หลินหลินนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ม้าโยก มองระบบเก็บเกี่ยวผลผลิตและขายออกแบบอัตโนมัติ ผลผลิตนางตั้งระบบไว้ เก็บ 50% ขายออก 50% แต่ผลผลิตก็ออกไวมาก ทำให้นางต้องอัปเดตโกดังอยู่ตลอด
ตอนนี้นางมีเงินในระบบจากการขายแจกันและของจากระบบเยอะมาก เรียกได้ว่าโจรปล้น 100 ครั้งก็ยังไม่หมดตัว ฮ่าๆๆ เมื่อมองดูแล้วนี่คงใกล้รุ่งเช้าแล้ว หลินหลินจึงออกจากมิติไปยังห้องพัก
พรึ่บ..
หลินหลินมองห้องที่มืดสนิท ข้างนอกคงยังไม่สว่าง แต่มีแสงของพระอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นมาบ้างแล้ว นางลองเปิดประตูออกไปข้างนอก ไม่คิดว่าจะเจอใคร แต่กลับพบเสี่ยวเอ้อนั่งอยู่ตรงริมสุดทาง หรือว่าที่นี่เสี่ยวเอ้อรอให้บริการแขกตั้งแต่รุ่งเช้า....
เสี่ยวเอ้อไม่รอช้ารีบเข้ามาสอบถามนางทันที แต่ก็ต้องชะงักกับความงามของสตรีตรงหน้า เพราะคุณหนูท่านนี้ไม่ใช่คุณหนูคนเมื่อวาน แต่เป็นห้องนี้แน่ เพราะเมื่อวานเป็นเขาเองที่พานางมาส่ง คุณหนูท่านนี้งดงามมาก.. มากกว่าทุกคนที่เขาเคยพบเห็นมา เสี่ยวเอ้อเรียกสติตนเอง โค้งตัวก้มหน้าลง และสอบถามทันที
"คุณหนูต้องการสิ่งใดหรือไม่ขอรับ"
หลินหลินยืนนิ่ง.... คิดในใจว่าเสี่ยวเอ้อต้องจำนางไม่ได้แน่ ถึงได้ตกใจขนาดนั้น ระหว่างที่คิดอยู่นั้น.... เสี่ยวเอ้อ.. ที่เห็นคุณหนูไม่ตอบก็กลัวว่านางจะไม่พอใจ จึงรีบสอบถาม
"คุณหนูต้องการน้ำชาเพิ่มหรือไม่ขอรับ หรือให้ข้าน้อยยกน้ำมาใส่อ่างให้อาบเลยหรือไม่ขอรับ"
หลินหลินพยักหน้าให้เสี่ยวเอ้อ
"รบกวนเจ้าเปลี่ยนกาน้ำชาใหม่ให้ข้า และเอาน้ำมาเติมในอ่างด้วย"
เสี่ยวเอ้อรีบรับคำและโค้งจากไปทำตามคำสั่งทันที หลินหลินคิดว่าที่นี่ให้บริการดีมากๆ วันหลังคงต้องใช้บริการโรงเตี๊ยมจันทราอีกแน่
แต่ที่นางไม่รู้คือเสี่ยวเอ้อที่บริการนางนั้น เขาฝ่าฝืนกฎของโรงเตี๊ยม มารอคอยอย่างมีความหวังที่หน้าห้องพักชั้น 3 ซึ่งเกินขอบเขตหน้าที่ของเขา เสียงหัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความกังวล ไม่ใช่เพราะกลัวถูกลงโทษ แต่เพราะความหวังอันริบหรี่ที่จะได้เงินมาช่วยมารดาที่กำลังจะจากเขาไป
ภาพของท่านแม่อันเป็นที่รักที่นอนซมด้วยความเจ็บปวดปรากฏขึ้นในมโนสำนึกของเขา ทุกครั้งที่เขาเห็นน้ำตาแห่งความทุกข์ทรมานของท่านแม่
หัวใจของเขาก็แทบแหลกสลาย เขาทำงานหนักทุกวัน แทบไม่ได้หยุดพัก แต่เงินที่หามาได้ก็ยังไม่เพียงพอต่อการรักษา
“หากสวรรค์ยังมีเมตตา โปรดประทานปาฏิหาริย์ให้ข้าด้วยเถิด"
เขาภาวนาในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่โชคชะตาจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาและมารดา เมื่อวานที่ได้ตำลึงไปทำให้เขาคิดได้ หากเขาโชคดีแบบนี้อีกสักครั้งสองครั้ง .... หากคุณหนูนางเมตตาให้ตำลึงกับเขาอีก เขาจะรวบรวมตำลึงไปรักษามารดาที่เจ็บป่วยได้ไวขึ้น ตอนนี้ยังขาดอีก 3 ตำลึง
ท่านหมอบอกให้เขาทำใจ เขาภาวนาต่อสวรรค์ให้เมตตาเขาสักครั้ง..... ให้เขาได้มีโอกาสได้รักษามารดา เป็นคำอธิษฐานของเขาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
แม้เขาจะพยายามทำงานหนักแค่ไหน... ค่าแรงก็ไม่เพียงพอ เพราะเขาต้องซื้ออาหารให้คนทั้งบ้าน จ่ายค่าเช่าบ้าน และต้องแบ่งเงินมาซื้อยาให้ท่านแม่เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดอีกด้วย"
หลินหลินรอเสี่ยวเอ้อไม่นาน เสี่ยวเอ้อก็มาพร้อมกับกาน้ำชาชุดใหม่
"เสี่ยวเอ้อรีบนำกาน้ำชาวางลงบนโต๊ะ ดูก็รู้ว่าเขารีบร้อนแค่ไหน เพราะมือของเสี่ยวเอ้อแดงเป็นเทือก น่าจะเผลอทำน้ำร้อนลวกมือตนเองเป็นแน่
หลินหลินสำรวจเสี่ยวเอ้ออยู่เงียบ ๆ เสี่ยวเอ้อกลับออกไปขนถังน้ำร้อนใบใหญ่ขึ้นมาเทลงอ่างไม้และเดินไปเปิดจุกกั้นน้ำที่ส่งต่อน้ำลงมายังถังอาบน้ำเพื่อผสมน้ำให้อุ่น
ทุกการกระทำเสี่ยวเอ้อดูเร่งรีบ หันออกไปมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้าอยู่บ่อยครั้ง ใบหน้าชื้นเหงื่อทั้งที่อากาศหนาวเย็น แสดงว่าต้องกังวลหรือไม่ก็กลัวอะไรบางอย่าง
หลินหลินลองใช้ดวงตาตรวจสอบทันที ไม่นานก็มีป้ายขึ้นเต็มไปหมด ป้ายแรกที่อยู่บนสุดคือ
*อยากรักษามารดาที่ป่วยหนัก (อ่านเพิ่มกด)*
*คาดหวังว่าจะได้ตำลึงเพิ่ม (อ่านเพิ่มกด)*
*กังวลผู้ดูแลมาพบเจอ (อ่านเพิ่มกด)*
*ผิดหวังไม่พบคุณหนูท่านเมื่อวาน (อ่านเพิ่มกด)*
ฮ่าๆๆๆ ..... ดวงตาตรวจสอบแม้จะบอกแบบไม่เจาะจง แต่ก็มีรายละเอียดให้อ่านเพิ่มเติม นางลองกดป้ายที่ 2 คาดหวังว่าจะได้ตำลึงเพิ่ม กดคำอธิบายเพิ่มเติม ......จากที่อ่านสรุปออกมาคือ เสี่ยวเอ้อคนนี้ชื่อว่า ฉางอี้ เป็นคนดี ซื่อสัตย์ และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เลี้ยงดูแม่ที่ป่วยและน้องสาวตัวน้อย ตอนนี้ต้องการหาตำลึงเพิ่มอีก 3 ตำลึง เพื่อไปจ่ายค่าหมอและค่ายาให้มารดา
แต่ระบบดวงตาตรวจสอบนี่สุดยอดไปเลย ยิ่งกว่านักสืบอีก รู้ลึก รู้ดี จริง ๆ หลินหลินปิดดวงตาตรวจสอบลง
"เสี่ยวเอ้อ ...ที่นี่มีบริการออกไปซื้อของให้ลูกค้าหรือไม่"
"มีขอรับ...คุณหนูอยากได้อะไรขอรับ"
"ข้าอยากได้ปิ่นปักผม เครื่องประดับ สักหลาย ๆ ชิ้นหน่อย ข้าจะนำไปแจกบ่าวในเรือน"
ฉางอี้ครุ่นคิด เขาอยากจะรับงานนี้แต่กลัวว่าจะเลือกมาไม่ถูกใจคุณหนูท่านนี้...
