Share

บทที่ 11

Author: เข็มทิศการใช้ชีวิตไปวันๆ
"อารักขาฝ่าบาท!"

มู่ซือหลิงที่กำลังต่อสู้กับทหารกบฏ เมื่อเห็นดังนั้น เขาจึงตัดสินใจหันกลับมุ่งหน้าไปยังอวิ๋นฝานทันที

แต่ทหารกบฏรอบๆ ย่อมไม่ยอมให้เขาทำตามใจได้ง่ายๆ มู่ซือหลิงถูกรั้งเอาไว้ก่อนจะก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าว

รอบตัวอวิ๋นฝานไม่มีทหารคุ้มกันเหลืออยู่เลย ร่างกายท่อนบนที่กำยำของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือดสดๆ

เขาดูราวกับเทพสงครามที่ก้าวออกมาจากขุมนรก

เมื่อมองไปยังทหารกบฏที่ล้อมรอบตัวเขา เห็นสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและขาสั่นระริก อวิ๋นฝานเผยรอยยิ้มดูแคลน

"แค่พวกคนกระจอก กล้าดีอย่างไรที่คิดจะโค่นล้มแผ่นดินต้าหมิงของข้า น่าขันสิ้นดี!"

"เจ้าบ้าอวิ๋น...มันบ้าจริงๆ!"

เฝินเจินอู่ที่ถูกล้อมรอบด้วยทหารกบฏหลายคน เมื่อเห็นอวิ๋นฝานที่เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ถึงกับตกใจจนเกือบตกจากหลังม้า

"เจ้าโจรชั่ว! ตายซะเถอะ!"

อวิ๋นฝานคำรามเสียงดัง เหวี่ยงดาบพุ่งไปยังเฝินเจินอู่!

ดวงตาของเฝินเจินอู่เบิกกว้าง เขาไม่คาดคิดว่าอวิ๋นฝานจะรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้

เขายกดาบขึ้นป้องกันโดยสัญชาตญาณ แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า "ดาบล้ำค่า" ในมือของเขาถูกฟันขาดครึ่ง!

ท่ามกลางความตื่นตระหนก เฝินเจินอู่พร้อมทั้งม้าของเขาถูกดาบเดียวผ่าออกเป็นสองท่อน

เส้นเลือดบนแขนทั้งสองของอวิ๋นฝานปูดโปน เขาหอบหายใจหนัก เห็นได้ชัดว่าเขาได้ใช้พลังส่วนใหญ่ไปกับการโจมตีเมื่อครู่แล้ว

แม้ว่าอวิ๋นฝานจะดูอ่อนแรง แต่ทหารกบฏรอบๆ ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

ในที่สุด ตู้จื่อหมิงก็นำทหารฝีมือดีห้าร้อยนายมาถึง

"อารักขาฝ่าบาท!"

ตู้จื่อหมิงวิ่งนำหน้าเหล่าทหารมาด้วยตนเอง พร้อมกับทหารองครักษ์อีกห้าสิบคน พุ่งตรงไปยังอวิ๋นฝาน

การเข้าร่วมของทหารฝีมือดีห้าร้อยนาย ทำให้กองทัพกบฏแตกตื่นด้วยความกลัว และในชั่วพริบตา ทหารกบฏกว่าครึ่งก็วิ่งหนีกระจัดกระจาย

"เรื่องที่เหลือพวกเจ้าก็จัดการเถอะ คนที่เกี่ยวข้องกับการกบฏ อย่าให้มีใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว"

"ข้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว" อวิ๋นฝานกล่าวจบก็เดินกลับไปยังตำหนักบรรทม

แต่แผ่นหลังของเขากลับทิ้งความประทับใจอันลึกซึ้งให้กับเหล่าทหารที่อยู่ในเหตุการณ์

"มีฮ่องเต้ที่องอาจเช่นนี้ ต้าหมิงของเราจะต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกเล่า! เราต้องครองแผ่นดินได้แน่นอน!" ตู้จื่อหมิงกล่าวพึมพำขณะมองตามแผ่นหลังที่แข็งแกร่งของอวิ๋นฝาน

อวิ๋นฝานฝัน

เขาฝันว่าเขาได้โอบอกอดสาวงาม ครอบครองแผ่นดินกว้างใหญ่ และมีกองทัพทหารนับล้านอยู่ใต้บังคับบัญชา

เขาใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ หลงอยู่ในความสำเร็จของตัวเอง ถึงขั้นลดจำนวนกองทัพเพื่อสร้างพระราชวัง

ในที่สุดวันหนึ่ง เมื่อศัตรูบุกโจมตี เขาตั้งใจจะนำกองทัพออกศึกเอง แต่กลับพบว่าเขาไม่มีทหารเหลืออีกแล้ว

สุดท้าย เขาและบรรดานางสนมก็ถูกเผาทั้งเป็น กลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับพระราชวังต้าหมิง

"ฆ่า!"

อวิ๋นฝานสะดุ้งตื่น ดวงตาเบิกกว้าง มือทั้งสองข้างกำแน่นจนผ้าปูเตียงขาด

"ฝ่าบาท...พระองค์...พระองค์ตื่นแล้วเพคะ?"

อวิ๋นฝานที่ตั้งใจจะลุกจากเตียง รู้สึกได้ถึงร่างอันนุ่มนิ่มในอ้อมกอดของเขา เมื่อก้มลงมองก็พบว่าเป็นซูหว่านซินที่กอดเขาแน่น

"ปล่อย!"

อวิ๋นฝานขมวดคิ้ว แต่น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนลงไม่น้อย

"ฝ่าบาท...ใต้เท้ามู่ฝากข้ามาเรียนท่านว่า...กลุ่มกบฏถูกจัดการเรียบร้อยแล้วเพคะ"

ซูหว่านซินตัวสั่นเหมือนลูกกระต่ายที่ตื่นตกใจในอ้อมกอดของอวิ๋นฝาน ไม่มีทีเค้าของ "มารดาแห่งแผ่นดิน" เลยแม้แต่น้อย

"จัดการแล้วหรือ..."

อวิ๋นฝานดันซูหว่านซินออก หยิบเสื้อคลุมขึ้นสวม แล้วเดินไปที่หน้าต่างพลางพึมพำกับตัวเองว่า "เป็นไปไม่ได้...การกบฏครั้งนี้ ไม่มีทางถูกปราบลงได้ง่ายๆ ขนาดนั้น..."

