Share

บทที่ 7

เสียงของลั่วอี้ฝานดังขึ้นอย่างร่าเริงและเย้าแหย่ ฉันไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะหันกลับไป

ฉันไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้จือโม่ และยิ่งไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลย

เขาเดินมาข้าง ๆ ฉัน กอดอกมองฉันอย่างไม่ปิดบัง ลูบคางแล้วพูดต่อ “เธอแตกต่างจากข่าวลือมากนะ ทุกคนบอกว่าเธอตามจีบกู้จือโม่ชนิดไม่ยอมปล่อย ทำไมเมื่อกี้ดูเหมือนรีบตีตัวออกห่างจากเขาล่ะ?”

พูดจบ ลั่วอี้ฝานก็เข้ามาใกล้ฉันทันที ลมหายใจของเขาพ่นลงบนแก้มฉัน “แผนใหม่เหรอ? ใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับรึยังไง?”

ฉันเกลียดการเข้าใกล้ของคนแปลกหน้า จึงพยายามจะหลบตามสัญชาตญาณ แต่ก่อนที่ฉันจะขยับได้ ไหล่ของฉันก็ถูกมือใหญ่อันอบอุ่นจับไว้

มีคนมาดึงฉันจากด้านหลัง ทำให้ฉันล้มเข้าไปในอ้อมกอดที่คุ้นเคย มีกลิ่นหอมของไม้สนซีดาร์

“อยู่ให้ห่างจากเธอซะ!” เสียงของกู้จือโม่เต็มไปด้วยความเย็นชา

ฉันเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว เห็นริมฝีปากบางของเขาที่เม้มเข้าหากัน และความหงุดหงิดแสดงออกผ่านทางดวงตาและคิ้วของเขา

ฉันไม่รู้ว่าเขาหงุดหงิดอะไร

แต่การที่เขาโอบกอดฉันไว้แนบชิดแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว

“ปล่อยฉันนะ” ฉันดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของเขา ถอยหลังไปสองก้าวเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเรา

ดูเหมือนกู้จือโม่จะไม่คิดว่าฉันจะถอยหลัง เขาจ้องมองฉันสองสามวินาที กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉินเยวี่ยก็เดินเข้ามาดึงแขนเขาไว้ “อาโม่ ทำไมนายซื้อน้ำนานจัง”

หลังจากพูดจบ เฉินเยวี่ยก็ทำเหมือนเพิ่งเห็นฉัน “อ้าว ซิงลั่ว เธอก็อยู่นี่ด้วยเหรอ?”

ฉันมองเธอแล้วตอบ “อืม”

“เธอแอบตามอาโม่มาเหรอ?” เฉินเยวี่ยมองไปมาระหว่างฉันกับกู้จือโม่ แล้วเอื้อมมือไปดึงแขนกู้จือโม่ พูดด้วยเสียงสดใสและน่ารัก “อาโม่ ดึกแล้ว อย่าไปถือสาเรื่องที่ซิงลั่วตามนายมาเลย เธอเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียวมันจะอันตรายนะ”

คำพูดของเฉินเยวี่ยดูเสแสร้ง ฉันกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วลั่วอี้ฝานก็ทำหน้าเย็นชาพูดขึ้นว่า “คุณหนู คุณรู้ไหมว่าการใส่ร้ายคนอื่นต้องรับผิดชอบทางกฎหมายนะ?”

ปกติแล้ว ลั่วอี้ฝานดูเป็นคนอ่อนโยนและมีน้ำใจ แต่จริง ๆ แล้วเขาเย็นชาและไร้หัวใจ เมื่อเขาถอดหน้ากากที่แสร้งแกล้งทำเป็นคนดีออกไปแล้ว เขากลับดูน่ากลัวและโหดเหี้ยม

เหมือนเสือชีตาห์ในทุ่งหญ้า ที่เมื่อครู่นี้ยังนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้าน แต่พริบตาเดียวก็อ้าปากงับคอเหยื่อได้แล้ว

เฉินเยวี่ยตกใจกลัว จึงซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของกู้จือโม่ พร้อมกับพูดทั้งน้ำตาว่า “อาโม่ ฉันไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร”

