หลินหลินหันไปมองหญิงอ้วนตรงหน้า แต่ยังไม่ทันทำอะไร ข้อมือบางก็ถูกกระชากดึงไปทันที
"แกรีบมากับข้าเดี๋ยวนี้ จะให้ใครเห็นนางหลานสาวตัวซวยคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด"
หลินหลินปล่อยให้ยัยป้าของร่างเดิมนี่ดึงเข้าไปในบ้าน เพราะนี่คือสิ่งที่เธอต้องการ
นึกว่าจะต้องปืนเข้ามาซะอีก
หลินหลินมองสำรวจบ้านหลังนี้ ไม่ต่างจากความทรงจำของร่างเดิม บ้านหลังนี้เป็นบ้านดิน แต่ค่อนข้างคับแคบ ตัวบ้านไม่ใหญ่มาก แต่กลิ่นเหม็นที่โชยมาน่าจะมาจากห้องส้วมหลังบ้าน
จากความทรงจำที่นี่ยังเป็นส้วมหลุมดิน โดยใช้หญ้าแฝกมาปิดปากหลุมคลุมไว้เท่านั้น เธอขมวดคิ้วเป็นปม
แรงกดที่ข้อมือไม่น้อยเลย แต่เธอก็อยากรู้ว่ายัยป้านี่ จะทำอะไร ท่าทางรุรี้รุรน ไม่อยากให้ใครเห็นว่าเป็นเธอมันเพราะอะไรกัน
ปึก..
ร่างของหลินหลินถูกเหวี่ยงไปตรงห้องเก็บฟืน นางชุน ย่าซิน รีบเอามือเช็ดกับกระโปรงอย่างรีบร้อนด้วยท่าทางรังเกียจ
"แกกลับมาทำไม ไม่ตายไปซะ ไสหัวออกไป ที่นี่ไม่มีที่ให้แกอีกแล้ว"
หลินหลินจับข้อมือมานวด นั่งก้มหน้า ไม่โต้ตอบอะไร เพราะยังไง ยัยป้านี่ก็คงบอกจุดประสงค์ของนางออกมาแน่
"แก....นังตัวซวย แกได้ยินที่ข้าบอกไหม? แกน่าจะตายไปซะก็จบ ทำไมต้องกลับมาทำให้ข้าเดือดร้อนอีก "
"แกฟังนะ...แกต้องออกจากที่นี่คืนนี้ อย่าให้ใครเห็นแกเด็ดขาด ข้าแจ้งกับหัวหน้าหมู่บ้านว่าแกตายไปแล้ว ค่าแรงที่แกลงงานไว้กับหัวหน้าหมู่บ้านข้าเบิกมาหมดแล้ว"
" ใช้หมดแล้วไม่มีคืนให้ ทุกคนรู้ว่าแกตายไปแล้ว เพราะฉะนั้น แกต้องหายไปซะจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ไม่งั้นข้านี่แหละที่จะฆ่าแกเอง"
หลินหลินเงยหน้าขึ้นมองไปที่ป้าของร่างเดิม ดวงตาเฉยชาไร้ความรู้สึก แต่สายตานี้กลับน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก นางชุน ถอยหลัง 1 ก้าวอย่างไม่รู้ตัว
แจ้งว่านางตายแล้ว? ถ้างั้นก็ตามนั้น นาม ชุนหลินหลิน ไม่เพราะสักนิด ไม่เหมาะกับข้าเลย คงต้องหาแซ่ใหม่สิน หลินหลินลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นที่กระโปรงออก สายตาตะหวัดโทสะออกมาไม่ปิดบังสักนิด
ในใจนึก เห้อ ชุดนี้ก็เก่าเหมือนผ้าขี้ริ้วขนาดนี้ยังจะมาทำให้มันเปื้อนอีก สภาพคงดูไม่ได้ ก่อนไปคงต้องคุยให้รู้เรื่อง
"หลังจากวันนี้ ข้ากับเจ้าคือคนแปลกหน้า บุญคุณความแค้นไม่มี หากเจ้ายังพูดจาร้ายๆ กับข้าแค่อีกหนเดียว.... ระวัง...ปากของเจ้ามันจะพูดไม่ได้อีก อ่อ และก็จริง ชุนหลินหลินนางตายไปแล้ว และข้าไม่ใช่นาง!"
สายตาอาฆาตมองจ้องไปที่นางชุน แค่นี้นางชุนก็กลัวจนตัวสั่น หลินหลินหยิบมีดออกมาจากความว่างเปล่า
"เฮือก...ผี ผี ผีนางเป็นผี ผีหลอกแล้ว ท่านพี่ ท่านพี่ออกมาเร็ว"
สองเท้ารีบวิ่งไปทางตัวบ้านด้วยความรีบ นางจึงสะดุดล้มหัวกระแทกพื้น
"ฮือ..ฮือ ...ช่วยด้วย ช่วยด้วย อร้าย...เลือด"
นางชุนกระเสือกกระสนยืนขึ้นเตรียมวิ่งอีกครั้ง..
"ท่านพี่ช่วยข้าด้วยยยย"
ปึก....อ่ะ...ร่างของนางชุนล้มลงกับพื้นหมดสติไป
หลินหลินใช้เท้าเขี่ยร่างหมดสติของนางชุน มองซ้ายขวาไม่มีใครก็เดินตรงไปยังโอ่งน้ำเก่าที่ติดกับห้องเก็บฟืน
หลินหลินยกอ่างตะแคงขึ้นเล็กน้อยก็พบกับกล่องไม้ที่ซ่อนอยู่ตรงกลางระหว่างหิน 2 ก้อนที่รองโอ่งอยู่ หลินหลินเปิดกล่องไม้พบกับถุงหอมเก่าๆ ด้านในมีเงินอยู่ 5 อีแปะและจี้หยก 1 อัน
ในความทรงจำ จี้หยกนี้แม่เธอให้ไว้ แต่มันไม่น่าจะใช่อันนี้ !
