แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: ลูกพีชแสนสวย
กู้จือโม่มาหาฉัน? ยังหาบ้านของเฉิงเฉิงเจอด้วยเหรอ?

ฉันรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง เขารังเกียจฉันขนาดนั้น จะมาหาฉันทำไม?

เมื่อคืนฉันไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว ไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน พ่อของฉันยังไม่คิดจะมาตามหาฉันเลย

เขาคงมาหาฉันเพื่อให้ไปขอโทษเฉินเยวี่ยล่ะสิ

พอนึกถึงท่าทางที่เขาให้ฉันไปขอโทษเฉินเยวี่ยเมื่อคืน ฉันก็ยิ้มออกมา หยิบปากกาและข้อสอบขึ้นมาใหม่ “เขาอยากเจอฉัน ฉันก็ต้องให้เจอด้วยเหรอ? ถ้าเขาอยากรอ ก็ให้เขารอไปสิ”

คะแนนสอบจำลองก่อนปิดเทอมยังต่ำกว่าที่ฉันคาดไว้ตั้งสองคะแนน สองคะแนนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสามารถแซงคนไปได้ตั้งเท่าไหร่? ทำไมฉันต้องเสียเวลาไปกับคนที่ไม่สำคัญด้วย?

ฉันตั้งใจทำข้อสอบ แต่กลับเป็นเฉิงเฉิงที่นั่งไม่ติดแทน

เธอแอบมองฉันบ้าง ลุกขึ้นดื่มน้ำหรือไปเข้าห้องน้ำบ้าง

โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะสั่นไม่หยุด เฉิงเฉิงปิดเสียงอีกครั้ง แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหว หยิบปากกาและกระดาษข้อสอบของฉันไป “ที่รัก เธอไม่ต้องเขียนแล้ว บอกฉันทีว่าเธอคิดยังไงกันแน่?”

หลังจากจ้องมองกระดาษข้อสอบมาหลายชั่วโมง ดวงตาของฉันก็รู้สึกแสบและล้า เฉิงเฉิงหยิบปากกาและกระดาษข้อสอบไป ฉันจึงได้พักสายตา “คิดยังไงเรื่องอะไรเหรอ?”

ฉันหลับตาแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็ยังรู้สึกแห้งอยู่ดี

“เรื่องกู้จือโม่ไง” เฉิงเฉิงขยับเข้ามาใกล้ฉัน บังคับให้ฉันหันหน้าไปทางเขา “เธอจะยอมแพ้จริง ๆ เหรอ?”

“ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเธอขาดเขาไม่ได้”

ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนขาดเขาไม่ได้

ฉันทวนประโยคนี้ในใจอย่างเงียบ ๆ ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกเจ็บปวดแล่นขึ้นมาในอก

ใช่แล้ว ฉันเคยขาดเขาไม่ได้จริง ๆ

แต่เฉิงเฉิง ถ้ามีคนทำร้ายเธอซ้ำ ๆ ต่อให้เธอรักเขามากแค่ไหน สุดท้ายเธอก็ต้องปล่อยเขาไป

ฉันเคยผ่านการไล่ตามแบบนักพนันมาแล้วครั้งหนึ่ง ความรู้สึกนั้นมันเหนื่อยเกินไป

เหนื่อยมากจริง ๆ

ฉันไม่อยากจะสัมผัสความรู้สึกอ่อนแอที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายแบบนั้นอีกแล้ว

“จู่ ๆ ก็นึกออกแล้ว” ฉันมองตาเฉิงเฉิง “ก็เหมือนกับไอดอลที่เธอคลั่งไคล้เมื่อก่อนไง ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ เธอก็เลิกคลั่งไคล้เขาไปแล้วเหรอ?”

เฉิงเฉิงแย้งว่า “ฉันแค่เจอเรื่องที่สำคัญกว่าที่ต้องทำต่างหาก”

“ฉันก็เหมือนกัน” ฉันยิ้มและยกมือขึ้นจัดผมข้างหูของเฉิงเฉิง “เฉิงเฉิง ฉันชอบการออกแบบเสื้อผ้า ฉันชอบความมั่นใจและความสดใสของผู้หญิงทุกคนที่ได้สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะกับตัวเอง”

“ฉันยังอยากทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอจะทำได้ เพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ”

“เรื่องคนรัก…” ฉันหยุดไปครู่หนึ่ง “เรื่องคนรักมันทำให้เราเหนื่อยมาก ฉันอยากเป็นตัวของตัวเอง”

หลังจากที่ฉันพูดจบ เฉิงเฉิงก็กอดฉันทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดว่า “ได้ งั้นฉันหวังว่าลั่วลั่วจะเป็นตัวเองที่ดีที่สุดในชีวิตนี้”

“แน่นอน”

ฉันยิ้มและกอดเฉิงเฉิงตอบ

ในขณะที่ฉันกำลังจะบอกให้เธอทำโจทย์ต่อ คนรับใช้ที่บ้านของพวกเธอก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบและพูดว่า “คุณหนูคะ คุณชายจากตระกูลกู้กำลังปีนรั้วเข้ามาค่ะ”

“อะไรนะ?” เฉิงเฉิงปล่อยมือจากฉัน เบิกตากว้างมองออกไปข้างนอก “กู้จือโม่กำลังปีนรั้วบ้านของเราเหรอ?”