"ฝ่าบาท!"

เสี่ยวลิ่วจื่อผลักประตูเข้ามาโดยไม่สนมารยาท พร้อมตะโกนด้วยความตื่นตระหนกว่า "ฝ่าบาท เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ! พระราชวัง...พระราชวังถูกชาวบ้านล้อมไว้!"

"ชาวบ้านงั้นหรือ?"

อวิ๋นฝานขมวดคิ้ว เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน "นี่มันก็ดึกมากแล้ว กองทัพพิทักษ์เมืองมัวทำอะไรกันอยู่ ถึงยังไม่ประกาศห้ามออกนอกบ้าน!"

"ฝ่าบาท...พระองค์ลองออกไปดูเองเถิดพ่ะย่ะค่ะ แล้วจะเข้าใจ!" เสี่ยวลิ่วจื่อพูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

"ช่างเถอะ!"

อวิ๋นฝานถอนหายใจเบาๆ สวมเสื้อคลุมหลวมๆ ก่อนจะเดินตามเสี่ยวลิ่วจื่อไปด้านนอกพระราชวัง

เมืองหลวงแบ่งออกเป็นสามชั้น เมืองรอบนอก เมืองชั้นใน และพระราชวัง

พระราชวังมีทั้งกำแพงที่สูงตระหง่านและคูน้ำกว้างหลายเมตรล้อมรอบ

ทำให้บริเวณรอบพระราชวังค่อนข้างเงียบสงบ แต่กลับมีทหารประจำการกว่าหมื่นนาย

แต่ในคืนนี้ บริเวณรอบพระราชวังกลับเต็มไปด้วยชาวบ้านที่กำลังโกรธแค้น!

"ฮ่องเต้ชั่ว! คืนชีวิตลูกชายข้ามานะ!"

ชายชราอายุราวหกสิบปี ใช้ไม้เท้าค้ำเดินนำหน้าฝูงชนพร้อมตะโกนด้วยความโกรธ "ฮ่องเต้ชั่ว เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ใช้งานขุนนางชั่ว ไม่คู่ควรเป็นฮ่องเต้!"

"ไม่คู่ควรเป็นฮ่องเต้!"

ชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังชายชรามีอารมณ์พลุ่งพล่านและตะโกนตามเสียงดัง

"ผู้บัญชาการมู่ ออกคำสั่งยิงธนูเถิด!"

บนกำแพงเมือง มู่ซือหลิงและตู้จื่อหมิงมีสีหน้าหนักใจ "ถ้าไม่ออกคำสั่งตอนนี้ เกรงว่าฝ่าบาทจะตื่นขึ้นมา ถึงตอนนั้น..."

"ข้าตื่นแล้ว!"

ตู้จื่อหมิงยังพูดไม่ทันจบ อวิ๋นฝานก็เดินขึ้นมาบนกำแพงเมืองแล้ว

"ถวายบังคมฝ่าบาท!"

ทั้งสองคนตกใจ รีบคุกเข่ากราบถวายบังคม

"ลุกขึ้นเถิด"

"พวกเจ้าทั้งสองเล่าให้ข้าฟังหน่อยเถิด นี่มันเรื่องอะไรกัน?"

"ไม่ใช่ว่ากบฏถูกปราบไปเรียบร้อยแล้วหรอกหรือ!"

อวิ๋นฝานมีสีหน้าเรียบเฉย นั่งอยู่บนแท่นแม่ทัพ มู่ซือหลิงกับตู้จื่อหมิงมองหน้ากันไปมา ในที่สุดมู่ซือหลิงก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วก้าวออกมาข้างหน้า

"ฝ่าบาท เรื่องเป็นเช่นนี้พะย่ะค่ะ"

"กระหม่อมและแม่ทัพตู้ได้ปราบกบฏของตระกูลขุนนางในเขตเมืองใต้ไปแล้ว แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ประชาชนในเขตเมืองใต้กลับกล่าวหาว่าพวกเราเข่นฆ่าญาติพี่น้องพวกเขา แล้วต้องการมาร้องเรียนฝ่าบาทเพื่อขอคำชี้แจง"

"ในตอนแรกจำนวนคนยังไม่มาก ข้าน้อยกับแม่ทัพตู้ยังพอรับมือได้ แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็ยิ่งลุกลามใหญ่โต จนในที่สุดก็กลายเป็นแบบนี้พ่ะย่ะค่ะ..."

"เลอะเลือน!"

อวิ๋นฝานตบที่วางแขนอย่างแรง พูดเสียงเย็นเยียบว่า "นี่มันชัดเจนว่าเป็นการกบฏที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า!"

"มู่ซือหลิง ข้าว่าเจ้าคงยึดทรัพย์จนขี้ขลาดไปแล้วกระมัง!"

"หากเจ้าจับพวกชาวบ้านหัวแข็งพวกนี้เข้าคุกตั้งแต่แรก เรื่องจะบานปลายมาถึงขั้นนี้หรือ?"

มู่ซือหลิงมีสีหน้าลำบากใจ "ฝ่าบาท หม่อมฉันจับคนไปตั้งแต่แรกหลายร้อยคนแล้ว แต่ไม่เกิดผลอะไรเลยพะย่ะค่ะ!"

"เช่นนั้นก็ฆ่าเสีย!"

ดวงตาของอวิ๋นฝานฉายแววอำมหิตที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนมู่ซือหลิงก็ยังอดตัวสั่นไม่ได้

"แต่...แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นประชาชนของอาณาจักรต้าหมิงของเราทั้งสิ้น..."

"ประชาชนงั้นหรือ?"

อวิ๋นฝานหัวเราะเย็นชา "ผู้บัญชาการมู่ คนที่ตะโกนด่าทอข้าจากด้านล่างนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นประชาชนจริง แต่ตัวการที่ทำให้เกิดเรื่องนี้แน่นอนว่าไม่ใช่!"

ทั้งสองคนเงียบไป

"และถ้าข้าคิดไม่ผิด คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือ หลิงหงเสวียน!"

"หลิงหงเสวียน?"

