หลินหลินนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ม้าโยก มองระบบเก็บเกี่ยวผลผลิตและขายออกแบบอัตโนมัติ ผลผลิตนางตั้งระบบไว้ เก็บ 50% ขายออก 50% แต่ผลผลิตก็ออกไวมาก ทำให้นางต้องอัปเดตโกดังอยู่ตลอด
ตอนนี้นางมีเงินในระบบจากการขายแจกันและของจากระบบเยอะมาก เรียกได้ว่าโจรปล้น 100 ครั้งก็ยังไม่หมดตัว ฮ่าๆๆ เมื่อมองดูแล้วนี่คงใกล้รุ่งเช้าแล้ว หลินหลินจึงออกจากมิติไปยังห้องพัก
พรึ่บ..
หลินหลินมองห้องที่มืดสนิท ข้างนอกคงยังไม่สว่าง แต่มีแสงของพระอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นมาบ้างแล้ว นางลองเปิดประตูออกไปข้างนอก ไม่คิดว่าจะเจอใคร แต่กลับพบเสี่ยวเอ้อนั่งอยู่ตรงริมสุดทาง หรือว่าที่นี่เสี่ยวเอ้อรอให้บริการแขกตั้งแต่รุ่งเช้า....
เสี่ยวเอ้อไม่รอช้ารีบเข้ามาสอบถามนางทันที แต่ก็ต้องชะงักกับความงามของสตรีตรงหน้า เพราะคุณหนูท่านนี้ไม่ใช่คุณหนูคนเมื่อวาน แต่เป็นห้องนี้แน่ เพราะเมื่อวานเป็นเขาเองที่พานางมาส่ง คุณหนูท่านนี้งดงามมาก.. มากกว่าทุกคนที่เขาเคยพบเห็นมา เสี่ยวเอ้อเรียกสติตนเอง โค้งตัวก้มหน้าลง และสอบถามทันที
"คุณหนูต้องการสิ่งใดหรือไม่ขอรับ"
หลินหลินยืนนิ่ง.... คิดในใจว่าเสี่ยวเอ้อต้องจำนางไม่ได้แน่ ถึงได้ตกใจขนาดนั้น ระหว่างที่คิดอยู่นั้น.... เสี่ยวเอ้อ.. ที่เห็นคุณหนูไม่ตอบก็กลัวว่านางจะไม่พอใจ จึงรีบสอบถาม
"คุณหนูต้องการน้ำชาเพิ่มหรือไม่ขอรับ หรือให้ข้าน้อยยกน้ำมาใส่อ่างให้อาบเลยหรือไม่ขอรับ"
หลินหลินพยักหน้าให้เสี่ยวเอ้อ
"รบกวนเจ้าเปลี่ยนกาน้ำชาใหม่ให้ข้า และเอาน้ำมาเติมในอ่างด้วย"
เสี่ยวเอ้อรีบรับคำและโค้งจากไปทำตามคำสั่งทันที หลินหลินคิดว่าที่นี่ให้บริการดีมากๆ วันหลังคงต้องใช้บริการโรงเตี๊ยมจันทราอีกแน่
แต่ที่นางไม่รู้คือเสี่ยวเอ้อที่บริการนางนั้น เขาฝ่าฝืนกฎของโรงเตี๊ยม มารอคอยอย่างมีความหวังที่หน้าห้องพักชั้น 3 ซึ่งเกินขอบเขตหน้าที่ของเขา เสียงหัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความกังวล ไม่ใช่เพราะกลัวถูกลงโทษ แต่เพราะความหวังอันริบหรี่ที่จะได้เงินมาช่วยมารดาที่กำลังจะจากเขาไป
ภาพของท่านแม่อันเป็นที่รักที่นอนซมด้วยความเจ็บปวดปรากฏขึ้นในมโนสำนึกของเขา ทุกครั้งที่เขาเห็นน้ำตาแห่งความทุกข์ทรมานของท่านแม่
หัวใจของเขาก็แทบแหลกสลาย เขาทำงานหนักทุกวัน แทบไม่ได้หยุดพัก แต่เงินที่หามาได้ก็ยังไม่เพียงพอต่อการรักษา
“หากสวรรค์ยังมีเมตตา โปรดประทานปาฏิหาริย์ให้ข้าด้วยเถิด"
เขาภาวนาในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่โชคชะตาจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาและมารดา เมื่อวานที่ได้ตำลึงไปทำให้เขาคิดได้ หากเขาโชคดีแบบนี้อีกสักครั้งสองครั้ง .... หากคุณหนูนางเมตตาให้ตำลึงกับเขาอีก เขาจะรวบรวมตำลึงไปรักษามารดาที่เจ็บป่วยได้ไวขึ้น ตอนนี้ยังขาดอีก 3 ตำลึง
ท่านหมอบอกให้เขาทำใจ เขาภาวนาต่อสวรรค์ให้เมตตาเขาสักครั้ง..... ให้เขาได้มีโอกาสได้รักษามารดา เป็นคำอธิษฐานของเขาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
แม้เขาจะพยายามทำงานหนักแค่ไหน... ค่าแรงก็ไม่เพียงพอ เพราะเขาต้องซื้ออาหารให้คนทั้งบ้าน จ่ายค่าเช่าบ้าน และต้องแบ่งเงินมาซื้อยาให้ท่านแม่เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดอีกด้วย"
หลินหลินรอเสี่ยวเอ้อไม่นาน เสี่ยวเอ้อก็มาพร้อมกับกาน้ำชาชุดใหม่
"เสี่ยวเอ้อรีบนำกาน้ำชาวางลงบนโต๊ะ ดูก็รู้ว่าเขารีบร้อนแค่ไหน เพราะมือของเสี่ยวเอ้อแดงเป็นเทือก น่าจะเผลอทำน้ำร้อนลวกมือตนเองเป็นแน่
