แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: เข็มทิศการใช้ชีวิตไปวันๆ
ตกใจ!

ในท้องพระโรงไม่มีใครกล้าขยับตัว เหตุผลไม่ใช่อื่นใด เพราะอำนาจของอ๋องอู่เวยนั้นยิ่งใหญ่มาก!

เขามีอำนาจในการควบคุมกองทัพทั่วอาณาจักร!

และถึงแม้ว่าอวิ๋นฝานจะโง่เขลา แต่เขาก็เป็นถึงฮ่องเต้ ทำให้ขุนนางในท้องพระโรงต่างไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไรดีไปชั่วขณะ!

"อวิ๋นฝาน ไอ้คนเสียสติ!"

เมื่ออวิ๋นเผิงรู้ว่าความลับแตกแล้ว เขาจึงเลิกปิดบัง ยิ้มเย็นพลางลุกขึ้นยืน เผชิญหน้ากับอวิ๋นฝานและเริ่มเยาะเย้ยอย่างไม่เกรงกลัว

"ขึ้นครองราชย์มาแค่สิบสามปี ก็ทำให้ประชาชนทั้งอาณาจักรต้าหมิงต้องทุกข์ยากลำบาก ข้าในฐานะอ๋องอู่เวย รู้สึกเสียใจยิ่ง จึงตัดสินใจปลดฮ่องเต้แต่งตั้งองค์ใหม่!"

"ทหาร เอาตัวน้องชายของข้าลงจากบัลลังก์เดี๋ยวนี้!"

"ใครกล้า!" อวิ๋นฝานทุบเก้าอี้มังกรอย่างแรงแล้วลุกขึ้นยืน

ประจวบเหมาะกับที่ ขันทีน้อยถือดาบหมิงตี้วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ อวิ๋นฝานคิดในใจว่าสวรรค์ช่วยข้าแล้ว เขารับดาบมาและชี้ไปที่อวิ๋นเผิงทันที!

"อ๋องอู่เวย หากเจ้ากล้าก้าวเข้ามาอีกแม้แต่ก้าวเดียว ข้าก็ไม่สนว่าจะถูกตราหน้าว่าฆ่าพี่ชายหรอกนะ!"

"ดาบหมิงตี้!" อวิ๋นเผิงตกใจจนหน้าถอดสี เมื่อเห็นดาบนี้ก็เหมือนกับเห็นฮ่องเต้องค์ก่อน เพราะดาบนี้ใช้สำหรับระงับความวุ่นวายภายในราชวงศ์ เขาจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร!

แต่ไม่นานอวิ๋นเผิงก็สงบสติลงได้ เพราะอวิ๋นฝานเป็นฮ่องเต้ผู้โง่เขลา แล้วเขาจะตื่นตระหนกไปทำไม?

ดาบหมิงตี้นี้ เดิมทีก็เอาไว้เพื่อให้ผู้เป็นอ๋องจัดการสังหารฮ่องเต้อยู่แล้ว!

"ฮ่าๆๆ…ดาบหมิงตี้ นี่น้อง เจ้าต้องการให้ข้าสังหารเจ้าต่อหน้าขุนนางทั้งหมดอย่างนั้นหรือ!"

เมื่อคิดได้ อวิ๋นเผิงก็เผยรอยยิ้มเยาะเย้ย ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเดินไปหาอวิ๋นฝานทีละก้าว!!

เมื่ออวิ๋นฝานเห็นว่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ในท้องพระโรงไม่มีใครกล้าขยับตัว เขาก็ขมวดคิ้วแน่นพร้อมชูดาบหมิงตี้ บารมีที่มองไม่เห็นแผ่ออกมาจากตัวเขา

เขากล่าวย้ำอีกครั้งด้วยสายตาคมกริบ "กุมตัวกบฏผู้นี้ให้ข้าเดี๋ยวนี้!"

ครั้งนี้ กองทหารอวี้หลินเริ่มเคลื่อนไหว แต่กำลังพลมีจำนวนน้อยนิด ไม่ถึงร้อยนายด้วยซ้ำ

อ๋องอู่เวยควบคุมราชสำนักมายาวนาน แล้วอวิ๋นฝานจะยึดอำนาจกลับคืนมาได้ภายในวันเดียวได้อย่างไร?

"ข้าในฐานะขุนนางแห่งอาณาจักรต้าหมิง ขอประกาศว่า ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันโง่เขลาไร้คุณธรรม หากยังปล่อยให้อาณาจักรต้าหมิงตกอยู่ในมือของคนบ้าเช่นนี้ อีกไม่นานคงต้องล่มสลาย!"

"ขุนนางและแม่ทัพทั้งหลาย จงร่วมมือกับข้า กำจัดฮ่องเต้ผู้โง่เขลา ฟื้นฟูความถูกต้องในราชสำนัก คืนอนาคตที่สดใสให้แก่ประชาชนต้าหมิงเรา!"

ทันทีที่อวิ๋นเผิงพูดจบ กองทหารเกราะเหล็กจำนวนมากก็กรูกันออกมาจากทั้งสองข้างของท้องพระโรง แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีการเตรียมการไว้ล่วงหน้านานแล้ว

"อ๋องอู่เวย เจ้าบังอาจนัก!" แววตาของอวิ๋นฝานปรากฎร่องรอยแห่งการสังหาร

ในชาติก่อนอวิ๋นฝานเคยเป็นทหารรับจ้างรอดชีวิตมาได้จากกองซากศพ เมื่อรวมกับบารมีของร่างนี้ ฉับพลันเขาก็สามารถข่มขวัญขุนนางในท้องพระโรงได้ทันที!

แม้แต่อ๋องอู่เวยและอวิ๋นเผิง ผู้ผ่านศึกสงครามมานานกว่ายี่สิบปี ในตอนนี้ก็ยังรู้สึกสะท้านใจจนไม่กล้าสบตากับอวิ๋นฝาน

"เป็นไปไม่ได้! คนบ้าผู้นี้…ไม่ใช่ว่ารู้จักแค่เสพสุขหรอกหรือ…"

"เหตุใดถึงมีสายตาที่น่ากลัวเช่นนี้ได้…"

"ไม่สิ…เขาต้องแค่แสดงออกมาแน่ ใช่ ต้องเป็นเช่นนี้แน่!"