มู่ซือหลิงมีสีหน้าตกตะลึง "แต่...แต่ว่าเขาทำเช่นนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกับตระกูลหลิงหรือพะย่ะค่ะ?"

"หากถูกจับได้ ฝ่าบาทก็จะสามารถใช้ข้ออ้างจัดการตระกูลหลิงได้อย่างถูกต้องไม่ใช่หรือพะย่ะค่ะ..."

"ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก" อวิ๋นฝานส่ายหัว

"ยังไม่พูดถึงเรื่องอื่น เราขอถามเจ้าก่อนว่า เจ้าจะจัดการปัญหาตรงหน้านี้อย่างไร จะทำอย่างไรถึงจะสลายกลุ่มชาวบ้านเหล่านี้ได้?"

มู่ซือหลิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเงยหน้าขึ้นพร้อมสายตาแฝงเจตนาฆ่า "ฆ่า!"

"เลอะเลือน!"

อวิ๋นฝานตะโกนด้วยความโกรธอีกครั้ง

มู่ซือหลิงรู้สึกงุนงง "ฝ่าบาท เมื่อครู่พระองค์มิได้ตรัสว่า..."

"สถานการณ์ตอนนี้มันเหมือนตอนเริ่มต้นหรืออย่างไร?"

อวิ๋นฝานถอนหายใจเบาๆ นวดขมับที่เต้นตุบๆ "เรื่องแบบนี้ใช้ความรุนแรงได้ผลก็เฉพาะตอนเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น แต่พอเรื่องลุกลามถึงขั้นนี้ การใช้ความรุนแรงจะยิ่งเหมือนเติมน้ำมันลงในกองไฟ"

มู่ซือหลิงกับพวกฟังแล้วก็สับสน แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก ได้แต่พยักหน้ารัวๆ

"ช่างเถอะ ช่างเถอะ"

อวิ๋นฝานรู้ดีว่าการอธิบายเรื่องแบบนี้ให้แม่ทัพทั้งสองฟังเปล่าประโยชน์ราวกับสีซอให้ควายฟัง จึงลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า "ทหาร ตามข้าออกไปนอกเมือง!"

Related chapters

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 12

    "เราจะมอบความยุติธรรมให้กับประชาชนของเราด้วยตัวเอง!""ฝ่าบาทมิได้นะพะย่ะค่ะ!""ขอทรงพิจรณาให้รอบคอบด้วยพะย่ะค่ะ!"มู่ซือหลิงและพวกรีบมายืนขวางหน้าอวิ๋นฝานไว้ สีหน้าของพวกเขาราวกับอีกนิดจะกอดขาอวิ๋นฝานไว้แล้ว"มีอะไรมิได้กัน!"อวิ๋นฝานหรี่ตาลงเล็กน้อย "คนที่ยืนอยู่ใต้กำแพงนี้คือประชาชนของข้า ไม่ใช่ศัตรูของข้า!""พวกเขาแค่ถูกคนที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์หลอกใช้เท่านั้น!""ข้าในฐานะฮ่องเต้ของพวกเขา มีหน้าที่นำพาพวกเขากลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง!""ฝ่าบาท!"มู่ซือหลิงยังอยากพูดอะไรอีก แต่ถูกอวิ๋นฝานผลักออกไปพร้อมกับกล่าวว่า "ข้าตัดสินใจแล้ว!"อวิ๋นฝานพูดจบก็เดินลงจากกำแพงเมืองไปอย่างช้าๆ!มู่ซือหลิงและพวกกัดฟัน แล้วรีบตามลงไปทันทีพวกเขาไม่ได้กลัวชาวบ้านหัวแข็งใต้กำแพงนั่น แต่กลัวว่าจะมีนักฆ่าแฝงตัวปะปนอยู่ในฝูงชนต่างหาก!ในเวลาเดียวกัน ฝูงชนใต้กำแพงเมืองก็ยิ่งมีอารมณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้ถึงจุดระเบิดเต็มที!"ฮ่องเต้ชั่ว ไสหัวออกไปจากต้าหมิงซะ!"ชายชราที่ถือไม้เท้าตะโกนลั่น"ไสหัวออกไปจากต้าหมิง!""คืนญาติพี่น้องของพวกเรามา!"ชายวัยกลางคนอีกคนตะโกนเสียงดังฝูงชนตอบรับพร้อมกัน

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 13

    เมื่อมู่ซือหลิงพูดจบ ฝูงชนก็เดือดพล่านราวน้ำเดือด มีคนจำนวนมากพยายามอาศัยขังหวะชุลมุนเพื่อหลบหนีแต่ครั้งนี้อวิ๋นฝานตั้งใจจะกำจัดภัยในอนาคต จึงไม่มีทางปล่อยพวกเขาให้หนีง่ายๆ เขาได้สั่งให้กองทัพล้อมฝูงชนไว้ หากคนพวกนี้อยากหนี คงต้องบินขึ้นฟ้าเท่านั้น"ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วย! ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วย!""พวกเราเพียงถูกกบฏยุยงเท่านั้น มิได้มีเจตนากบฏเลยพะย่ะค่ะ!"แน่นอนว่ายังมีบางคนที่เลือกคุกเข่าขอความเมตตา"เราบอกแล้วว่า เรามิใช่ผู้ที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยไร้เหตุผล และยิ่งไม่ใช่ฮ่องเต้โง่เขลา!"อวิ๋นฝานยืนเอามือไพล่หลัง พูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า "พวกเจ้าเพียงแค่โง่เขลาเบาปัญญา คำกล่าวว่า ดังคำกล่าวที่ว่าผู้ไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด เราสามารถปล่อยพวกเจ้าไปได้ก็ได้"คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นรีบก้มลงกราบด้วยความซาบซึ้ง "ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยที่ไม่ประหารพวกข้า!""แต่!"อวิ๋นฝานขัดขึ้นมา "แต่คนที่อยู่เบื้องหลังยุยงพวกเจ้า เราไม่เพียงจะไม่ปล่อยไป แต่จะเฉือนเนื้อเถิอหนังพวกมันให้ทรมานด้วย!""ส่วนพรรคพวกของมัน และผู้ที่ให้การช่วยเหลือ ก็จะได้รับโทษเช่นเดียวกัน!""ตอนนี้ โอกาสไถ่โทษและสร้างคุณค