หลินหลินสำรวจเสี่ยวเอ้ออยู่เงียบ ๆ เสี่ยวเอ้อกลับออกไปขนถังน้ำร้อนใบใหญ่ขึ้นมาเทลงอ่างไม้และเดินไปเปิดจุกกั้นน้ำที่ส่งต่อน้ำลงมายังถังอาบน้ำเพื่อผสมน้ำให้อุ่น
ทุกการกระทำเสี่ยวเอ้อดูเร่งรีบ หันออกไปมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้าอยู่บ่อยครั้ง ใบหน้าชื้นเหงื่อทั้งที่อากาศหนาวเย็น แสดงว่าต้องกังวลหรือไม่ก็กลัวอะไรบางอย่าง
หลินหลินลองใช้ดวงตาตรวจสอบทันที ไม่นานก็มีป้ายขึ้นเต็มไปหมด ป้ายแรกที่อยู่บนสุดคือ
*อยากรักษามารดาที่ป่วยหนัก (อ่านเพิ่มกด)*
*คาดหวังว่าจะได้ตำลึงเพิ่ม (อ่านเพิ่มกด)*
*กังวลผู้ดูแลมาพบเจอ (อ่านเพิ่มกด)*
*ผิดหวังไม่พบคุณหนูท่านเมื่อวาน (อ่านเพิ่มกด)*
ฮ่าๆๆๆ ..... ดวงตาตรวจสอบแม้จะบอกแบบไม่เจาะจง แต่ก็มีรายละเอียดให้อ่านเพิ่มเติม นางลองกดป้ายที่ 2 คาดหวังว่าจะได้ตำลึงเพิ่ม กดคำอธิบายเพิ่มเติม ......จากที่อ่านสรุปออกมาคือ เสี่ยวเอ้อคนนี้ชื่อว่า ฉางอี้ เป็นคนดี ซื่อสัตย์ และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เลี้ยงดูแม่ที่ป่วยและน้องสาวตัวน้อย ตอนนี้ต้องการหาตำลึงเพิ่มอีก 3 ตำลึง เพื่อไปจ่ายค่าหมอและค่ายาให้มารดา
แต่ระบบดวงตาตรวจสอบนี่สุดยอดไปเลย ยิ่งกว่านักสืบอีก รู้ลึก รู้ดี จริง ๆ หลินหลินปิดดวงตาตรวจสอบลง
"เสี่ยวเอ้อ ...ที่นี่มีบริการออกไปซื้อของให้ลูกค้าหรือไม่"
"มีขอรับ...คุณหนูอยากได้อะไรขอรับ"
"ข้าอยากได้ปิ่นปักผม เครื่องประดับ สักหลาย ๆ ชิ้นหน่อย ข้าจะนำไปแจกบ่าวในเรือน"
ฉางอี้ครุ่นคิด เขาอยากจะรับงานนี้แต่กลัวว่าจะเลือกมาไม่ถูกใจคุณหนูท่านนี้...
หลินหลินไม่ปล่อยให้ฉางอี้คิดนาน นางรู้ว่าเขากังวลอะไร
"เจ้าไม่ต้องเลือกแบบที่หรูหรามาก เอาที่เจ้าชอบก็ได้ ข้าแค่จะนำไปแจกให้บ่าวไพร่ในเรือน หรือเจ้าเข้าไปในร้านแล้วก็เลือก ๆ ชี้ ๆ มาเลยก็ได้ ทำได้หรือไม่"
ฉางอี้ยิ้มกว้าง
"ทำได้ขอรับ ข้าทำได้"
หลินหลินให้เหรียญทองไปถึง 1 เหรียญ นางบอกฉางอี้ว่านางจะรออยู่ที่นี่ หากไม่พอให้เอาเงินนี้มัดจำและให้คนของทางร้านมาเก็บเงินที่นางเพิ่ม
ที่นางทำแบบนี้นางก็แค่อยากจะพิสูจน์.....ระบบขึ้นว่าฉางอี้เป็นคนดีซื่อสัตย์ เมื่อเขาเจอเงินก้อนใหญ่ เขาจะโลภเอาของคนอื่นมาเป็นของตนหรือไม่ เขาจะขโมยเงินนี้แล้วทำให้ครอบครัวตนเองสุขสบายหรือไม่ ถ้าฉางอี้เลือกข้อนี้นางก็ไม่กังวล ถือซะว่าสวรรค์ตอบแทนในความอดทน อดกลั้น และซื่อสัตย์ที่ผ่านมาของเขา ทำให้เขามาเจอนาง แต่หากเขาเลือกความซื่อสัตย์ ไม่ละโมบของผู้อื่น
นางนี่แหละขอเป็นตัวแทนสวรรค์ ส่งมอบของขวัญให้คนดี ๆ แบบนี้เอง
ระหว่างรอฉางอี้ หลินหลินก็เดินไปเปิดหน้าต่างนั่งตรงตั่ง มองออกไปข้างนอก คิดวางแผนว่าวันนี้นางจะทำอะไรบ้าง อย่างแรกวันนี้นางจะไปเหมาเครื่องประดับตามร้านต่าง ๆ มาประมูลในระบบ นางอยู่ที่เมืองนี้แค่พรุ่งนี้เท่านั้น นางจะออกเดินทางไปทางใต้ อยากไปปักหลักที่นั่น
ภารกิจแรก เหมาเครื่องประดับ จานชาม ให้มากที่สุด แต่จะเหมายังไงให้ไม่มีใครรู้ว่าเป็นนาง เพื่อความปลอดภัยนางควรจะปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าของทั้งหมดอยู่ที่นาง คิดได้ดังนั้น ก็นึกไปถึงชายชรากับเด็กน้อย นางคิดแผนดี ๆ ได้แล้ว ในเมื่อนางอยู่ที่เมืองนี้อีกแค่ 1 คืน ถ้างั้นก็ลุยเลยล่ะกัน
หลินหลินคิดได้ว่าในระบบมีชุดเวทระดับสูง แล้วจะมีเครื่องมือเวทปิดบังตัวตนพวกนี้ไหมนะ ร่างบางจึงเปิดจอเข้าระบบซื้อขายแลกเปลี่ยน หาอยู่นานในที่สุดก็เจอ.....
“ผ้าคลุมล่องหน?...”
