Share

บทที่ 6

ทำไมนอกจากกู้จือโม่แล้ว ยังมีปู่ของกู้จือโม่ กู้เซิ่งเหยียน ผู้ก่อตั้งบริษัทตระกูลกู้ที่เกษียณไปแล้วด้วย?

งานเลี้ยงวันนี้ตระกูลเฉียวเป็นเจ้าภาพ แต่ตระกูลเฉียวตกต่ำถึงเพียงนี้แล้ว แขกที่มาร่วมงานก็เป็นเพียงตระกูลร่ำรวยแต่เปลือก ทำไมวันนี้ถึงเชิญประมุขตระกูลกู้ที่เพียงกระทืบเท้าก็ทำให้อวิ๋นเฉิงสั่นสะเทือนได้?

ฉันขมวดคิ้วอยู่กับที่ มองพวกเขา สองปู่หลานตระกูลกู้ คนหนึ่งมองฉันด้วยแววตาเย็นชาและรังเกียจ อีกคนมีความยิ่งใหญ่ปนกับการดูถูก เป็นท่าทางที่ฉันคุ้นเคยที่สุดในอดีต

เฉียวเจี้ยนกั๋วเรียกฉันสองครั้งติด แต่ฉันยังคงไม่ตอบสนอง

เฉียวเจี้ยนกั๋วหน้าดำถมึงทึง หลี่เหม่ยอิงที่อยู่ข้าง ๆ เขารีบเดินมาดึงแขนฉันไปทันที

ในชีวิตครั้งก่อน ฉันได้พบกับกู้เซิ่งเหยียนเพียงสามครั้ง และทุกครั้งที่พบกัน ก็เริ่มต้นด้วยการที่เขาสร้างความลำบากให้ฉัน และจบลงด้วยการดูถูกเหยียดหยามฉัน

เฉินเยวี่ยเป็นหลานสาวของเพื่อนร่วมรบของกู้เซิ่งเหยียน เพื่อนเก่าทั้งสองได้หมั้นหมายหลาน ๆ ของพวกเขาตั้งแต่ยังเด็ก แต่น่าเสียดายที่ฉันเข้ามาขัดขวาง ทำให้เฉินเยวี่ยต้องไปอยู่ไกลถึงต่างประเทศ ดังนั้นกู้เซิ่งเหยียนจึงเกลียดฉันมาก

แม้ว่าหลังจากที่เขาเป็นอัมพาตเนื่องจากโรคหลอดเลือดสมอง ฉันดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ทำทุกอย่างให้เขาด้วยตัวเอง รวมถึงเรื่องขับถ่าย ฉันก็ไม่ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากเขาเลยแม้แต่น้อย

ในชาตินี้ ฉันไม่ต้องการกู้จือโม่อีกแล้ว และจะไม่ประจบประแจงใครในตระกูลกู้ด้วย

“ประธานกู้ครับ นี่คือลูกสาวของผม ซิงลั่ว” เฉียวเจี้ยนกั๋วแสดงความประจบประแจงต่อตระกูลกู้ “วันที่สิบห้าเดือนที่แล้ว ซิงลั่วขึ้นรถของคุณชายกู้ เธอไม่ได้กลับมาบ้านทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอกลับมาในสภาพที่ยังสวมเสื้อผ้าของคุณชายกู้ด้วย”

หลังจากเฉียวเจี้ยนกั๋วพูดจบ ฉันเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ

เฉียวเจี้ยนกั๋วหมายความว่ายังไง?

เขากำลังบอกกู้เซิ่งเหยียนว่าฉันกับกู้จือโม่ค้างคืนข้างนอกด้วยกันงั้นเหรอ?

ไร้สาระ! ไร้สาระสิ้นดี!

ฉันคิดว่าเขาแค่อยากใช้ความสัมพันธ์ที่ฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับกู้จือโม่เพื่อประจบสอพลอตระกูลกู้ ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะใส่ร้ายฉันเพื่อชื่อเสียงและความมั่งคั่งแบบนี้!

พ่อคนไหนเขาทำแบบนี้กัน?

ความโกรธและผิดหวังในใจทำให้ดวงตาของฉันร้อนผ่าว เมื่อเผลอสบตากับกู้จือโม่ สายตาเย้ยหยันของเขาเหมือนฝ่ามือร้อน ๆ ตบเข้าที่หน้าฉัน

ราวกับจะพูดว่า “เฉียวซิงลั่ว เธอนี่มันไร้ยางอายจริง ๆ”

ใช่แล้ว! จุดประสงค์ของเฉียวเจี้ยนกั๋วชัดเจนแจ่มแจ้ง ฉันก็รู้สึกว่ามันช่างไร้ยางอายเกินไปจริง ๆ!