"เขาก็แค่แสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง เขาก็เป็นแค่คนบ้า คงจะกลัวนั่นแหละถึงแสดงออกเช่นนี้!"

"นี่ข้ากลัวคนบ้าคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ!" อ๋องอู่เวยโกรธจนหน้าแดงด้วยความอับอาย

น้องชายไร้ประโยชน์ของเขาคนนี้ ไม่มีทั้งอำนาจและความเคารพรักจากประชาชน แล้วเขาจะกลัวไปทำไม?

"จัดการซะ วันนี้ข้าจะสังหารฮ่องเต้โง่เง่าเพื่อบูชาดวงวิญญาณของฮ่องเต้องค์ก่อน!"

อวิ๋นเผิงชักดาบประจำตัวออกมา พุ่งออกไปโจมอวิ๋นฝานเป็นคนแรก เมื่อคิดจะก่อการกบฏ เขาก็ต้องสังหารอวิ๋นฝานด้วยมือตัวเองเท่านั้น มีเพียงเช่นนี้ ถึงจะทำให้ขุนนางในท้องพระโรงยอมรับได้!

และจะได้จัดการปัญหาวุ่นวายหลังการก่อกบฏได้ง่ายขึ้นอีกด้วย!

ที่สำคัญที่สุด คือต้องไม่ปล่อยให้เชื้อพระวงศ์คนอื่นฉวยโอกาสนี้ไป!

"ไม่เจียมตัว!" อวิ๋นฝานสบถเสียงเย็น ยกดาบขึ้นปัดการโจมตีของอวิ๋นเผิง

จากนั้นเขากดข้อมืออวิ๋นเผิงไว้แล้วใช้มือขวากำหมัดต่อยไปที่แก้มซ้ายของอวิ๋นเผิง!

อวิ๋นเผิงคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นฝานจะดุดันถึงเพียงนี้ ถึงกับใช้หมัดเตะต่อยโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีแห่งราชวงศ์

ด้วยความเร่งรีบ เขาลืมป้องกันตัวจนโดนหมัดเข้าเต็มแก้มซ้าย!

ต้องยอมรับว่าร่างนี้ของอวิ๋นฝานแข็งแรงจริงๆ แม้ร่างเดิมจะใช้ชีวิตเสเพล แต่สภาพร่างกายก็ยังเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป

อวิ๋นเผิงโดนต่อยจนตาพร่ามองเห็นเป็นประกายดาว

อวิ๋นฝานหรี่ตาเล็กน้อย ใช้แรงส่งหมุนตัวเตะอวิ๋นเผิงจนกระเด็นออกไปจากบริเวณบัลลังก์!

"เป็นไปไม่ได้!" อวิ๋นเผิงที่ตกลงไปอย่างน่าสมเพชตะโกนออกมา

"เจ้า…เจ้าก็แค่คนไร้ประโยชน์จะต่อสู้ชนะอ๋องอู่เวยอย่างข้าได้อย่างไร!"

"ไร้ประโยชน์?" อวิ๋นฝานหัวเราะเยาะ

"ข้าคืออวิ๋นฝาน ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรต้าหมิง! วันนี้ข้าคือผู้ครอบครองแผ่นดินนี้ และในอนาคตข้าจะเป็นผู้ครอบครองทั้งใต้หล้า!"

"ส่วนเจ้า พี่ชายที่แสนดีของข้า ในเมื่อเจ้ากล้าคิดการกบฏ ทำลายความหวังของข้าที่มีต่อเจ้า ทำลายความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อเจ้า ความผิดในวันนี้ของเจ้า ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ชดใช้ไม่ได้!"

"โอหังนัก!" อวิ๋นเผิงโกรธจนตัวสั่น เขาฟาดดาบเข้าโจมตีอวิ๋นฝานอีกครั้ง

สายตาของอวิ๋นฝานปรากฎความไม่พอใจ เขาหลบการโจมตีอย่างง่ายดาย ก่อนจะปักดาบกลับไปด้านหลัง

"ฉึก!"

ดาบหมิงตี้แทงทะลุหัวใจ!

อวิ๋นเผิงล้มลงบนพื้นด้วยสีหน้าไม่ยอมรับชะตากรรม

อ๋องอู่เวย ผู้ครองอำนาจในอาณาจักรต้าหมิงมายาวนานกว่ายี่สิบปี ต้องจบชีวิตลงอย่างไร้เกียรติ

เมื่ออวิ๋นเผิงตาย ทหารเกราะเหล็กที่ล้อมตัวอวิ๋นฝานไว้เพื่อสังหารถึงกับชะงักไป ไม่รู้จะถอยหรือรุกต่อดี

"กุมตัวพรรคพวกของอวิ๋นเผิงให้หมด!"

"ส่วนทหารที่ถูกบังคับให้เข้าร่วมกบฏ ข้าจะไม่เอาโทษ!"

ทันทีที่อวิ๋นฝานกล่าวคำนี้ ทหารเกราะเหล็กที่ยังลังเลก็หันกลับไปจับกุมผู้บังคับบัญชาของพวกเขาเองทันที

แต่ก็ยังมีพวกกบฏที่จงรักภักดี ยอมสู้รบกับกองทหารอวี้หลินเพื่อปกป้องเจ้านายของพวกเขา

ท้องพระโรงตกอยู่ในความวุ่นวาย!

เมื่อกองทหารอวี้หลินเห็นทหารเกราะเหล็กก็สังหารทันที ส่วนทหารเกราะเหล็กเองก็แตกเป็นสองฝ่ายและสู้กันเองอย่างชุลมุน

ส่วนขุนนางในท้องพระโรง ต่างพากันหลบอยู่หลังเสาแกะสลักลายมังกรทองด้วยความหวาดกลัว!

ส่วนแม่ทัพของต้าหมิงก็แบ่งออกเป็นฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้และฝ่ายอ๋องอู่เวย เข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด แม้แต่แม่ทัพวัยแปดสิบกว่าปีก็ยังชักดาบออกมาต่อสู้!