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 14

    "บ้าบิ่น ช่างบ้าบิ่นจริงๆ!"อวิ๋นฝานขยำกระดาษในมือแน่นในเวลานั้นเอง อวิ๋นฝานรู้สึกใจหวิวอย่างไม่มีสาเหตุความรู้สึกนี้เหมือนกับว่าเขาพลาดข้อมูลสำคัญบางอย่างไป!"ยุยงประชาชนให้กบฏ...ประตูเมืองทิศเหนือแตก..."อวิ๋นฝานพึมพำกับตัวเอง"แย่แล้ว!"เขาตื่นตัวขึ้นมาทันที นี่คือกลลวงล่อเสือออกจากถ้ำ!"เฉินเฟิง ตามข้ามา รีบไปที่เขตเมืองทางเหนือด่วน!"…เขตเมืองทางเหนือตู้จื่อหมิงนำกองทัพกว่าหมื่นนายเดินอยู่บนถนนในเขตเมืองทางเหนือ"กา...กา...""กุก กู่กู่..."เสียงของอีกาและนกฮูกดังแว่วมาจากที่ไกลๆ ทำให้ถนนอันเงียบสงัดจนชวนให้ใจคอไม่ดีดูยิ่งลึกลับน่ากลัว"ท่านแม่ทัพ ท่านรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ หรือไม่?"รองแม่ทัพคนสนิทของตู้จื่อหมิง นามว่าสวีอวี่ แสดงสีหน้ากังวลตู้จื่อหมิงเองก็มีสีหน้าจริงจัง "มันมีอะไรแปลกๆ แน่นอน แต่ข้างหลังพวกเราคือเขตหวงห้ามของพระราชวัง ต่อให้มีปัญหาเราก็ต้องไป!""ตามหลักแล้ว หากประตูเมืองทางเหนือถูกโจมตีแตก บนถนนควรจะวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ แต่ตลอดทั้งทาง บ้านเรือนสองข้างทางกลับดูเรียบร้อยมาก...""อีกอย่าง...อีกอย่าง..."ตู้จื่อหมิงขมวดคิ้ว คำตอบที่คิดไว้กลั

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 15

    เขตเมืองทางเหนือ ถนนเทียนเป่ยถนนเทียนเป่ยตัดผ่านเขตเมืองทางเหนือทั้งหมด ถนนทุกสายในเขตนี้ล้วนแยกย่อยออกมาจากถนนเทียนเป่ย"นี่คือดาบประจำตัวของแม่ทัพซวี"เฉินเฟิงหยิบดาบเล่มหนึ่งขึ้นมาจากซากปรักหักพัง แล้วรีบนำไปถวายแก่อวิ๋นฝาน"ไม่ผิด ดาบนี้เป็นของแม่ทัพซวีจริงๆ"อวิ๋นฝานจ้องดาบอยู่พักหนึ่ง ก่อนถอนหายใจ "ดูเหมือนว่าเราจะมาช้าเกินไปอีกแล้ว""ฝ่าบาท ได้จำนวนผู้ที่บาดเจ็บล้มตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"ทหารนายหนึ่งจากกองทหารอวี้หลินวิ่งเข้ามารายงาน "สูญเสียทหารประจำการเขตตะวันออกไปกว่าสองหมื่นนาย ส่วนทหารฝ่ายศัตรูสูญเสียไปเพียงห้าพันกว่านายพ่ะย่ะค่ะ!"อวิ๋นฝานเงียบไป ดวงตาจ้องเขม็งไปที่ดาบพกประจำตัว "ตรวจสอบได้หรือยังว่าศัตรูเป็นกลุ่มไหน?""คาดว่าเป็นพวกกบฏอู๋เวยที่เหลือรอดพ่ะย่ะค่ะ"เฉินเฟิงตอบเสียงหนักแน่น "กบฏเหล่านี้มีอาวุธที่ใช้จริงในกองทัพต้าหมิง ซึ่งบางอย่างมีเฉพาะในกองกำลังชายแดนเท่านั้น นอกจากกลุ่มอู๋เวยแล้ว กระหม่อมคิดไม่ออกว่าจะเป็นกลุ่มไหนได้อีกพ่ะย่ะค่ะ""ช่างเถอะ!"หลังจากเงียบไปพักใหญ่ อวิ๋นฝานจึงละสายตาจากดาบ "ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน หากกล้ามาหาเรื่องข้า ก็อย่าหวังว่าจะได้

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 16

    อวิ๋นฝานดุจดั่งพยัคฆ์ที่เข้าสู่ฝูงแกะ ฆ่าฟันศัตรูรอบด้านอย่างไร้ผู้ต้านทาน!"ตึง ตึง ตึง! ตึง!"เสียงกลองแบบมีจังหวะดังมาจากศูนย์กลางของกองทัพศัตรู ทัพศัตรูที่เสียขบวนไปก่อนนี้กลับจัดระเบียบทัพใหม่ในทันที พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวไปทางซ้ายและขวาอย่างมีเป้าหมายเพื่อโอบล้อมกองทหารอวี้หลินไว้!อวิ๋นฝานขมวดคิ้วทันที นี่มันคือสัญญาณกลองของกองทัพอาณาจักรต้าหมิงชัดๆ!"เฉินเฟิง เจ้าจงนำกองทหารอวี้หลินห้าร้อยนายโจมตีด้านซ้าย ส่วนข้าจะบุกด้านขวา เป้าหมายไม่ใช่เพื่อสังหารศัตรู แต่เพื่อไม่ให้พวกกบฏเหล่านี้จัดการเตรียมทัพได้สำเร็จ!"มาถึงจุดนี้ อวิ๋นฝานเข้าใจแล้วว่านี่ไม่ใช่แค่กบฏธรรมดา!ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ท่าทาง หรือยุทธศาสตร์ กบฏกลุ่มนี้สามารถต่อกรกับกองทัพต้าหมิงได้จริงๆ!แม้ว่าตู้จื่อหมิงและลู่เจิ้นกวนจะไม่ใช่แม่ทัพที่ไร้ฝีมือ และทหารภายใต้การบัญชาการของพวกเขาก็เป็นกำลังพลชั้นยอดของอาณาจักรต้าหมิง แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร ฝ่ายอวิ๋นฝานก็ยังคงเสียเปรียบ!ดูเหมือนว่ากบฏกลุ่มนี้จะได้วางแผนทุกอย่างไว้แล้วอวิ๋นฝานและเฉินเฟิงนำกองทหารอวี้หลินฝ่ายละห้าร้อยนายบุกโจมตีขนาบสองข้าง เพื่อส