ฉันพยายามข่มอารมณ์ทั้งหมดไว้ พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ แต่กู้เซิ่งเหยียนก็พูดขึ้นก่อน

เขาหันไปมองกู้จือโม่แล้วถามว่า “อาโม่ พ่อของเพื่อนแกพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ?”

กู้จือโม่มองมาที่ฉัน น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “คุณปู่ ไม่ว่าผมจะพูดอะไร พ่อของเพื่อนนักเรียนเฉียวคงไม่เชื่อหรอก ให้เพื่อนนักเรียนเฉียวพูดเองดีกว่าไหมครับ?”

แม้จะได้เกิดใหม่ ความรักที่มีมาตลอดสิบปีในอดีตยังคงฝังลึกอยู่ในกระดูก

ฉันสามารถใช้เหตุผลเพื่อให้ตัวเองอยู่ห่างจากกู้จือโม่ ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป แต่ก็ยังคงถูกคำพูดดูถูกของเขาทำร้าย

“ซิงลั่ว เธอพูดสิ!”

ความเงียบของฉันทำให้เฉียวเจี้ยนกั๋วร้อนใจ เขายกมือขึ้นกดไหล่ฉัน ใบหน้าของเขายิ้ม แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยการข่มขู่ “ลูกไม่ได้ชอบคุณชายกู้หรอกเหรอ? ประธานกู้ก็อยู่ที่นี่ ตราบใดที่ลูกพูดออกมา พวกเราในฐานะผู้ปกครองก็จะเห็นด้วยให้ลูกทั้งสองอยู่ด้วยกัน”

ฉันหัวเราะ เย้ยหยันให้กับความโง่เขลาของเฉียวเจี้ยนกั๋ว

เขาคิดจริง ๆ หรือว่าตระกูลกู้แห่งเมืองเป่ยเฉิงเป็นหมูในอวย จะกุเรื่องอะไรขึ้นมาเพราะหวังจะเป็นทองแผ่นเดียวกับตระกูลกู้ก็ได้?

หลายปีมานี้ ไม่รู้ว่ามีกี่ตระกูลที่อยากจะเกาะตระกูลกู้ ทั้งเปิดเผยและปิดบัง ทั้ทั้งเรื่องที่คนอื่นรู้และไม่รู้ แต่ก็ไม่สำเร็จ แล้วตอนนี้จะมาถึงตาตระกูลเฉียวที่กำลังจะล่มสลายได้ยังไง?

ฉันสะบัดมือของเฉียวเจี้ยนกั๋วออก ถอยหลังไปสองก้าว หันไปมองกู้เซิ่งเหยียนและกู้จือโม่ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “วันที่สิบห้าเดือนที่แล้วฝนตกหนัก คุณชายกู้เห็นว่าหนูไม่มีรถมารับ ก็เลยหวังดีอาสาไปส่งหนูที่บ้านเพื่อนค่ะ”

“คืนนั้นหนูอยู่กับเพื่อนสนิทของหนู เฉิงเฉิง ถ้าท่านประธานกู้และพ่อไม่เชื่อ หนูสามารถโทรตามเพื่อนหนูมาได้นะคะ”

หลังจากที่ฉันพูดจบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต่างกันไป

ฉันไม่สนใจพวกเขา หันไปโค้งคำนับให้กู้เซิ่งเหยียน อย่างไม่ต่ำต้อยหรือหยิ่งผยอง “ขอโทษค่ะ ท่านประธานกู้ คุณชายกู้หวังดีมาส่งหนู แต่กลับถูกเข้าใจผิด หนูขอโทษที่ทำให้พวกคุณเดือดร้อน หนูสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกค่ะ”

“และ…” ฉันยืดตัวขึ้นมองกู้จือโม่ มองใบหน้าที่แม้จะกลายเป็นเถ้าถ่านก็ยังจำได้ แล้วพูดทีละคำว่า “ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้จักขอบเขต ลืมไปว่าชายหญิงต่างกัน ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าฉันชอบคุณชายกู้ คุณชายกู้เรียนเก่ง นิสัยดี ฉันชื่นชมเขามาก เขาเป็นแบบอย่างของทุกคน และก็เป็นแบบอย่างของฉันด้วย”

‘กู้จือโม่ ฉันไม่ต้องการนายแล้ว จริง ๆ นะ’

ฉันพูดในใจ

คำพูดเหล่านี้เป็นการแสดงท่าทีของฉันต่อกู้จือโม่อย่างอ้อม ๆ แต่กู้จือโม่กลับหัวเราะเย็นชา