อวิ๋นฝานยืนอยู่หน้าบัลลังก์ มองดูเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้าอย่างเย็นชา เหอะ ก็ให้ความวุ่นวายครั้งนี้เป็นก้าวแรกของการปฏิวัติราชสำนักเถอะ!

"ตึงตึงตึง!"

ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้กำลังจะพ่ายแพ้ เสียงกองทัพเดินขบวนอย่างเป็นระเบียบก็ดังมาจากนอกท้องพระโรง

มู่ซือหลิงนำกองทัพพิทักษ์เมืองสองกองมาถึงแล้ว!

"กุมตัวพรรคพวกของอ๋องอู่เวยไว้ให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!"

มู่ซือหลิงออกคำสั่งเสียงเย็น และเสียงร้องโหยหวนก็ดังสะท้อนไปทั่วท้องพระโรง

เมื่อเห็นเช่นนี้ อวิ๋นฝานก็รู้สึกโล่งใจ และนั่งลงบนบัลลังก์อย่างสบายใจ

ภายใต้การนำของมู่ซือหลิง ไม่นานกองทัพพิทักษ์เมืองทั้งสองกองก็สามารถควบคุมพรรคพวกของอ๋องอู่เวยไว้ได้ทั้งหมด

และในตอนนี้ มู่ซือหลิงก็คุกเข่าลงต่อหน้าอวิ๋นฝานด้วยสีหน้าตื่นเต้น

"กระหม่อมแม่ทัพมู่ซือหลิง ได้จับกุมกบฏทั้งหมดไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!"

"ขอฝ่าบาททรงออกคำสั่งด้วย!"

"ทำได้ไม่เลว ข้าพอใจมาก!"

อวิ๋นฝานยิ้มมุมปากเล็กน้อย มู่ซือหลิงเห็นดังนั้นจึงคิดว่าอวิ๋นฝานยังคงหลงระเริงในความสำเร็จ

เขารีบกล่าวเตือน "ฝ่าบาท ข้าน้อยขอเสนอให้ประหารกบฏทั้งหมด จากนั้นค่อยปลอบโยนตระกูลผู้สนับสนุนเบื้องหลัง เพื่อให้ราชสำนักสงบสุขพ่ะย่ะค่ะ…"

"กบฏทุกคน ไม่ว่าจะมียศตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน ให้ประหารเก้าชั่วโคตร!" อวิ๋นฝานออกคำสั่งก่อนที่มู่ซือหลิงจะพูดจบ

มู่ซือหลิงมองหน้าอวิ๋นฝานอย่างตกตะลึง พูดจาติดขัด "แต่…แต่…แต่เช่นนี้อาจทำให้ตระกูลผู้สนับสนุน…"

"ไม่มีแต่!"

อวิ๋นฝานตบเก้าอี้มังกรอย่างแรง เสียงตวาดของเขาทำให้มู่ซือหลิงถึงกับตัวสั่น

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 3

    มู่ซือหลิงมองหน้าอวิ๋นฝานอย่างตกตะลึง พูดจาติดขัด "แต่…แต่…แต่เช่นนี้อาจทำให้ตระกูลผู้สนับสนุน…""ไม่มีแต่!"อวิ๋นฝานตบเก้าอี้มังกรอย่างแรง เสียงตวาดของเขาทำให้มู่ซือหลิงถึงกับตัวสั่น!เขารีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว "พ่ะ…พ่ะย่ะค่ะ!"มู่ซือหลิงพูดจบก็รีบออกจากท้องพระโรง เพื่อสั่งการให้ทหารยึดทรัพย์สินของกบฏและจับกุมทุกคนในตระกูลของพวกเขา"นี่…" ทหารที่ได้รับคำสั่งต่างมองหน้ากัน เพราะคำสั่งนี้อาจทำให้คนหลายหมื่นคนต้องเสียหัวแถมทั้งหมดยังเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงของอาณาจักรต้าหมิงอีกด้วย!"ยังไม่รีบไปอีก! หรือพวกเจ้าก็อยากเสียหัวเหมือนกัน?" มู่ซือหลิงขมวดคิ้วตะคอกด้วยเสียงเย็นชาทหารจึงเริ่มปฏิบัติการ และวันนั้นก็กลายเป็นหัวข้อที่ทั้งราชสำนักต้าหมิงไม่มีใครกล้าพูดถึงอีก…ทั้งท้องพระโรงเต็มไปด้วยความเละเทะขุนนางฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้ที่รอดชีวิตถูกบารมีของอวิ๋นฝานกดดันจนต้องคุกเข่ากับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะออกเสียงส่วนขุนนางฝ่ายอ๋องอู่เวยถึงกับนั่งทรุดลงกับพื้น น้ำเลือดน้ำหนองไหลเปรอะไปทั่วพื้นและบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ ในที่สุดก็ถูกทำลายลงด้วยคำสั่งของอวิ๋นฝาน "สังหารเดี๋ยวนี้!"เพี

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 4

    หลิงหงเซวียนชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่คาดคิดว่าอวิ๋นฝานจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้อวิ๋นฝานแอบหัวเราะเย็นในใจ ตระกูลหลิงเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรต้าหมิง และหลิงหงเซวียนก็เป็นหัวหน้าตระกูล การมาเยือนในยามวิกาลเช่นนี้จึงมีจุดประสงค์ที่เห็นชัดเจนหลิงหงเซวียนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนกล่าวเตือนด้วยเสียงหนักแน่น"ฝ่าบาท กระหม่อมมาที่นี่เพื่อเรื่องของตระกูลขุนนางจริงพ่ะย่ะค่ะ…""ถ้าเช่นนั้นก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว"อวิ๋นฝานยกถ้วยชาขึ้นจิบเบาๆ "เสี่ยวลิ่วจื่อ ไปส่งใต้เท้าหลิงออกจากวังซะ!""เจ้า!"หลิงหงเซวียนมองอวิ๋นฝานอย่างไม่อยากเชื่อ ดวงตาของเขาปรากฏแววอาฆาตขึ้นเล็กน้อย"ฝ่าบาท…ตอนที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ ตระกูลหลิงได้ช่วยเหลือพระองค์ไว้ไม่น้อยนะพ่ะย่ะค่ะ…"หลิงหงเซวียนยกมือคำนับ พยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายบรรพบุรุษตระกูลหลิงคือหลิงป้าเทียน แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ในยุคก่อตั้งอาณาจักรต้าหมิง หลิงป้าถียนเป็นบุคคลระดับตำนานที่รับใช้ฮ่องเต้มาถึงห้ารัชกาลและด้วยเหตุนี้ ตระกูลหลิงจึงแผ่ขยายอำนาจในอาณาจักรต้าหมิงมาได้นานถึงสามร้อยปีแม้แต่ในทุกการแย่งชิงราชบัลลังก์ในแต่ละสมัย ก็สามาร