“ใช่ค่ะ คุณหนู”

เฉิงเฉิงตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนทันที พลางถลกแขนเสื้อขึ้นเตรียมจะออกไปข้างนอก “ลั่วลั่ว เธอรออยู่ที่นี่นะ ฉันจะไปไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

“ฉันไปเอง” ฉันจับเฉิงเฉิงไว้ มองออกไปข้างนอก เห็นเด็กหนุ่มสวมเสื้อยืดสีขาว กำลังปีนขึ้นไปบนกำแพงอย่างคล่องแคล่ว ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย

ในวินาทีที่ฉันมองออกไป เขาก็เห็นฉันพอดี สายตาของเราทั้งสองสบประสานกัน

ฉันไม่อยากเสียเวลาไปทำเรื่องไร้สาระกับกู้จือโม่ แต่ฉันไม่อยากให้เฉิงเฉิงต้องเดือดร้อน

“เธอไปบอกกู้จือโม่ว่าฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ บอกเขาให้รอหน่อย”

ฉันพูดกับคนรับใช้ แล้วให้เธอไปหยิบร่มมาให้ฉัน จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินออกไป

ฝนตกปรอย ๆ ตกลงบนร่มใส แล้วรวมตัวกันเป็นหยดน้ำไหลลงมา

กู้จือโม่ยืนอยู่ใต้ต้นอู๋ถงข้างถนน ทั้งตัวเขาดูแผ่ความเย็นออกมา

ฉันหยุดอยู่กับที่ครู่หนึ่ง กู้จือโม่ก็เงยหน้าขึ้นมองมา

แววตาของเขาใสสะอาด แต่ก็เหมือนตัวเขา ดูเย็นชา และปน...ความกระวนกระวายใจ?

จากตอนที่เขาโทรหาเฉิงเฉิงจนถึงตอนนี้ก็แค่ประมาณยี่สิบนาทีเท่านั้นเอง ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้? กระวนกระวายขนาดนี้เชียว?

ฉันเลิกคิ้ว รู้สึกตลกดี

“เฉียวซิงลั่ว เธอนี่ใช้ได้เลย” เสียงของเด็กหนุ่มฟังดูแหบเล็กน้อย และมีเสียงขึ้นจมูกนิดหน่อย

ฉันยกมือขึ้นลูบข้อมือตัวเอง มือที่เมื่อกี้อยู่ในห้องยังอุ่น ๆ อยู่ ตอนนี้เย็นไปหมดแล้ว

อากาศก็เย็นจริง ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงจะเริ่มเป็นห่วงว่าเขาจะไม่สบายเอา แต่ตอนนี้ฉันแค่อยากรู้ว่าถ้าฉันไม่สบายขึ้นมา จะไปขอเงินค่ารักษาพยาบาลจากเขาได้หรือไม่

“ฉันใช้ได้เรื่องอะไร?” ฉันถือร่มเดินเข้าไป ยืนอยู่ห่างจากเขาประมาณหนึ่งเมตร เอียงคอมองเขาเล็กน้อย “ที่ฉันไม่ได้ออกมาเจอนายทันทีที่นายโทรมา หรือเพราะฉันถือร่มมองนายตากฝนกันล่ะ?”

สีหน้าของกู้จือโม่ค่อย ๆ มืดลง ขณะที่เขาพูดออกมาว่า “เฉียวซิงลั่ว เธอตั้งใจใช่ไหม?”

“เธอตั้งใจทำให้ฉันโกรธเหรอ? ตั้งใจบอกว่าไม่ชอบฉันกะทันหัน? ตั้งใจที่จะใกล้ชิดกับลั่วอี้ฝานใช่ไหม?”

“เธอตั้งใจทำเรื่องพวกนี้เพราะคิดว่าฉันจะหึงหรือจะตกใจใช่ไหม?”

“แล้วต่อไปล่ะ?” กู้จือโม่พูดคำว่าตั้งใจหลายครั้ง ทุกครั้งที่เขาพูด เขาจะเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น เมื่อเขาพูดจบ เขาก็เข้ามาอยู่ใต้ร่มของฉันแล้ว “เธอยังมีแผนอะไรอีก? หืม?”

ตอนที่ฉันออกมา ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมกู้จือโม่ถึงมาหาฉัน

ตอนนี้ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแล้ว

เขาคิดว่าทุกสิ่งที่ฉันทำในช่วงนี้เป็นแค่กลอุบายที่จะทำให้เขาสนใจ

เขาคิดว่าฉันกำลังเล่นเกมกับเขา

ฉันมองเขา เขาก็มองฉันตอบเช่นกัน

หลังจากผ่านไปหลายวินาที ฉันก็พูดขึ้นว่า “นายรู้ไหมว่านายหยิ่งยโสแค่ไหน?”

ฉันถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดึงร่มออกจากศีรษะเขา ฝนตกปรอย ๆ ไหลลงมาตามคิ้วและตาที่สวยงามของเขาไปยังกราม และหยดลงบนเสื้อยืดสีดำของเขา “หรือความสามารถทางภาษาของนายลึกซึ้งเกินกว่าที่คนอื่นจะเข้าใจ?”

“เข้าใจทุกอย่างแบบกลับตาลปัตรแบบนี้? นายไม่กลัวสอบตกเหรอ?”

หลังจากที่ฉันพูดจาประชดประชัน กู้จือโม่ก็เริ่มกัดฟันพูดว่า “เฉียวซิงลั่ว!”

“ฉันอยู่นี่ไง!” ฉันขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “คุณชายกู้ พูดเบา ๆ หน่อยสิ อย่าเสียงดัง ฉันไม่ได้หูหนวก ฉันได้ยินน่า”

หน้าของกู้จือโม่เปลี่ยนจากดำเป็นเขียว แล้วจากเขียวก็กลับเป็นดำอีกครั้ง เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาเต้นตุบ ๆ สองครั้ง ในที่สุด เขาหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง กัดฟันพูดว่า “เธอห้ามติดต่อกับลั่วอี้ฝานอีก!”