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 17

    อวิ๋นฝานอาศัยโอกาสนี้พลิกข้อมือของชายหนวดหนาที่ถือดาบไว้ ชายหนวดหนาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ดาบจึงหลุดจากมือเขาเข้ามาอยู่ในมือของอวิ๋นฝานทันที!อวิ๋นฝานผลักตัวชายหนวดหนาอย่างแรง ใบดาบแทงทะลุคอของเขา การเคลื่อนไหวทั้งหมดของอวิ๋นฝานดูลื่นไหล งดงามแต่เต็มไปด้วยความรุนแรงชายหนวดหนาล้มลงบนร่างของอวิ๋นฝานด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ เลือดสดๆ ย้อมร่างท่อนบนของอวิ๋นฝานจนแดงฉาน ทหารกองทหารอวี้หลินที่อยู่รอบๆ รีบเข้ามาอารักขาเขาในขณะเดียวกัน เฉินเฟิงที่กำลังเผชิญสถานการณ์ยากลำบากทางด้านขวา เมื่อเห็นฝ่าบาทของตนตกอยู่ในอันตราย ดวงตาเขาแดงก่ำด้วยโทสะและฟันศีรษะศัตรูตรงหน้าขาดในดาบเดียว!จากนั้น เฉินเฟิงก็เหมือนเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามกลับชาติมาเกิด เขาคนเดียวต่อสู้กับศัตรูอราวสิบคน สถานการณ์ที่เสียเปรียบกลับพลิกผันไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ!อวิ๋นฝานมองเฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าหัวหน้ากองทหารอวี้หลินที่ปกติดูธรรมดาจะมีฝีมือมากเช่นนี้"ฝ่าบาท กระหม่อมจะอารักขาพระองค์ออกจากที่นี่เองพ่ะย่ะค่ะ!"เฉินเฟิงถอยออกจากสนามรบ ก่อนคุกเข่าลงข้างหนึ่งตรงหน้าอวิ๋นฝาน ท่ามกลางสนามรบที่วุ่นวายและเต็มไปด้วย

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 18

    "งานที่ข้ามอบหมายให้เจ้าทำ เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?"อวิ๋นฝานเดินไปด้านหลังมู่ซือหลิงอย่างเงียบเชียบด้วยสีหน้าสงบนิ่งมู่ซือหลิงสะดุ้งตกใจ แต่เมื่อหันมาเห็นว่าเป็นอวิ๋นฝานจึงตั้งสติได้และรีบกล่าวรายงาน"ฝ่าบาท กระหม่อมได้กำจัดพวกกบฏอู๋เวยนอกเมืองหลวงทั้งหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!""กระหม่อมขอรับรองด้วยชีวิต!""เอาล่ะ เข้ามาคุยข้างใน"อวิ๋นฝานชี้ไปที่ตำหนักบรรทมก่อนเดินเข้าไปอย่างสงบนิ่งยิ่งอวิ๋นฝานดูสงบเช่นนี้ มู่ซือหลิงก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเมื่อกลับมาที่ตำหนักบรรทม อวิ๋นฝานก็สั่งเสี่ยวลิ่วจื่อให้ชงชา "เล่ามาเถอะ เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไรกันแน่?"เมื่อได้ยินดังนั้น มู่ซือหลิงก็ทรุดตัวลงคุกเข่า "ไม่กี่วันก่อน ฝ่าบาททรงสั่งให้กระหม่อมจับตาดูกบฏที่หลบหนีไปยังหมู่บ้านรอบเมืองหลวง กระหม่อมไม่กล้าละเลย จึงตรวจสอบเอกสารที่ส่งมาทั้งวันทั้งคืน""กระทั่งว่ายังไปตรวจดูด้วยตัวเองอยู่หลายครั้ง!""แต่...แต่กระหม่อมก็ไม่พบร่องรอยของกองกำลังกบฏเลยสักนิด...""พอแล้ว"อวิ๋นฝานโบกมือเล็กน้อย สีหน้าดูหงุดหงิด "ข้ารู้แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า""หรืออาจจะพูดได้ว่า กองกำลังที่บุกทำลายเ

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 19

    …วันถัดมา อวิ๋นฝานได้เรียกประชุมขุนนางตอนเช้าขึ้นอีกครั้ง"ขุนนางข้าทั้งหลาย เชื่อว่าพวกเจ้าคงได้ยินแล้วว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง!"อวิ๋นฝานนั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "อัครมหาเสนาบดีหลิงหงเซวียนแห่งอาณาจักรต้าหมิง กลายเป็นสุนัขรับใช้ของกบฏอู๋เวย!""เริ่มจากปลุกระดมประชาชนของข้า จากนั้นก็สมคบคิดกับกบฏอู๋เวยเพื่อโจมตีประตูเมืองทางเหนือ ข้าต้องนำกองทหารอวี้หลินเข้าสู้ด้วยตัวเองถึงจะกำจัดพวกมันลงได้!""ข้าขอถามพวกเจ้า ข้าควรจัดการหลิงหงเซวียนและตระกูลหลิงอย่างไร!"คำพูดนี้ชัดเจนว่าเขาพูดให้เหล่าขุนนางจากตระกูลขุนนางฟังโดยเฉพาะทั้งราชสำนักตกอยู่ในความเงียบงันทันทีสายข่าวของพวกเขารวดเร็วพอๆ กับของวังหลวงเรื่องที่ตระกูลหลิงหนีไปตั้งแต่แรก พวกเขาก็รู้ขนาดตระกูลหลิงยังหนีไป คำพูดของฝ่าบาทจึงเหมือนกำลังถามว่า จะจัดการเหล่าขุนนางจากสายตระกูลขุนนางอย่างไรดีไม่ใช่หรือ!"กระหม่อมคิดว่าควรประหารตระกูลหลิงเก้าชั่วโคตรพ่ะย่ะค่ะ!"ซูลี่เหวินกล่าวขึ้นอย่างถูกจังหวะ "การก่อกบฏถือเป็นความผิดร้ายแรง สมควร ไม่ว่าจะพิจรณาจากด้านไหนก็สมควรให้มีการประหารเก้าชั่วโคตร ไม่เพีย

