับรถ ATV ออกจากสวนทันที เพื่อจะได้ตามหงส์หยกให้ทัน จากนั้นเขาก็ขับมาถึงหน้าออฟฟิศในเวลาอันรวดเร็ว แต่ไม่มีวี่แววว่าเธอจะอยู่ในบริเวณนี้ เขาจึงกระโดดลงจากรถแล้วเดินเท้าตามหา เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินเร็วกว่ารถที่เขาขับ“อยู่ที่บ้านเราหรือเปล่าวะ” เขาคิดถามตัวเองแต่คนโกรธแบบนั้นมีหรือจะกลับบ้านพัก ต้องกลับบ้านตัวเองสินะ“พวกเอ็งเห็นคุณหยกหรือเปล่า ผู้หญิงที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าน่ะ เดินมาทางนี้หรือไหม” ปราบถามด้วยความร้อนใจ“เสื้อเชิ้ตสีฟ้าเหรอครับนาย ผมเห็นหลังไวๆ เดินไปที่โรงจอดรถของคนงานน่ะครับ”“อะไรนะ! โรงจอดรถของคนงานอย่างนั้นเหรอ ให้ตายสิ” เมื่อฟังอย่างนั้นแล้วก็มีสิ่งเดียวคือเธออาจจะให้คนงานไปส่งก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเขาจึงรีบว
แต่ในขณะเดียวกัน ชาติชายก็รีบโทรศัพท์บอกเจ้านายว่าตัวเองได้เผลอพูดความจริงออกไปแล้ว ทำให้ปราบต้องรีบตามหงส์หยกกลับไปที่บ้านทันที “ไอ้ชาติ ไอ้ตัวแสบ ฆ่าทิ้งดีไหมเนี่ย” ปราบบ่นพร้อมกับขับรถ ATV ออกจากสวนทันที เพื่อจะได้ตามหงส์หยกให้ทัน จากนั้นเขาก็ขับมาถึงหน้าออฟฟิศในเวลาอันรวดเร็ว แต่ไม่มีวี่แววว่าเธอจะอยู่ในบริเวณนี้ เขาจึงกระโดดลงจากรถแล้วเดินเท้าตามหา เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินเร็วกว่ารถที่เขาขับ “อยู่ที่บ้านเราหรือเปล่าวะ” เขาคิดถามตัวเองแต่คนโกรธแบบนั้นมีหรือจะกลับบ้านพัก ต้องกลับบ้านตัวเองสินะ “พวกเอ็งเห็นคุณหยกหรือเปล่า ผู้หญิงที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าน่ะ เดินมาทางนี้หรือไหม” ปราบถามด้วยความร้อนใจ “เสื้อเชิ้ตสีฟ้าเหรอครับนาย ผมเห็นหลังไวๆ เดินไปที่โรงจอดรถของคนงานน่ะครับ” “อะไรนะ! โรงจอดรถของคนงานอย่างนั้นเหรอ ให้ตายสิ” เมื่อฟังอย่างนั้นแล้วก็มีสิ่งเดียวคือเธออาจจะให้คนงานไปส่งก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเขาจึงรีบวิ่งไปที่โรงจอดรถทันที แล้วก็ทันเส
“เต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ต้องไปด้วยกัน ดูให้รู้ว่าเราทำงานกันลำบากแค่ไหน แล้วก็คุยงานไปด้วย” เขานี่ก็ช่างแกล้งเธอเสียจริงทั้งที่เพิ่งจะส่งส้มเข้าโรงงานของเธอไปเมื่อเช้านี่เอง คิดแล้วก็นึกขัน“อ้าวนาย กลับมาเร็วจังครับ” ชาติชายทักขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินมาพร้อมกับคู่ค้าคนเมื่อวาน