กู้จือโม่ไม่ได้ผลักเฉินเยวี่ยออก แต่กลับโอบกอดเธอไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขากำลังปกป้องเธอ

เขามองมาที่ฉัน ดวงตาของเขาเย็นชากว่าเมื่อครู่นี้เสียอีก “ขอโทษ”

แม้จะเห็นความลำเอียงของกู้จือโม่มาหลายครั้งแล้ว แต่เมื่อเห็นอีกครั้ง ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี

เขารู้อยู่เต็มอกว่าที่ฉันมาที่นี่เพราะงานเลี้ยงในคืนนี้

เขารู้ทุกอย่าง แต่ก็ยังปล่อยให้เฉินเยวี่ยพูดจาเหลวไหลไปเรื่อย

ฉันไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทะเลาะวิวาทที่ไร้เหตุผลนี้ และไม่อยากตกเป็นเหยื่อของการต่อสู้ของพวกเขา แต่บางครั้งฉันก็ไม่มีทางเลือก

“ทำไมต้องขอโทษ หรือใครควรจะขอโทษใครกัน?”

ฉันมองกู้จือโม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่หลบสายตา จ้องมองเขาอย่างท้าทาย

สีหน้าของกู้จือโม่เคร่งขรึม บรรยากาศโดยรอบราวกับหยุดนิ่งในชั่วพริบตา

ฉันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินจากไป

คนที่ลำเอียง ยังไงก็จะลำเอียงตลอดไป

ฉันเพิ่งเดินมาถึงริมถนน ข้อมือก็ถูกกู้จือโม่คว้าเอาไว้

กู้จือโม่มองมาที่ฉัน น้ำเสียงเย็นชา “เฉียวซิงลั่ว ฉันอนุญาตให้เธอไปแล้วหรือไง?”

ฉันถูกเขาทำให้โกรธจนหัวเราะออกมา “ทำไมต้องรอให้นายอนุญาตด้วย? กู้จือโม่ นายคิดว่านายเป็นใคร?”

‘กู้จือโม่ ฉันจะไม่เชื่อฟังคำพูดของนายอีกต่อไปแล้ว และไม่คิดที่จะเชื่อฟังอีกต่อไปแล้วด้วย’

“เฉียวซิงลั่ว!” กู้จือโม่ออกแรงบีบมือฉันแน่นขึ้น แรงขนาดเหมือนจะบีบให้มือฉันหัก “เธอลองพูดประโยคเมื่อกี้อีกรอบสิ”

“กู้จือโม่ นายทำเธอเจ็บแล้ว”

ลั่วอี้ฝานวิ่งเข้ามาช่วยดึงมือฉันออกจากมือของกู้จือโม่ แล้วดึงฉันไปหลบหลังเขา ทั้งร่างของเขาบังฉันเอาไว้

“ไสหัวไป!” กู้จือโม่ตะโกนพร้อมกับกระชากคอเสื้อของลั่วอี้ฝาน

“นายมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน?” ลั่วอี้ฝานจับมือที่กู้จือโม่กระชากคอเสื้อเขาไว้แน่น ยิ้มเยาะหยัน “ไม่งั้นนายก็ลองถามซิงลั่วดูสิ ว่าเธออยากให้นายหรือฉันไสหัวไป”

สายตาของกู้จือโม่จ้องมองมาที่ฉันทันที ฉันเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับแววตาที่ดูราวกับพายุจะถล่มของเขา

ฉันขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว กำลังจะบอกพวกเขาว่าฉันจะไปเอง จู่ ๆ เฉินเยวี่ยก็พุ่งเข้ามาดึงมือลั่วอี้ฝานเอาไว้ “ปล่อยอาโม่เดี๋ยวนี้นะ ปล่อยเขา!”

พูดจบ ก็จ้องมาที่ฉันด้วยความโกรธอีกครั้ง “เฉียวซิงลั่ว เธอพูดสิ! เธออยากเห็นพวกเขาสองคนทะเลาะกันหรือไง?”