“ทำไมล่ะ?” ฉันทำหน้าเย็นชา “นายมีสิทธิ์อะไรมาแทรกแซงสิทธิ์ในการเลือกคบเพื่อนของฉัน?”

“ฉันบอกว่าไม่ได้ไง!” กู้จือโม่เริ่มหมดความอดทน

“นายบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้เหรอ? นายเป็นใคร?”

ฉันยกมือขึ้นปัดผมที่ปลิวไปตามลม ยิ้มหวานให้เขา แล้วพูดด้วยท่าทางจริตจะกร้านเหมือนเฉินเยวี่ย “หรือนายเป็นใครสำหรับฉันเหรอ?”

ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Jiratthi
ให้มันได้งี้สิหญิง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 9

    ฉันจับจ้องสีหน้าของกู้จือโม่ มองดูความรังเกียจที่ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วบนใบหน้าของเขาหลังจากที่ฉันพูดจบ เหมือนกับทุกครั้งเห็นไหม นี่แหละผู้ชายจริง ๆ ก็ไม่แปลกหรอก คนที่รักนายมาเนิ่นนาน ตื๊อนายชนิดแทบจะไม่เหลือศักดิ์ศรี แล้วจู่ ๆ มาบอกว่าไม่ได้รักนายแล้ว ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงไม่เชื่อเหมือนกันเพราะแบบนี้ เขาถึงได้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของฉันไม่ได้ แล้วก็แสดงความรังเกียจออกมาตอนที่ฉันเพิ่งถามเขาว่า “นายเป็นใครสำหรับฉัน”ทั้งที่มันเป็นแค่การลองใจเล็กน้อยเท่านั้นฉันยิ้มออกมาเบา ๆ พลางถอยหลังไปสองก้าว “เห็นไหม นายตอบไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”“ที่ฉันบอกว่าฉันไม่ชอบนายแล้ว มันเป็นเรื่องจริง ทุกสิ่งที่ฉันทำช่วงนี้ไม่ใช่เพราะฉันเล่นตัว”“กู้จือโม่” ฉันเรียกชื่อเขาอย่างจริงจัง “เชื่อฉันเถอะ ฉันจะไม่ตามตื๊อนายอีกแล้ว”“อีกแค่ห้าวัน อีกแค่ห้าวันเราก็จะจบการศึกษาแล้ว หลังจากจบการศึกษา เราจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”“เมืองนี้มันเล็กมาก เล็กจนถ้าเราตั้งใจหลีกเลี่ยงกัน เราก็จะไม่เจอกันอีกได้จริง ๆ”พูดจบ ฉันก็ไม่ได้มองเขาอีก และหันหลังกลับ“เธอไม่ชอบฉันแล้ว งั้นเธอชอบใครล่ะ?”ฉันเด

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 10

    “ซวยจริง ๆ” เฉิงเฉิงแสดงความไม่พอใจเฉินเยวี่ยทันทีที่เห็นเธอ หันมาดึงฉันออกไปทันที “ลั่วลั่ว ที่นี่แมลงวันเยอะเกินไป เราไปร้านอื่นกันเถอะ”ฉันมองเฉินเยวี่ยแวบหนึ่ง ด้วยความที่ฉันรู้จักเธอดี เธอต้องหาเรื่องอะไรแน่ ๆส่วนฉันเองก็เฉย ๆ ไม่อยากเสียเวลาหรือแรงกายแรงใจไปกับพวกเธอฉันพยักหน้าให้เฉิงเฉิง “ได้ ไปกันเถอะ”ฉันกับเฉิงเฉิงเดินออกไป ลูกน้องของเฉินเยวี่ยมองเธอแวบหนึ่ง แล้วพูดจิกกัดขึ้นมา “เสแสร้งไปทำไมกัน ใคร ๆ ก็รู้ว่าใกล้จะล้มละลายแล้วยังทำท่าหยิ่งยโสอีก”เฉินเยวี่ยแกล้งห้ามลูกน้อง “อย่าพูดเลย”“เธอว่าใคร?” เฉิงเฉิงหันกลับอย่างรวดเร็ว เดินตรงไปยังลูกน้องคนนั้นด้วยท่าทีดุดัน เธอผลักเฉินเยวี่ยจนเซไปชนราวแขวนเสื้อ “โอ๊ย!” เฉินเยวี่ยกรีดร้องขึ้นมาลูกน้องอีกคนของเฉินเยวี่ยรีบเข้าไปประคองเธอ “เยวี่ยเยวี่ย เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? เฉิงเฉิง ทำไมเธอถึงทำร้ายคนอื่นแบบนี้?”“แล้วทำไมฉันจะทำร้ายพวกเธอไม่ได้? ปากดีนัก ระวังจะโดนฉันซ้อมจนหน้าบวมเหมือนหัวหมู!” เฉิงเฉิงเคลื่อนไหวเร็วมาก ฉันยังไม่ทันตั้งตัว เธอก็พุ่งไปหาอีกฝ่ายแล้ว ยกมือขึ้นเตรียมจะตบไม่ต้องพูดถึงเรื่องจำนวนคน ฉันกับเฉิงเฉิงแ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 11