แต่คราวนี้ดันจูงมือกันมาแบบนี้ชัดเจนแล้วว่าไม่ธรรมดา“จะรีบกลับมาพาคุณหยกดูงานน่ะ” พูดแล้วเขาก็ปรายตามองเธออีกครั้ง“ชุดนี้นะเหรอครับ ร้อนแย่ผิวสวยๆ ไหม้กันพอดี” ชาติชายบอกว่าผิวสวยๆ อย่างนั้นหรือ ไม่เกรงใจกันเลย“มีหน้าที่ทำงานก็ทำไป” ปราบว่าเสียงดุเข้ม ชาติชายจึงต้องก้มหน้าเล็กน้อยแล้วรีบปลีกตัวไปห่างๆ ทันที ขณะเดียวกันหงส์หยกก็สะบัดจากการเกาะกุมของเขาอีกครั้ง และก็เป็นผลเพราะเขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระ จะเดินไปทางไหนก็ตามใจก็แล้วกัน จากนั้นเขาจึงเดินไปคุมลูกน้องขนส้มเพื่อส่งเข้าอีกโรงงานหนึ่ง อีกทั้งแอบบอกทุกคนแล้วว่าหงส์หยกเป็นใครหงส์หยกจึงอาศัยเวลานี้ลองไ
“มันก็เกี่ยว แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะพี่ไม่มีงานให้”“อะไรนะ! ในเมื่อไม่มีงานให้ จะพาหยกกลับไปทำไม ทำแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”“ก็หยกหนีมา! พี่ไม่ชอบ และถ้าหนีมาอีกพี่จะ...”“จะอะไร... จะทำไมหยกอีก เท่านี้ยังไม่พอใจอีกเหรอคะ ศักดิ์ศรีไม่มีแล้ว” เรื่องนี้มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ เขาคิดว่าเธอรู้สึกเหมือนกับเขาเสียอีก“มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีเหรอเนี่ย เพิ่งรู้”“จะอะไรก็ตาม พาหยกกลับเถอะค่ะ” เธอบอกเสียงแข็งเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น“โกรธพี่เหรอ พี่ไม่ได้ทำให้มันเป็นอุบัตินะ ตั้งใจทำทั้งคืนเลย”“หยกจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก จอดรถค่ะ ปล่อยหยกลงตรงนี้ก็ได้”“หยกเป็นคนไปหาพี่เอง ฉะนั้นไปจัดการเรื่องของเราให้จบ”“ไม่! หยกบอกให้จอดรถไง” คราวนี้น้ำเสียงของเธอสั่นเครือคล้าย
“มาได้ยังไงคะ รู้จักที่นี่ด้วยเหรอ” เธอถามด้วยความแปลกใจแต่สีหน้าของเขาบอกบุญไม่รับเลย“บ้านเจ้าสัวบุญเสริมใครบ้างไม่รู้จัก” ปราบตอบเสียงเรียบเหมือนกำลังไม่พอใจ“เอ่อ... มาทำไมคะ” เธอถามพลางหลุบเปลือกตาลงไม่อยากสบตาเขาเลย“พี่ควรถามน้องมากกว่า ว่าน้องกลับมาทำไมไม่บอกพี่สักคำ และเรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลย” น้องอย่างนั้นหรือ เรียกราวกับรู้จักมักคุ้นกันเสียเหลือเกิน แต่เธอก็รู้สึกดีไม่น้อย“หยก... มีงานต้องทำค่ะ เลยรีบมา แล้วจะให้คนอื่นไปติดต่องานแทน หยกคงไม่...” เธอตอบแล้วก้มหน้าเหมือนเดิม“คนอื่นเหรอ พูดง่ายดี ทำอะไรไว้ทำไมไม่รับผิดชอบให้มันจบ”“หยกทำอะไรคะ” เธอเริ่มเสียงสั่นขณะที่เขาทำเสียงดุเข้มใส่“ทำงาน ไปทำงานให้เสร็จ...” จบคำเขาก็คว้าแขนเธอให้เดินไปด้วยทันที“ไม่! หยกไม่ไปแล้ว หยกจะไม่ไป” เธอพยายามสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขาทว่าไร้ผ