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 5

    เก้ามณฑลทางตอนเหนือถูกตระกูลขุนนางหลายตระกูลควบคุม พื้นที่กว่าเก้าส่วนตกอยู่ในมือของนายทุน เกษตรกรจำนวนมากต้องกลายเป็นชาวนาเช่าที่แม้แต่ในปีที่เก็บเกี่ยวได้ผลผลิตได้ดี ก็ยังมีคนอดตายตามท้องถนนนับไม่ถ้วน!ที่สำคัญกว่านั้น ตระกูลขุนนางเหล่านี้ยังไม่จ่ายภาษีด้วย!แต่ราชสำนักกลับต้องจัดสรรเงินให้เก้ามณฑลทางเหนือทุกปี"นี่มันคือเนื้อร้ายชัดๆ!"เมื่ออวิ๋นฝานอ่านฎีกาจบ เขากำหมัดแน่นก่อนทุบลงบนโต๊ะเคลือบทองอย่างแรง"เพราะไอ้พวกแมลงกินแผ่นดินพวกนี้แหละ ที่ทำให้อาณาจักรต้าหมิงเราตกต่ำถึงเพียงนี้!"เสี่ยวลิ่วจื่อที่ยืนอยู่ด้านหลังอวิ๋นฝานไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่เทชาให้อวิ๋นฝานเรื่อยๆ"เสี่ยวลิ่วจื่อ ไปเรียกอ๋องเซียวเหยามาพบข้า!"…จวนอ๋องเซียวเหยาอ๋องเซียวเหยา อวิ๋นซวิ้น หนึ่งในสามเชื้อพระวงศ์อ๋องผู้ทรงอิทธิพล"ท่านอ๋อง เชิญลองชิมชาหลงหลิงที่กระหม่อมนำมาฝากดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ"หากมีคนนอกอยู่ที่นี่ คงจะตกตะลึงจนอ้าปากค้างแน่หัวหน้าตระกูลหลิงผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีอำนาจสูงรองจากฮ่องเต้ กลับแสดงท่าทีเคารพต่ออ๋องเซียวเหยาผู้ที่ถูกคนมองว่าไร้ประโยชน์ที่สุดในบรรดาเชื้อพระวงศ์อ๋องทั้งสาม!"อืม หอมด

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 6

    มู่ซือหลิงค้อมตัวเล็กน้อยก่อนตอบ "กราบทูลฝ่าบาท กองทัพหนึ่งแสนห้าหมื่นนายได้โอนย้ายไปอยู่ใต้การบังคับบัญชาของตู้จื่อหมิงทั้งหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ""ทำได้ไม่เลว!"อวิ๋นฝานพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนหันกลับไปมองที่ตู้จื่อหมิงอีกครั้ง"ข้าขอถามเจ้า เจ้า จงรักภักดีต่อข้าหรือไม่?"ชั่วขณะนั้น ดวงตาของอวิ๋นฝานดุดันอย่างยิ่ง ราวกับสามารถมองทะลุจิตใจและล่วงรู้สิ่งที่คิด!"กระหม่อมยินดีพลีชีพเพื่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!"แม้หลังของตู้จื่อหมิงจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น แต่ดวงตาของเขากลับซื่อตรง ไม่เห็นถึงความหวั่นเกรงใดๆ"ดี!"แววตาของอวิ๋นฝานฉายแววชื่นชม "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จงรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แทนมู่ซือหลิงและบังคับบัญชากองทัพหนึ่งแสนห้าหมื่นนายเถิด!""ฝ่ะ…ฝ่าบาท เช่นนี้คงไม่เหมาะสมกระมังพ่ะย่ะค่ะ"ตู้จื่อหมิงแสดงท่าทางลังเล พลางแอบมองมู่ซือหลิงที่อยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ"ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม"อวิ๋นฝานพูดด้วยน้ำเสียงสงบ "ตกลงตามนี้ เจ้าออกไปก่อนเถิด""พ่ะย่ะค่ะ"ตู้จื่อหมิงไม่กล้าขัดคำสั่ง ถอยหลังสามก้าวก่อนจะเดินออกจากตำหนักบรรทม"ฝ่าบาท กระหม่อมทำอะไรผิดพลาดไปหรือพ่ะย่ะค่ะ?"มู่ซือหลิ

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 7

    ซูหว่านซินกัดฟันแน่น พูดพลางนางก็ถอดเสื้อชั้นในชิ้นสุดท้ายออก"เจ้ากำลังขู่ข้าหรือ?!"อวิ๋นฝานเริ่มโมโห เขาเกลียดการถูกข่มขู่เป็นที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนที่ขู่เขาเป็นผู้หญิงด้วย!"ในเมื่อเจ้าเร่งเร้าเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว!"อวิ๋นฝานก้าวยาวๆ ไปอุ้มซูหว่านซินที่คุกเข่าอยู่ขึ้นมาแล้วโยนลงบนเตียงซูหว่านซินร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่ไม่นานก็หลับตาเหมือนจะยอมจำนนต่อชะตากรรมเมื่อสามปีก่อน นางถูกส่งเข้าวังเพราะความขัดแย้งระหว่างตระกูลซูและตระกูลหลิง แต่เนื่องจากตระกูลซูพ่ายแพ้ นางจึงไม่ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิเลย จนกระทั่งวันนี้ความปรารถนาของนางก็เป็นจริงเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ร่างเดิมของอวิ๋นฝานแม้จะเคยเสเพลมาก่อน แต่หลังจากพักฟื้นไม่กี่วัน เขาก็มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะออกศึกอีกได้อย่างน้อยก็เพียงพอที่จะจัดการกับหญิงสาววัยสิบแปดปีที่กำลังอยู่ในช่วงเบ่งบานได้"ฟู่"อวิ๋นฝานใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว มองดูซูหว่านซินที่ยังนอนอยู่บนเตียงหยกทอง อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่านางช่างเป็นหญิงงามที่แท้จริงแม้ว่าซูหว่านซินจะอายุเพียงสิบแปดปี แต

