หลินหลินหันไปมองหญิงอ้วนตรงหน้า แต่ยังไม่ทันทำอะไร ข้อมือบางก็ถูกกระชากดึงไปทันที
"แกรีบมากับข้าเดี๋ยวนี้ จะให้ใครเห็นนางหลานสาวตัวซวยคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด"
หลินหลินปล่อยให้ยัยป้าของร่างเดิมนี่ดึงเข้าไปในบ้าน เพราะนี่คือสิ่งที่เธอต้องการ
นึกว่าจะต้องปืนเข้ามาซะอีก
หลินหลินมองสำรวจบ้านหลังนี้ ไม่ต่างจากความทรงจำของร่างเดิม บ้านหลังนี้เป็นบ้านดิน แต่ค่อนข้างคับแคบ ตัวบ้านไม่ใหญ่มาก แต่กลิ่นเหม็นที่โชยมาน่าจะมาจากห้องส้วมหลังบ้าน
จากความทรงจำที่นี่ยังเป็นส้วมหลุมดิน โดยใช้หญ้าแฝกมาปิดปากหลุมคลุมไว้เท่านั้น เธอขมวดคิ้วเป็นปม
แรงกดที่ข้อมือไม่น้อยเลย แต่เธอก็อยากรู้ว่ายัยป้านี่ จะทำอะไร ท่าทางรุรี้รุรน ไม่อยากให้ใครเห็นว่าเป็นเธอมันเพราะอะไรกัน
ปึก..
ร่างของหลินหลินถูกเหวี่ยงไปตรงห้องเก็บฟืน นางชุน ย่าซิน รีบเอามือเช็ดกับกระโปรงอย่างรีบร้อนด้วยท่าทางรังเกียจ
"แกกลับมาทำไม ไม่ตายไปซะ ไสหัวออกไป ที่นี่ไม่มีที่ให้แกอีกแล้ว"
หลินหลินจับข้อมือมานวด นั่งก้มหน้า ไม่โต้ตอบอะไร เพราะยังไง ยัยป้านี่ก็คงบอกจุดประสงค์ของนางออกมาแน่
"แก....นังตัวซวย แกได้ยินที่ข้าบอกไหม? แกน่าจะตายไปซะก็จบ ทำไมต้องกลับมาทำให้ข้าเดือดร้อนอีก "
"แกฟังนะ...แกต้องออกจากที่นี่คืนนี้ อย่าให้ใครเห็นแกเด็ดขาด ข้าแจ้งกับหัวหน้าหมู่บ้านว่าแกตายไปแล้ว ค่าแรงที่แกลงงานไว้กับหัวหน้าหมู่บ้านข้าเบิกมาหมดแล้ว"
" ใช้หมดแล้วไม่มีคืนให้ ทุกคนรู้ว่าแกตายไปแล้ว เพราะฉะนั้น แกต้องหายไปซะจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ไม่งั้นข้านี่แหละที่จะฆ่าแกเอง"
หลินหลินเงยหน้าขึ้นมองไปที่ป้าของร่างเดิม ดวงตาเฉยชาไร้ความรู้สึก แต่สายตานี้กลับน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก นางชุน ถอยหลัง 1 ก้าวอย่างไม่รู้ตัว
แจ้งว่านางตายแล้ว? ถ้างั้นก็ตามนั้น นาม ชุนหลินหลิน ไม่เพราะสักนิด ไม่เหมาะกับข้าเลย คงต้องหาแซ่ใหม่สิน หลินหลินลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นที่กระโปรงออก สายตาตะหวัดโทสะออกมาไม่ปิดบังสักนิด
ในใจนึก เห้อ ชุดนี้ก็เก่าเหมือนผ้าขี้ริ้วขนาดนี้ยังจะมาทำให้มันเปื้อนอีก สภาพคงดูไม่ได้ ก่อนไปคงต้องคุยให้รู้เรื่อง
"หลังจากวันนี้ ข้ากับเจ้าคือคนแปลกหน้า บุญคุณความแค้นไม่มี หากเจ้ายังพูดจาร้ายๆ กับข้าแค่อีกหนเดียว.... ระวัง...ปากของเจ้ามันจะพูดไม่ได้อีก อ่อ และก็จริง ชุนหลินหลินนางตายไปแล้ว และข้าไม่ใช่นาง!"
สายตาอาฆาตมองจ้องไปที่นางชุน แค่นี้นางชุนก็กลัวจนตัวสั่น หลินหลินหยิบมีดออกมาจากความว่างเปล่า
"เฮือก...ผี ผี ผีนางเป็นผี ผีหลอกแล้ว ท่านพี่ ท่านพี่ออกมาเร็ว"
สองเท้ารีบวิ่งไปทางตัวบ้านด้วยความรีบ นางจึงสะดุดล้มหัวกระแทกพื้น
"ฮือ..ฮือ ...ช่วยด้วย ช่วยด้วย อร้าย...เลือด"
นางชุนกระเสือกกระสนยืนขึ้นเตรียมวิ่งอีกครั้ง..
"ท่านพี่ช่วยข้าด้วยยยย"
ปึก....อ่ะ...ร่างของนางชุนล้มลงกับพื้นหมดสติไป
หลินหลินใช้เท้าเขี่ยร่างหมดสติของนางชุน มองซ้ายขวาไม่มีใครก็เดินตรงไปยังโอ่งน้ำเก่าที่ติดกับห้องเก็บฟืน
หลินหลินยกอ่างตะแคงขึ้นเล็กน้อยก็พบกับกล่องไม้ที่ซ่อนอยู่ตรงกลางระหว่างหิน 2 ก้อนที่รองโอ่งอยู่ หลินหลินเปิดกล่องไม้พบกับถุงหอมเก่าๆ ด้านในมีเงินอยู่ 5 อีแปะและจี้หยก 1 อัน
ในความทรงจำ จี้หยกนี้แม่เธอให้ไว้ แต่มันไม่น่าจะใช่อันนี้ !