หลินหลินขมวดคิ้ว จี้หยกนี้อันเท่าฝ่ามือเป็นหยกไร้ที่ติ แกะสลักอักษรคำว่า เว่ยหลินหลิน มุมปากบางยกยิ้มขึ้นทันที เพราะยุคนี้สามารถนำหยกนี้ไปยืนยันตัวตนได้ แค่ต้องหาคนรับรองแค่นั้น แซ่นี้ล่ะกัน
"เว่ยหลินหลิน หลังจากนี้ข้าคือ เว่ยหลินหลิน"
หลินหลินเก็บจี้หยกเข้ามิติ ดูจากแสงตอนนี้คาดว่าน่าจะยามอู่(11.00น) จึงรีบเดินออกจากบ้านหลบผู้คนโดยใช้เส้นทางที่คนในหมู่บ้านไม่ค่อยใช้จากความทรงจำของร่างเดิม
เดินอ้อมอยู่นานจนมาถึงหน้าหมู่บ้าน หลินหลินตัดสินใจหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ทางเข้าหมู่บ้าน ตั้งจิตเข้ามิติไปแปลงโฉมทันที
หลินหลินเอาชุดกันหนาว ที่เป็นเสื้อกั๊กนวม กางเกงขายาวนวมมาสวมใส่ก่อนที่จะใส่ชุดของร่างเดิม ดีที่ชุดนี้เป็นชุดของนางชุนส่งต่อให้หลินหลินมันจึงใหญ่มาก แต่ร่างเดิมใช้เชือกมามัดไว้
เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วหลินหลินก็ใช้ผ้านี้โพกปิดหัวปิดปากให้เห็นแค่ดวงตา เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่เกวียนเข้าเมืองจะออกแล้ว หลินหลินก็เดินออกจากหลังต้นไม้ทันที
"แค่ก แค่ก แค่ก"
เสียงไอและท่าทางป่วยหนักของหญิงวัยกลางคนทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้หลีกหนี รังเกียจกลัวจะติดไข้หรือโรคร้าย นางจ่ายค่าเกวียนไป 3 อีแปะ
"ไป ไป ไปนั่นด้านโน้นเลยนะ อย่ามานั่งใกล้ข้า"
หลินหลินที่เดินจะถึงที่นั่งด้านใน กลับมีเสียงไล่ออกมาจากคนที่ขึ้นเกวียนมาก่อนหน้า ทำให้หญิงสาวชะงัก และหมุนตัวกลับออกไปนั่งทางท้ายรถแทน
"แค่ก แค่ก"
ตลอดทางไม่มีใครกล้านั่งใกล้นาง แม้ไม่มีที่นั่งก็เลือกที่จะขอไปนั่งหน้ากับคนขับเกวียน ภายใต้ผ้าคุมยกยิ้มล้า นางนี่ฉลาดใช้ได้
ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที ก็เห็นประตูเมืองอยู่ไกลๆ พอถึงทางเข้าเมือง ตอนแรกนางนึกว่าจะมีการตรวจคนก่อนเข้าเมืองซะอีก
แต่ก็ดีที่ไม่มี นางจะได้ตัดปัญหายืนยันตัวตนไป เกวียนวัวมุ่งหน้าแล่นเข้าไปจอดยังที่ที่มีเกวียนหมู่บ้านอื่นๆ จอดอยู่ ลุงคนขับเกวียนร้องบอก ว่าหากจะกลับให้มารวมตัวที่ยามเซิน(16.30น) เพราะนี่คือรอบสุดท้ายที่จะวิ่งแล้ว
นางลงจากเกวียนเป็นคนแรก ที่นี่ผู้คนคึกคัก มีร้านรวงมากมาย หลินหลินหาซอกมุมร้านค้าที่เป็นมุมอับเพื่อเข้ามิติ ถอดชุดนวมออกและใส่ชุดของร่างเดิมออกมา อย่างแรกที่นางมองหาคือร้านผ้า นางต้องการชุดของคนยุคนี้ที่มันพอดี ทำอะไรจะได้คล่องตัว เรื่องเงินนั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะนางนั้นรวยมาก
"เจอแล้ว ... "
หลินหลินมุ่งตรงไปยังร้านค้าผ้าที่ใกล้ที่สุด แต่ยังไม่ทันเข้าไปเลือกผ้าก็พบกับสายตารังเกียจจากหญิงวัยกลางคนผู้ดูแลร้านเสียแล้ว
"มีทุกยุคทุกสมัยจริง"
หลินหลินตัดสินใจหันหลังเดินออกจากร้านทันที เธอไม่ยอมซื้อขายกับคนแบบนี้เด็ดขาด
ถัดไปไม่ไกลมีร้านผ้าอยู่อีกหนึ่งร้าน ร้านนี้ไม่ใหญ่มากแต่มีคนเดินเข้าออกตลอด หลินหลินเดินเข้าไปก็มี หญิงสาวอายุ 17-18 หนาวรีบมาสอบถามว่า
"ต้องการหาสิ่งใดเจ้าคะ"
หลินหลินมองไปที่ผู้ดูแลร้านด้านในที่ยิ้มการค้า ร้านนี้ไม่รังเกียจสภาพอนาถาอย่างนาง
" ดีล่ะ เอาร้านนี้แหละ"
หลินหลินพึมพำก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน
"ข้าต้องการชุดสัก 2-3 ชุด"
"เชิญทางนี้เจ้าค่ะ ทางร้านมีชุดตัดสำเร็จให้เลือกมากมายเลยเจ้าค่ะ"
หลินหลินเดินตามคนขายเข้าไปข้างในร้านอีกฝั่ง
"อือหือ...ชุดสวยๆ ทั้งนั้นเลย"
เธอพูดกับตัวเอง
เสี่ยวลี่เห็นหลินหลินยังไม่เดินไปจับชุดไหน จึงตัดสินใจเอาชุดผ้าเรียบสีม่วงเข้มลงมาให้ดู เพื่อที่นางจะรู้ว่าหลินหลินชอบแนวไหน
"ชุดนี้ราคาไม่แพงและผ้าดีมากเลยนะเจ้าคะ ด้านในเป็นผ้าทอพิเศษ เรียบลื่นไม่ระคายผิวแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ"
หลินหลินมองตามเนื้อผ้าก็พอใจชุดนี้เช่นกัน
"ชุดนี้เท่าไรหรือ"
เสี่ยวลี่ไม่ปล่อยโอกาสทอง นางรีบนำเสนอขายทันที