Latest chapter

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 40

    "ท่านแม่ทัพหู พวกเราควรทำอย่างไร?"หูอู่จื่อกลืนน้ำลายอย่างลำบาก จะทำอย่างไรน่ะหรือ? เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!ตั้งแต่อ๋องอู่เวยควบคุมกองทัพทั่วประเทศ เขาก็ไม่เคยต้องออกรบอีกเลย ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้ป้องกันเมืองก็ยิ่งไม่เคยทำ!หูอู่จื่อสูดลมหายใจเข้าลึก เขารู้ตัวว่านี่คือภารกิจสำคัญในยามวิกฤติ มีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น คือเอาชนะเผ่าม่านหรือพ่ายแพ้พร้อมความตาย"กู่ฉวี่ ข้าขอสั่งเจ้านำกองทัพหนึ่งแสนขึ้นไปป้องกันบนกำแพงเมือง พร้อมทั้งอุปกรณ์ป้องกันเมืองทั้งหมด!"หูอู่จื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ขณะนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปยังช่วงเวลาที่เขายังหนุ่ม "ส่วนตัวข้าจะนำกองทัพออกไปปราบกบฏตระกูลหลิงด้วยตนเอง!"…ในเวลาเดียวกัน ณ ตำหนักบรรทม เมืองหลวงอวิ๋นฝานกำลังหารือเรื่องสำคัญร่วมกับสี่ขุนนางคนสนิท ได้แก่ มู่ซือหลิง ตู้จื่อหมิง เฉินเฟิง และซูลี่เหวินแม้ว่าจะมีการแต่งตั้งหกกรมแล้ว แต่ขุนนางคนสนิทที่อวิ๋นฝานไว้วางใจจริงๆ ก็ยังมีเพียงสี่คนนี้โดยเฉพาะมู่ซือหลิง ซึ่งเป็นผู้ดูแลหออันอี้ที่รับผิดชอบด้านความสงบเรียบร้อยและข่าวกรองในเมืองหลวง"ฝ่าบาท กระหม่อมได้ติดต่อกองทัพสองแสนท

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 39

    อวิ๋นซวี่ในฐานะเจ้าชายของราชวงศ์ต้าหมิง ไหนเลยจะยอมแพ้ง่ายๆ เขากัดฟัน ปล่อยดาบออกจากมือ กำหมัดพุ่งเข้ากระแทกหน้าอกของต้วนเนี่ยนโดยตรง!ต้วนเนี่ยนคาดไม่ถึงว่าอวิ๋นซวี่จะห้าวหาญถึงเพียงนี้ จึงลืมตั้งรับไปชั่วขณะ เป็นเหตุให้อวิ๋นซวี่ถูกดาบแทง ส่วนต้วนเนี่ยนก็ถูกหมัดอัดไปเต็มแรง ทั้งสองถอยหลังออกจากกัน"ตึก ตึก ตึก..."เสียงฝีเท้าของทหารกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเข้าล้อมรอบทั้งสองไว้ อวิ๋นซวี่กวาดตามองอย่างเย็นชา เห็นตัวอักษร "หลิง" ที่หมวกเกราะของพวกนั้นก็พลันอุทานขึ้นมา "พวกแกคือพวกกบฏตระกูลหลิง!""ไอ้แก่ ฝีมือใช้ได้ทีเดียวหนิ!"ต้วนเนี่ยนไม่สนใจอวิ๋นซวี่แม้แต่น้อย เอ่ยขึ้นเองว่า "นี่ข้าแค่ใช้พลังไปแปดส่วนเท่านั้น!"อวิ๋นซวี่หรี่ตาลงเล็กน้อย โกรธจัดในใจ "ไอ้เด็กปากดี เจ้ากล้าพูดโอหังเช่นนี้ ไม่กลัวลิ้นถูกตัดลิ้นหรือไร!"อวิ๋นซวี่พูดจบก็เงื้อดาบพุ่งเข้าใส่ทันที ต่อให้แขนขวาถูกดาบแทง หรือแม้แขนขวาทั้งแขนจะถูกตัด เขาก็ยังกล้าถือดาบเข้าฟาดฟัน!นี่แหละคือความแตกต่างระหว่างนักสู้ในยุทธภพและทหารในสมรภูมิต้วนเนี่ยนยกดาบยักษ์ที่ห่อด้วยผ้าขึ้นมาถือในมืออย่างนิ่งสงบ แล้วฟันเข้าใส่อวิ๋นซวี่อย่างแรง!

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 38

    เพราะอวิ๋นซวี่ได้แจ้งกับกองกำลังป้องกันภายในของด่านทางใต้ไว้แล้ว หูอู่จื่อจึงสามารถนำทัพเข้าสู่ด่านทางใต้ได้อย่างง่ายดายหลังจากเข้ามาในด่านทางใต้ได้ เขาก็ไม่ทันได้จัดระเบียบกองทัพ รีบรุดไปพบอวิ๋นซวี่เพียงลำพังเมื่อเขาได้ยินว่าอวิ๋นซวี่ขึ้นไปตีกลองศึกบนกำแพงเมืองด้วยตัวเอง เขาก็อดประหลาดใจไม่ได้ หรือราชวงศ์ต้าหมิงทุกคนจะดุดันถึงเพียงนี้?"แม่ทัพหูอู่จื่อ ขอคารวะท่านอ๋อง!"หูอู่จื่อมีใบหน้ามอมแมมด้วยฝุ่น เกราะของเขาก็ชำรุดจากการเดินทาง แต่อวิ๋นซวี่ยังคงตีระฆังศึก หูอู่จื่อคิดว่าอวิ๋นซวี่ไม่ได้ยิน จึงกล่าวซ้ำอีกครั้ง"แม่ทัพหูอู่จื่อ ขอคารวะ…""ข้าได้ยินแล้ว!"อวิ๋นซวี่มีดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดที่หน้าผากปูดโปน ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง"กู่ฉวี่!""พาแม่ทัพหูไปพักผ่อน!""กระหม่อมยังไหว!"อวิ๋นซวี่เหวี่ยงไม้ตีกลองเร็วขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะทำลายกลองทั้งใบ กู่ฉวี่ไม่กล้าชักช้า แต่ด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของอวิ๋นซวี่ จึงสั่งให้ทหารล้อมรอบเขาไว้"ตึง!"เสียงดังสนั่นลั่นขึ้น กลองยักษ์สูงห้าเมตรที่ทำจากหนังวัว ถูกอวิ๋นซวี่ตีจนแตก!หูอู่จื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ แอบกลืนน้ำลาย รู้สึกเลือดลมสูบฉีด