หลินหลินขมวดคิ้ว จี้หยกนี้อันเท่าฝ่ามือเป็นหยกไร้ที่ติ แกะสลักอักษรคำว่า เว่ยหลินหลิน มุมปากบางยกยิ้มขึ้นทันที เพราะยุคนี้สามารถนำหยกนี้ไปยืนยันตัวตนได้ แค่ต้องหาคนรับรองแค่นั้น แซ่นี้ล่ะกัน
"เว่ยหลินหลิน หลังจากนี้ข้าคือ เว่ยหลินหลิน"
หลินหลินเก็บจี้หยกเข้ามิติ ดูจากแสงตอนนี้คาดว่าน่าจะยามอู่(11.00น) จึงรีบเดินออกจากบ้านหลบผู้คนโดยใช้เส้นทางที่คนในหมู่บ้านไม่ค่อยใช้จากความทรงจำของร่างเดิม
เดินอ้อมอยู่นานจนมาถึงหน้าหมู่บ้าน หลินหลินตัดสินใจหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ทางเข้าหมู่บ้าน ตั้งจิตเข้ามิติไปแปลงโฉมทันที
หลินหลินเอาชุดกันหนาว ที่เป็นเสื้อกั๊กนวม กางเกงขายาวนวมมาสวมใส่ก่อนที่จะใส่ชุดของร่างเดิม ดีที่ชุดนี้เป็นชุดของนางชุนส่งต่อให้หลินหลินมันจึงใหญ่มาก แต่ร่างเดิมใช้เชือกมามัดไว้
เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วหลินหลินก็ใช้ผ้านี้โพกปิดหัวปิดปากให้เห็นแค่ดวงตา เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่เกวียนเข้าเมืองจะออกแล้ว หลินหลินก็เดินออกจากหลังต้นไม้ทันที
"แค่ก แค่ก แค่ก"
เสียงไอและท่าทางป่วยหนักของหญิงวัยกลางคนทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้หลีกหนี รังเกียจกลัวจะติดไข้หรือโรคร้าย นางจ่ายค่าเกวียนไป 3 อีแปะ
"ไป ไป ไปนั่นด้านโน้นเลยนะ อย่ามานั่งใกล้ข้า"
หลินหลินที่เดินจะถึงที่นั่งด้านใน กลับมีเสียงไล่ออกมาจากคนที่ขึ้นเกวียนมาก่อนหน้า ทำให้หญิงสาวชะงัก และหมุนตัวกลับออกไปนั่งทางท้ายรถแทน
"แค่ก แค่ก"
ตลอดทางไม่มีใครกล้านั่งใกล้นาง แม้ไม่มีที่นั่งก็เลือกที่จะขอไปนั่งหน้ากับคนขับเกวียน ภายใต้ผ้าคุมยกยิ้มล้า นางนี่ฉลาดใช้ได้
ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที ก็เห็นประตูเมืองอยู่ไกลๆ พอถึงทางเข้าเมือง ตอนแรกนางนึกว่าจะมีการตรวจคนก่อนเข้าเมืองซะอีก
แต่ก็ดีที่ไม่มี นางจะได้ตัดปัญหายืนยันตัวตนไป เกวียนวัวมุ่งหน้าแล่นเข้าไปจอดยังที่ที่มีเกวียนหมู่บ้านอื่นๆ จอดอยู่ ลุงคนขับเกวียนร้องบอก ว่าหากจะกลับให้มารวมตัวที่ยามเซิน(16.30น) เพราะนี่คือรอบสุดท้ายที่จะวิ่งแล้ว
นางลงจากเกวียนเป็นคนแรก ที่นี่ผู้คนคึกคัก มีร้านรวงมากมาย หลินหลินหาซอกมุมร้านค้าที่เป็นมุมอับเพื่อเข้ามิติ ถอดชุดนวมออกและใส่ชุดของร่างเดิมออกมา อย่างแรกที่นางมองหาคือร้านผ้า นางต้องการชุดของคนยุคนี้ที่มันพอดี ทำอะไรจะได้คล่องตัว เรื่องเงินนั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะนางนั้นรวยมาก
"เจอแล้ว ... "
หลินหลินมุ่งตรงไปยังร้านค้าผ้าที่ใกล้ที่สุด แต่ยังไม่ทันเข้าไปเลือกผ้าก็พบกับสายตารังเกียจจากหญิงวัยกลางคนผู้ดูแลร้านเสียแล้ว
"มีทุกยุคทุกสมัยจริง"
หลินหลินตัดสินใจหันหลังเดินออกจากร้านทันที เธอไม่ยอมซื้อขายกับคนแบบนี้เด็ดขาด
ถัดไปไม่ไกลมีร้านผ้าอยู่อีกหนึ่งร้าน ร้านนี้ไม่ใหญ่มากแต่มีคนเดินเข้าออกตลอด หลินหลินเดินเข้าไปก็มี หญิงสาวอายุ 17-18 หนาวรีบมาสอบถามว่า
"ต้องการหาสิ่งใดเจ้าคะ"
หลินหลินมองไปที่ผู้ดูแลร้านด้านในที่ยิ้มการค้า ร้านนี้ไม่รังเกียจสภาพอนาถาอย่างนาง
" ดีล่ะ เอาร้านนี้แหละ"
หลินหลินพึมพำก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน
"ข้าต้องการชุดสัก 2-3 ชุด"
"เชิญทางนี้เจ้าค่ะ ทางร้านมีชุดตัดสำเร็จให้เลือกมากมายเลยเจ้าค่ะ"
หลินหลินเดินตามคนขายเข้าไปข้างในร้านอีกฝั่ง
"อือหือ...ชุดสวยๆ ทั้งนั้นเลย"
เธอพูดกับตัวเอง
เสี่ยวลี่เห็นหลินหลินยังไม่เดินไปจับชุดไหน จึงตัดสินใจเอาชุดผ้าเรียบสีม่วงเข้มลงมาให้ดู เพื่อที่นางจะรู้ว่าหลินหลินชอบแนวไหน
"ชุดนี้ราคาไม่แพงและผ้าดีมากเลยนะเจ้าคะ ด้านในเป็นผ้าทอพิเศษ เรียบลื่นไม่ระคายผิวแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ"
หลินหลินมองตามเนื้อผ้าก็พอใจชุดนี้เช่นกัน
"ชุดนี้เท่าไรหรือ"
เสี่ยวลี่ไม่ปล่อยโอกาสทอง นางรีบนำเสนอขายทันที
หลินหลินปิดจบชุดไปที่ 4 ชุด ชุดละ 2 ตำลึงเงิน บางชุดก็ 5 ตำลึงเงิน รวมแล้วนางจ่ายค่าชุดไป 14 ตำลึงเงิน หลินหลินทำมือล้วงเข้าอกเสื้อ แต่จริงๆ นางเอาออกจากมิติต่างหาก พอจ่ายเงินเสร็จแล้ว นางขอเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดสีม่วงชุดแรกนั่นเอง