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 8

    เช้าวันถัดมา อวิ๋นฝานซึ่งในสายตาของผู้อื่นคือฮ่องเต้ผู้โง่เขลา ได้เรียกประชุมขุนนางช่วงเช้าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์!"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี…"เมื่อเทียบกับหลายวันก่อน วันนี้จำนวนขุนนางที่มาประชุมลดลงถึงสองในสามที่เหลือส่วนใหญ่เป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อตระกูลหลิง หรือไม่ก็เป็นขุนนางทั่วไปที่ไม่มีความสำคัญอะไร"หากมีฎีกาก็กราบทูล หากไม่มีก็ให้เลิกประชุม!"เสี่ยวลิ่วจื่อดูตื่นเต้นแต่ก็กังวลเล็กน้อยขณะตะโกนเสียงดังในท้องพระโรงนี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวลิ่วจื่อตะโกนประกาศและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ขุนนางหลายคนถูกอวิ๋นฝานเรียกตัวมาประชุมในช่วงเช้าเช่นกันตามปกติ อาณาจักรต้าหมิงจะจัดประชุมขุนนางทุกสิบวันหลังรออยู่นานแต่ไม่มีขุนนางคนใดกล่าวอะไร อวิ๋นฝานจึงเริ่มพูดเอง"ในเมื่อขุนนางทั้งหลายไม่มีเรื่องจะรายงาน เช่นนั้นข้าจะประกาศบางเรื่องเอง!"เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊เบื้องล่างหน้าถอดสี หรือนี่จะเกี่ยวกับการกบฏของอ๋องอู่เวยหรือไม่?"เมื่อหลายวันก่อน พี่ชายแท้ๆ ของข้า อ๋องอู่เวย อวิ๋นเผิง ได้ก่อกบฏอย่างโจ่งแจ้งท่ามกลางการประชุมขุนนาง!""แม้การกบฏ

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 9

    ..."มู่ซือหลิง ทำได้ดีมาก ข้าพอใจยิ่งนัก!"อวิ๋นฝานคลุมผ้าขาวกลับไปบนศีรษะของพระสนมจาง หันกลับมามองมู่ซือหลิงด้วยรอยยิ้ม "มู่ซือหลิง เจ้าจงจำไว้ ข้าสนแค่ผลการทำงานขององครักษ์เงา ส่วนเรื่องวิธีการและกระบวนการ ข้าไม่สนใจ""เข้าใจหรือไม่?"มู่ซือหลิงรีบก้มศีรษะคำนับตอบทันที "กระหม่อมจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะ!"อวิ๋นฝานพยักหน้าพอใจ ก่อนเดินออกจากตำหนักพระสนมจางต่อจากนี้ ก็ถึงตาเขาแสดงแล้ว!เช้าวันต่อมา มู่ซือหลิงประกาศว่าพระสนมจางสมคบคิดกับกบฏอ๋องอู่เวย พร้อมนำ "หลักฐาน" ออกมาแสดง ขุนนางเฒ่าจางวิ่งเอาหัวชนเสาหินในท้องพระโรงจนเสียชีวิตด้วยความคับแค้นใจ!บ่ายวันเดียวกัน มู่ซือหลิงได้นำกองทหารอวี้หลินสามพันนายล้อมจวนตระกูลจางและกิจการทั้งหมดของเขาในเมืองหลวงไว้!แต่ยังไม่ทันที่อวิ๋นฝานจะสั่งยึดทรัพย์ พระสนมฉวี่ ผู้ที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพระสนมจาง ก็เสียชีวิตลงอย่างปริศนาในยามค่ำคืน!"มู่ซือหลิง เจ้ากระทำการรีบร้อนเกินไปหน่อยหรือไม่?"อวิ๋นฝานนั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย มองมู่ซือหลิงที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นมู่ซือหลิงมีสีหน้าเคร่งเครียด ตอบว่า "ฝ่าบาท การลอบสังหารครั้งนี

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 10

    "เตรียมก่อกบฏงั้นหรือ?"อวิ๋นฝานหัวเราะ "เป็นไปตามที่ข้าต้องการพอดีเลย!"มู่ซือหลิงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนถามออกมาตามสัญชาตญาณ "หมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ""มู่ซือหลิง เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าแค่การใส่ร้ายป้ายสีจะสามารถกวาดล้างเหล่าตระกูลขุนนางทั้งหมดได้?"อวิ๋นฝานลงจากเตียง เดินออกไปยังลานด้านนอก มู่ซือหลิงรีบเดินตามไป "โปรดประทานอภัยที่กระหม่อมสมองทึบ กระหม่อมไม่สามารถคิดหาวิธีที่สองได้เลยพ่ะย่ะค่ะ""ไม่มีวิธีที่สองอะไรหรอก"เขายืนอยู่กลางลาน สายลมอ่อนๆ พัดชุดนอนของอวิ๋นฝานปลิวไสว "ถ้าจะพูดว่ามี ก็คงมีแค่ใช้กำลังอย่างเดียว!""นี่..."มู่ซือหลิงอึ้งไป ก่อนพูดออกมาอย่างลำบากใจ "ฝ่าบาท...นี่อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใดนัก"อวิ๋นฝานหัวเราะเบาๆ "มีอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือ?""กระหม่อมคิดว่าอาณาจักรต้าหมิงของเราตอนนี้ก็เต็มไปด้วยปัญหาทั้งภายในและภายนอกอยู่แล้ว หากมีสงครามกลางเมืองขึ้นอีก เกรงว่า...""เกรงว่าอะไร?"อวิ๋นฝานจ้องมองมู่ซือหลิงที่โค้งตัวลงต่ำด้วยดวงตาคมกริบ มู่ซือหลิงกลืนน้ำลาย "เกรงว่า...เกรงว่าอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้พ่ะย่ะค่ะ..."มู่ซือหลิงตั้งใจจะพูดถึ