“มันเกี่ยวอะไรกับฉัน?” ฉันมองไปที่ข้อมือที่ถูกบีบจนแดง ความอดทนก็ถึงขีดสุด “คืนนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับใครเลย พวกนายมีเรื่องอะไรก็ไปจัดการกันเอง อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลา”

พูดจบ ฉันก็ไม่สนใจพวกเขาอีก ยกมือเรียกรถแท็กซี่แล้วจากไป

……

หลังจากขึ้นรถ ฉันก็เอนตัวพิงหน้าต่างมองทิวทัศน์ข้างถนนที่ค่อย ๆ ถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ

ไม่รู้ทำไม ฉันรู้สึกเหนื่อยล้าไปหมดทั้งตัว

เมื่อได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง ฉันก็ไม่มีความยึดติดมากมายเหมือนเมื่อก่อน สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือการตัดขาดจากคนที่ทำร้ายฉันในชาติที่แล้ว และใช้ชีวิตในแบบของตัวเองอย่างมีความสุข

แต่ความจริงกลับทำให้ฉันต้องเกี่ยวข้องกับกู้จือโม่ เฉินเยวี่ย รวมถึงลั่วอี้ฝานที่ในชาติที่แล้วฉันจะได้รู้จักในอีกสองปีให้หลัง

ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถหลุดพ้นจากโชคชะตาของชาติที่แล้ว

ตอนที่เฉิงเฉิงมารับฉัน สภาพของฉันก็ดูแย่มากแล้ว

เฉิงเฉิงใส่ใจมาก พอเห็นว่าสีหน้าฉันไม่ค่อยดี เธอไม่ถามอะไรเลย บอกเพียงให้ฉันพักผ่อนให้เต็มที่

ฉันกล่าวขอบคุณเธอ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วบังคับตัวเองให้นอนหลับไป

ไม่ว่าโชคชะตาจะลิขิตอย่างไร ฉันก็จะเผชิญหน้ากับมัน ไม่ยอมให้ความกลัวทำให้ฉันพ่ายแพ้ก่อนที่มันจะมาถึง

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความรู้สึกหดหู่ในใจก็ลดลงไปมาก

อีกห้าวันก็จะถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ตอนนี้ฉันต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับการสอบ

ชีวิตที่แล้ว ฉันไม่ได้เรียนสาขาออกแบบเครื่องแต่งกายอย่างที่ตัวเองชอบ ไม่ได้เป็นดีไซเนอร์ ชาตินี้ฉันต้องทำให้ได้

วันรุ่งขึ้น

ขณะที่ฉันและเฉิงเฉิงกำลังจมอยู่กับกองข้อสอบ โทรศัพท์ของเฉิงเฉิงก็สั่นขึ้นมา

เฉิงเฉิงหยิบโทรศัพท์มือถือไปรับสาย ฉันได้ยินเธอตอบรับอืมอืมสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก หันกลับไปหาเฉลยโจทย์คณิตศาสตร์ในสมุดทบทวน

ฉันยังไม่ทันหาเจอ เฉิงเฉิงก็เดินถือโทรศัพท์มือถือมาหา

เธอนั่งลงเม้มริมฝีปาก ผ่านไปหลายนาทีก็ยังไม่เขียนอะไรลงไปแม้แต่ตัวเดียว

เธอมีเรื่องไม่สบายใจ

ฉันวางข้อสอบในมือลง ยกมือขึ้นรวบผมที่รุงรัง พร้อมกับถามเธอว่า “ใครโทรมา ทำไมรับสายเสร็จแล้วดูเหม่อลอย?”

เฉิงเฉิงวางปากกาลง หันกลับมามองฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ลังเล

ฉันอดขำไม่ได้ เลยเอื้อมมือไปบีบแก้มยุ้ย ๆ ของเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า “ว่ามาเลย อย่าทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกทิ้งแบบนั้นสิ”

“เธอให้ฉันพูดจริง ๆ นะ?” เฉิงเฉิงมองสีหน้าฉันอย่างระมัดระวัง

ฉันพยักหน้า เธอสูดหายใจลึกเหมือนกำลังรวบรวมความกล้า แล้วพูดว่า “กู้จือโม่โทรมาหาฉัน บอกว่าเขารออยู่หน้าบ้านเราน่ะ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status