เสี่ยวลี่เข้ามาดูแลหลินหลินและจัดทรงผมให้นางใหม่ ตอนนี้นางดูดีขึ้นมาก แต่ผิวที่แห้งกร้าน ค้ำแดด กับความผอมที่ปลิวลมนี้นางต้องรีบจัดการ ก่อนหน้านี้นางมัวแต่จัดการมิติ
ตอนนี้คงต้องเริ่มหันมาดูแลตัวเองบ้างแล้ว หลินหลินเดินออกจากร้านผ้า เพื่อหาโรงเตี๊ยม
เดินไปไม่นานก็พบโรงเตี๊ยมจันทรา เป็นโรงเตี๊ยมที่น่าจะใหญ่ที่สุดที่นี่แล้วกระมัง เพราะดูจากพื้นที่ที่สร้างกินพื้นที่ไปถึง 5 อาคารเรือน และมีถึง 3 ชั้น ทุกอย่างดูหรูหราและกลับให้ความรู้สึกปลอดภัยไปในคราเดียวกัน
หลินหลินเข้าไปก็มีเสี่ยวเอ้อเข้ามาต้อนรับทันที
"คุณหนูมาทานอาหาร หรือต้องการห้องพักขอรับ"
"ข้าต้องการห้องพัก 2-3 คืนเจ้าค่ะ"
"ถ้า 3 คืน ทางโรงเตี๊ยมเรามีว่างแต่ชั้น 3 ห้องพิเศษ คืนละ 5 ตำลึงขอรับ"
หลินหลินพยักหน้าและส่งตำลึงให้เสี่ยวเอ้อ เสี่ยวเอ้อรีบวิ่งไปด้านข้างที่มีไม้ฉากกั้น คาดว่าเหมือนการทำเรื่องเบิกกุญแจให้นางละมั้ง ระหว่างรอนางกวาดตามอง
ที่นี่ตกแต่งออกมาได้ดีมาก สะอาด บรรยากาศดี ด้านล่างแบ่งโซนชัดเจน มีที่ทานอาหาร 2 แบบ คือการนั่งรวมทั่วไป และมีแบบให้ความเป็นสัดส่วนขึ้นมา โดยที่โซนนี้จะมีฉากกั้นแบ่งกั้นแต่ละโต๊ะ คล้ายโซน VIP ในยุคที่นางอยู่ แบบสามารถมองเห็นกันลางๆ บ่งบอกเป็นนัยๆ ว่าคนระดับเดียวกัน
"เชิญทางนี้ขอรับ"
เสี่ยวเอ้อนำทางขึ้นชั้น 2 และแนะนำว่าชั้น 2 เป็นห้องพัก และห้องทานอาหารส่วนตัวเป็นห้องๆ
ส่วนชั้น 3 จะเป็นห้องพักพิเศษทั้งชั้น นางเดินตามเสี่ยวเอ้อไปเฉยๆ ไม่ได้สอบถามอะไร จนมาหยุดที่ห้องหมายเลข 3 มุมปากบางยกยิ้ม ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติที่แล้ว นางมักจะได้เลข 1 หรือ 3 เสมอ
นี่คือเลขโชคดีที่นางคิดว่าพระเจ้ามอบให้นาง เสี่ยวเอ้อไม่รอช้าเปิดประตูห้องและโค้งตัวให้นางเดินเข้าไปทันที
อืมหืม.....!
หลินหลินมองห้องพักที่นางจ่ายไปถึง 5 ตำลึง ทุกอย่างดูเหมาะสมกับราคา เพราะห้องนี้กว้างขวางมาก ไม่มีกลิ่นอับ ภายในห้องจุดกำยานหอมอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ที่สำคัญมีพื้นที่ให้ใช้สอยเยอะไม่อึดอัด ห้องนี้น่าจะสามารถพักได้ถึง 4 คนสบาย ๆ เลยด้านในทางซ้ายมือ มีเตียงไม้ขนาดใหญ่ 1 หลัง ตรงกลางห้องมีโต๊ะกินอาหารทรงกลมแกะสลักลวดลายสวยงาม พร้อมเก้าอี้เข้าชุด 4 ตัว วางล้อมรอบโต๊ะ ถัดไปทางขวาจะมีฉากกั้นลายดอกเหมยขนาดใหญ่ น่าจะเป็นห้องอาบน้ำหลินหลินเดินไปเปิดหน้าต่างเป็นอย่างแรก บนห้องพักนี้มีหน้าต่างขนาดใหญ่พร้อมตั่งยาวไว้ให้นั่งมองออกไปชมวิวสวนทางด้านหลังของโรงเตี๊ยมด้วยมองออกไปภายนอกดูร่มรื่นเพราะภายในสวนมีการตกแต่งต้นไม้ใหญ่ไว้หลายจุด เจ้าของที่นี่ช่างร่ำรวยเสียจริง แต่หากให้นางเดา ต้องเป็นบุรุษไม่ใช่สตรีแน่นอน เพราะการตกแต่งออกไปทางดุดัน ซื่อตรงหลินหลินปิดหน้าต่างลงก่อนจะเดินไปดูส่วนของห้องอาบน้ำ เห็นอ่างไม้ขนาดใหญ่ และมีโถไม้ขับถ่ายวางไว้ใกล้กันเมื่อสำรวจจนพอใจแล้ว หลินหลินจึงเดินมาที่โต๊ะหนังสือ ที่นี่ใจปล้ำเหมือนกันนะเนี่ย ถึงกับมีกระดาษและหมึกไว้ให้อย่างละ 1 ชุด แม้กระดาษที่ให้จะไม่ใ
“เถ้าแก่ ข้าจะจ่ายเงินให้ท่านครึ่งหนึ่งของราคาสินค้าทั้งหมด ท่านออกใบลงนามรับรองการจ่ายเงินให้ข้า ส่วนวันที่จะมารับข้าจะแจ้งท่านอีกที"เถ้าแก่มองสำรวจที่อาภรณ์ของคุณหนูตรงหน้า นางไม่พกถุงหอม ไม่มีเครื่องประดับสักชิ้น เมื่อแน่ใจแล้วว่านางไม่มีถุงมิติ จึงเอ่ยปากแนะนำ"คุณหนูขอรับ ข้าขอแนะนำท่านสักเรื่อง หากคุณหนูจะขนของพวกนี้ไปไกลจากเมืองนี้ ข้าแนะนำให้คุณหนูเช่าถุงมิติจากหอเซียงซิน ที่นั่นมีให้เช่าของวิเศษหลายอย่าง แม้ถุงมิติราคาสูงหน่อย แต่มันสามารถใส่สิ่งของได้เยอะ ปลอดภัยจากโจร หรือความเสียหายของการเดินทางขอรับ”“ดูจากของที่คุณหนูซื้อแล้ว ต้องใช้เกวียนขนหลายคัน เสี่ยงต่อการเสียหายและถูกปล้นกลางทาง อีกอย่าง เมื่อครบกำหนดวันสัญญาเช่าถุงมิติ เราไม่ต้องเสียเวลาไปคืน ถุงมิติทุกใบจะลงเวทไว้ มันจะกลับคืนสู่หอเซียงซินโดยที่ผู้เช่าไม่ต้องนำไปคืนเลยขอรับ"เถ้าแก่ตัดสินใจแนะนำวิธีนี้ไป เพราะดูจากการที่นางซื้อของแล้วนางมีเงินพอที่จะจ่ายค่าเช่าถุงมิติแน่นอน และคุณหนูหลายๆคนไม่ทราบว่ามีวิธีนี้"หืม... ถุงมิติ งั้นหรอ ข้ารอดแล้ว"หลินหลินพยักหน้ายกยิ้มบาง "เถ้าแก่ อีกครึ่งชั่วยามข้าจะมารับสินค้า