ฉันไม่เข้าใจว่าเขาหัวเราะทำไม จึงขมวดคิ้วจ้องมองเขา แต่กลับเห็นแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง แต่โชคดีที่กู้เซิ่งเหยียนพอใจกับคำตอบของฉันมาก ถึงกับเอ่ยปากชมฉันสองสามคำด้วย

หลังจากที่ตระกูลกู้จากไปแล้ว เฉียวเจี้ยนกั๋วก็โกรธจัด คว้าแขนฉันแล้วลากฉันไปที่มุมสวน

“เฉียวซิงลั่ว แกกล้าขัดขวางพ่อเหรอ?” เฉียวเจี้ยนกั๋วผลักฉันลงไปที่พื้น ยกเท้าขึ้นจะเตะฉัน “แกอยากตายใช่ไหม?”

ฉันกำลังจะโต้กลับ เสียงที่คุ้นเคยพร้อมกับน้ำเสียงเย้ยหยันเล็กน้อยก็ดังขึ้น

“ว้าว ผมตาฝาดไปหรือเปล่า คุณเฉียวกำลังจะใช้ความรุนแรงกับลูกสาวตัวเองเหรอ?”

ฉันหันกลับไป มองเห็นดวงตาดอกท้อที่คุ้นเคยคู่นั้น

ลั่วอี้ฝาน ผู้สนับสนุนอีกคนของเฉินเยวี่ย ศัตรูตัวฉกาจของกู้จือโม่

ถ้าจะบอกว่า ในชีวิตที่แล้ว เฉินเยวี่ยคือเงามืดในชีวิตของฉัน งั้นลั่วอี้ฝานก็คือปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่

ทำเป็นยิ้มให้ฉัน แต่จริง ๆ แล้วไม่รู้ว่าแทงข้างหลังฉันไปกี่ครั้งแล้ว นี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ว่าทำไมสุดท้ายฉันถึงไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว

แค่ว่า ชีวิตที่แล้วฉันรู้จักเขาตอนเรียนปีสองเทอมสอง ทำไมชาตินี้เขาถึงมาปรากฏตัวตอนนี้ได้?

“คุณชาย...คุณชายลั่ว…” เฉียวเจี้ยนกั๋วไม่คิดว่าจะมีคนเห็นเขาตอนที่ถอดหน้ากากความดีออกไป ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง

หลี่เหม่ยอิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาตอบสนองเร็วมาก รีบเข้ามาประคองฉัน “คุณชายเข้าใจผิดแล้ว เมื่อกี้ลั่วลั่วเถียงกับคุณเฉียว พ่อลูกก็เลยทะเลาะกัน”

“เป็นคุณเฉียวที่ผิดเอง ไม่น่าอารมณ์ร้อนขนาดนี้เลย”

หลี่เหม่ยอิงประคองฉันขึ้น ทำท่าทางอ่อนโยนและเป็นห่วง “ลั่วลั่วไม่ต้องสนใจพ่อเธอนะ เป็นอะไรตรงไหนหรือเปล่า ป้าพาไปหาหมอนะ”

ฉันสะบัดมือจากหลี่เหม่ยอิง ปัดฝุ่นออกจากกระโปรง แล้วเชิดหน้าเดินออกไป

หลี่เหม่ยอิงทำท่าจะวิ่งตาม แต่เฉียวเจี้ยนกั๋วเอามือกุมหน้าอก แล้วร้องว่าเจ็บหน้าอก

ฉันได้ยินเสียงด้านหลัง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ในชีวิตครั้งก่อน พวกเขาใช้ความผูกพันในครอบครัวอันน้อยนิดมาบีบบังคับฉัน กดดันฉันทุกวิถีทาง ให้ฉันกลายเป็นบันไดให้พวกเขาปีนขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ชาตินี้จะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว

หลังออกมาจากโรงแรม ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย

ทั้งโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ยังอยู่ในห้องพัก

ลมต้นเดือนหกพัดมาที่ขาที่เปลือยเปล่า มันเย็นจัดจนฉันอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

ฉันเดินไปมาอยู่ข้างถนน คิดว่าจะแอบกลับไปเอาโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ หรือจะขอยืมโทรศัพท์จากคนแปลกหน้าเพื่อโทรหาเฉิงเฉิงให้มารับฉันดี

“ชิ ฉันก็นึกว่าคนที่หยิ่งทระนงขนาดนี้ ตอนนี้เธอคงหาที่กินเผ็ด ๆ อร่อย ๆ ได้แล้วเสียอีก”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status