เห้ยนางไม่ได้จะไปปล้นใครนะ จะเอาผ้าคลุมล่องหนมาทำไม? แต่ก็น่าสนใจอยู่นะ เหมือนพ่อมดแม่มดอะไรทำนองนี้
หลินหลินเลือกดูต่อไปจนไปพบผ้าคลุมภาพลวงตา ความวิเศษ สามารถทำให้คนที่พบเห็นท่านในแบบที่ท่านตั้งค่าไว้
"หืม......น่าสนใจมาก"
หลินหลินกดอ่านรายละเอียด ก็พบว่าของชิ้นนี้เหมาะกับนางมาก เพราะนางต้องเดินทางไกล แม้มันจะเขียนว่าสามารถตั้งค่า ทำให้ผู้สวมใส่งดงาม หรือขี้เหร่ได้ หลินหลินกดซื้อทันที ผ้าคลุมตัวนี้เป็นเหมือนชุดคลุมมีหมวกปิดขึ้นมาที่หัว พอนางลองสวมใส่ก็มีให้นางตั้งค่า ....เมื่อนางตั้งค่าเสร็จก็หัวเราะออกมาทันที
“ฮ่า ๆ ๆ"
นางถอดเสื้อคลุมออก นางคิดว่าฉางอี้คงกำลังมาแล้ว และเป็นตามคาด
“ก๊อก ๆ ๆ ๆ”
"คุณหนู ข้าน้อยซื้อของมาให้แล้วขอรับ"
"เข้ามาได้"
ฉางอี้เปิดประตูเดินเข้ามา เขาไม่ปิดประตู 2 บาน แต่เลือกแง้มไว้ 1 บาน เพื่อเป็นการให้เกียรตินาง ฉางอี้เดินตรงมายังโต๊ะกลางห้องพร้อมทั้งวางห่อผ้าและใบยืนยันซื้อขายกับทางร้าน
หลินหลินเปิดห่อผ้าดู ฉางอี้เลือกเป็นปิ่น ต่างหู นางเดาว่าที่เขาไม่เลือกแหวนเพราะคงกลัวว่าผู้รับจะใส่ไม่พอดี
หลินหลินยิ้มน้อย ๆ สิ่งที่นางสนใจไม่ใช่ว่าเขาเลือกอะไรมา แต่เป็นใบบันทึกการซื้อขายกับทางร้าน เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์เหมือนที่ระบบบอกไว้จริง ๆ
หลินหลิน ยื่นถุงผ้าให้ฉางอี้ เขาขอบคุณนางหลายต่อหลายครั้ง ในมือกำเหรียญไว้แน่น
ฉางอี้มั่นใจว่าเขาต้องได้มากถึง 1 ตำลึงแน่นอน ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์ เขาพยายามใช้ชีวิตต่อไป....
ฉางอี้เก็บถุงเงินเข้าอกเสื้อ เพราะยังไม่ถึงเวลาเข้างาน ฉางอี้จึงตัดสินใจกลับบ้าน เอาเงินไปเก็บที่บ้านย่อมปลอดภัยกว่า
เมื่อมาถึงบ้าน ฉางอี้ก็รีบเดินตรงเข้าไปในห้องนอน เขาซ่อนเงินเก็บไว้ใต้โต๊ะเขียนหนังสือเก่าๆ ใกล้พังตัวหนึ่ง ความจริงโต๊ะตัวนี้ถูกทิ้งไว้ในซอยเปลี่ยว เขาเก็บมันมาและพยายามซ่อมมัน จึงได้รู้ว่ามันมีลิ้นชักลับ
เมื่อรู้ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้สภาพมันพังอย่างเดิม แต่ใช้ช่องลับแทน ใครที่มาเห็นก็จะคิดว่าแค่โต๊ะพังๆ ตัวหนึ่ง ไม่น่าสนใจอะไร
ฉางอี้หยิบถุงผ้าออกจากอกเสื้อ เขาเทเหรียญตำลึงออกมาเพื่อเก็บลงลิ้นชัก แต่ต้องขยี้ตา....เพราะไม่ใช่เหรียญเงิน แต่เป็นเหรียญทอง!..... 2 เหรียญทองประกบติดกัน ร้อยด้วยด้ายแดง
น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอย่างไม่อายใคร เสียงร้องไห้ที่ดังออกมาทำให้มารดาของฉางอี้ที่อยู่ห้องข้างๆ ต้องรีบพยุงตัวลุกขึ้นจากเสื่อ
นางใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด รีบเข้ามาหาลูกชายและกอดเขาเอาไว้เท่าที่แรงนางมี
“อาอี้ แม่อยู่นี่ ลูกเป็นอะไรเจ้า แค่กๆ แค่ก เป็นอะไรร้องไห้ทำไม แค่กๆ “
"ท่านแม่.... ท่านแม่ ...ฮือๆ ข้าดีใจขอรับ ดีใจเหลือเกิน สวรรค์ท่านเมตตาพวกเราแล้ว ท่านได้ยินคำขอของข้าแล้ว ฮือๆ "
นางฉางหยู เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่เรื่องร้าย ก็ได้แต่รอให้ลูกของนางสงบลงโดยโอบกอดลูกของนางไว้
ฉางอี้เมื่อได้ระบายออกมาแล้ว เขาก็สวมกอดมารดา
"เรามีเงินรักษาท่านแล้วขอรับ"
ฉางอี้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มารดาฟัง เมื่อฟังจบมารดาก็คุกเข่าโขกหัวขอบคุณสวรรค์ เด็กน้อยฉางลี่ลี่เห็นอย่างนั้นก็ทำตาม
"ลี่ลี่ขอบกุนสาวันเจ้าคร้า" (ลี่ลี่ขอบคุณสวรรค์เจ้าค่ะ)
ทั้ง 3 กอดกันกลม นี่เป็นความรู้สึกที่โล่งใจ สบายใจ ดีใจครั้งแรกในชีวิตพวกเขา....
ฉางอี้วางแผนจะรักษามารดาก่อนอย่างแรก เขาต้องเดินทางขึ้นเหนือถัดจากเมืองนี้ไป 2 เมือง ฉางอี้ปรึกษามารดา เขาจะลาออกจากงานวันนี้และออกเดินทางพรุ่งนี้
พวกเราจะไปตั้งรกรากอาศัยอยู่ยังเมืองที่ท่านหมออยู่ ฉางอี้ตั้งใจจะหางานทำในเมืองที่มารดารักษาตัวเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แม้มีเงิน....แต่เขาก็ยังเลือกที่จะประหยัดทุกทาง ใช้จ่ายทุกอย่างให้รัดกุม วันนี้เขาจะกลับไปลาออกเลยและเก็บของ ติดต่อเช่าเกวียนเพื่อออกเดินทางพรุ่งนี้
เขาจำได้ว่าคุณหนูเข้าพัก 3 คืน นางจะอยู่ถึงพรุ่งนี้ เขาอยากจะไปขอบคุณคุณหนูอีกครั้ง วันนี้จึงมาดักรอที่โรงเตี๊ยม รอแล้วรออีกจนดึกแล้วก็ยังไม่พบ จึงถามเสี่ยวเอ้ออีกคน ก็ได้คำตอบว่านางออกจากห้องหลังฉางอี้ไปแป๊บเดียว
ฉางอี้รอตั้งแต่ยามซื่อ - ยามซวี (09.00-20.59) แต่ก็ไม่พบคุณหนูท่านนั้น นางไม่ได้กลับมาโรงเตี๊ยม...