"กรี๊ดดดด........นี่มัน!!!" นางลอกคราบ...นางเป็นงูหรอ...เอ้ย..นางเป็นคนสินางเป็นคน หลินหลินเธอต้องตั้งสติ.....ความเจ็บปวดที่เพิ่งผ่านพ้นไปยังคงทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกาย ผิวหนังที่หลุดลอกเป็นแผ่น ๆ ทำให้หลินหลินอดคิดถึงงูที่ลอกคราบไม่ได้ ความรู้สึกแสบร้อนยังคงติดตรึงอยู่บนผิวหนังทุกตารางนิ้ว เหมือนถูกไฟลนแผดเผาจนแทบสลายหลินหลินค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามแขนเรียวอย่างระมัดระวัง ผิวหนังเก่าที่แห้งกร้านและหมองคล้ำกำลังถูกผลัดออกไปทีละน้อย เผยให้เห็นผิวใหม่ที่ขาวเนียนสวยราวกับไข่มุกเบื้องล่าง ความเจ็บปวดเริ่มจางหายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจ"กระจก" หลินหลินพึมพำเรียกหาสิ่งที่จะสะท้อนภาพของเธอในตอนนี้พรึบ! กระจกขนาดไม่ใหญ่มากปรากฏขึ้นเบื้องหน้า หลินหลินมองภาพสะท้อนของตัวเองด้วยความตกตะลึง นางงดงามกว่าดาราจีนในยุคของนางเสียอีก งามแบบไม่น่ามีอยู่จริงบนโลก "งานพอ ๆ กับเล่อปาเลยอิอิ"หลินหลินเหม่อมองภาพที่ปรากฏอยู่ เหมือนนางมองสาวงามล่มเมือง ร่างกายสวยงามที่สมส่วนรับกัน เครื่องหน้าทั้งห้า งดงามไร้ที่ติ ทุกอย่างลงตัวเหมือนสวรรค์สร้าง ผิวเนียนขาวใส ใบหน้าเรียวรีรูปไ
หลินหลินนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ม้าโยก มองระบบเก็บเกี่ยวผลผลิตและขายออกแบบอัตโนมัติ ผลผลิตนางตั้งระบบไว้ เก็บ 50% ขายออก 50% แต่ผลผลิตก็ออกไวมาก ทำให้นางต้องอัปเดตโกดังอยู่ตลอด ตอนนี้นางมีเงินในระบบจากการขายแจกันและของจากระบบเยอะมาก เรียกได้ว่าโจรปล้น 100 ครั้งก็ยังไม่หมดตัว ฮ่าๆๆ เมื่อมองดูแล้วนี่คงใกล้รุ่งเช้าแล้ว หลินหลินจึงออกจากมิติไปยังห้องพักพรึ่บ..หลินหลินมองห้องที่มืดสนิท ข้างนอกคงยังไม่สว่าง แต่มีแสงของพระอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นมาบ้างแล้ว นางลองเปิดประตูออกไปข้างนอก ไม่คิดว่าจะเจอใคร แต่กลับพบเสี่ยวเอ้อนั่งอยู่ตรงริมสุดทาง หรือว่าที่นี่เสี่ยวเอ้อรอให้บริการแขกตั้งแต่รุ่งเช้า.... เสี่ยวเอ้อไม่รอช้ารีบเข้ามาสอบถามนางทันที แต่ก็ต้องชะงักกับความงามของสตรีตรงหน้า เพราะคุณหนูท่านนี้ไม่ใช่คุณหนูคนเมื่อวาน แต่เป็นห้องนี้แน่ เพราะเมื่อวานเป็นเขาเองที่พานางมาส่ง คุณหนูท่านนี้งดงามมาก.. มากกว่าทุกคนที่เขาเคยพบเห็นมา เสี่ยวเอ้อเรียกสติตนเอง โค้งตัวก้มหน้าลง และสอบถามทันที "คุณหนูต้องการสิ่งใดหรือไม่ขอรับ"หลินหลินยืนนิ่ง.... คิดในใจว่าเสี่ยวเอ้อต้องจำนางไม่ได้แน่ ถ
ทางฝั่งหลินหลิน... ย้อนกลับไปตอนที่หลังเสี่ยวเอ้อรับถุงเงินและออกไป นางก็เข้ามิติไปเช็คราคาเครื่องประดับทั้งหมด เป็นอย่างที่นางคิดไม่มีผิด ของพวกนี้ทำกำไรให้นางเยอะมากหลินหลินไม่รอช้า นางออกจากห้องพักมุ่งหน้าสู่ร้านเครื่องประดับต่างๆ นางใส่ผ้าคลุมแปลงโฉม ตอนนี้ผู้คนจึงเห็นว่านางเป็นหญิงสาวอายุ 27-28 ปีก่อนหน้านี้ หลินหลินจ้างปู่หลิวกับสือหย่ง (ชายชราและเด็กน้อยที่รับจ้างตรวจเช็คแจกันให้นาง) ให้พวกเขาไปเช่ารถม้าพร้อมคนขับมา 1 คัน ปู่หลิวรับคำและไปจ้างคนที่รู้จักกันในหมู่บ้านคนนี้มีนามว่า หานเซียว เขาเคยเป็นทหารแต่ได้รับบาดเจ็บจึงออกจากการเป็นทหารมารับจ้างขับรถม้าแทนหลินหลินนั่งรอที่ร้านน้ำชาเล็ก ๆ ริมถนน ถัดไปอีก 2 ซอย นางวางแผนว่า นางจะนั่งรถม้าชมรอบเมืองสักหน่อยนางอยากดูวิธีชีวิตของคนที่นี่... เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้ง 3 คนก็มายืนรอรับคำสั่งจากนาง หลินหลินส่งชุดให้ทุกคนเปลี่ยน พวกเขาไปหลบหลังรถม้าที่เป็นมุมอับ.. ลับตาคน และรีบเปลี่ยนชุดออกมาทันที...ชุดมีลักษณะเหมือนกันทั้ง 3 ตัว เป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพง สีเทาเข้ม มีแค่ของปู่หลิวที่จะตัดขอบดำไม่เหมือนอีก 2 คน นางสั่งทุกคนว่า"ห