หลินหลินปิดจบชุดไปที่ 4 ชุด ชุดละ 2 ตำลึงเงิน บางชุดก็ 5 ตำลึงเงิน รวมแล้วนางจ่ายค่าชุดไป 14 ตำลึงเงิน หลินหลินทำมือล้วงเข้าอกเสื้อ แต่จริงๆ นางเอาออกจากมิติต่างหาก พอจ่ายเงินเสร็จแล้ว นางขอเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดสีม่วงชุดแรกนั่นเอง
เสี่ยวลี่เข้ามาดูแลหลินหลินและจัดทรงผมให้นางใหม่ ตอนนี้นางดูดีขึ้นมาก แต่ผิวที่แห้งกร้าน ค้ำแดด กับความผอมที่ปลิวลมนี้นางต้องรีบจัดการ ก่อนหน้านี้นางมัวแต่จัดการมิติ
ตอนนี้คงต้องเริ่มหันมาดูแลตัวเองบ้างแล้ว หลินหลินเดินออกจากร้านผ้า เพื่อหาโรงเตี๊ยม
เดินไปไม่นานก็พบโรงเตี๊ยมจันทรา เป็นโรงเตี๊ยมที่น่าจะใหญ่ที่สุดที่นี่แล้วกระมัง เพราะดูจากพื้นที่ที่สร้างกินพื้นที่ไปถึง 5 อาคารเรือน และมีถึง 3 ชั้น ทุกอย่างดูหรูหราและกลับให้ความรู้สึกปลอดภัยไปในคราเดียวกัน
หลินหลินเข้าไปก็มีเสี่ยวเอ้อเข้ามาต้อนรับทันที
"คุณหนูมาทานอาหาร หรือต้องการห้องพักขอรับ"
"ข้าต้องการห้องพัก 2-3 คืนเจ้าค่ะ"
"ถ้า 3 คืน ทางโรงเตี๊ยมเรามีว่างแต่ชั้น 3 ห้องพิเศษ คืนละ 5 ตำลึงขอรับ"
หลินหลินพยักหน้าและส่งตำลึงให้เสี่ยวเอ้อ เสี่ยวเอ้อรีบวิ่งไปด้านข้างที่มีไม้ฉากกั้น คาดว่าเหมือนการทำเรื่องเบิกกุญแจให้นางละมั้ง ระหว่างรอนางกวาดตามอง
ที่นี่ตกแต่งออกมาได้ดีมาก สะอาด บรรยากาศดี ด้านล่างแบ่งโซนชัดเจน มีที่ทานอาหาร 2 แบบ คือการนั่งรวมทั่วไป และมีแบบให้ความเป็นสัดส่วนขึ้นมา โดยที่โซนนี้จะมีฉากกั้นแบ่งกั้นแต่ละโต๊ะ คล้ายโซน VIP ในยุคที่นางอยู่ แบบสามารถมองเห็นกันลางๆ บ่งบอกเป็นนัยๆ ว่าคนระดับเดียวกัน
"เชิญทางนี้ขอรับ"
เสี่ยวเอ้อนำทางขึ้นชั้น 2 และแนะนำว่าชั้น 2 เป็นห้องพัก และห้องทานอาหารส่วนตัวเป็นห้องๆ
ส่วนชั้น 3 จะเป็นห้องพักพิเศษทั้งชั้น นางเดินตามเสี่ยวเอ้อไปเฉยๆ ไม่ได้สอบถามอะไร จนมาหยุดที่ห้องหมายเลข 3 มุมปากบางยกยิ้ม ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติที่แล้ว นางมักจะได้เลข 1 หรือ 3 เสมอ
นี่คือเลขโชคดีที่นางคิดว่าพระเจ้ามอบให้นาง เสี่ยวเอ้อไม่รอช้าเปิดประตูห้องและโค้งตัวให้นางเดินเข้าไปทันที
อืมหืม.....!
หลินหลินมองห้องพักที่นางจ่ายไปถึง 5 ตำลึง ทุกอย่างดูเหมาะสมกับราคา เพราะห้องนี้กว้างขวางมาก ไม่มีกลิ่นอับ ภายในห้องจุดกำยานหอมอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ที่สำคัญมีพื้นที่ให้ใช้สอยเยอะไม่อึดอัด ห้องนี้น่าจะสามารถพักได้ถึง 4 คนสบาย ๆ เลยด้านในทางซ้ายมือ มีเตียงไม้ขนาดใหญ่ 1 หลัง ตรงกลางห้องมีโต๊ะกินอาหารทรงกลมแกะสลักลวดลายสวยงาม พร้อมเก้าอี้เข้าชุด 4 ตัว วางล้อมรอบโต๊ะ ถัดไปทางขวาจะมีฉากกั้นลายดอกเหมยขนาดใหญ่ น่าจะเป็นห้องอาบน้ำหลินหลินเดินไปเปิดหน้าต่างเป็นอย่างแรก บนห้องพักนี้มีหน้าต่างขนาดใหญ่พร้อมตั่งยาวไว้ให้นั่งมองออกไปชมวิวสวนทางด้านหลังของโรงเตี๊ยมด้วยมองออกไปภายนอกดูร่มรื่นเพราะภายในสวนมีการตกแต่งต้นไม้ใหญ่ไว้หลายจุด เจ้าของที่นี่ช่างร่ำรวยเสียจริง แต่หากให้นางเดา ต้องเป็นบุรุษไม่ใช่สตรีแน่นอน เพราะการตกแต่งออกไปทางดุดัน ซื่อตรงหลินหลินปิดหน้าต่างลงก่อนจะเดินไปดูส่วนของห้องอาบน้ำ เห็นอ่างไม้ขนาดใหญ่ และมีโถไม้ขับถ่ายวางไว้ใกล้กันเมื่อสำรวจจนพอใจแล้ว หลินหลินจึงเดินมาที่โต๊ะหนังสือ ที่นี่ใจปล้ำเหมือนกันนะเนี่ย ถึงกับมีกระดาษและหมึกไว้ให้อย่างละ 1 ชุด แม้กระดาษที่ให้จะไม่ใ
“เถ้าแก่ ข้าจะจ่ายเงินให้ท่านครึ่งหนึ่งของราคาสินค้าทั้งหมด ท่านออกใบลงนามรับรองการจ่ายเงินให้ข้า ส่วนวันที่จะมารับข้าจะแจ้งท่านอีกที"เถ้าแก่มองสำรวจที่อาภรณ์ของคุณหนูตรงหน้า นางไม่พกถุงหอม ไม่มีเครื่องประดับสักชิ้น เมื่อแน่ใจแล้วว่านางไม่มีถุงมิติ จึงเอ่ยปากแนะนำ"คุณหนูขอรับ ข้าขอแนะนำท่านสักเรื่อง หากคุณหนูจะขนของพวกนี้ไปไกลจากเมืองนี้ ข้าแนะนำให้คุณหนูเช่าถุงมิติจากหอเซียงซิน ที่นั่นมีให้เช่าของวิเศษหลายอย่าง แม้ถุงมิติราคาสูงหน่อย แต่มันสามารถใส่สิ่งของได้เยอะ ปลอดภัยจากโจร หรือความเสียหายของการเดินทางขอรับ”“ดูจากของที่คุณหนูซื้อแล้ว ต้องใช้เกวียนขนหลายคัน เสี่ยงต่อการเสียหายและถูกปล้นกลางทาง อีกอย่าง เมื่อครบกำหนดวันสัญญาเช่าถุงมิติ เราไม่ต้องเสียเวลาไปคืน ถุงมิติทุกใบจะลงเวทไว้ มันจะกลับคืนสู่หอเซียงซินโดยที่ผู้เช่าไม่ต้องนำไปคืนเลยขอรับ"เถ้าแก่ตัดสินใจแนะนำวิธีนี้ไป เพราะดูจากการที่นางซื้อของแล้วนางมีเงินพอที่จะจ่ายค่าเช่าถุงมิติแน่นอน และคุณหนูหลายๆคนไม่ทราบว่ามีวิธีนี้"หืม... ถุงมิติ งั้นหรอ ข้ารอดแล้ว"หลินหลินพยักหน้ายกยิ้มบาง "เถ้าแก่ อีกครึ่งชั่วยามข้าจะมารับสินค้า