ความผิดหวังถาโถมเข้าใส่ฉางอี้ ราวกับแสงสว่างที่ริบรี่
ทางฝั่งหลินหลิน... ย้อนกลับไปตอนที่หลังเสี่ยวเอ้อรับถุงเงินและออกไป นางก็เข้ามิติไปเช็คราคาเครื่องประดับทั้งหมด เป็นอย่างที่นางคิดไม่มีผิด ของพวกนี้ทำกำไรให้นางเยอะมากหลินหลินไม่รอช้า นางออกจากห้องพักมุ่งหน้าสู่ร้านเครื่องประดับต่างๆ นางใส่ผ้าคลุมแปลงโฉม ตอนนี้ผู้คนจึงเห็นว่านางเป็นหญิงสาวอายุ 27-28 ปีก่อนหน้านี้ หลินหลินจ้างปู่หลิวกับสือหย่ง (ชายชราและเด็กน้อยที่รับจ้างตรวจเช็คแจกันให้นาง) ให้พวกเขาไปเช่ารถม้าพร้อมคนขับมา 1 คัน ปู่หลิวรับคำและไปจ้างคนที่รู้จักกันในหมู่บ้านคนนี้มีนามว่า หานเซียว เขาเคยเป็นทหารแต่ได้รับบาดเจ็บจึงออกจากการเป็นทหารมารับจ้างขับรถม้าแทนหลินหลินนั่งรอที่ร้านน้ำชาเล็ก ๆ ริมถนน ถัดไปอีก 2 ซอย นางวางแผนว่า นางจะนั่งรถม้าชมรอบเมืองสักหน่อยนางอยากดูวิธีชีวิตของคนที่นี่... เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้ง 3 คนก็มายืนรอรับคำสั่งจากนาง หลินหลินส่งชุดให้ทุกคนเปลี่ยน พวกเขาไปหลบหลังรถม้าที่เป็นมุมอับ.. ลับตาคน และรีบเปลี่ยนชุดออกมาทันที...ชุดมีลักษณะเหมือนกันทั้ง 3 ตัว เป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพง สีเทาเข้ม มีแค่ของปู่หลิวที่จะตัดขอบดำไม่เหมือนอีก 2 คน นางสั่งทุกคนว่า"ห
ผู้ดูแลสั่งให้คนเชิญหลินหลินขึ้นไปชั้นสอง ห้องที่ 3 ชั้นนี้เป็นห้องส่วนตัว มีไว้ต้อนรับแขกคนสำคัญ คู่ค้า หรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้นระหว่างที่หลินหลินและปู่หลิวเดินตามคนนำทางไป ผู้ดูแลก็รีบไปเรียนนายท่านใหญ่ทันทีก๊อก ก๊อก ก๊อก ผู้ดูแลรอสัญญาณเสียงจากคนด้านในก่อน รอไม่นานเสียงนายท่านใหญ่ก็ดังขึ้น "ว่ามา..." ผู้ดูแลไม่ชินกับเสียงดุดันนี้เลยจริงๆ ... "เรียนนายท่านใหญ่ขอรับ มีคุณหนูท่านหนึ่งต้องการซื้อเครื่องประดับจำนวนมาก ข้าน้อยเลยมาแจ้งนายท่านใหญ่ก่อนขอรับ"เย่วเทียนชุนขมวดคิ้วเป็นปม ร้านเขาเป็นร้านอันดับ 1 ของเมืองนี้ คนที่ต้องการซื้อของส่วนใหญ่ผู้ดูแลจะเป็นคนดูเอง ไม่เคยต้องให้เขาไปดูแล "ซื้อจำนวนมาก? ... มากแค่ไหน ถึงกับต้องมาตามเขา"มุมปากหนายกยิ้ม เขาเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าใครมาเล่นตลกกับเขากันเทียนชุนวางสมุดบัญชีลง เขาตรวจบัญชีเสร็จพอดี มีอะไรอย่างอื่นให้ทำบ้างก็ดี ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เมื่อด้านในมีเสียงความเคลื่อนไหว ผู้ติดตามหน้าห้องทั้ง 2 ก็เปิดประตูรอนายของตนเองทันทีผู้ดูแลเดินนำเทียนชุนไปยังห้องพิเศษห้องที่ 3 เขารู้สึกถึงรังสีกดดันจากทางข้างหลัง ความจริงเขาแค่จ
"500 เหรียญทองก็ย่อมได้... แต่มีข้อแม้หนึ่งข้อ ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะซื้อขายกับข้าอีกครั้ง" เทียนชุนเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาคมกริบจับจ้องหลินหลินไม่คลาดสายตาราวกับจะมองทะลุผ่านใบหน้าของนางผู้ดูแลแทบเป็นลม... กำไรหายไปอีก 57 เหรียญทอง ทำไมนายท่านยิ่งเจรจามันกลับยิ่งน้อยลง หรือคนโง่ ๆ อย่างเขาจะไม่เข้าใจการค้ากันนะ.....หลินหลินครุ่นคิด ตอนแรกนางแค่จะมาเหมาสินค้าเข้าระบบ ไม่คิดผูกขาดกับใคร..."เรียนคุณชายตามตรง พรุ่งนี้.. ข้ากำลังจะออกเดินทางไปทางใต้ ไม่ได้อยู่เมืองนี้ ไม่ทราบว่าท่านมีร้านอยู่ทางใต้บ้างไหมเจ้าคะ"เทียนชุนชะงักไปเล็กน้อย น่าเสียดายที่นางจะไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้แล้ว และอีก 2 วัน ตัวเขาเองก็ต้องออกเดินทางขึ้นเหนือ"ร้านค้าตระกูลเย่วมีหลายสาขาทั่วทั้งแคว้น"เสียงเข้มเอ่ยขึ้น เหมือนมีความไม่พอใจเจืออยู่เล็กน้อย"เจ้าจะลงใต้ไปเมื่อใด""ข้าจะไปเหมาสินค้าอีก 2-3 ร้านเจ้าค่ะ และจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ"" ต้องการสินค้ามากมายขนาดนั้น ...เจ้าจะเปิดร้านขาย? ""ข้าไม่ได้จะเปิดร้านเจ้าค่ะ ข้าแค่โชคดีที่มีลูกค้าเป็นพวกพ่อค้าต่างแคว้น ของทั้งหมดมีคนต้องการซื้ออยู่แล้วเ
หลินหลินเข้ามิติมาเพื่อดูว่าตัวนางจะหายไปจากตรงนั้นไหม นางดูนาฬิกา ตอนนี้ 10 วิแล้วที่นางอยู่ในมิตินางลุ้นมาก สิ่งที่นางคิดไม่น่ามีอะไรผิดพลาด มันเป็นทฤษฎีของแมลง นักวิทยาศาสตร์มีการวิจัยเกี่ยวกับความสามารถอันน่าทึ่งของแมลงไว้ว่า แมลงบางชนิดสามารถบินหลบสายฝนได้โดยที่ตัวมันไม่เปียกด้วยซ้ำ!ซึ่งแมลงพวกนี้มีสายตาที่ไวมากเป็นพิเศษ แถมยังมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลันอีกด้วย ซึ่งการตอบสนองของมันไวกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า!แมลงบางชนิดจะมีดวงตาที่ขาและมีดวงตาขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเลนส์ขนาดเล็กจำนวนมากมายเรียงกัน เลนส์เหล่านี้ทำหน้าที่รับภาพและประมวลผลออกมา ซึ่งมีความไวมากกว่ามนุษย์มากถึง 4 เท่า บวกกับมันสามารถทำความเร็วในการบินได้ 8 กม. ต่อชม. นั้นทำให้มันมองเห็นภาพเป็นแบบสโลว์โมชั่น ความสามารถการมองเห็นแบบสโลว์โมชั่นของมัน ทำให้การตบจากมนุษย์เป็นแค่การตบแบบสโลว์โมชั่นของมันเท่านั้นเมื่อหลินหลินลองเทียบเวลา 1 เดือนในมิติกับ 1 วันภายนอก มันมีความต่างที่เหลื่อมล้ำกับการรับภาพผ่านดวงตาของมนุษย์ทั่วไป นางเลือกทั้ง 3 คนนี้เป็นกลุ่มแรกที่นางจะทดลอง เพราะพวกเขาบางคนไม่มีพลังเวท หานเซียวมีแค่เวทระด