ผู้ดูแลสั่งให้คนเชิญหลินหลินขึ้นไปชั้นสอง ห้องที่ 3 ชั้นนี้เป็นห้องส่วนตัว มีไว้ต้อนรับแขกคนสำคัญ คู่ค้า หรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้นระหว่างที่หลินหลินและปู่หลิวเดินตามคนนำทางไป ผู้ดูแลก็รีบไปเรียนนายท่านใหญ่ทันทีก๊อก ก๊อก ก๊อก ผู้ดูแลรอสัญญาณเสียงจากคนด้านในก่อน รอไม่นานเสียงนายท่านใหญ่ก็ดังขึ้น "ว่ามา..." ผู้ดูแลไม่ชินกับเสียงดุดันนี้เลยจริงๆ ... "เรียนนายท่านใหญ่ขอรับ มีคุณหนูท่านหนึ่งต้องการซื้อเครื่องประดับจำนวนมาก ข้าน้อยเลยมาแจ้งนายท่านใหญ่ก่อนขอรับ"เย่วเทียนชุนขมวดคิ้วเป็นปม ร้านเขาเป็นร้านอันดับ 1 ของเมืองนี้ คนที่ต้องการซื้อของส่วนใหญ่ผู้ดูแลจะเป็นคนดูเอง ไม่เคยต้องให้เขาไปดูแล "ซื้อจำนวนมาก? ... มากแค่ไหน ถึงกับต้องมาตามเขา"มุมปากหนายกยิ้ม เขาเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าใครมาเล่นตลกกับเขากันเทียนชุนวางสมุดบัญชีลง เขาตรวจบัญชีเสร็จพอดี มีอะไรอย่างอื่นให้ทำบ้างก็ดี ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เมื่อด้านในมีเสียงความเคลื่อนไหว ผู้ติดตามหน้าห้องทั้ง 2 ก็เปิดประตูรอนายของตนเองทันทีผู้ดูแลเดินนำเทียนชุนไปยังห้องพิเศษห้องที่ 3 เขารู้สึกถึงรังสีกดดันจากทางข้างหลัง ความจริงเขาแค่จ
"500 เหรียญทองก็ย่อมได้... แต่มีข้อแม้หนึ่งข้อ ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะซื้อขายกับข้าอีกครั้ง" เทียนชุนเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาคมกริบจับจ้องหลินหลินไม่คลาดสายตาราวกับจะมองทะลุผ่านใบหน้าของนางผู้ดูแลแทบเป็นลม... กำไรหายไปอีก 57 เหรียญทอง ทำไมนายท่านยิ่งเจรจามันกลับยิ่งน้อยลง หรือคนโง่ ๆ อย่างเขาจะไม่เข้าใจการค้ากันนะ.....หลินหลินครุ่นคิด ตอนแรกนางแค่จะมาเหมาสินค้าเข้าระบบ ไม่คิดผูกขาดกับใคร..."เรียนคุณชายตามตรง พรุ่งนี้.. ข้ากำลังจะออกเดินทางไปทางใต้ ไม่ได้อยู่เมืองนี้ ไม่ทราบว่าท่านมีร้านอยู่ทางใต้บ้างไหมเจ้าคะ"เทียนชุนชะงักไปเล็กน้อย น่าเสียดายที่นางจะไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้แล้ว และอีก 2 วัน ตัวเขาเองก็ต้องออกเดินทางขึ้นเหนือ"ร้านค้าตระกูลเย่วมีหลายสาขาทั่วทั้งแคว้น"เสียงเข้มเอ่ยขึ้น เหมือนมีความไม่พอใจเจืออยู่เล็กน้อย"เจ้าจะลงใต้ไปเมื่อใด""ข้าจะไปเหมาสินค้าอีก 2-3 ร้านเจ้าค่ะ และจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ"" ต้องการสินค้ามากมายขนาดนั้น ...เจ้าจะเปิดร้านขาย? ""ข้าไม่ได้จะเปิดร้านเจ้าค่ะ ข้าแค่โชคดีที่มีลูกค้าเป็นพวกพ่อค้าต่างแคว้น ของทั้งหมดมีคนต้องการซื้ออยู่แล้วเ
หลินหลินเข้ามิติมาเพื่อดูว่าตัวนางจะหายไปจากตรงนั้นไหม นางดูนาฬิกา ตอนนี้ 10 วิแล้วที่นางอยู่ในมิตินางลุ้นมาก สิ่งที่นางคิดไม่น่ามีอะไรผิดพลาด มันเป็นทฤษฎีของแมลง นักวิทยาศาสตร์มีการวิจัยเกี่ยวกับความสามารถอันน่าทึ่งของแมลงไว้ว่า แมลงบางชนิดสามารถบินหลบสายฝนได้โดยที่ตัวมันไม่เปียกด้วยซ้ำ!ซึ่งแมลงพวกนี้มีสายตาที่ไวมากเป็นพิเศษ แถมยังมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลันอีกด้วย ซึ่งการตอบสนองของมันไวกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า!แมลงบางชนิดจะมีดวงตาที่ขาและมีดวงตาขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเลนส์ขนาดเล็กจำนวนมากมายเรียงกัน เลนส์เหล่านี้ทำหน้าที่รับภาพและประมวลผลออกมา ซึ่งมีความไวมากกว่ามนุษย์มากถึง 4 เท่า บวกกับมันสามารถทำความเร็วในการบินได้ 8 กม. ต่อชม. นั้นทำให้มันมองเห็นภาพเป็นแบบสโลว์โมชั่น ความสามารถการมองเห็นแบบสโลว์โมชั่นของมัน ทำให้การตบจากมนุษย์เป็นแค่การตบแบบสโลว์โมชั่นของมันเท่านั้นเมื่อหลินหลินลองเทียบเวลา 1 เดือนในมิติกับ 1 วันภายนอก มันมีความต่างที่เหลื่อมล้ำกับการรับภาพผ่านดวงตาของมนุษย์ทั่วไป นางเลือกทั้ง 3 คนนี้เป็นกลุ่มแรกที่นางจะทดลอง เพราะพวกเขาบางคนไม่มีพลังเวท หานเซียวมีแค่เวทระด