"กรี๊ดดดด........นี่มัน!!!" นางลอกคราบ...นางเป็นงูหรอ...เอ้ย..นางเป็นคนสินางเป็นคน หลินหลินเธอต้องตั้งสติ.....ความเจ็บปวดที่เพิ่งผ่านพ้นไปยังคงทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกาย ผิวหนังที่หลุดลอกเป็นแผ่น ๆ ทำให้หลินหลินอดคิดถึงงูที่ลอกคราบไม่ได้ ความรู้สึกแสบร้อนยังคงติดตรึงอยู่บนผิวหนังทุกตารางนิ้ว เหมือนถูกไฟลนแผดเผาจนแทบสลายหลินหลินค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามแขนเรียวอย่างระมัดระวัง ผิวหนังเก่าที่แห้งกร้านและหมองคล้ำกำลังถูกผลัดออกไปทีละน้อย เผยให้เห็นผิวใหม่ที่ขาวเนียนสวยราวกับไข่มุกเบื้องล่าง ความเจ็บปวดเริ่มจางหายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจ"กระจก" หลินหลินพึมพำเรียกหาสิ่งที่จะสะท้อนภาพของเธอในตอนนี้พรึบ! กระจกขนาดไม่ใหญ่มากปรากฏขึ้นเบื้องหน้า หลินหลินมองภาพสะท้อนของตัวเองด้วยความตกตะลึง นางงดงามกว่าดาราจีนในยุคของนางเสียอีก งามแบบไม่น่ามีอยู่จริงบนโลก "งานพอ ๆ กับเล่อปาเลยอิอิ"หลินหลินเหม่อมองภาพที่ปรากฏอยู่ เหมือนนางมองสาวงามล่มเมือง ร่างกายสวยงามที่สมส่วนรับกัน เครื่องหน้าทั้งห้า งดงามไร้ที่ติ ทุกอย่างลงตัวเหมือนสวรรค์สร้าง ผิวเนียนขาวใส ใบหน้าเรียวรีรูปไ
หลินหลินนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ม้าโยก มองระบบเก็บเกี่ยวผลผลิตและขายออกแบบอัตโนมัติ ผลผลิตนางตั้งระบบไว้ เก็บ 50% ขายออก 50% แต่ผลผลิตก็ออกไวมาก ทำให้นางต้องอัปเดตโกดังอยู่ตลอด ตอนนี้นางมีเงินในระบบจากการขายแจกันและของจากระบบเยอะมาก เรียกได้ว่าโจรปล้น 100 ครั้งก็ยังไม่หมดตัว ฮ่าๆๆ เมื่อมองดูแล้วนี่คงใกล้รุ่งเช้าแล้ว หลินหลินจึงออกจากมิติไปยังห้องพักพรึ่บ..หลินหลินมองห้องที่มืดสนิท ข้างนอกคงยังไม่สว่าง แต่มีแสงของพระอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นมาบ้างแล้ว นางลองเปิดประตูออกไปข้างนอก ไม่คิดว่าจะเจอใคร แต่กลับพบเสี่ยวเอ้อนั่งอยู่ตรงริมสุดทาง หรือว่าที่นี่เสี่ยวเอ้อรอให้บริการแขกตั้งแต่รุ่งเช้า.... เสี่ยวเอ้อไม่รอช้ารีบเข้ามาสอบถามนางทันที แต่ก็ต้องชะงักกับความงามของสตรีตรงหน้า เพราะคุณหนูท่านนี้ไม่ใช่คุณหนูคนเมื่อวาน แต่เป็นห้องนี้แน่ เพราะเมื่อวานเป็นเขาเองที่พานางมาส่ง คุณหนูท่านนี้งดงามมาก.. มากกว่าทุกคนที่เขาเคยพบเห็นมา เสี่ยวเอ้อเรียกสติตนเอง โค้งตัวก้มหน้าลง และสอบถามทันที "คุณหนูต้องการสิ่งใดหรือไม่ขอรับ"หลินหลินยืนนิ่ง.... คิดในใจว่าเสี่ยวเอ้อต้องจำนางไม่ได้แน่ ถ
ทางฝั่งหลินหลิน... ย้อนกลับไปตอนที่หลังเสี่ยวเอ้อรับถุงเงินและออกไป นางก็เข้ามิติไปเช็คราคาเครื่องประดับทั้งหมด เป็นอย่างที่นางคิดไม่มีผิด ของพวกนี้ทำกำไรให้นางเยอะมากหลินหลินไม่รอช้า นางออกจากห้องพักมุ่งหน้าสู่ร้านเครื่องประดับต่างๆ นางใส่ผ้าคลุมแปลงโฉม ตอนนี้ผู้คนจึงเห็นว่านางเป็นหญิงสาวอายุ 27-28 ปีก่อนหน้านี้ หลินหลินจ้างปู่หลิวกับสือหย่ง (ชายชราและเด็กน้อยที่รับจ้างตรวจเช็คแจกันให้นาง) ให้พวกเขาไปเช่ารถม้าพร้อมคนขับมา 1 คัน ปู่หลิวรับคำและไปจ้างคนที่รู้จักกันในหมู่บ้านคนนี้มีนามว่า หานเซียว เขาเคยเป็นทหารแต่ได้รับบาดเจ็บจึงออกจากการเป็นทหารมารับจ้างขับรถม้าแทนหลินหลินนั่งรอที่ร้านน้ำชาเล็ก ๆ ริมถนน ถัดไปอีก 2 ซอย นางวางแผนว่า นางจะนั่งรถม้าชมรอบเมืองสักหน่อยนางอยากดูวิธีชีวิตของคนที่นี่... เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้ง 3 คนก็มายืนรอรับคำสั่งจากนาง หลินหลินส่งชุดให้ทุกคนเปลี่ยน พวกเขาไปหลบหลังรถม้าที่เป็นมุมอับ.. ลับตาคน และรีบเปลี่ยนชุดออกมาทันที...ชุดมีลักษณะเหมือนกันทั้ง 3 ตัว เป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพง สีเทาเข้ม มีแค่ของปู่หลิวที่จะตัดขอบดำไม่เหมือนอีก 2 คน นางสั่งทุกคนว่า"ห