"ท่านปู่ขายอะไรเจ้าคะ"หลินหลินเอ่ยถามชายชราด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผู้เฒ่าเฉียวค่อย ๆ เงยหัวขึ้นมองคนตรงหน้า ดวงตาที่แสนเศร้าหมองและเหนื่อยล้า แต่กลับมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้หลินหลินภาพของชายชราผู้โดดเดี่ยว ทรุดโทรม และสิ้นหวัง สะท้อนเข้ามาในใจหลินหลินอย่างไม่อาจห้ามได้ นางเห็นถึงความอ่อนล้าในทุกอิริยาบถของเขา ร่างกายที่ผ่ายผอม เสื้อผ้าที่ขาดวิ่น และแผ่นผ้าเก่า ๆ ที่ปูรองหนังสือเพียงไม่กี่เล่ม บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตที่ยากลำบาก"คุณหนู..."เสียงแหบพร่าของชายชราทำให้หลินหลินรู้สึกสะท้านในใจ มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง"ข้าขายตำราขอรับ คุณหนูสนใจตำราหรือขอรับ... ตำราพวกนี้ข้าน้อยสะสมมันมาทั้งชีวิต ตอนนี้ชราแล้ว บุตรชายก็มาบาดเจ็บ จึงต้องนำมันมาขาย เชิญคุณหนูเลือกดูก่อนขอรับ"หลินหลินหยิบขึ้นมาเปิดผ่าน ๆ "ท่านปู่ ตำราท่านขายยังไงเจ้าคะ"ปู่เฉียวกลัวว่าวันนี้เขาจะไม่มีเงินไปจ่ายค่าหมอให้ลูกชาย จึงตัดใจลดราคาตำราลง"เรียนคุณหนูตามตรง ตำราพวกนี้ปกติข้าขายอยู่เล่มละ 2 ตำลึงขอรับ แต่บัดนี้จนใจต่อโชคชะตาแล้ว.... ข้าน้อยหวังเพียงเงินไปจ่ายค่าหมอค่ายาให้บุตรชาย คุณหนูให้เท่าไร
โครงการถุงยังชีพ มาถึงโลกใบนี้แล้ว นางจะริเริ่มเปลี่ยนแปลงที่นี่เอง" ไม่เป็นไรเจ้าค่ะเถ้าแก่ รบกวนท่านเตรียมสินค้าให้ข้า ข้าต้องการอย่างละ 9 กระสอบเจ้าค่ะ ท่านแค่เตรียมไม่ต้องไปส่ง ข้าจะเก็บเข้าถุงมิติเจ้าค่ะ"" ได้ขอรับ เชิญคุณหนู เชิญนั่งรอตรงนี้สักครู่ขอรับ"เถ้าแก่รีบไปจัดเตรียมเก้าอี้ให้หลินหลิน วันนี้เขาโชคดีจริง ๆ มีลูกค้ามาเหมาของจำนวนมาก แถมไม่กดราคาเขาด้วยที่ร้านเขาขายถูกจึงมีเศรษฐีหลายคนมาข่มขู่ว่าซื้อเยอะต้องลดราคา เขาไม่สามารถลดให้ได้จริง ๆ ร้านเขาเป็นร้านเล็ก ๆ ไม่ได้เอากำไรมากมาย ลูกค้าของเขาก็ชาวบ้านทั้งนั้น จะขายเอากำไรมากขึ้นก็สงสาร เลยได้แต่ขายราคานี้มาตลอดเถ้าแก่กำลังไล่ตรวจนับข้าวสารแต่ละชนิด สายตาของหลินหลินก็ไปปะทะกับผักดอง เกี่ยมไฉ่ ผักกาดดองเค็ม นางลุกขึ้นไปดูก็พบว่ามีผักกาดดองเปรี้ยว ซึงไฉ่ และหัวไชโป๊อยู่ด้วย หลินหลินบอกเถ้าแก่ว่านางเอา 3 อย่างนี้ด้วย ให้เหลือทิ้งไว้ที่ร้านอย่างละ 1 ถุงที่วางโชว์ (5 กิโล) นอกนั้นนางเอาหมด เถ้าแก่ก็น่ารัก รีบมาจัดการต่อให้นางเลยเถ้าแก่แม้จะสงสัยว่านางเหลือไว้ทำไม แต่เขาต้องรีบจัดของจึงยังไม่ได้ถามออกไปหลินหลินเดินดูเค
หลินหลินนั่งคุยกับป้าเจียงเพลิน เผลอลืมบุรุษ 3 คนที่นั่งรอนางอยู่หน้าเรือนไปเสียสนิท" ท่านป้า ข้าขอไปสั่งงานคนของข้าสักครู่นะเจ้าคะ" ฮูหยินเจียงยิ้มรับรู้ "เจ้าไปเถอะ เดี๋ยวสักพักแม่นมจางคงมาหาป้าที่จวนนี้เป็นแน่"" แม่นมจาง? เป็นแม่นมของป้าเอง ไว้ป้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นางเป็นคนที่จิตใจดีมากทีเดียว""เจ้าค่ะ" หลินหลินยิ้มหวานก่อนเดินออกมาหน้าเรือน เห็นท่านปูหลิวนั่งรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ มีสือหย่งและหานเซียวนั่งขนาบข้าง พอพวกเขาเห็นนางก็รีบลุกและเดินมาหา" ขอโทษที่ให้รอนานเจ้าค่ะ" หลินหลินยื่นส่งเงิน ให้ทุกคนคนละ 5 ตำลึงเงินตามที่นางให้สัญญาไว้ " วันนี้พวกท่านกลับบ้านได้เลยนะเจ้าคะ และอย่าลืมหาที่ปลอดภัยถอดแหวนกับชุดเก็บไว้ใส่ในวันพรุ่งนี้ ก่อนมาหาข้า พรุ่งนี้ข้าจะจ้างพวกท่านอีก 1 วัน มีใครมาไม่ได้ไหมเจ้าคะ"" มาได้ขอรับ..." ทั้งสามตอบด้วยสีหน้าดีใจยิ้มกว้าง จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร รับงานนี้พวกเขาได้เงินมากถึง 10 ตำลึงภายใน 2 วันหลินหลินส่งห่อผ้าที่ข้างในมีซาลาเปาไส้ผัก ไส้หมู ไส้หมูแดง รวมๆ กันห่อละ 10 ลูก ให้พวกเขาทั้ง 3 คน " นำกลับไปให้คนที่บ้านกินนะเจ้าคะ และพรุ่งนี้เจอ