    เหลือแค่เราสองคนแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกันหลังจากที่ฉันกับกู้จือโม่ทะเลาะกันในวันนั้น หลังจากวันนั้นฉันคิดว่าเราสองคนคงจะไม่ได้เจอกันอีกนาน แต่เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งฉัน เราไม่เพียงแต่เจอกันเร็วเท่านั้น แต่ยังเจอกันในสถานการณ์แบบนี้อีกฉันมองกู้จือโม่ที่กำลังทำหน้าบึ้งตึง เขาเดินเข้ามาหาฉันทีละก้าว ทำให้ฉันอยากจะถอยหลังออกมาอย่างเงียบ ๆ แต่ก่อนที่ฉันจะทันได้ถอย เขาก็คว้าข้อมือฉันไว้แล้วเหวี่ยงฉันไปชนเข้ากับเคาน์เตอร์คิดเงินจากนั้น เขาก็ขวางหน้าฉัน มือข้างหนึ่งกดลงข้างแขนของฉัน โน้มตัวเล็กน้อยแล้วมองมาที่ฉัน “เธอจับคู่ฉันกับเฉินเยวี่ย แล้วเธอล่ะจับคู่ตัวเองกับใคร?”“ลั่วอี้ฝาน? หรือตระกูลเศรษฐีอื่นในเมืองอวิ๋นเฉิง?”ในปากของกู้จือโม่ ฉันเป็นราวกับสินค้าที่มีป้ายราคาติดอยู่แม้ว่าเขาจะเคยพูดมาแล้วครั้งหนึ่ง และฉันก็รู้ว่าในใจของเขา ฉันเป็นคนที่เจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่ฉันก็ยังรู้สึกโกรธที่ถูกดูแคลนแบบนี้ฉันจ้องมองเขา แล้วยิ้มออกมา จงใจยั่วโมโหเขา “นายคิดว่าฉันจะเลือกใครล่ะ?”“เฉียวซิงลั่ว!”กู้จือโม่แทบจะกัดฟันเรียกชื่อฉันฉันยกมือขึ้นแตะใบหน้าเขาอย่างช้า ๆ พอเกือบจะแต

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 12

    ตอนที่ฉันเพิ่งคำนวณเงินเก็บของตัวเองกับของฟุ่มเฟือยบางอย่างที่ไม่ได้ใช้เสร็จ คนรับใช้ก็มาเรียกฉันให้ลงไปกินข้าวฉันตอบรับ วางของลง แล้วลุกออกไปฉันคิดว่าฉันอยู่ข้างบนนานขนาดนั้น ลั่วอี้ฝานคงจะกลับไปแล้ว แต่พอเดินไปถึงห้องอาหาร เขากลับนั่งหัวโต๊ะเหมือนเจ้าภาพและเฉียวเจี้ยนกั๋วนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาฉันแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ปกติเฉียวเจี้ยนกั๋วชอบทำตัวเคารพผู้ใหญ่มากเวลาอยู่ต่อหน้าฉันกับเฉียวซิงอวี่เฉียวเจี้ยนกั๋วลงมา รีบเรียกฉัน “ลั่วลั่วรีบมาร็ว ลูกมาคุยกับคุณชายลั่วหน่อย พ่อแก่แล้ว หนุ่มสาวอย่างพวกลูกคงไม่สนใจเรื่องที่พ่อพูดหรอก”ฉันจับราวบันไดไว้ มือถือโทรศัพท์ขึ้นมาส่ายไปมาตรงหน้าเฉียวเจี้ยนกั๋ว บอกตัวเลขเขาไปแบบไม่มีเสียงวินาทีต่อมาโทรศัพท์ของฉันก็มีเสียงแจ้งเตือนว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีแล้วฉันเดินไปหาพวกเขาอย่างช้า ๆ เปิดโทรศัพท์ดูจำนวนเงินสองแสนห้าหมื่นบาทฉันเบ้ปากเล็กน้อย กอดอก แล้วหยุดฝีเท้าลง “คุณเฉียว ค่าปิดปากที่คุณให้นี่มันน้อยไปหน่อยนะคะ”“หรือว่า…” ฉันพูดพลางมองไปที่ลั่วอี้ฝานอย่างมีเลศนัยลั่วอี้ฝานฉลาดมาก เขามองสบตากับฉันแวบหนึ่ง ดูเหมือนจะเข้าใจปริศนาที่ฉันกับ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 13

    อาจเป็นเพราะการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจบลง ความตึงเครียดในสมองจึงหายไปคืนนั้น ฉันก็เป็นไข้สูงทันทีจนกระทั่งคืนก่อนวันรับใบแจ้งผลสอบ ฉันก็เกือบจะหายดีแล้วในคืนที่ผลสอบออก ฉันก็ตรวจคะแนนทางออนไลน์คะแนนเต็มเจ็ดร้อยห้าสิบ ฉันได้เจ็ดร้อยสิบสามจุดห้าสูงกว่าคะแนนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งกำหนดไปกว่าสามสิบคะแนนฉันพอใจกับผลลัพธ์นี้มากหลังถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้ายมาหลายคืน ในที่สุดก็ถูกความฝันอันแสนหวานกลบทับเช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นแต่เช้าเพื่อเก็บของไปโรงเรียนหลังจากเฉิงเฉิงสอบเสร็จ พ่อแม่ก็พาเธอไปเที่ยวต่างประเทศผ่านไปกว่าสิบวัน เราสองคนถึงได้เจอกันที่หน้าโรงเรียนผมยาวของเฉิงเฉิงถูกตัดสั้นและย้อมเป็นสีน้ำตาลแดง เพราะเรียนจบแล้ว เธอจึงสวมชุดนักเรียนมัธยมปลายที่ไม่เป็นทางการ ทำให้เธอดูเหมือนสาวน้อยในการ์ตูนญี่ปุ่นที่ก้าวเข้ามาในโลกแห่งความเป็นจริงเฉิงเฉิงดีใจมากที่เจอฉัน เธอวิ่งมาหาฉันแล้วกอดฉันทันที“ลั่วลั่ว ฉันคิดถึงเธอมากเลย ฉันซื้อของขวัญให้เธอเยอะแยะมากมายจากไมอามี เดี๋ยวไปเอาใบแจ้งผลสอบแล้วไปเอาที่บ้านฉันดีไหม”เมื่อฉันถูกเธอกอด ใบหน้าของฉันเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว “ได้สิ”