ผู้ดูแลสั่งให้คนเชิญหลินหลินขึ้นไปชั้นสอง ห้องที่ 3 ชั้นนี้เป็นห้องส่วนตัว มีไว้ต้อนรับแขกคนสำคัญ คู่ค้า หรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้นระหว่างที่หลินหลินและปู่หลิวเดินตามคนนำทางไป ผู้ดูแลก็รีบไปเรียนนายท่านใหญ่ทันทีก๊อก ก๊อก ก๊อก ผู้ดูแลรอสัญญาณเสียงจากคนด้านในก่อน รอไม่นานเสียงนายท่านใหญ่ก็ดังขึ้น "ว่ามา..." ผู้ดูแลไม่ชินกับเสียงดุดันนี้เลยจริงๆ ... "เรียนนายท่านใหญ่ขอรับ มีคุณหนูท่านหนึ่งต้องการซื้อเครื่องประดับจำนวนมาก ข้าน้อยเลยมาแจ้งนายท่านใหญ่ก่อนขอรับ"เย่วเทียนชุนขมวดคิ้วเป็นปม ร้านเขาเป็นร้านอันดับ 1 ของเมืองนี้ คนที่ต้องการซื้อของส่วนใหญ่ผู้ดูแลจะเป็นคนดูเอง ไม่เคยต้องให้เขาไปดูแล "ซื้อจำนวนมาก? ... มากแค่ไหน ถึงกับต้องมาตามเขา"มุมปากหนายกยิ้ม เขาเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าใครมาเล่นตลกกับเขากันเทียนชุนวางสมุดบัญชีลง เขาตรวจบัญชีเสร็จพอดี มีอะไรอย่างอื่นให้ทำบ้างก็ดี ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เมื่อด้านในมีเสียงความเคลื่อนไหว ผู้ติดตามหน้าห้องทั้ง 2 ก็เปิดประตูรอนายของตนเองทันทีผู้ดูแลเดินนำเทียนชุนไปยังห้องพิเศษห้องที่ 3 เขารู้สึกถึงรังสีกดดันจากทางข้างหลัง ความจริงเขาแค่จ
"500 เหรียญทองก็ย่อมได้... แต่มีข้อแม้หนึ่งข้อ ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะซื้อขายกับข้าอีกครั้ง" เทียนชุนเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาคมกริบจับจ้องหลินหลินไม่คลาดสายตาราวกับจะมองทะลุผ่านใบหน้าของนางผู้ดูแลแทบเป็นลม... กำไรหายไปอีก 57 เหรียญทอง ทำไมนายท่านยิ่งเจรจามันกลับยิ่งน้อยลง หรือคนโง่ ๆ อย่างเขาจะไม่เข้าใจการค้ากันนะ.....หลินหลินครุ่นคิด ตอนแรกนางแค่จะมาเหมาสินค้าเข้าระบบ ไม่คิดผูกขาดกับใคร..."เรียนคุณชายตามตรง พรุ่งนี้.. ข้ากำลังจะออกเดินทางไปทางใต้ ไม่ได้อยู่เมืองนี้ ไม่ทราบว่าท่านมีร้านอยู่ทางใต้บ้างไหมเจ้าคะ"เทียนชุนชะงักไปเล็กน้อย น่าเสียดายที่นางจะไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้แล้ว และอีก 2 วัน ตัวเขาเองก็ต้องออกเดินทางขึ้นเหนือ"ร้านค้าตระกูลเย่วมีหลายสาขาทั่วทั้งแคว้น"เสียงเข้มเอ่ยขึ้น เหมือนมีความไม่พอใจเจืออยู่เล็กน้อย"เจ้าจะลงใต้ไปเมื่อใด""ข้าจะไปเหมาสินค้าอีก 2-3 ร้านเจ้าค่ะ และจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ"" ต้องการสินค้ามากมายขนาดนั้น ...เจ้าจะเปิดร้านขาย? ""ข้าไม่ได้จะเปิดร้านเจ้าค่ะ ข้าแค่โชคดีที่มีลูกค้าเป็นพวกพ่อค้าต่างแคว้น ของทั้งหมดมีคนต้องการซื้ออยู่แล้วเ
หลินหลินเข้ามิติมาเพื่อดูว่าตัวนางจะหายไปจากตรงนั้นไหม นางดูนาฬิกา ตอนนี้ 10 วิแล้วที่นางอยู่ในมิตินางลุ้นมาก สิ่งที่นางคิดไม่น่ามีอะไรผิดพลาด มันเป็นทฤษฎีของแมลง นักวิทยาศาสตร์มีการวิจัยเกี่ยวกับความสามารถอันน่าทึ่งของแมลงไว้ว่า แมลงบางชนิดสามารถบินหลบสายฝนได้โดยที่ตัวมันไม่เปียกด้วยซ้ำ!ซึ่งแมลงพวกนี้มีสายตาที่ไวมากเป็นพิเศษ แถมยังมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลันอีกด้วย ซึ่งการตอบสนองของมันไวกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า!แมลงบางชนิดจะมีดวงตาที่ขาและมีดวงตาขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเลนส์ขนาดเล็กจำนวนมากมายเรียงกัน เลนส์เหล่านี้ทำหน้าที่รับภาพและประมวลผลออกมา ซึ่งมีความไวมากกว่ามนุษย์มากถึง 4 เท่า บวกกับมันสามารถทำความเร็วในการบินได้ 8 กม. ต่อชม. นั้นทำให้มันมองเห็นภาพเป็นแบบสโลว์โมชั่น ความสามารถการมองเห็นแบบสโลว์โมชั่นของมัน ทำให้การตบจากมนุษย์เป็นแค่การตบแบบสโลว์โมชั่นของมันเท่านั้นเมื่อหลินหลินลองเทียบเวลา 1 เดือนในมิติกับ 1 วันภายนอก มันมีความต่างที่เหลื่อมล้ำกับการรับภาพผ่านดวงตาของมนุษย์ทั่วไป นางเลือกทั้ง 3 คนนี้เป็นกลุ่มแรกที่นางจะทดลอง เพราะพวกเขาบางคนไม่มีพลังเวท หานเซียวมีแค่เวทระด