หลินหลินไม่ปล่อยให้ฉางอี้คิดนาน นางรู้ว่าเขากังวลอะไร
"เจ้าไม่ต้องเลือกแบบที่หรูหรามาก เอาที่เจ้าชอบก็ได้ ข้าแค่จะนำไปแจกให้บ่าวไพร่ในเรือน หรือเจ้าเข้าไปในร้านแล้วก็เลือก ๆ ชี้ ๆ มาเลยก็ได้ ทำได้หรือไม่"
ฉางอี้ยิ้มกว้าง
"ทำได้ขอรับ ข้าทำได้"
หลินหลินให้เหรียญทองไปถึง 1 เหรียญ นางบอกฉางอี้ว่านางจะรออยู่ที่นี่ หากไม่พอให้เอาเงินนี้มัดจำและให้คนของทางร้านมาเก็บเงินที่นางเพิ่ม
ที่นางทำแบบนี้นางก็แค่อยากจะพิสูจน์.....ระบบขึ้นว่าฉางอี้เป็นคนดีซื่อสัตย์ เมื่อเขาเจอเงินก้อนใหญ่ เขาจะโลภเอาของคนอื่นมาเป็นของตนหรือไม่ เขาจะขโมยเงินนี้แล้วทำให้ครอบครัวตนเองสุขสบายหรือไม่ ถ้าฉางอี้เลือกข้อนี้นางก็ไม่กังวล ถือซะว่าสวรรค์ตอบแทนในความอดทน อดกลั้น และซื่อสัตย์ที่ผ่านมาของเขา ทำให้เขามาเจอนาง แต่หากเขาเลือกความซื่อสัตย์ ไม่ละโมบของผู้อื่น
นางนี่แหละขอเป็นตัวแทนสวรรค์ ส่งมอบของขวัญให้คนดี ๆ แบบนี้เอง
ระหว่างรอฉางอี้ หลินหลินก็เดินไปเปิดหน้าต่างนั่งตรงตั่ง มองออกไปข้างนอก คิดวางแผนว่าวันนี้นางจะทำอะไรบ้าง อย่างแรกวันนี้นางจะไปเหมาเครื่องประดับตามร้านต่าง ๆ มาประมูลในระบบ นางอยู่ที่เมืองนี้แค่พรุ่งนี้เท่านั้น นางจะออกเดินทางไปทางใต้ อยากไปปักหลักที่นั่น
ภารกิจแรก เหมาเครื่องประดับ จานชาม ให้มากที่สุด แต่จะเหมายังไงให้ไม่มีใครรู้ว่าเป็นนาง เพื่อความปลอดภัยนางควรจะปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าของทั้งหมดอยู่ที่นาง คิดได้ดังนั้น ก็นึกไปถึงชายชรากับเด็กน้อย นางคิดแผนดี ๆ ได้แล้ว ในเมื่อนางอยู่ที่เมืองนี้อีกแค่ 1 คืน ถ้างั้นก็ลุยเลยล่ะกัน
หลินหลินคิดได้ว่าในระบบมีชุดเวทระดับสูง แล้วจะมีเครื่องมือเวทปิดบังตัวตนพวกนี้ไหมนะ ร่างบางจึงเปิดจอเข้าระบบซื้อขายแลกเปลี่ยน หาอยู่นานในที่สุดก็เจอ.....