บทล่าสุด

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 40

    "ท่านแม่ทัพหู พวกเราควรทำอย่างไร?"หูอู่จื่อกลืนน้ำลายอย่างลำบาก จะทำอย่างไรน่ะหรือ? เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!ตั้งแต่อ๋องอู่เวยควบคุมกองทัพทั่วประเทศ เขาก็ไม่เคยต้องออกรบอีกเลย ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้ป้องกันเมืองก็ยิ่งไม่เคยทำ!หูอู่จื่อสูดลมหายใจเข้าลึก เขารู้ตัวว่านี่คือภารกิจสำคัญในยามวิกฤติ มีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น คือเอาชนะเผ่าม่านหรือพ่ายแพ้พร้อมความตาย"กู่ฉวี่ ข้าขอสั่งเจ้านำกองทัพหนึ่งแสนขึ้นไปป้องกันบนกำแพงเมือง พร้อมทั้งอุปกรณ์ป้องกันเมืองทั้งหมด!"หูอู่จื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ขณะนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปยังช่วงเวลาที่เขายังหนุ่ม "ส่วนตัวข้าจะนำกองทัพออกไปปราบกบฏตระกูลหลิงด้วยตนเอง!"…ในเวลาเดียวกัน ณ ตำหนักบรรทม เมืองหลวงอวิ๋นฝานกำลังหารือเรื่องสำคัญร่วมกับสี่ขุนนางคนสนิท ได้แก่ มู่ซือหลิง ตู้จื่อหมิง เฉินเฟิง และซูลี่เหวินแม้ว่าจะมีการแต่งตั้งหกกรมแล้ว แต่ขุนนางคนสนิทที่อวิ๋นฝานไว้วางใจจริงๆ ก็ยังมีเพียงสี่คนนี้โดยเฉพาะมู่ซือหลิง ซึ่งเป็นผู้ดูแลหออันอี้ที่รับผิดชอบด้านความสงบเรียบร้อยและข่าวกรองในเมืองหลวง"ฝ่าบาท กระหม่อมได้ติดต่อกองทัพสองแสนท

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 39

    อวิ๋นซวี่ในฐานะเจ้าชายของราชวงศ์ต้าหมิง ไหนเลยจะยอมแพ้ง่ายๆ เขากัดฟัน ปล่อยดาบออกจากมือ กำหมัดพุ่งเข้ากระแทกหน้าอกของต้วนเนี่ยนโดยตรง!ต้วนเนี่ยนคาดไม่ถึงว่าอวิ๋นซวี่จะห้าวหาญถึงเพียงนี้ จึงลืมตั้งรับไปชั่วขณะ เป็นเหตุให้อวิ๋นซวี่ถูกดาบแทง ส่วนต้วนเนี่ยนก็ถูกหมัดอัดไปเต็มแรง ทั้งสองถอยหลังออกจากกัน"ตึก ตึก ตึก..."เสียงฝีเท้าของทหารกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเข้าล้อมรอบทั้งสองไว้ อวิ๋นซวี่กวาดตามองอย่างเย็นชา เห็นตัวอักษร "หลิง" ที่หมวกเกราะของพวกนั้นก็พลันอุทานขึ้นมา "พวกแกคือพวกกบฏตระกูลหลิง!""ไอ้แก่ ฝีมือใช้ได้ทีเดียวหนิ!"ต้วนเนี่ยนไม่สนใจอวิ๋นซวี่แม้แต่น้อย เอ่ยขึ้นเองว่า "นี่ข้าแค่ใช้พลังไปแปดส่วนเท่านั้น!"อวิ๋นซวี่หรี่ตาลงเล็กน้อย โกรธจัดในใจ "ไอ้เด็กปากดี เจ้ากล้าพูดโอหังเช่นนี้ ไม่กลัวลิ้นถูกตัดลิ้นหรือไร!"อวิ๋นซวี่พูดจบก็เงื้อดาบพุ่งเข้าใส่ทันที ต่อให้แขนขวาถูกดาบแทง หรือแม้แขนขวาทั้งแขนจะถูกตัด เขาก็ยังกล้าถือดาบเข้าฟาดฟัน!นี่แหละคือความแตกต่างระหว่างนักสู้ในยุทธภพและทหารในสมรภูมิต้วนเนี่ยนยกดาบยักษ์ที่ห่อด้วยผ้าขึ้นมาถือในมืออย่างนิ่งสงบ แล้วฟันเข้าใส่อวิ๋นซวี่อย่างแรง!

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 38

    เพราะอวิ๋นซวี่ได้แจ้งกับกองกำลังป้องกันภายในของด่านทางใต้ไว้แล้ว หูอู่จื่อจึงสามารถนำทัพเข้าสู่ด่านทางใต้ได้อย่างง่ายดายหลังจากเข้ามาในด่านทางใต้ได้ เขาก็ไม่ทันได้จัดระเบียบกองทัพ รีบรุดไปพบอวิ๋นซวี่เพียงลำพังเมื่อเขาได้ยินว่าอวิ๋นซวี่ขึ้นไปตีกลองศึกบนกำแพงเมืองด้วยตัวเอง เขาก็อดประหลาดใจไม่ได้ หรือราชวงศ์ต้าหมิงทุกคนจะดุดันถึงเพียงนี้?"แม่ทัพหูอู่จื่อ ขอคารวะท่านอ๋อง!"หูอู่จื่อมีใบหน้ามอมแมมด้วยฝุ่น เกราะของเขาก็ชำรุดจากการเดินทาง แต่อวิ๋นซวี่ยังคงตีระฆังศึก หูอู่จื่อคิดว่าอวิ๋นซวี่ไม่ได้ยิน จึงกล่าวซ้ำอีกครั้ง"แม่ทัพหูอู่จื่อ ขอคารวะ…""ข้าได้ยินแล้ว!"อวิ๋นซวี่มีดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดที่หน้าผากปูดโปน ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง"กู่ฉวี่!""พาแม่ทัพหูไปพักผ่อน!""กระหม่อมยังไหว!"อวิ๋นซวี่เหวี่ยงไม้ตีกลองเร็วขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะทำลายกลองทั้งใบ กู่ฉวี่ไม่กล้าชักช้า แต่ด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของอวิ๋นซวี่ จึงสั่งให้ทหารล้อมรอบเขาไว้"ตึง!"เสียงดังสนั่นลั่นขึ้น กลองยักษ์สูงห้าเมตรที่ทำจากหนังวัว ถูกอวิ๋นซวี่ตีจนแตก!หูอู่จื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ แอบกลืนน้ำลาย รู้สึกเลือดลมสูบฉีด