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงที่หน้าจวนตระกูลเจียง ขบวนของท่านแม่ทัพหยางเทียนชุนมาถึงแล้วหลินหลินรู้สึกตกใจเล็กน้อย ที่เห็นขบวนของเขายิ่งใหญ่อลังการกว่าที่คิด ธงทิวสีดำปักลายพยัคฆ์คำรามสีทองโบกสะบัดท้าทายสายลม ทหารองครักษ์กว่าสามสิบนายอยู่ในชุดเกราะสีดำขลับ พวกเขาขี่ม้าศึกสง่าผ่าเผย อาวุธและเครื่องแบบล้วนประณีต บ่งบอกถึงยศศักดิ์หลินหลินรู้ดีว่า หยางเทียนชุนต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่านางเป็นคู่หมั้นของเขา แม้จะมีข่าวลือออกไปบ้างแล้ว แต่การปรากฏตัวพร้อมขบวนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นางก็อดคิดไม่ได้ว่า .... ท่านแม่ทัพทำเรื่องใหญ่โตเกินไปแล้วหัวใจของหลินหลินเต้นแรง ด้วยความตื่นเต้นและประหม่านี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้ออกเดินทางไกลในโลกใบนี้ชาวบ้านต่างพากันมามุงดู ส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นขบวนของท่านแม่ทัพ วันนี้หลินหลินเลือกสวมชุดสีดำ ที่ดูทะมัดทะแมงคล้ายกับชุดของเหล่ายอดฝีมือ ผมยาวของนางถูกรวบเป็นหางม้าง่ายๆ ท่านแม่ทัพไม่ได้ให้นางปลอมตัวเป็นบุรุษเพราะยังไม่มีเครื่องรางหรือของวิเศษใดๆ ที่สามารถเปลี่ยนจากสตรีเป็นบุรุษได้ เขาบอก
"ท่านแม่... ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ อ๊ะ! ท่านพ่อยังไม่ไปร้านหรือเจ้าคะ?” "พ่อเจ้าอยู่จัดการเรื่องส่งคนเร่ร่อนไปหัวเมืองต่างๆ พร้อมกับขบวนคาราวานพ่อค้าที่พ่อของเจ้ารู้จักแทนลูกน่ะสิ...นี่ก็เพิ่งจะสั่งคนของเจ้าไป พวกเขาคงไปทำตามที่พ่อเจ้าสั่งอยู่""ข้าฝากเรื่องนี้กับท่านพ่อด้วยนะเจ้าคะ"หลินหลินหันไปส่งสายตาออดอ้อน "จะกอดแค่เพียงแม่เจ้าคนเดียวพ่อก็น้อยใจแย่...""โอ๋ๆลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ" หลินหลินสลับกอดท่านพ่อท่านแม่จนทั้งสองคนต้องบอกให้นางหยุดเพราะกลัวนางจะเหนื่อย... เจียงเหวินไม่อยากจะแจ้งบิดากับมารดาว่าอีกสองวันพวกเขาต้องออกเดินทางขึ้นแดนเหนือ อยากให้ท่านแม่มีความสุขมากกว่านี้อีกหน่อย แต่คงจะไม่ได้ เพราะท่านแม่ชวนหลินเอ๋อร์ออกจากจวนไปซื้อของในวันพรุ่งนี้ ยังไม่ทันที่หลินหลินจะรับปาก พี่ใหญ่ก็ขัดขึ้นมาก่อน "ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ ข้ามีเรื่องต้องแจ้งขอรับ" หลินหลินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก.....ทำไมสายตาพี่ใหญ่ถึงมองนางแบบนั้น "ข้าและน้องต้องเดินทางขึ้นแดนเหนือวันมะรืนนี้ขอรับ และท่านแม่ทัพ มีคำสั่งห้ามหลินเอ๋อร์ออกจ
"นายกองลี่ เข้ามา"ไม่ถึง 2 ลมหายใจก็มีบุรุษอีกคนเข้ามาภายในห้อง เขาคือหนึ่งในผู้คุ้มกันฝีมือดี"หากเจ้าหนีเขาได้ภายใน 1 จิบชา ข้าจะให้เจ้าร่วมขบวน"1 จิบชา เขาดูถูกนางเกินไปแล้ว.....บรรยากาศในห้องตึงเครียดขึ้นทันที "ท่านแม่ทัพ!"เจียงเหวินที่กำลังจะกล่าวบางอย่าง...ต้องเงียบเสียงลงด้วยเสียงของน้องสาว "พี่ใหญ่ไม่เชื่อใจข้าหรือเจ้าคะ"ลี่เฟยได้ยินคำสั่งผู้เป็นนายก็คิดจะลงมือทันที แต่เขาขยับตัวไม่ได้ เหมือนมีลมมายึดตัวเขาไว้ ลมในห้องพลันหมุนวนรอบตัวเขา ราวกับกรงขังที่มองไม่เห็น"แม่นาง เจ้าทำอะไร ทำไมข้าขยับตัวไม่ได้...""ข้าแค่ใช้เวทลมเล็กน้อยเจ้าค่ะ" รอยยิ้มหวานกล่าว..แต่แววตากลับเฉียบคมไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อยหลินหลินมองไปที่ผู้สั่งการ เห็นเขาค่อยละเมียดจิบชาช้าๆ ก็นึกหมั่นไส้ เขาไม่ยอมให้นางใช้วิธีนี้... ถ้านางไม่ทำอะไรสักอย่างเขาคงไม่ให้นางไปสินะหลินหลินถอนหายใจ เรียกดาบที่ห้องใต้ดินออกมา ดาบเล่มนั้นปรากฏขึ้นในมือ นางปลดเวทลมให้นายกองลี่ แล้วกระโดดออกจากทางหน้าต่าง ร่างของนางพุ่งทะยานออกไปดุจพญาเหยี่ยวนายกองลี่ไม่รอช้า เขาเรียกดาบยาวออกมา และตามนางออกไปทันที เสียงฝีเท้าหนัก