บทพิเศษเสี่ยวเฮย และ เสี่ยวหมี(หมีหิมะ)ภายในมิติ ทันทีที่หลินหลินจากไป เสี่ยวเฮยทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม"ฮือๆ นายหญิง... ทำไม... ทำไมถึงทิ้งข้า"เสี่ยวเฮยคร่ำครวญด้วยความเสียใจเสี่ยวหมีเดินเข้ามาใกล้ "เสี่ยวเฮย เจ้าอย่าเสียใจไปเลย นายหญิงคงมีเหตุผลของนาง""เหตุผลอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ!" เสี่ยวเฮยร้องไห้โฮ "ข้ารักนายหญิง ข้าอยากอยู่กับนายหญิงตลอดไป"เสี่ยวหมีมองเสี่ยวเฮยด้วยความสงสาร "เสี่ยวเฮย... " เสี่ยวหมีลังเล "ข้า.. ข้าอ่านตำราโบราณออก""แล้วอย่าไร" เสี่ยวเฮยเงยหน้ามองเสี่ยวหมี"ตำราโบราณกล่าวไว้ว่า หากต้องกำจัดอสูรหิมะ ต้องระเบิดพลังจากภายในด้วยพลังระดับ 8 สองสาย และระดับ 9 หนึ่งสาย"เสี่ยวหมีอธิบายเสี่ยวเฮยขมวดคิ้ว "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายหญิง""นายหญิงเป็นมนุษย์ นางมีพลังระดับ 9 ที่นายหญิงยกเลิกพันธะสัญญา ก็เพราะ... นางต้องการปกป้องเจ้า"เสี่ยวเฮยนิ่งอึ้ง "ปกป้องข้า?""ใช่ นางรู้ว่า หากเจ้ายังมีพันธะสัญญาอยู่ หากนางระเบิดพลังเจ้าจะตายไปด้วย "เสี่ยวหมีพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า "นางรักเจ้ามาก เสี่ยวเฮย"เสี่ยวเฮยเบิกตากว้าง หัวใจของมันรู้สึกอบอุ่น ใน
ภายในจวนท่านแม่ทัพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวัง เสียงร้องโอดโอยของหลินหลินดังเล็ดลอดออกมาจากห้องคลอดเป็นระยะๆ ทำให้เทียนชุนที่ยืนรออยู่ด้านนอกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เขากำมือแน่น พยายามสะกดกลั้นความกังวลเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจหยุดความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้"หลินเอ๋อร์ เจ้าต้องปลอดภัยนะ"เขาพึมพำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน พวกเขานั่งรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เสียงร้องของหลินหลินแต่ละครั้งทำให้หัวใจของพวกเขาแทบจะหยุดเต้น"ลูกต้องปลอดภัยนะ"มารดาของหลินหลินพึมพำภาวนา ทันใดนั้นเสียงร้องของทารกก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงัดในจวน ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องคลอดด้วยความตื่นเต้นไม่นาน หมอตำแยก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง "ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ฮูหยินคลอดลูกแฝดชายหญิง เป็นเด็กที่แข็งแรงมาก"เทียนชุนรีบพุ่งเข้าไปในห้องคลอดทันที เขาเห็นหลินหลินนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียวแต่ก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ข้างกายนางมีทารกน้อยสองคนนอนอยู่เทียนชุนทรุดตัวลงข้างเตียง จับมือภรรยาไว้แน่น"หลินเอ๋อร์ เจ้าเก่งมาก"
หลินหลินค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคยของเทียนชุน ทันทีที่สติกลับคืนมา ภาพเหตุการณ์สุดท้ายก่อนหมดสติก็ฉายชัดขึ้นในห้วงความคิด เสียงระเบิดดังสนั่น ภาพดวงตาที่ทั้งสองมองมาที่นาง…น้ำตาไหลอาบแก้มหลินหลินอีกครั้ง ความเจ็บปวดของความสูญเสียกัดกินหัวใจของนางอย่างรุนแรง นางพยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้"เสี่ยวเฮย... เสี่ยวหมี..."นางพึมพำชื่อของพวกมันซ้ำๆ ราวกับต้องการเรียกพวกเขากลับมาเทียนชุนตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากร่างกายของภรรยา เขามองหลินหลินที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก หัวใจของเขาเจ็บปวดไม่ต่างกัน เขาโอบกอดนางไว้แน่น พยายามปลอบโยน" หลินเอ๋อร์"เขาพูดเสียงแผ่วเบา "ทุกอย่างจบแล้ว"หลินหลินเงยหน้ามองสามี น้ำตาไหลอาบแก้ม "ข้า... ข้าทำไม่สำเร็จ"นางพูดเสียงสั่นเครือ "ข้าไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้"เทียนชุนส่ายหน้า "ไม่ใช่ความผิดของเจ้า พวกเขาเลือกที่จะเสียสละตัวเองเช่นเจ้าเลือกที่จะสละตัวเองเพื่อพวกเรา""แต่..."หลินหลินยังคงร้องไห้ไม่หยุดเทียนชุนเช็ดน้ำตาให้ภรรยาอย่างอ่อนโยน "เสี่ยวเฮยและเสี่ยวหมีคงภูมิใจในตัวเอง ที่พวกเขา