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 37

    ในที่สุดต้วนเนี่ยนก็ขมวดคิ้ว "หัวหน้าตระกูลหลิง ข้าคิดว่าชีวิตของเจ้าเมืองใต้ไม่น่าจะเทียบกับวิชาสวรรค์เคลื่อนฟ้าได้แต่หากท่านกล้ารับรองว่าหลังจากที่ข้าสังหารเจ้าเมืองใต้แล้ว ท่านจะมอบวิชาสวรรค์เคลื่อนฟ้าให้ ข้าก็ตกลง!""ข้ารับรอง" หลิงหงเซวียนกล่าวด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต ก่อนพึมพำกับตัวเอง "เจ้าเมืองใต้ ตาเฒ่านั่นไม่คุ้มค่า แต่ด่านทางใต้นั้นคุ้ม!"หลิงหงเซวียนยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่กลับพบว่าต้วนเนี่ยนที่อยู่ด้านหลังได้หายตัวไปแล้ว"เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ"หลิงหงเซวียนส่ายศีรษะก่อนหันมองด้วยสายตาคมกริบ "ปาคู่!""ขอรับ!"ชายร่างใหญ่ชาวม่านใต้ ผิวสีคล้ำ ก้าวออกมาจากความมืด "หัวหน้าตระกูลหลิง มีอะไรจะสั่งขอรับ?"ชายร่างใหญ่พูดภาษาจงหยวนได้อย่างตะกุกตะกัก แต่หลิงหงเซวียนกลับไม่ได้ใส่ใจ "ไปบอกฮ่องเต้ของพวกเจ้าให้เตรียมเปิดศึกใหญ่โจมตีด่านทางใต้!""ขอรับ!"ชายร่างใหญ่ถอยกลับไป สายตาของหลิงหงเซวียนยังคงจับจ้องไปที่ค่ายของกองทัพหูอู่ในระยะไกล ดวงตาแดงก่ำ ความอาฆาตพุ่งพล่านจนแทบมองเห็นเป็นรูปร่าง…วันถัดมา ทหารในกองทัพของหูอู่จื่อที่ติดโรคระบาดยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ หูอู่

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 36

    ขณะที่ทหารด่านทางใต้กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดในสนามรบ ที่หมู่บ้านซิงเถียนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น ก็มีกำลังพลสองแสนนายกำลังรวมตัวกันก่อนหน้านี้ไม่นาน หูอู่จื่อได้รับจดหมายจากตู้จื่อหมิง แม้เขาจะมีคนสนิทที่ให้แฝงตัวอยู่ในเมืองหลวง แต่เขาก็เลือกที่จะจับตาดูสถานการณ์ก่อนจนกระทั่งอวิ๋นฝานประกาศพระราชโองการไปทั่วทั้งแผ่นดิน หูอู่จื่อจึงตัดสินใจสนับสนุนด่านทางใต้ส่วนเกาจื๋อกับซวี่เหวิน สองคนนี้ได้กลายเป็นวิญญาณใต้คมดาบของหูอู่จื่อไปนานแล้วกองทัพสองแสนที่อยู่ภายใต้การบัญชาของเขาในตอนนี้ ส่วนใหญ่เป็นอดีตกองทัพของคนทั้งสอง มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นทหารใหม่พูดได้เต็มปากเลยว่า นี่คือกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนทางใต้"เคลื่อนทัพ!"หูอู่จื่อโบกมือแล้วกระโดดขึ้นบนหลังม้าศึกของเขาก่อนจะพุ่งทะยานออกไป กองทัพสองแสนคนด้านหลังเขาก็เริ่มเคลื่อนพลในเส้นทางที่ยาวหลายสิบกิโลเมตรเส้นทางในเขตทางใต้เต็มไปด้วยภูเขาสูงชันและหลุมบ่อซับซ้อน ด้วยความเร็วของหูอู่จื่อ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองวันกว่าจะไปถึงด่านทางใต้คืนนั้น ที่ค่ายของกองทัพหูอู่กลุ่มคนชุดดำกลุ่มหนึ่งถือสิ่งของบางอย่าง เดินอย่

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 35

    "ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา ซูลี่เหวินเคยเป็นขุนนางผู้กระทำผิด แต่เนื่องด้วยเขาขยันขันแข็ง ซื่อสัตย์สุจริต จึงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีว่าการกรมมหาดไทย!"ตำแหน่งเสนาบดีว่าการกรมมหาดไทยมีหน้าที่ควบคุมข้าราชการทั่วทั้งแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้าย เลื่อนตำแหน่ง หรือปลดออกจากตำแหน่ง ล้วนต้องรายงานต่อกรมมหาดไทย"ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!""ตู้จื่อหมิง รับพระราชโองการ!""กระหม่อมขอน้อมรับพระราชโองการด้วยความเคารพพ่ะย่ะค่ะ!""แม่ทัพตู้จื่อหมิง แม้จะเคยเป็นขุนนางในกลุ่มกบฎอู่เวย แต่ด้วยไม่ได้มีส่วนร่วมในการก่อกบฏ และยังมีจิตใจภักดีต่อต้าหมิง ทั้งยังปราบกบฏในเมืองหลวงถึงสองครั้ง มีคุณความชอบมากกว่าความผิด จึงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีว่าการกรมกลาโหม!""ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"ตู้จื่อหมิงคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นเขาเคยคิดว่าการปฏิรูปครั้งนี้อาจช่วยให้เขาได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะได้เลื่อนถึงขั้นเป็นเสนาบดีว่าการกรมกลาโหมในคราวเดียวเช่นนี้!"ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 34