" ฮะแฮ่ม...พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่หรือ..."ท่านลุงเจียงแกล้งเอ่ยถาม แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่อาหารบนโต๊ะไม่วางตา" ท่านพี่ มานั่งก่อนเจ้าค่ะ ข้ากับหลินเอ๋อร์กำลังรอท่านอยู่พอดี"" หลินเอ๋อร์?" สายตาลุงเจียงย้ายจากอาหารมามองที่หลินหลินทันที หลินหลินยิ้มหวานให้หนึ่งที"ท่านพี่...ตอนนี้ข้ารับหลินเอ๋อร์เป็นหลานสาวแล้ว ข้าชวนนางอยู่ด้วยกันทีนี่ แต่...นางใจแข็งยิ่งนักเจ้าค่ะ หลินเอ๋อร์อยากไปอยู่ทางใต้ หากนางตกลงจะอยู่ที่นี่สักนิดข้าคงให้ท่านสร้างเรือนเพิ่มที่จวนของเราพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ เอ๊ะ..ท่านพี่หรือเราย้ายไปทางใต้ไปอยู่กับหลินเอ๋อร์ดีเจ้าคะ""ฮ่าๆๆๆ ท่านป้าใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะไปที่เมืองใดเจ้าค่ะ ไว้ได้ข้าสร้างจวนเสร็จข้าจะรีบส่งข่าวมาบอกท่านนะเจ้าคะ เผื่อท่านอยากหนีท่านลุงไปอยู่กับข้า ""แค่กๆ หลินเอ๋อร์ ป้าเจ้าอยู่ที่ใดลุงก็อยู่ที่นั่นแหละ เจ้าอย่าให้ทางนางหนีจากลุงเด็ดขาด ฮ่ะๆๆ"สี่เสียงหัวเราะประสานขึ้นมาพร้อมกัน" ท่านลุง เชิญดื่มน้ำใบเตยก่อนเจ้าค่ะ แล้วเราค่อยลงมือทานอาหารกัน ท่านป้าหิวแย่แล้ว"แม่นมเตรียมตัวจะลุกขึ้น หลินหลินจับมือแม่นมเพื่อจะประคอง "แม่นมจะไปไ
บทพิเศษเสี่ยวเฮย และ เสี่ยวหมี(หมีหิมะ)ภายในมิติ ทันทีที่หลินหลินจากไป เสี่ยวเฮยทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม"ฮือๆ นายหญิง... ทำไม... ทำไมถึงทิ้งข้า"เสี่ยวเฮยคร่ำครวญด้วยความเสียใจเสี่ยวหมีเดินเข้ามาใกล้ "เสี่ยวเฮย เจ้าอย่าเสียใจไปเลย นายหญิงคงมีเหตุผลของนาง""เหตุผลอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ!" เสี่ยวเฮยร้องไห้โฮ "ข้ารักนายหญิง ข้าอยากอยู่กับนายหญิงตลอดไป"เสี่ยวหมีมองเสี่ยวเฮยด้วยความสงสาร "เสี่ยวเฮย... " เสี่ยวหมีลังเล "ข้า.. ข้าอ่านตำราโบราณออก""แล้วอย่าไร" เสี่ยวเฮยเงยหน้ามองเสี่ยวหมี"ตำราโบราณกล่าวไว้ว่า หากต้องกำจัดอสูรหิมะ ต้องระเบิดพลังจากภายในด้วยพลังระดับ 8 สองสาย และระดับ 9 หนึ่งสาย"เสี่ยวหมีอธิบายเสี่ยวเฮยขมวดคิ้ว "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายหญิง""นายหญิงเป็นมนุษย์ นางมีพลังระดับ 9 ที่นายหญิงยกเลิกพันธะสัญญา ก็เพราะ... นางต้องการปกป้องเจ้า"เสี่ยวเฮยนิ่งอึ้ง "ปกป้องข้า?""ใช่ นางรู้ว่า หากเจ้ายังมีพันธะสัญญาอยู่ หากนางระเบิดพลังเจ้าจะตายไปด้วย "เสี่ยวหมีพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า "นางรักเจ้ามาก เสี่ยวเฮย"เสี่ยวเฮยเบิกตากว้าง หัวใจของมันรู้สึกอบอุ่น ใน
ภายในจวนท่านแม่ทัพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวัง เสียงร้องโอดโอยของหลินหลินดังเล็ดลอดออกมาจากห้องคลอดเป็นระยะๆ ทำให้เทียนชุนที่ยืนรออยู่ด้านนอกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เขากำมือแน่น พยายามสะกดกลั้นความกังวลเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจหยุดความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้"หลินเอ๋อร์ เจ้าต้องปลอดภัยนะ"เขาพึมพำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน พวกเขานั่งรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เสียงร้องของหลินหลินแต่ละครั้งทำให้หัวใจของพวกเขาแทบจะหยุดเต้น"ลูกต้องปลอดภัยนะ"มารดาของหลินหลินพึมพำภาวนา ทันใดนั้นเสียงร้องของทารกก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงัดในจวน ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องคลอดด้วยความตื่นเต้นไม่นาน หมอตำแยก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง "ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ฮูหยินคลอดลูกแฝดชายหญิง เป็นเด็กที่แข็งแรงมาก"เทียนชุนรีบพุ่งเข้าไปในห้องคลอดทันที เขาเห็นหลินหลินนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียวแต่ก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ข้างกายนางมีทารกน้อยสองคนนอนอยู่เทียนชุนทรุดตัวลงข้างเตียง จับมือภรรยาไว้แน่น"หลินเอ๋อร์ เจ้าเก่งมาก"
หลินหลินค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคยของเทียนชุน ทันทีที่สติกลับคืนมา ภาพเหตุการณ์สุดท้ายก่อนหมดสติก็ฉายชัดขึ้นในห้วงความคิด เสียงระเบิดดังสนั่น ภาพดวงตาที่ทั้งสองมองมาที่นาง…น้ำตาไหลอาบแก้มหลินหลินอีกครั้ง ความเจ็บปวดของความสูญเสียกัดกินหัวใจของนางอย่างรุนแรง นางพยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้"เสี่ยวเฮย... เสี่ยวหมี..."นางพึมพำชื่อของพวกมันซ้ำๆ ราวกับต้องการเรียกพวกเขากลับมาเทียนชุนตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากร่างกายของภรรยา เขามองหลินหลินที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก หัวใจของเขาเจ็บปวดไม่ต่างกัน เขาโอบกอดนางไว้แน่น พยายามปลอบโยน" หลินเอ๋อร์"เขาพูดเสียงแผ่วเบา "ทุกอย่างจบแล้ว"หลินหลินเงยหน้ามองสามี น้ำตาไหลอาบแก้ม "ข้า... ข้าทำไม่สำเร็จ"นางพูดเสียงสั่นเครือ "ข้าไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้"เทียนชุนส่ายหน้า "ไม่ใช่ความผิดของเจ้า พวกเขาเลือกที่จะเสียสละตัวเองเช่นเจ้าเลือกที่จะสละตัวเองเพื่อพวกเรา""แต่..."หลินหลินยังคงร้องไห้ไม่หยุดเทียนชุนเช็ดน้ำตาให้ภรรยาอย่างอ่อนโยน "เสี่ยวเฮยและเสี่ยวหมีคงภูมิใจในตัวเอง ที่พวกเขา