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 14

    เมื่อครึ่งปีก่อน มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในโรงเรียนนี้ถูกเด็กผู้ชายกุเรื่องใส่ร้าย เพียงเพราะเธอปฏิเสธคำสารภาพรักของเขา ทุกคนในโรงเรียนต่างพากันนินทาเธอ จนสุดท้ายเธอถึงกับคิดสั้น ตัวอย่างที่ชัดเจนขนาดนี้ยังไม่ทันจางหายไปจากความทรงจำ แต่หลายคนก็เลือกที่จะลืมมันไปแล้ว“มันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?” เฉิงเฉิงจ้องเฉินเยวี่ย “อยากรู้ไปหมดทุกเรื่อง บ้านเธออยู่หน่วยข่าวกรองหรือยังไง?”เมื่อเฉินเยวี่ยถูกดุ ก็ทำหน้าเสียใจอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดี เธอดุฉันทำไม?”ฉันหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดที่ดูไม่สำนึกผิดของเฉินเยวี่ย“ก็เพราะเธอพูดโดยไม่รับผิดชอบไง” ฉันเหน็บผมที่ปรกหน้าไปไว้หลังหู แล้วมองเธอ “เธอรู้ไหมว่าการกุเรื่องขึ้นมาลอย ๆ ฉันสามารถฟ้องเธอในข้อหาหมิ่นประมาทได้นะ?”เฉินเยวี่ยจ้องมองฉัน มือที่ห้อยข้างลำตัวกำแน่นฉันไม่ได้มองเธอ จูงมือเฉิงเฉิงกลับไปที่นั่งของเราห่างจากที่นั่งของฉันไปสองแถว กู้จือโม่นั่งอยู่บนโต๊ะ มือล้วงกระเป๋า ขาข้างหนึ่งเหยียบโต๊ะข้าง ๆฉันเดินไปหาเขา เงยหน้ามองเขา อยากให้เขาหลีกทางให้ แต่บังเอิญสบตาเขาเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกผิดของฉันหรือ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 15

    งานประชุมชั้นเรียนครั้งสุดท้ายจบลงแล้ว ซึ่งก็เป็นสัญญาณว่าการทุ่มเทเรียนหนักมาสามปีก็จบลงเช่นกันตามธรรมเนียมของโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งแห่งอวิ๋นเฉิง คืนนี้จะมีงานเลี้ยงขอบคุณครูผู้สอนงานเลี้ยงระหว่างครูและนักเรียน จะต้องมีการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ก่อนจบ ถึงจะเป็นการปิดฉากที่สมบูรณ์แบบหลังจากทานอาหารร่วมกัน ก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว แต่ทุกคนยังไม่อยากแยกย้าย มีคนเสนอให้ไปคาราโอเกะกันเนื่องจากทุกคนบรรลุนิติภาวะแล้ว ครูประจำชั้นจึงไม่ได้ห้าม แต่หาข้ออ้างแยกตัวออกไปก่อน ปล่อยเวลาให้พวกเราหนุ่มสาวฉันไม่อยากอยู่ในพื้นที่เดียวกับกู้จือโม่ ไม่อยากต้องคอยระวังกับดักของเฉินเยวี่ย จึงอยากหาข้ออ้างปลีดตัวออกไป แต่เฉิงเฉิงกลับดึงฉันไว้ด้วยความตื่นเต้นไม่ยอมปล่อย“ลั่วลั่ว เราไปดื่มกันหน่อยดีไหม เอาเป็นโมฮีโต้เป็นไง? ฉันยังไม่เคยดื่มเลย อยากลองดูว่ามันจะอร่อยอย่างที่เขาว่ากันไหม” เฉิงเฉิงมองมาที่ฉัน ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มตื่นเต้นฉันรู้ว่าพ่อแม่ของเธอเข้มงวดมาก ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยแตะต้องแอลกอฮอล์เลยเมื่อคิดว่าเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว บวกกับที่เธอใช้ดวงตากลมโตสีดำขลับมองมาที่ฉันด้วยควา