"พวกเราสามคนนอนไม่หลับ ใจพี่รอให้ถึงรุ่งเช้าเพื่อสะสางปัญหา หากเจ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดพี่คงไปอุ้มเจ้าที่เรือนแล้ว " "ฮ่าๆๆๆ"หลินหลินส่ายหน้ากับความขี้เล่นของพี่ชาย วันนี้นางไม่ได้เอาอาหารออกจากมิตินางแจ้งท่านแม่ไปแล้วว่าอยากลองทานอาหารฝีมือแม่ครัวที่จวน ทุกคนทานอาหารเช้ากันอย่างอารมณ์ดี มีแต่เจียงเหวินเท่านั้นที่เติมข้าวไป 3 ถ้วยแล้ว แต่หลินหลินก็ยังกินไปแค่ครึ่งถ้วย เขาไม่กล้าเร่งน้อง แต่ตอนนี้ใจเขามันร้อนรุ่มเหลือเกินหลินหลินเห็นสายตาที่พี่ใหญ่มองมาเป็นระยะ ก็รู้ว่าเขาร้อนใจ นางจึงเร่งการกินให้หมดถ้วยแค่เพียงหลินหลินวางถ้วยน้ำชา เจียงเหวินก็อุ้มน้องวิ่งขึ้นรถม้าออกไปเลย ฮูหยินเจียงส่ายหน้ากับลูกชาย แต่นางก็เข้าใจว่ารีบไว้ดีกว่าไม่ทันการ เขาย่อมต้องรู้สถานการณ์ว่าต้องรีบหรือไม่รีบ ยังดีที่รอน้องกินข้าวหมดก่อน ทางด้านหลินหลินก็กรอกตามองบน"พี่ใหญ่ ท่านรีบขนาดนี้ไม่ไปปลุกข้าตอนยามโฉ่วแทนเล่า (01.00 น.) "หลินหลินกล่าวประชดประชันแต่แววตามีแต่ความขบขัน"หลินเอ๋อร์ เข้าใจพี่หน่อยเถิด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ กว่าเราจะจัดเสบียงและเดินทางถึงแดนเหนือใช้เวลานานนัก เราต้องรีบแล้ว"หลินห
ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น "พรสัมฤทธิ์ผล"ภาพความทรงจำเก่าๆ พรั่งพรูเข้ามาในห้วงคำนึงหลินหลินเห็นภาพของครอบครัวที่อบอุ่น ภาพของพวกเขารักและดูแลนางเหมือนไข่ในหิน แต่แล้วความสุขก็พังทลายลง เมื่อนางทำผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง นางหลงเชื่อคนรักจนนำภัยมาสู่ครอบครัว สุดท้าย พวกเขาก็ต้องตายอย่างน่าอนาถแต่แม้ถึงวาระสุดท้าย พวกเขาก็ไม่เคยกล่าวโทษนางเลยสักคำ มีเพียงความรักและความปรารถนาดีที่จะปกป้องนางจนลมหายใจสุดท้ายความเจ็บปวดจากอดีตชาติแล่นริ้วเข้ามาในหัวใจราวกับคมมีดกรีดลึก ความรู้สึกผิด ท่วมท้นจนนางแทบหายใจไม่ออก ราวกับมีมือที่มองไม่เห็น บีบคั้นหัวใจของนางเสียงหัวเราะแห่งความสุขยังคงดังต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเบิกบานราวกับฟ้าหลังฝน นายท่านเจียงและฮูหยินเจียงโอบกอดกัน มองภาพเจียงเหวินที่กำลังอุ้มหลินหลินหมุนไปมาด้วยแววตาเปี่ยมสุข"ฮือ...ฮือ ไม่เอาแล้วนะเจ้าคะ ถ้าทำอีกข้าโกรธจริงๆ ด้วย " น้ำตาของหลินหลินไหลอาบแก้ม ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความเสียใจจากภาพความทรงจำอันเจ็บปวดในอดีตชาตินางเกิดมาพร้อมกับความรักความอบอุ่นของพวกเขา เป็นความรู้สึกที่นางโหยหามาตลอ
"ขอรับ จริงขอรับ""ถ้าอย่างนั้น...เจ้ามีสตรีในดวงใจหรือยัง?""ยังขอรับท่านแม่ แต่หากจะจับคู่ให้ข้า ท่านคงต้องผิดหวังแล้ว""ข้ามองนางเป็นดังน้องสาวขอรับ"ฮูหยินเจียงส่งค้อนให้ลูกชายแล้วหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า"หลินเอ๋อร์ เจ้าอยากไปดูเรือนพักของเจ้าก่อนไหม? ป้าจะพาเจ้าไปเอง "หลินหลินส่ายหน้า"ท่านลุงกับท่านป้ายังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยเจ้าค่ะ""พวกเรามาทานอาหารกันก่อนดีกว่าไหมเจ้าคะ มื้อนี้ข้ามีของอร่อยอีกเพียบเลยนะเจ้าค่ะ""ดี ดี ลุงอยากกินอาหารของหลินเอ๋อร์ อาหารเจ้าอร่อยยิ่งนัก"ทั้งสามคนลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาหาร ท่านป้าเลิกแกล้งพี่เจียงเหวินเถอะเจ้าค่ะ ดูเขาทำหน้าเศร้าสิเจ้าคะ"ฮ่าๆๆๆ"ทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เจียงเหวินยิ้มอบอุ่น มองทั้งสามหัวเราะ เขาจะจดจำภาพนี้ฝังไปในใจเขาตลอดไป หากวันหนึ่งเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เขาก็หวังว่านางจะยังคงรักบิดามารดาเขาบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี ให้พวกท่านได้อยู่บนโลกนี้ต่อไปได้เจียงเหวินหลบสายตามองลงพื้น เขาไม่กล้าบอกบิดามารดา ว่าเขาทำงานพลาด และโทษใหญ่หลวงกำลังรอเขาอยู่ เขาขอเวลาท่านแม่ทัพไว้ 10 วันตอนนี้เขาเหลือเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น เ