หลินหลินรีบร้อนเข้าสู่มิติเพื่อเตรียมตัวรับมือกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ แม้จะมีเวลาจำกัดเพียงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) แต่นางก็ไม่รอช้า มุ่งตรงไปยังหอตำราเวททันทีภายในหอตำรา บรรยากาศเงียบสงบและเคร่งขรึม อักษรโบราณสีทองเรียงรายอยู่บนผนังถ้ำสูงตระหง่าน หลินหลิน ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอสูรหิมะ สัตว์ในตำนานที่กำลังคุกคามพวกเขา ครั้งนี้อักษรไม่ได้พุงเข้ามาที่ตัวของนางแต่ปรากฏหนังสือโบราณเก่าแก่อสูรหิมะ... สัตว์ในตำนานที่ถือกำเนิดจากพายุหิมะอันรุนแรง ดูดกลืนพลังจากความหนาวเย็นจนกลายเป็นอสูรร้ายทรงพลัง มันออกตามล่านักเวทระดับ 9 เพื่อดูดกลืนพลังขั้นสุดท้ายของพวกเขาหลินหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตัวอักษรในตำราเต้นระริกราวกับจะตอกย้ำความจริงที่ว่า มีเพียงนางและสามีเท่านั้นที่อยู่ในระดับ 9 มือของนางเริ่มสั่นไหว ความกลัวกัดกินหัวใจนางพลิกหน้าตำราต่อไปอย่างรวดเร็ว ค้นหาวิธีที่จะหยุดยั้งอสูรตนนี้มีเพียงสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจ 9 ครั้งเท่านั้นที่จะสังหารมันได้ หรือ... การระเบิดพลังจากภายใน ต้องใช้พลังเวทระดับ9 หนึ่งขุม หรือระดับ 8 สองขุม ถึงจะจัดการกับอสูรหิมะตนนี้ได้หลินหลินหน้าซีดเผือด มือบางสั่นเทาจนเสี่ยวเ
"เราจะพักที่นี่เอาแรงก่อน" หลินหลินหันไปบอกกับทั้งสามคน ก่อนจะมอบน้ำทิพย์ให้พวกเขาคนละกระบอกนางใช้เวลาพูดคุยกับครอบครัวอีกหนึ่งเค่อ (30 นาที) ก่อนจะขอตัวกลับไปทำภารกิจต่อระบบแจ้งเตือนว่ายังมีผู้รอดชีวิตอีก 2 คน แต่ดวงตาตรวจสอบของนางกลับใช้การไม่ได้ในพายุหิมะที่รุนแรงเช่นนี้ นางต้องพึ่งดวงล้วนๆในการค้นหาพวกเขาหลินหลินและเหล่าทหารกลับมายังจวนแม่ทัพอีกครั้งครั้งนี้นางร่ายโล่เวทขึ้นมาเพื่อต้านทานพายุ นางจะเป็นผู้นำทัพหน้า ส่วนหลิวเคออยู่ซ้าย โหลกังอยู่ขวา และอิงหานคอยระวังหลัง ทุกคนต่างดึงพลังเวทของตนเองออกมาใช้อย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้กับพายุที่โหมกระหน่ำพวกเขาเดินฝ่าพายุหิมะไปอย่างยากลำบาก หิมะหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า ลมพัดกระหน่ำจนแทบจะปลิวไปตามลม หลายครั้งที่พวกเขาเกือบจะล้มลง แต่ก็ยังคงประคองกันและกันไว้ได้ตอนนี้พวกเขาพบกับภาพที่น่าสลดใจที่สุด...เท่าที่เคยพบเจอ สองตายายนอนกอดกัน ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนา ราวกับกำลังหลับใหลอย่างสงบ แต่หลินหลินรู้ดีว่าพวกเขาจากไปแล้วหลินหลินทรุดตัวลงข้างๆ ร่างของสองตายาย น้ำตาไหลอาบแก้มของนางอย่างไม่อาจควบคุมได้ น
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เทียนชุนยังคงโอบกอดหลินหลินไว้แนบอก ความรู้สึกภายในของเขาลึกล้ำเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดในฐานะสามี เขาอยากปกป้องภรรยาสุดที่รักจากอันตรายข้างนอก แต่ในฐานะแม่ทัพ เขาก็ไม่อาจละทิ้งประชาชนในแดนเหนือได้เช่นกัน เขาติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้งภายในใจ ปล่อยนางไปก็ห่วง กักตัวนางไว้ก็ผิดต่อหน้าที่หลินหลินที่จมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง เริ่มตั้งสติและรวบรวมความกล้า นางไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ และการเดิมพันครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงเพื่อคนที่นางรักหลินหลินค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดที่อบอุ่นของสามี เงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างแน่วแน่"ท่านพี่" นางเอ่ยเสียงหนักแน่น"สำหรับข้า ท่านคือโลกทั้งใบ ดังนั้นข้าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ กลับมาเคียงข้างท่านให้ได้ ข้าสัญญา"แววตาของหลินหลินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความรักที่ล้นปรี่ เทียนชุนมองลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น เขาเห็นถึงความแข็งแกร่งและความเสียสละที่ซ่อนอยู่ภายใน แม้ใจจะแหลกสลายที่ต้องปล่อยนางไป แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งภรรยาของเขาได้เขาพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า รู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ "พี่จะรอเจ้า...