    ซูหว่านซินหน้าแดงจัดด้วยความเขินอาย สายตาเลิ่กลั่กหลบหลีก ขณะที่หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะนางรู้สึกเหมือนนางกำนัลและขันทีในสวนดอกไม้ต่างกำลังจับจ้องมาที่นางด้วยความอาย นางพยายามใช้มือดันอวิ๋นฝานให้ออกไป แต่เพราะแรงน้อยเกินไป ทำให้อวิ๋นฝานเข้าใจผิดว่านางกำลังออดอ้อนอวิ๋นฝานดีใจยกใหญ่ เขาคิดว่าหญิงสาวในยุคนี้ช่างไร้เดียงสา เพียงคำหวานเรียบง่ายก็ทำให้พวกนางพอใจได้"หว่านเอ๋อร์ คืนนี้รอข้ากลับมานะ"อวิ๋นฝานรีบใช้โอกาสนี้ จูบหน้าผากซูหว่านซินอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะหลบออกไปทันทีโดยไม่รอให้นางได้ตั้งตัวซูหว่านซินยืนนิ่งมองตามหลังอวิ๋นฝานอยู่นานกว่าจะได้สติ ความรู้สึกหลากหลายตีวนในใจ...ฝ่าบาทเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะยังเจ้าชู้ไม่เปลี่ยน...อวิ๋นฝานเปลี่ยนเป็นฉลองพระองค์เต็มยศ แล้วหันไปบอกเสี่ยวลิ่วจื่อที่อยู่ข้างๆ ว่า "แจ้งเหล่าขุนนางทุกคนว่าข้าจะจัดประชุมขุนนางเช้า!"เสี่ยวลิ่วจื่อไม่กล้าขัด รีบเดินออกจากตำหนักบรรทมไปแจ้งข่าวกับเหล่าขุนนางทันทีเวลานี้ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูงเกือบครึ่งฟ้าแล้ว ซึ่งเลยเวลาประชุมเช้าไปนานแล้ว แต่ตอนนี้อวิ๋นฝานมิใช่คนเดิมอีกต่อไป ราชสำนักทั้งปวงอยู่ในกำ

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 33

    เช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นฝานรู้สึกสดชื่นแจ่มใสในระหว่างการต่อสู้เมื่อคืนที่ผ่านมา อวิ๋นฝานฉวยโอกาสสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวของหญิงสาวเย้ายวนคนนี้เจิ้งจี อดีตสนมที่เป็นที่โปรดปรานที่สุดของตัวเขาในอดีตตัวนางเป็นผลผลิตจากการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรต้าจ้าวที่พ่ายแพ้สงครามกับอาณาจักรต้าหมิงเมื่อสิบกว่าปีก่อนในช่วงที่ราชสำนักต้าหมิงยังไม่เสื่อมโทรม เคยมีขุนนางอาวุโสหลายคนเตือนให้เขาในอดีตอยู่ให้ห่างจากเจิ้งจีแต่ร่างเดิมซึ่งเป็นผู้หลงใหลในตัณหา กลับฟังเจิ้งจีทุกอย่าง แม้แต่การเสื่อมโทรมลงของราชสำนักต้าหมิงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีความเกี่ยวพันกับนาง"ฝ่าบาท..."เสียงที่อ่อนโยนและเย้ายวนของเจิ้งจีดังแผ่วผ่านเข้าหูของอวิ๋นฝาน ลมหายใจอุ่นๆ ของนางทำให้เขารู้สึกจักจี้ที่หูในขณะนี้ อวิ๋นฝานเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าอะไรคือ "ลมจากหมอนข้าง""ที่รัก เจ้าตื่นแล้วหรือ?"แม้อวิ๋นฝานจะมองด้วยสายตาเอ็นดู แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความคิดที่จะฆ่าต่อให้นางจะงดงามเพียงใด ก็ต้องมีชีวิตอยู่ถึงจะได้ชื่นชมความงามนั้น!"ฝ่าบาท~ หม่อมฉันมีคำขอหนึ่งที่อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไร..."ดวงตาของเจิ้งจี

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 32

    หลิงหงเซวียนหน้าแดงด้วยความโกรธ ขบฟันแน่นขณะข่มขู่อวิ๋นฝานอย่างดุร้ายว่า "เจ้าบ้าอวิ๋น! ข้าขอเตือนให้เจ้าปล่อยข้าไป ถ้าลูกศิษย์และลูกหลานข้ารู้ว่าข้าตายแล้ว เจ้าคงรักษาแผ่นดินต้าหมิงเอาไว้ไม่ได้แน่!"เมื่ออวิ๋นฝานได้ยินดังนั้น สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไป หลิงหงเซวียนเห็นดังนั้นก็คิดว่าอีกฝ่ายกลัว จึงยิ่งเยาะเย้ยหนักขึ้น"เจ้าบ้าอวิ๋น ไม่สู้เจ้ายอมสยบให้ข้าดีกว่า รอให้ข้าพิชิตแผ่นดินได้ ข้าอาจแต่งตั้งให้เจ้าก็ได้เป็นอ๋องต่างแซ่ ฮ่าฮ่าฮ่า…""ตายซะ!"อวิ๋นฝานคำรามต่ำ เอาดาบหมิงตี้ในมือแทงตรงไปที่หลิงหงเซวียน เสียงหัวเราะของหลิงหงเซวียนหยุดชะงักทันที เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวอย่างไร้สิ้นสุด!"เคร้ง!"แต่สิ่งที่ทำให้อวิ๋นฝานขุ่นเคืองคือ หลิงหงเซวียนราวกับได้รับความช่วยเหลือจากภูติผี ในสถานที่รกร้างเช่นนี้ ดาบหมิงตี้กลับถูกดาบหักเล่มหนึ่งปัดกระเด็นออกไปได้อวิ๋นฝานกำลังจะควบม้าพุ่งไปเพื่อเหยียบหลิงหงเซวียนให้ตาย แต่ทันใดนั้นเงาดำร่างหนึ่งก็พุ่งผ่านไป ต่อมาอวิ๋นฝานก็รู้สึกตาพร่ามัว เมื่อมองดูอีกครั้ง หลิงหงเซวียนก็หายตัวไปแล้ว!"ยอดฝีมือ!"อวิ๋นฝานชะงักไป สอดส่ายสายตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status