“ผ้าคลุมล่องหน?...”
เห้ยนางไม่ได้จะไปปล้นใครนะ จะเอาผ้าคลุมล่องหนมาทำไม? แต่ก็น่าสนใจอยู่นะ เหมือนพ่อมดแม่มดอะไรทำนองนี้
หลินหลินเลือกดูต่อไปจนไปพบผ้าคลุมภาพลวงตา ความวิเศษ สามารถทำให้คนที่พบเห็นท่านในแบบที่ท่านตั้งค่าไว้
"หืม......น่าสนใจมาก"
หลินหลินกดอ่านรายละเอียด ก็พบว่าของชิ้นนี้เหมาะกับนางมาก เพราะนางต้องเดินทางไกล แม้มันจะเขียนว่าสามารถตั้งค่า ทำให้ผู้สวมใส่งดงาม หรือขี้เหร่ได้ หลินหลินกดซื้อทันที ผ้าคลุมตัวนี้เป็นเหมือนชุดคลุมมีหมวกปิดขึ้นมาที่หัว พอนางลองสวมใส่ก็มีให้นางตั้งค่า ....เมื่อนางตั้งค่าเสร็จก็หัวเราะออกมาทันที
“ฮ่า ๆ ๆ"
นางถอดเสื้อคลุมออก นางคิดว่าฉางอี้คงกำลังมาแล้ว และเป็นตามคาด
“ก๊อก ๆ ๆ ๆ”
"คุณหนู ข้าน้อยซื้อของมาให้แล้วขอรับ"
"เข้ามาได้"
ฉางอี้เปิดประตูเดินเข้ามา เขาไม่ปิดประตู 2 บาน แต่เลือกแง้มไว้ 1 บาน เพื่อเป็นการให้เกียรตินาง ฉางอี้เดินตรงมายังโต๊ะกลางห้องพร้อมทั้งวางห่อผ้าและใบยืนยันซื้อขายกับทางร้าน
หลินหลินเปิดห่อผ้าดู ฉางอี้เลือกเป็นปิ่น ต่างหู นางเดาว่าที่เขาไม่เลือกแหวนเพราะคงกลัวว่าผู้รับจะใส่ไม่พอดี
หลินหลินยิ้มน้อย ๆ สิ่งที่นางสนใจไม่ใช่ว่าเขาเลือกอะไรมา แต่เป็นใบบันทึกการซื้อขายกับทางร้าน เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์เหมือนที่ระบบบอกไว้จริง ๆ
หลินหลิน ยื่นถุงผ้าให้ฉางอี้ เขาขอบคุณนางหลายต่อหลายครั้ง ในมือกำเหรียญไว้แน่น
ฉางอี้มั่นใจว่าเขาต้องได้มากถึง 1 ตำลึงแน่นอน ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์ เขาพยายามใช้ชีวิตต่อไป....