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 16

    เฉิงเฉิงลุกขึ้นยืนจะไปทะเลาะกับคนอื่น ฉันรีบดึงเธอไว้ทันทีฉันลุกขึ้นแล้วดึงเฉิงเฉิงเดินไป “เล่นสิ จะเล่นยังไงดีล่ะ?”บางทีฉันอาจจะตอบตกลงเร็วเกินไป ทุกคนเลยยังงง ๆ อยู่ฉันเดินไปถามกฎกติกาเกม ไม่มีใครพูดอะไรเลย ฟางฉิงหยางเป็นคนแรกที่รู้สึกตัว ขยับไปด้านข้าง ให้นั่งข้าง ๆ เขาแล้วอธิบายกติกาให้ฉันฟังกฎกติกาง่ายมาก คือใช้ขวดเบียร์หมุนบนโต๊ะ ปากขวดชี้ไปที่ใคร คนนั้นก็จะถูกถามคำถาม โดยคนถามคำถามก็คือคนที่ถูกถามในรอบที่แล้ว ทุกคนมีอิสระในการเลือกรูปแบบการลงโทษได้ฟางฉิงหยางพูดจบแล้วถามฉันว่า “เข้าใจไหม?”ฉันพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”เกมเพิ่งเริ่ม ทุกคนยังเล่นแบบเกร็ง ๆ อยู่คำถามที่ถามก็จะเป็นประเภท “เธอคิดว่าใครสวยที่สุดในห้อง?” “เธอมีคนที่ชอบไหม?” “เคยแอบชอบใครตอนเด็กไหม?” “เรื่องน่าอายที่สุดที่เคยทำคืออะไร” อะไรทำนองนี้ทุกคนค่อย ๆ เริ่มถามคำถามที่ท้าทายมากขึ้น และบทลงโทษจากเกมก็เริ่มยากขึ้นเช่นกันฉันนั่งอยู่ท่ามกลางผู้คน มองดูพวกเขาแต่ละคนถูกถามคำถามทีละคน ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินอีกรอบหนึ่ง ปากขวดชี้ไปที่กู้จือโม่เสียงปรบมือดังขึ้นจากฝูงชนอย่างไม่มีเหตุผล พวก

บทล่าสุด

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 346

    ในช่วงหลายวันต่อมา ฉันและซูข่ายเหวินให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของตำรวจอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตามข่าวจากสื่ออย่างใกล้ชิดไม่นานนัก อาชญากรรมของศาสตราจารย์จางก็ถูกเปิดเผยออกมาทีละเรื่องแต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจก็คือ เรื่องนี้กลับถูกกลบด้วยเหตุการณ์อื่นอย่างรวดเร็วและเรื่องนี้ก็ถูกตำรวจจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคำตอบสุดท้ายจะทำให้ฉันประหลาดใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ตำรวจยืนอยู่ตรงหน้าฉันและอธิบายทุกอย่างให้ฟัง“จากการสืบสวนของเรา พบว่าผู้ก่อเหตุเพียงแค่ต้องการปล้นเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาถูกจ้างวานให้ฆ่าแต่อย่างใด”ฉันเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินปล้นงั้นเหรอ?เป็นไปได้ยังไง?คนนั้นชัดเจนว่าเล็งเป้าหมายมาที่ฉันโดยตรง แถมยังทิ้งคำพูดที่เกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์จางไว้หลังจากก่อเหตุ นี่มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้จริง ๆ เหรอ?“แต่... มีดในมือของเขา วิธีที่เขาโจมตีฉัน รวมถึงคำพูดนั้น...”ฉันพยายามอธิบาย แต่เสียงของฉันกลับอ่อนลงเรื่อย ๆซูข่ายเหวินจับมือฉันไว้ เป็นสัญญาณให้ฉันสงบสติอารมณ์ลงเขาหันไปมองตำรวจ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่เข้าใจตำรวจดู

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 345

    ฉันตกใจอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้จะลงมือทำร้ายฉันจริง ๆฉันรีบปรับสภาพจิตใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีที่อาจตามมาคนขี่มอเตอร์ไซค์ดูเหมือนไม่คิดจะให้ฉันมีโอกาสได้พักหายใจเลย เขาเงื้อไม้เบสบอลขึ้นอีกครั้งแล้วฟาดมาทางฉันอย่างรุนแรง!ฉันหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว พลางมองหาจังหวะที่จะตอบโต้กลับไปหลังจากปะทะกันไปหลายครั้ง ฉันสังเกตได้ว่าคนคนนี้มีฝีมือพอตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผ่านการฝึกฝนอย่างเป็นทางการฉันรู้สึกยินดีอยู่ลึก ๆ ในใจ เพราะเห็นโอกาสเล็กน้อยที่จะเอาชนะเขาได้ฉันเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีก่อน พยายามทำลายจังหวะของเขาเพื่อให้เขาเสียสมดุลและเปิดช่องโหว่หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็พบช่องโหว่และซัดหมัดตรงเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรง!เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นฉันถือโอกาสพุ่งเข้าไป หวังจะควบคุมตัวเขาให้สิ้นฤทธิ์แต่ในขณะนั้นเอง เขากลับควักมีดออกมาจากกระเป๋าแล้วพุ่งแทงมาทางฉัน!ฉันตกใจสุดขีด รีบถอยหลังออกไปทันทีแต่ฉันก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ไม่มีแรงมากนัก จะรับมือกับชายที่ดุดันเช่นนี้ได้อย่างไร?มีดสั้นพุ่งตรงมาทางฉัน ก่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 344

    “บางทีคุณอาจพูดถูก หากไม่มีการสนับสนุนจากคุณ ฉันอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายมากขึ้น แต่ฉันก็เชื่อว่า ตราบใดที่ฉันพยายามมากพอและยืนหยัดอย่างมั่นคง สักวันหนึ่งฉันจะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริงได้ และฉันก็เชื่อว่า บนโลกนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีความฝันและพรสวรรค์เหมือนฉัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคุณ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จในวงการนี้ได้!”เขาชัดเจนว่าโกรธจัดเพราะคำพูดของฉัน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่จ้องมองฉันอย่างดุดัน“เธอคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะเปลี่ยนอะไรได้งั้นเหรอ? ฉันจะบอกให้รู้ไว้เลยนะว่าเธอคิดผิด! เธอจะต้องเสียใจในทุกสิ่งที่เธอทำในวันนี้แน่นอน!”ฉันยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน“บางทีฉันอาจจะเสียใจ แต่ฉันจะไม่มีวันเสียใจในสิ่งที่ฉันเลือก เพราะฉันรู้ดีว่า มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่ทำให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง และทำให้ฉันสามารถเติมเต็มความฝันของตัวเองได้ และสำหรับคุณ ศาสตราจารย์จาง คุณจะต้องกลายเป็นฝันร้ายของตัวเอง”พูดจบ ฉันหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปตอนนั้นเอง ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาซูข่ายเหวิน“หลักฐานทั้งหมดเก็บรวบรวมเรียบร้อยหรือ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 343

    คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม ราวกับว่าเขาได้จัดฉันให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับเด็กสาวที่ยอมประนีประนอมเพื่อผลประโยชน์ไปแล้วอย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้อ่อนแอและถูกกดขี่ยังไงก็ได้อย่างที่เขาคิด ฉันมีหลักการและขอบเขตของตัวเองฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อทำให้จิตใจสงบลง จากนั้นก็มองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น“ศาสตราจารย์จาง บางทีคุณอาจเข้าใจอะไรผิดไป ฉันมาที่นี่เพราะความหลงใหลในงานออกแบบและความกระหายในความรู้ ไม่ใช่เพราะเหตุผลอย่างที่คุณว่า ถ้าคุณคิดว่าการกระทำของคุณจะทำให้ฉันยอมจำนน ฉันคงต้องบอกว่าคุณคิดผิดแล้ว”เขาไม่คาดคิดว่าฉันจะกล้าตอบโต้เขาอย่างตรงไปตรงมา สีหน้าของเขาพลันมืดครึ้มลงทันที ดวงตาเผยให้เห็นแววโกรธเคืองแวบหนึ่งอย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้ถอยหนีเพราะเหตุนี้ ฉันยังคงอธิบายจุดยืนของตัวเองต่อไป“ฉันรู้ว่า ในวงการนี้มีบางคนที่ใช้ตำแหน่งและอำนาจของตัวเองทำเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่ฉันอยากบอกว่าฉันไม่ใช่คนแบบนั้น และฉันก็จะไม่มีวันเป็นแบบนั้น ฉันให้เกียรติตัวเอง ทั้งยังให้เกียรติผู้อื่น ฉันหวังว่าคุณจะเคารพการตัดสินใจของฉันด้วย”เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมาเบา

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 342

    บางทีอาจเป็นเพราะฉันเคยพบเจอผู้คนมามากมาย จึงทำให้ฉันเข้าใจได้ว่าคนประเภทนี้มีความคิดที่รอบคอบเพียงใด และยังทำให้ฉันรับรู้ได้ถึงเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาด้วยนี่คิดจะใช้วิธีนี้เพื่อล่อให้ฉันตกหลุมพรางงั้นเหรอ? ดูเหมือนจะโง่ไปหน่อยนะ แต่ฉันจะไม่รีบร้อนหรอก ของดีมักจะมาในตอนท้าย และฉันมั่นใจว่าจะสามารถจับจุดอ่อนของเขาได้แน่นอนฉันแสร้งทำเป็นมีท่าทีคาดหวังอย่างตั้งใจ สีหน้าของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นความหมายที่ยากจะคาดเดา จากนั้นสายตาของเขาก็เริ่มเปล่งประกายร้อนแรงขณะมองมาที่ฉัน แล้วก้าวเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น“ฉันได้พิจารณาแบบร่างของเธออย่างละเอียดแล้ว ก็ต้องบอกตรง ๆ ว่าค่อนข้างธรรมดานะ แต่ที่เธอสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้ในครั้งนี้ คงเป็นเพราะโชคช่วยเสียมากกว่า เพราะอันดับของเธอไม่ได้อยู่ในระดับต้น ๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ครั้งนี้เธอได้รับโอกาสที่ดีมาก ก็หวังว่าเธอจะสามารถใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์และค้นพบศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่”เมื่อได้ยินคำวิจารณ์ของเขา ฉันแทบกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของฉันเลย แต่การที่เขาพูดแบบนี้ออกมาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 341

    เมื่อมีความคิดเช่นนี้ ฉันก็รักษาสีหน้าที่อ่อนโยนไว้ทันที เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งรถจอดลงที่นี่ ฉันก็เดินตามผู้ชายคนนั้นขึ้นไปบนชั้นอย่างรวดเร็วขณะอยู่ในลิฟต์ เขาหันกลับมามองฉันแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาของเขาก็แฝงไปด้วยอารมณ์ที่ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจและแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก“ศาสตราจารย์จางเป็นอาจารย์ที่ทุกคนยกย่องมาโดยตลอด การที่เธอได้รับโอกาสนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่หายาก แต่มีบางเรื่องที่ฉันต้องอธิบายให้เธอเข้าใจ”ฉันพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมแสร้งทำท่าทางเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้อีกฝ่ายเชื่อจริง ๆ ว่าฉันเป็นคนไร้เดียงสาและใสซื่อ“ต่อจากนี้ ศาสตราจารย์จางอาจจะให้คำแนะนำเธอเกี่ยวกับบางประเด็น และยังเสนอวิธีที่ดียิ่งขึ้นให้กับเธอ เพื่อที่เธอจะสามารถก้าวไปได้ไกลขึ้นบนเส้นทางที่เกี่ยวข้องนี้”ฉันย่อมรู้ดีว่า ‘วิธี’ ที่ว่าก็คือการเรียนการสอนตามเส้นทางที่เป็นทางการเท่านั้น แต่ในตอนนี้ ฉันกลับแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเลย พร้อมกับถามเขาด้วยท่าทีไร้เดียงสา“แล้วทำไมถึงนัดที่นี่ล่ะคะ? นัดในห้องเรียนไม่ได้เหรอ?”ฉันแสร้งทำเป็นรู้