หลินหลินรีบร้อนเข้าสู่มิติเพื่อเตรียมตัวรับมือกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ แม้จะมีเวลาจำกัดเพียงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) แต่นางก็ไม่รอช้า มุ่งตรงไปยังหอตำราเวททันทีภายในหอตำรา บรรยากาศเงียบสงบและเคร่งขรึม อักษรโบราณสีทองเรียงรายอยู่บนผนังถ้ำสูงตระหง่าน หลินหลิน ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอสูรหิมะ สัตว์ในตำนานที่กำลังคุกคามพวกเขา ครั้งนี้อักษรไม่ได้พุงเข้ามาที่ตัวของนางแต่ปรากฏหนังสือโบราณเก่าแก่อสูรหิมะ... สัตว์ในตำนานที่ถือกำเนิดจากพายุหิมะอันรุนแรง ดูดกลืนพลังจากความหนาวเย็นจนกลายเป็นอสูรร้ายทรงพลัง มันออกตามล่านักเวทระดับ 9 เพื่อดูดกลืนพลังขั้นสุดท้ายของพวกเขาหลินหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตัวอักษรในตำราเต้นระริกราวกับจะตอกย้ำความจริงที่ว่า มีเพียงนางและสามีเท่านั้นที่อยู่ในระดับ 9 มือของนางเริ่มสั่นไหว ความกลัวกัดกินหัวใจนางพลิกหน้าตำราต่อไปอย่างรวดเร็ว ค้นหาวิธีที่จะหยุดยั้งอสูรตนนี้มีเพียงสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจ 9 ครั้งเท่านั้นที่จะสังหารมันได้ หรือ... การระเบิดพลังจากภายใน ต้องใช้พลังเวทระดับ9 หนึ่งขุม หรือระดับ 8 สองขุม ถึงจะจัดการกับอสูรหิมะตนนี้ได้หลินหลินหน้าซีดเผือด มือบางสั่นเทาจนเสี่ยวเ
"เราจะพักที่นี่เอาแรงก่อน" หลินหลินหันไปบอกกับทั้งสามคน ก่อนจะมอบน้ำทิพย์ให้พวกเขาคนละกระบอกนางใช้เวลาพูดคุยกับครอบครัวอีกหนึ่งเค่อ (30 นาที) ก่อนจะขอตัวกลับไปทำภารกิจต่อระบบแจ้งเตือนว่ายังมีผู้รอดชีวิตอีก 2 คน แต่ดวงตาตรวจสอบของนางกลับใช้การไม่ได้ในพายุหิมะที่รุนแรงเช่นนี้ นางต้องพึ่งดวงล้วนๆในการค้นหาพวกเขาหลินหลินและเหล่าทหารกลับมายังจวนแม่ทัพอีกครั้งครั้งนี้นางร่ายโล่เวทขึ้นมาเพื่อต้านทานพายุ นางจะเป็นผู้นำทัพหน้า ส่วนหลิวเคออยู่ซ้าย โหลกังอยู่ขวา และอิงหานคอยระวังหลัง ทุกคนต่างดึงพลังเวทของตนเองออกมาใช้อย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้กับพายุที่โหมกระหน่ำพวกเขาเดินฝ่าพายุหิมะไปอย่างยากลำบาก หิมะหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า ลมพัดกระหน่ำจนแทบจะปลิวไปตามลม หลายครั้งที่พวกเขาเกือบจะล้มลง แต่ก็ยังคงประคองกันและกันไว้ได้ตอนนี้พวกเขาพบกับภาพที่น่าสลดใจที่สุด...เท่าที่เคยพบเจอ สองตายายนอนกอดกัน ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนา ราวกับกำลังหลับใหลอย่างสงบ แต่หลินหลินรู้ดีว่าพวกเขาจากไปแล้วหลินหลินทรุดตัวลงข้างๆ ร่างของสองตายาย น้ำตาไหลอาบแก้มของนางอย่างไม่อาจควบคุมได้ น
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เทียนชุนยังคงโอบกอดหลินหลินไว้แนบอก ความรู้สึกภายในของเขาลึกล้ำเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดในฐานะสามี เขาอยากปกป้องภรรยาสุดที่รักจากอันตรายข้างนอก แต่ในฐานะแม่ทัพ เขาก็ไม่อาจละทิ้งประชาชนในแดนเหนือได้เช่นกัน เขาติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้งภายในใจ ปล่อยนางไปก็ห่วง กักตัวนางไว้ก็ผิดต่อหน้าที่หลินหลินที่จมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง เริ่มตั้งสติและรวบรวมความกล้า นางไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ และการเดิมพันครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงเพื่อคนที่นางรักหลินหลินค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดที่อบอุ่นของสามี เงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างแน่วแน่"ท่านพี่" นางเอ่ยเสียงหนักแน่น"สำหรับข้า ท่านคือโลกทั้งใบ ดังนั้นข้าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ กลับมาเคียงข้างท่านให้ได้ ข้าสัญญา"แววตาของหลินหลินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความรักที่ล้นปรี่ เทียนชุนมองลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น เขาเห็นถึงความแข็งแกร่งและความเสียสละที่ซ่อนอยู่ภายใน แม้ใจจะแหลกสลายที่ต้องปล่อยนางไป แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งภรรยาของเขาได้เขาพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า รู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ "พี่จะรอเจ้า...