“แล้วเรามีปัญหาหรือขัดข้องอย่างนั้นเหรอ” ให้ตายสิ คำถามนี้เหมือนจะบังคับให้เขาแต่งงานกับลูกสาวตัวเองอย่างนั้นแหละ แต่เขาไม่ได้ปัญหาเสียหน่อย“เอ่อ คุณอาไม่หวงลูกสาวเลยเหรอครับเนี่ย” ปราบแสร้งถามยิ้มๆ“ก็หวงนะ แต่ลูกเขยอาต้องเป็นเจ้าของสวนสุริยะฉัตรเท่านั้น ถ้าขัดข้องนี่มีเรื่องแน่ๆ” ดูท่าทางเจ้าสัวจะมั่นใจเหลือเกินว่าปราบจะชอบลูกสาวตัวเอง“เอ่อ ผมไม่ได้ขัดข้อง แต่คุณอาต้องถามหยก เราเพิ่งเจอกัน ผมไม่รู้ว่าน้องจะ... จะโอเคกับผู้ชายอย่างผมหรือเปล่า”“อาถึงบอกให้สอนงานน้อง เขาจะได้รู้จักเราไง” รู้จักและรักกันอย่างนั้นสินะ“ผมไม่มั่นใจ แต่ขอบคุณมากครับคุณอา ที่ไว้ใจผมให้ดูแลน้อง แต่ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะครับ ทำใจไว้รอเลยว่าอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณอาหวัง” ตอนนี้เหมือนหลงรักอีกฝ่ายข้างเดียว“เป็นหน้าที่ของเราแล้ว อาฝากน้องด้วยก็แล้วกัน”“ขอบคุณครับ ผมขอตัวนะครับ&rd
หลังจากที่ปราบ ปลีกตัวจากลูกน้องคนสนิทแล้ว เขาก็กลับมาที่ออฟฟิศเพื่อเอารถส่วนตัวออก ซึ่งรถของเขานั้นคือ Lexus ห้าประตูสีดำมันเงาสุดหรู เมื่อขึ้นรถได้เขาก็สตาร์ทและเหยียบคันเร่งออกจากหน้าออฟฟิศทันที เขาทำให้หลายคนแปลกใจไม่น้อยเพราะไม่มีผู้ติดตาม แถมการขับรถเหมือนคนฉุนเฉียวมากกว่าจะอารมณ์ดี ปราบมุ่งหน้าลงจากสวนส้มซึ่งเป็นเนินเขาไม่สูงมากนัก ตามเส้นทางมีต้นไม้ร่มรื่น และสวนส้มของเขานั่นเอง เพราะมันไกลสุดลูกหูลูกตานับร้อยไร่ เมื่อลงจากเส้นทางของสวนส้มได้แล้ว ก็มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองซึ่งมีโรงงานผลไม้กระป๋องตั้งอยู่ แต่ไม่ถึงตัวเมืองเสียทีเดียว คนทั่วไปใช้เวลาในการขับรถโดยปกติประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ แต่กับปราบ เขาใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึ่ง เหยียบคันเร่งจนมิดยิ่งถนนโล่งก็ยิ่งไม่รีรอ เพราะหัวใจอยู่ที่โรงงานไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนรถบรรทุกซึ่งตามมาทีหลังจะถึงเมื่อไหร่ก็ช่าง เวลาต่อมาปราบมาถึงโรงงานผลไม้กระป๋อง ซึ่งเป็นโรงงานหลักที่เขาผูกขาดในการส่งมากว่าสิบปี วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขามาคนเดียว ทันทีที่จอดรถอยู่หน้าออฟฟิศของโรงงานก็ทำให้คนที่รู้จักนึกแปลกใจ &nb