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 340

    หลังจากวางสาย ฉันรีบแจ้งเรื่องนี้ให้ซูข่ายเหวินรู้เป็นอันดับแรก แต่เขากลับไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจอย่างที่ฉันคาดไว้เลย ตรงกันข้าม เขากลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า“ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ฉันคาดไว้ ถ้าอย่างนั้น ต่อจากนี้คงต้องลำบากเธอหน่อย การต้องอยู่กับคนเลวแบบนี้คงเป็นเรื่องที่เหนื่อยแน่ ๆ เธอต้องทำให้เขาตายใจและลดความระมัดระวังลงให้ได้”ฉันพยักหน้าตอบรับ แน่นอนว่าฉันรู้ดีว่าสิ่งนี้อันตรายแค่ไหน และก็รู้เช่นกันว่าต้องจัดการเรื่องนี้อย่างรอบคอบให้ดีที่สุด“อุปกรณ์ที่ฉันให้เธอ อย่าลืมใช้ล่ะ เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดแน่ ๆ แต่มั่นใจได้เลยว่าอุปกรณ์ที่ฉันให้ จะสามารถบันทึกหลักฐานความผิดของเขาได้ทั้งหมด”ฉันพยักหน้า เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ซูข่ายเหวินให้ฉันนั้นต้องมีประโยชน์อย่างมาก ดังนั้นฉันจะไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอย่างแน่นอนด้วยแผนการที่รอบคอบของเราทั้งสองคน เชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอน และเมื่อนั้นก็จะไม่มีใครสามารถคุกคามสาว ๆ ที่ไร้เดียงสาเหล่านี้ได้อีกต่อไปเมื่อลมเย็นพัดผ่านตัวฉันในค่ำคืนนี้ ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเวลานัดห

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 339

    ดังนั้นข่าวลือทั้งหมดต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ และความจริงก็เป็นไปตามที่คนกลุ่มนั้นคาดการณ์ไว้ประมาณสามวันต่อมา ฉันได้รับอีเมลฉบับหนึ่ง แต่ฉันไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ไม่นานหลังจากนั้นฉันก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง โดยอ้างว่าเป็นอาจารย์จางซึ่งเป็นกรรมการของการคัดเลือกครั้งนี้ และมีรายละเอียดสำคัญเพิ่มเติมที่ต้องการพูดคุยกับฉัน สิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากก็แค่การแข่งขัน ทำไมถึงจะมีรายละเอียดอะไรที่ต้องการพูดคุยกับฉันได้ล่ะ? เว้นเสียแต่ว่าเขาต้องการพบฉันจริง ๆแต่ฉันยังคงไม่มั่นใจนัก จึงอยากลองทดสอบความจริงของเรื่องนี้ดู เลยถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง“ช่วงนี้ฉันยุ่งกับการเรียนมาก ไม่ทราบว่ารายละเอียดเหล่านี้สามารถพูดคุยทางโทรศัพท์ได้หรือไม่? หรือจะนัดเวลาที่สะดวก แล้วฉันโทรวิดีโอหาอาจารย์จาง แบบนี้พอได้ไหมคะ?” ฉันแกล้งทำเป็นยุ่งมากเพื่อพยายามทำให้ฝ่ายตรงข้ามสับสน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก แล้วก็ตอบฉันอย่างมั่นใจทันที“ผู้เข้าแข่งขันท่านนี้ หวังว่าเธอจะสามารถยืนยันสถานะของตัวเองได้ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีให้ทุกคน อาจารย์จางต้องการพูดคุยรายละเอียดกับเธอเป็นการส่วนตัว

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 338

    “ฉันอายุเท่ากับเธอจริง ๆ นั่นแหละ แต่สิ่งที่ฉันเคยผ่านมานั้น อาจเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน และเหตุผลที่ฉันเลือกทำตัวให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นหน่อย ก็เพราะฉันชอบวิธีการใช้ชีวิตแบบนี้”ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะถามอะไร เขาก็ตอบได้เสมอ ความรู้สึกที่เขามอบให้ฉันคือความเป็นธรรมชาติและสบายใจ ราวกับว่าเขาใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ในตัวของเขา ฉันเห็นเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครเสน่ห์ที่เขามีนั้นเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน นั่นจึงทำให้เขาสามารถดึงดูดฉันได้อย่างลึกซึ้งภายในระยะเวลาอันสั้น และทำให้ฉันไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้เลย ฉันทำได้เพียงเฝ้ามองใบหน้าของเขาอย่างเงียบ ๆ แล้วใช้ช่วงเวลานี้ค่อย ๆ ปลดปล่อยความกังวลที่อยู่ในใจออกไปทีละนิด“วันนี้การแข่งขันเป็นไปได้ด้วยดีไหม? ฉันคิดว่า ด้วยความสามารถของเธอ น่าจะผ่านเข้ารอบได้ไม่ยาก แต่ถ้าต้องการคว้าอันดับที่ดีกว่านี้ เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย”ดูเหมือนเขาไม่ได้มองว่าฉันเก่งขนาดนั้น และฉันเองก็ยอมรับว่าตัวเองยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก แต่คำพูดต่อไปของเขากลับทำให้ฉันรู้สึกตกใจไม่น้อย“การแข่งขันหลายรา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status