ยามจื่อ (00.00 น.) ความมืดมิดปกคลุมราตรีไร้เสียง มองเห็นเพียงแสงเทียนริบหรี่จากบ้านเรือนบางหลัง ทว่าในเงามืดนั้น มีกลุ่มเงาเคลื่อนไหวอย่างว่องไวและเงียบเชียบ นำโดยหลิวเคอ และทหารฝีมือดีของหลินหลินอีกหลายสิบนาย ด้วยวรยุทธ์และพลังเวทที่สูงส่งถึงระดับ 7 พวกเขาเคลื่อนไหวราวกับภูตพราย ไร้ร่องรอย ไม่มีใครแม้แต่จะรู้สึกถึงการมีอยู่ของพวกเขา แต่ละคนล้วนมีถุงมิติขนาดเล็กที่หลินหลินกว้านซื้อมาจากระบบมากถึง 500 ใบบ้านเรือนทุกหลังในเมืองถูกเยี่ยมเยือนโดยกลุ่มเงาเหล่านี้ พวกเขาเข้าออกอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ของมีค่าทุกชิ้นถูกกวาดลงถุงมิติอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ เงิน เครื่องประดับ หรือของสำคัญอื่นๆ ล้วนถูกเก็บลงถุงมิติข้างตัวยามหยิน (03.00น.)ไม่มีบ้านเรือนหลังไหนที่พวกเขาไม่ไปเยือน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว ราวกับปฏิบัติการลับที่ได้รับการวางแผนมาอย่างดีรุ่งเช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับความโกลาหล เมื่อชาวเมืองทุกหลังคาเรือนตื่นขึ้นมาพบว่าของมีค่าภายในบ้านหายไปอย่างไร้ร่องรอย! แม้แต่โต๊ะรับแขกไม้เนื้อดีก็ยังอันตรธานไป สร้างความตื่นตระหนกและหวาดกลัวไปทั่วหลินหลินคาดกา
ขณะที่หลินหลินกำลังมุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งต่อไป นางก็สำลักเลือดออกมาจนเปรอะเปื้อนอาภรณ์ ทหารที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจ"นายหญิง!!"หลินหลินยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดอย่างไม่ใส่ใจ "ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นอะไร"นางฝืนยิ้มให้พวกเขา แต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง พลังเวทในตัวนางเหลือน้อยเต็มที การสร้างปราการครั้งใหญ่เมื่อครู่นี้ดูดพลังของนางไปมากมาย หลินหลินกัดฟันข่มความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาในอก พยายามรักษาท่าทีให้นิ่งสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นางรู้ดีว่าร่างกายของนางกำลังส่งสัญญาณเตือน"ไม่เป็นไรหลินหลิน เจ้าจะไม่เป็นอะไร"หลินหลินพูดเสียงแผ่วเบา เพื่อส่งกำลังใจให้ตัวเองข้าจะต้องเข้มแข็ง ข้าต้องทำได้ นางบอกตัวเองในใจภาพความฝันที่สองเมื่อคืนยังคงตามหลอกหลอนนาง ความรู้สึกผิดที่ไม่อาจปกป้องทุกคนได้ยังคงกัดกินหัวใจของนาง นางไม่อาจปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกในความฝันนั้น นางเห็นตัวเองเลือกสร้างปราการคุ้มกันเมืองแดนเหนือเอาไว้ เพราะคิดว่าเพียงแค่พายุผ่านไปทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ ค่ายทหารถูกพายุถล่มจนพังพินาศ และเมื่อพายุสงบลง กองกำลังศัตรูก็บุกเข้าโจมตีทันที แม้ว่าในท้ายที่สุด นางแล
เทียนชุนแทบไม่ได้ฟังที่หลินหลินพูด เขาจดจ้องอยู่แต่กับเรือนร่างตรงหน้า เทียนชุนประกบจูบหญิงสาวอย่างโหยหา หลายวันมานี้เขาคิดถึงนางแทบขาดใจ เมื่อคืนที่เห็นนางเหนื่อยจึงไม่อยากรบกวนนาง อยากให้นางได้พักผ่อน แต่ไม่คิดว่าเช้ามาเขาจะได้อาหารเช้าที่แสนวิเศษ "ท่านพี่...อ้า.. "นิ้วสากลูบไล้เนื้ออวบอูมอย่างช่ำชอง นิ้วหนาชำแหละกลีบชมพูเข้าไปในช่องทางรักอย่างโหยหา..เขาชักนิ้วเข้าออกระรัวจนร่างบางหวีดร้อง....."อะๆๆๆ..อ้า! " ร่างบางบิดเร้าด้วยความเสียว เทียนชุนดึงนิ้วที่เปียกย้อมด้วยน้ำรักของสตรีตรงหน้าออกมา เขาชูให้นางดูก่อนใช้ลิ้นเลียนิ้วหนา หลินหลินมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว เขาดูเซ็กซี่ขยี้ใจนางมาก..."อ้า... "ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มหนัก เทียนชุนควักท่อนเอ็นที่พองโตออกมาชักรูดสองสามทีก่อนเสียบอัดเข้าไปจนมิดด้าม"อ้า..หลินเอ๋อร์... "ร่างหนาครางต่ำ..."อืมมมม!!! "พั่บ..พั่บ..พั่บ..พั่บ..เสียงเนื้อกระทบกันดังกึกก้องห้องนอน หลินหลินตัวโยกไปตามแรงกระแทกของสามี"อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ! งื้อ... ""ใหญ่มากท่านพี่ของท่านใหญ่มาก..." เทียนชุนที่ได้ยินภรรยา