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 37

    ในที่สุดต้วนเนี่ยนก็ขมวดคิ้ว "หัวหน้าตระกูลหลิง ข้าคิดว่าชีวิตของเจ้าเมืองใต้ไม่น่าจะเทียบกับวิชาสวรรค์เคลื่อนฟ้าได้แต่หากท่านกล้ารับรองว่าหลังจากที่ข้าสังหารเจ้าเมืองใต้แล้ว ท่านจะมอบวิชาสวรรค์เคลื่อนฟ้าให้ ข้าก็ตกลง!""ข้ารับรอง" หลิงหงเซวียนกล่าวด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต ก่อนพึมพำกับตัวเอง "เจ้าเมืองใต้ ตาเฒ่านั่นไม่คุ้มค่า แต่ด่านทางใต้นั้นคุ้ม!"หลิงหงเซวียนยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่กลับพบว่าต้วนเนี่ยนที่อยู่ด้านหลังได้หายตัวไปแล้ว"เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ"หลิงหงเซวียนส่ายศีรษะก่อนหันมองด้วยสายตาคมกริบ "ปาคู่!""ขอรับ!"ชายร่างใหญ่ชาวม่านใต้ ผิวสีคล้ำ ก้าวออกมาจากความมืด "หัวหน้าตระกูลหลิง มีอะไรจะสั่งขอรับ?"ชายร่างใหญ่พูดภาษาจงหยวนได้อย่างตะกุกตะกัก แต่หลิงหงเซวียนกลับไม่ได้ใส่ใจ "ไปบอกฮ่องเต้ของพวกเจ้าให้เตรียมเปิดศึกใหญ่โจมตีด่านทางใต้!""ขอรับ!"ชายร่างใหญ่ถอยกลับไป สายตาของหลิงหงเซวียนยังคงจับจ้องไปที่ค่ายของกองทัพหูอู่ในระยะไกล ดวงตาแดงก่ำ ความอาฆาตพุ่งพล่านจนแทบมองเห็นเป็นรูปร่าง…วันถัดมา ทหารในกองทัพของหูอู่จื่อที่ติดโรคระบาดยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ หูอู่

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 36

    ขณะที่ทหารด่านทางใต้กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดในสนามรบ ที่หมู่บ้านซิงเถียนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น ก็มีกำลังพลสองแสนนายกำลังรวมตัวกันก่อนหน้านี้ไม่นาน หูอู่จื่อได้รับจดหมายจากตู้จื่อหมิง แม้เขาจะมีคนสนิทที่ให้แฝงตัวอยู่ในเมืองหลวง แต่เขาก็เลือกที่จะจับตาดูสถานการณ์ก่อนจนกระทั่งอวิ๋นฝานประกาศพระราชโองการไปทั่วทั้งแผ่นดิน หูอู่จื่อจึงตัดสินใจสนับสนุนด่านทางใต้ส่วนเกาจื๋อกับซวี่เหวิน สองคนนี้ได้กลายเป็นวิญญาณใต้คมดาบของหูอู่จื่อไปนานแล้วกองทัพสองแสนที่อยู่ภายใต้การบัญชาของเขาในตอนนี้ ส่วนใหญ่เป็นอดีตกองทัพของคนทั้งสอง มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นทหารใหม่พูดได้เต็มปากเลยว่า นี่คือกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนทางใต้"เคลื่อนทัพ!"หูอู่จื่อโบกมือแล้วกระโดดขึ้นบนหลังม้าศึกของเขาก่อนจะพุ่งทะยานออกไป กองทัพสองแสนคนด้านหลังเขาก็เริ่มเคลื่อนพลในเส้นทางที่ยาวหลายสิบกิโลเมตรเส้นทางในเขตทางใต้เต็มไปด้วยภูเขาสูงชันและหลุมบ่อซับซ้อน ด้วยความเร็วของหูอู่จื่อ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองวันกว่าจะไปถึงด่านทางใต้คืนนั้น ที่ค่ายของกองทัพหูอู่กลุ่มคนชุดดำกลุ่มหนึ่งถือสิ่งของบางอย่าง เดินอย่

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 35

    "ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา ซูลี่เหวินเคยเป็นขุนนางผู้กระทำผิด แต่เนื่องด้วยเขาขยันขันแข็ง ซื่อสัตย์สุจริต จึงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีว่าการกรมมหาดไทย!"ตำแหน่งเสนาบดีว่าการกรมมหาดไทยมีหน้าที่ควบคุมข้าราชการทั่วทั้งแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้าย เลื่อนตำแหน่ง หรือปลดออกจากตำแหน่ง ล้วนต้องรายงานต่อกรมมหาดไทย"ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!""ตู้จื่อหมิง รับพระราชโองการ!""กระหม่อมขอน้อมรับพระราชโองการด้วยความเคารพพ่ะย่ะค่ะ!""แม่ทัพตู้จื่อหมิง แม้จะเคยเป็นขุนนางในกลุ่มกบฎอู่เวย แต่ด้วยไม่ได้มีส่วนร่วมในการก่อกบฏ และยังมีจิตใจภักดีต่อต้าหมิง ทั้งยังปราบกบฏในเมืองหลวงถึงสองครั้ง มีคุณความชอบมากกว่าความผิด จึงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีว่าการกรมกลาโหม!""ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"ตู้จื่อหมิงคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นเขาเคยคิดว่าการปฏิรูปครั้งนี้อาจช่วยให้เขาได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะได้เลื่อนถึงขั้นเป็นเสนาบดีว่าการกรมกลาโหมในคราวเดียวเช่นนี้!"ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 34