เมื่อแจกทุกอย่างครบแล้ว หลินหลินก็ประกาศเรื่องสำคัญทันทีนายท่านเจียงกับฮูหยินเจียงมายืนประกบข้างหลินหลิน ฮูหยินเจียงมองหลินหลินด้วยแววตาชื่นชม นางก็อยากรู้ว่าหลินเอ๋อร์จะทำสิ่งใดหลินหลินกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่เบื้องหน้า นางเห็นความหวังริบหรี่ในแววตาของพวกเขา หลายคนผ่ายผอม อิดโรยจากความยากลำบาก"สิ่งสุดท้ายที่พวกท่านจะได้วันนี้ คือทางเลือก " หลินหลินเอ่ยเสียงดังฟังชัด"สวรรค์จะมอบทางเลือกให้พวกท่าน ขอให้พวกท่านตัดสินใจให้ดีเสียงของหลินหลินก้องกังวานไปทั่วบริเวณ เหมือนเสียงสวรรค์ที่หยาดลงมาปลุกความหวังในใจคนสิ้นหวัง"เย็นนี้จะมีคนของข้า ทั้งสามคนมาให้พวกท่านลงนามแจ้งความประสงค์ หากพวกท่านต้องการเดินทางไปเมืองใด ข้าจะเป็นคนจ่ายค่าเดินทางให้พวกท่านทั้งหมดเอง"เสียงฮือฮาดังขึ้น คนเหล่านั้นมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ"โดยค่าเดินทางนี้ข้าจะจ่ายให้กับกองคาราวานหรือรถเทียมวัวที่ข้าจ้างวานโดยตรง แม้การเดินทางมันไม่ได้สบายนัก แต่ก็คงไม่ลำบากจนพวกท่านทนไม่ได้" หลินหลินเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด"และอีกหนึ่งเรื่องคือ พวกเจ้า เจ้าเจ้า"หลินหลินชี้นิ้วไปยังคนที่ดวง
เมื่อคนเร่รอนเริ่มเห็นข้าวของจำนวนมาก ก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาสอบถามด้วยความสงสัยว่านำของพวกนี้มาทำอะไรปู่หลิวเห็นเช่นนั้น จึงได้โอกาสบอกกับคนเร่รอนคนนั้นว่า "อีก1เค่อ คุณหนูของข้าจะทำการแจกจ่ายอาหารและของยังชีพ รบกวนเจ้าไปประกาศให้ทุกคนทราบด้วย จะได้ไม่เสียเวลาให้มาต่อแถวรอ อย่าลืมเอาชามช้อนของพวกเจ้ามาด้วย""ได้ ได้ ขอรับ ขอบคุณขอรับ ขอบคุณขอรับ""เอ้ย...พวกเรามีคนใจดีมากแจกอาหาร เตรียมชามช้อนมารอรับเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังก้องไปในความมืดนั้น สามารถปลุกพลังแห่งความวุ่นวายได้ในทันที ดีที่หลินหลินมีท่านลุงท่านป้า ทั้งสองมีประสบการณ์มาก่อน จึงให้คนของตนเองกันไม่ให้คนเร่ร่อนเบียดเข้ามาใกล้โต๊ะ เพราะอาจจะชนหม้อข้าวต้มเสียหายได้แต่ความหิวนั้นไม่เข้าใครออกใคร เริ่มมีการทะเลาะแย่งแถวกันเด็กๆ ถูกผลักออกจากแถว เด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้จ้าเมื่อถูกคนตัวใหญ่ผลักล้มลง ผู้คนล้วนไม่สนใจ นางเห็นดังนั้นจึงตะโกนออกไปว่า"หากพวกเจ้ายังทะเลาะกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว...ข้าจะเก็บของทั้งหมดกลับไป!"แค่เพียงเสียงเดียวก็ทำให้ทุกอย่างสงบลงในพริบตา ทุกสายตาย้ายไปมองที่นางเป็นตาเดียว พร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจสิ
เอาล่ะ....นางผิดเอง " ระบบจากนี้ไปต้องคอยเตือนข้าทุกเรื่อง เข้าใจไหม? ""ระบบจะเตือนผู้ถูกเลือกขอรับ"หลินหลินจัดการข้าวของที่จะแจกจ่ายพวกคนเร่ร่อนเสร็จ พอมีเวลาว่าง นางก็มานั่งพักที่ชานเรือน พร้อมกับถ้วยชาและขนมคุกกี้ บรรยากาศยามเย็นช่างเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเสียจริงแต่แล้ว หลินหลินก็นึกขึ้นได้ว่า นางลืมหินเวทที่เก็บไว้ในมิติเสียสนิท! นางรีบเรียกหินเวทลมออกมา ก้อนหินสีฟ้าใสเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ในมือ หลินหลินหลับตา เพ่งสมาธิ สัมผัสได้ถึงพลังเวทที่ไหลเวียนเข้าสู่ลูกแก้วเวทลมในร่างกายทันใดนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีลมปราณปั่นป่วนในท้อง คล้ายกับ...จะเรอ!"เอิ๊กกกกกกก!"เสียงเรอของหลินหลินดังกึกก้องหลินหลินลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง ถ้วยชา จานคุกกี้ หายไปไหนหมด! นางกวาดสายตามองหา จนไปสะดุดกับแสงสะท้อนของแก้วกระเบื้องที่พุ่มดอกไม้ ห่างออกไป 10 เมตร!"หา! 10 เมตร?" หลินหลินอ้าปากค้าง"แค่เรอเองนะ แรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!"นางหัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งขำทั้งตกใจ ไม่คิดว่าพลังเวทจะทำให้เรอได้แรงขนาดนี้หลินหลินลุกขึ้น เดินไปเก็บถ้วยชาและจานคุกกี้ที่กระเด็นไป