ยามจื่อ (00.00 น.) ความมืดมิดปกคลุมราตรีไร้เสียง มองเห็นเพียงแสงเทียนริบหรี่จากบ้านเรือนบางหลัง ทว่าในเงามืดนั้น มีกลุ่มเงาเคลื่อนไหวอย่างว่องไวและเงียบเชียบ นำโดยหลิวเคอ และทหารฝีมือดีของหลินหลินอีกหลายสิบนาย ด้วยวรยุทธ์และพลังเวทที่สูงส่งถึงระดับ 7 พวกเขาเคลื่อนไหวราวกับภูตพราย ไร้ร่องรอย ไม่มีใครแม้แต่จะรู้สึกถึงการมีอยู่ของพวกเขา แต่ละคนล้วนมีถุงมิติขนาดเล็กที่หลินหลินกว้านซื้อมาจากระบบมากถึง 500 ใบบ้านเรือนทุกหลังในเมืองถูกเยี่ยมเยือนโดยกลุ่มเงาเหล่านี้ พวกเขาเข้าออกอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ของมีค่าทุกชิ้นถูกกวาดลงถุงมิติอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ เงิน เครื่องประดับ หรือของสำคัญอื่นๆ ล้วนถูกเก็บลงถุงมิติข้างตัวยามหยิน (03.00น.)ไม่มีบ้านเรือนหลังไหนที่พวกเขาไม่ไปเยือน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว ราวกับปฏิบัติการลับที่ได้รับการวางแผนมาอย่างดีรุ่งเช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับความโกลาหล เมื่อชาวเมืองทุกหลังคาเรือนตื่นขึ้นมาพบว่าของมีค่าภายในบ้านหายไปอย่างไร้ร่องรอย! แม้แต่โต๊ะรับแขกไม้เนื้อดีก็ยังอันตรธานไป สร้างความตื่นตระหนกและหวาดกลัวไปทั่วหลินหลินคาดกา
ขณะที่หลินหลินกำลังมุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งต่อไป นางก็สำลักเลือดออกมาจนเปรอะเปื้อนอาภรณ์ ทหารที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจ"นายหญิง!!"หลินหลินยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดอย่างไม่ใส่ใจ "ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นอะไร"นางฝืนยิ้มให้พวกเขา แต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง พลังเวทในตัวนางเหลือน้อยเต็มที การสร้างปราการครั้งใหญ่เมื่อครู่นี้ดูดพลังของนางไปมากมาย หลินหลินกัดฟันข่มความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาในอก พยายามรักษาท่าทีให้นิ่งสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นางรู้ดีว่าร่างกายของนางกำลังส่งสัญญาณเตือน"ไม่เป็นไรหลินหลิน เจ้าจะไม่เป็นอะไร"หลินหลินพูดเสียงแผ่วเบา เพื่อส่งกำลังใจให้ตัวเองข้าจะต้องเข้มแข็ง ข้าต้องทำได้ นางบอกตัวเองในใจภาพความฝันที่สองเมื่อคืนยังคงตามหลอกหลอนนาง ความรู้สึกผิดที่ไม่อาจปกป้องทุกคนได้ยังคงกัดกินหัวใจของนาง นางไม่อาจปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกในความฝันนั้น นางเห็นตัวเองเลือกสร้างปราการคุ้มกันเมืองแดนเหนือเอาไว้ เพราะคิดว่าเพียงแค่พายุผ่านไปทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ ค่ายทหารถูกพายุถล่มจนพังพินาศ และเมื่อพายุสงบลง กองกำลังศัตรูก็บุกเข้าโจมตีทันที แม้ว่าในท้ายที่สุด นางแล
เทียนชุนแทบไม่ได้ฟังที่หลินหลินพูด เขาจดจ้องอยู่แต่กับเรือนร่างตรงหน้า เทียนชุนประกบจูบหญิงสาวอย่างโหยหา หลายวันมานี้เขาคิดถึงนางแทบขาดใจ เมื่อคืนที่เห็นนางเหนื่อยจึงไม่อยากรบกวนนาง อยากให้นางได้พักผ่อน แต่ไม่คิดว่าเช้ามาเขาจะได้อาหารเช้าที่แสนวิเศษ "ท่านพี่...อ้า.. "นิ้วสากลูบไล้เนื้ออวบอูมอย่างช่ำชอง นิ้วหนาชำแหละกลีบชมพูเข้าไปในช่องทางรักอย่างโหยหา..เขาชักนิ้วเข้าออกระรัวจนร่างบางหวีดร้อง....."อะๆๆๆ..อ้า! " ร่างบางบิดเร้าด้วยความเสียว เทียนชุนดึงนิ้วที่เปียกย้อมด้วยน้ำรักของสตรีตรงหน้าออกมา เขาชูให้นางดูก่อนใช้ลิ้นเลียนิ้วหนา หลินหลินมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว เขาดูเซ็กซี่ขยี้ใจนางมาก..."อ้า... "ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มหนัก เทียนชุนควักท่อนเอ็นที่พองโตออกมาชักรูดสองสามทีก่อนเสียบอัดเข้าไปจนมิดด้าม"อ้า..หลินเอ๋อร์... "ร่างหนาครางต่ำ..."อืมมมม!!! "พั่บ..พั่บ..พั่บ..พั่บ..เสียงเนื้อกระทบกันดังกึกก้องห้องนอน หลินหลินตัวโยกไปตามแรงกระแทกของสามี"อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ! งื้อ... ""ใหญ่มากท่านพี่ของท่านใหญ่มาก..." เทียนชุนที่ได้ยินภรรยา