    ซูหว่านซินหน้าแดงจัดด้วยความเขินอาย สายตาเลิ่กลั่กหลบหลีก ขณะที่หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะนางรู้สึกเหมือนนางกำนัลและขันทีในสวนดอกไม้ต่างกำลังจับจ้องมาที่นางด้วยความอาย นางพยายามใช้มือดันอวิ๋นฝานให้ออกไป แต่เพราะแรงน้อยเกินไป ทำให้อวิ๋นฝานเข้าใจผิดว่านางกำลังออดอ้อนอวิ๋นฝานดีใจยกใหญ่ เขาคิดว่าหญิงสาวในยุคนี้ช่างไร้เดียงสา เพียงคำหวานเรียบง่ายก็ทำให้พวกนางพอใจได้"หว่านเอ๋อร์ คืนนี้รอข้ากลับมานะ"อวิ๋นฝานรีบใช้โอกาสนี้ จูบหน้าผากซูหว่านซินอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะหลบออกไปทันทีโดยไม่รอให้นางได้ตั้งตัวซูหว่านซินยืนนิ่งมองตามหลังอวิ๋นฝานอยู่นานกว่าจะได้สติ ความรู้สึกหลากหลายตีวนในใจ...ฝ่าบาทเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะยังเจ้าชู้ไม่เปลี่ยน...อวิ๋นฝานเปลี่ยนเป็นฉลองพระองค์เต็มยศ แล้วหันไปบอกเสี่ยวลิ่วจื่อที่อยู่ข้างๆ ว่า "แจ้งเหล่าขุนนางทุกคนว่าข้าจะจัดประชุมขุนนางเช้า!"เสี่ยวลิ่วจื่อไม่กล้าขัด รีบเดินออกจากตำหนักบรรทมไปแจ้งข่าวกับเหล่าขุนนางทันทีเวลานี้ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูงเกือบครึ่งฟ้าแล้ว ซึ่งเลยเวลาประชุมเช้าไปนานแล้ว แต่ตอนนี้อวิ๋นฝานมิใช่คนเดิมอีกต่อไป ราชสำนักทั้งปวงอยู่ในกำ

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 33

    เช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นฝานรู้สึกสดชื่นแจ่มใสในระหว่างการต่อสู้เมื่อคืนที่ผ่านมา อวิ๋นฝานฉวยโอกาสสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวของหญิงสาวเย้ายวนคนนี้เจิ้งจี อดีตสนมที่เป็นที่โปรดปรานที่สุดของตัวเขาในอดีตตัวนางเป็นผลผลิตจากการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรต้าจ้าวที่พ่ายแพ้สงครามกับอาณาจักรต้าหมิงเมื่อสิบกว่าปีก่อนในช่วงที่ราชสำนักต้าหมิงยังไม่เสื่อมโทรม เคยมีขุนนางอาวุโสหลายคนเตือนให้เขาในอดีตอยู่ให้ห่างจากเจิ้งจีแต่ร่างเดิมซึ่งเป็นผู้หลงใหลในตัณหา กลับฟังเจิ้งจีทุกอย่าง แม้แต่การเสื่อมโทรมลงของราชสำนักต้าหมิงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีความเกี่ยวพันกับนาง"ฝ่าบาท..."เสียงที่อ่อนโยนและเย้ายวนของเจิ้งจีดังแผ่วผ่านเข้าหูของอวิ๋นฝาน ลมหายใจอุ่นๆ ของนางทำให้เขารู้สึกจักจี้ที่หูในขณะนี้ อวิ๋นฝานเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าอะไรคือ "ลมจากหมอนข้าง""ที่รัก เจ้าตื่นแล้วหรือ?"แม้อวิ๋นฝานจะมองด้วยสายตาเอ็นดู แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความคิดที่จะฆ่าต่อให้นางจะงดงามเพียงใด ก็ต้องมีชีวิตอยู่ถึงจะได้ชื่นชมความงามนั้น!"ฝ่าบาท~ หม่อมฉันมีคำขอหนึ่งที่อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไร..."ดวงตาของเจิ้งจี

  • หวนคืนสู่อดีตในฐานะทรราช   บทที่ 32

    หลิงหงเซวียนหน้าแดงด้วยความโกรธ ขบฟันแน่นขณะข่มขู่อวิ๋นฝานอย่างดุร้ายว่า "เจ้าบ้าอวิ๋น! ข้าขอเตือนให้เจ้าปล่อยข้าไป ถ้าลูกศิษย์และลูกหลานข้ารู้ว่าข้าตายแล้ว เจ้าคงรักษาแผ่นดินต้าหมิงเอาไว้ไม่ได้แน่!"เมื่ออวิ๋นฝานได้ยินดังนั้น สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไป หลิงหงเซวียนเห็นดังนั้นก็คิดว่าอีกฝ่ายกลัว จึงยิ่งเยาะเย้ยหนักขึ้น"เจ้าบ้าอวิ๋น ไม่สู้เจ้ายอมสยบให้ข้าดีกว่า รอให้ข้าพิชิตแผ่นดินได้ ข้าอาจแต่งตั้งให้เจ้าก็ได้เป็นอ๋องต่างแซ่ ฮ่าฮ่าฮ่า…""ตายซะ!"อวิ๋นฝานคำรามต่ำ เอาดาบหมิงตี้ในมือแทงตรงไปที่หลิงหงเซวียน เสียงหัวเราะของหลิงหงเซวียนหยุดชะงักทันที เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวอย่างไร้สิ้นสุด!"เคร้ง!"แต่สิ่งที่ทำให้อวิ๋นฝานขุ่นเคืองคือ หลิงหงเซวียนราวกับได้รับความช่วยเหลือจากภูติผี ในสถานที่รกร้างเช่นนี้ ดาบหมิงตี้กลับถูกดาบหักเล่มหนึ่งปัดกระเด็นออกไปได้อวิ๋นฝานกำลังจะควบม้าพุ่งไปเพื่อเหยียบหลิงหงเซวียนให้ตาย แต่ทันใดนั้นเงาดำร่างหนึ่งก็พุ่งผ่านไป ต่อมาอวิ๋นฝานก็รู้สึกตาพร่ามัว เมื่อมองดูอีกครั้ง หลิงหงเซวียนก็หายตัวไปแล้ว!"ยอดฝีมือ!"อวิ๋นฝานชะงักไป สอดส่ายสายตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status