ฉางอี้เก็บถุงเงินเข้าอกเสื้อ เพราะยังไม่ถึงเวลาเข้างาน ฉางอี้จึงตัดสินใจกลับบ้าน เอาเงินไปเก็บที่บ้านย่อมปลอดภัยกว่า
เมื่อมาถึงบ้าน ฉางอี้ก็รีบเดินตรงเข้าไปในห้องนอน เขาซ่อนเงินเก็บไว้ใต้โต๊ะเขียนหนังสือเก่าๆ ใกล้พังตัวหนึ่ง ความจริงโต๊ะตัวนี้ถูกทิ้งไว้ในซอยเปลี่ยว เขาเก็บมันมาและพยายามซ่อมมัน จึงได้รู้ว่ามันมีลิ้นชักลับ
เมื่อรู้ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้สภาพมันพังอย่างเดิม แต่ใช้ช่องลับแทน ใครที่มาเห็นก็จะคิดว่าแค่โต๊ะพังๆ ตัวหนึ่ง ไม่น่าสนใจอะไร
ฉางอี้หยิบถุงผ้าออกจากอกเสื้อ เขาเทเหรียญตำลึงออกมาเพื่อเก็บลงลิ้นชัก แต่ต้องขยี้ตา....เพราะไม่ใช่เหรียญเงิน แต่เป็นเหรียญทอง!..... 2 เหรียญทองประกบติดกัน ร้อยด้วยด้ายแดง
น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอย่างไม่อายใคร เสียงร้องไห้ที่ดังออกมาทำให้มารดาของฉางอี้ที่อยู่ห้องข้างๆ ต้องรีบพยุงตัวลุกขึ้นจากเสื่อ
นางใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด รีบเข้ามาหาลูกชายและกอดเขาเอาไว้เท่าที่แรงนางมี
“อาอี้ แม่อยู่นี่ ลูกเป็นอะไรเจ้า แค่กๆ แค่ก เป็นอะไรร้องไห้ทำไม แค่กๆ “
"ท่านแม่.... ท่านแม่ ...ฮือๆ ข้าดีใจขอรับ ดีใจเหลือเกิน สวรรค์ท่านเมตตาพวกเราแล้ว ท่านได้ยินคำขอของข้าแล้ว ฮือๆ "
นางฉางหยู เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่เรื่องร้าย ก็ได้แต่รอให้ลูกของนางสงบลงโดยโอบกอดลูกของนางไว้
ฉางอี้เมื่อได้ระบายออกมาแล้ว เขาก็สวมกอดมารดา
"เรามีเงินรักษาท่านแล้วขอรับ"
ฉางอี้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มารดาฟัง เมื่อฟังจบมารดาก็คุกเข่าโขกหัวขอบคุณสวรรค์ เด็กน้อยฉางลี่ลี่เห็นอย่างนั้นก็ทำตาม
"ลี่ลี่ขอบกุนสาวันเจ้าคร้า" (ลี่ลี่ขอบคุณสวรรค์เจ้าค่ะ)
ทั้ง 3 กอดกันกลม นี่เป็นความรู้สึกที่โล่งใจ สบายใจ ดีใจครั้งแรกในชีวิตพวกเขา....
ฉางอี้วางแผนจะรักษามารดาก่อนอย่างแรก เขาต้องเดินทางขึ้นเหนือถัดจากเมืองนี้ไป 2 เมือง ฉางอี้ปรึกษามารดา เขาจะลาออกจากงานวันนี้และออกเดินทางพรุ่งนี้
พวกเราจะไปตั้งรกรากอาศัยอยู่ยังเมืองที่ท่านหมออยู่ ฉางอี้ตั้งใจจะหางานทำในเมืองที่มารดารักษาตัวเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แม้มีเงิน....แต่เขาก็ยังเลือกที่จะประหยัดทุกทาง ใช้จ่ายทุกอย่างให้รัดกุม วันนี้เขาจะกลับไปลาออกเลยและเก็บของ ติดต่อเช่าเกวียนเพื่อออกเดินทางพรุ่งนี้
เขาจำได้ว่าคุณหนูเข้าพัก 3 คืน นางจะอยู่ถึงพรุ่งนี้ เขาอยากจะไปขอบคุณคุณหนูอีกครั้ง วันนี้จึงมาดักรอที่โรงเตี๊ยม รอแล้วรออีกจนดึกแล้วก็ยังไม่พบ จึงถามเสี่ยวเอ้ออีกคน ก็ได้คำตอบว่านางออกจากห้องหลังฉางอี้ไปแป๊บเดียว
ฉางอี้รอตั้งแต่ยามซื่อ - ยามซวี (09.00-20.59) แต่ก็ไม่พบคุณหนูท่านนั้น นางไม่ได้กลับมาโรงเตี๊ยม...
ความผิดหวังถาโถมเข้าใส่ฉางอี้ ราวกับแสงสว่างที่ริบรี่
ทางฝั่งหลินหลิน... ย้อนกลับไปตอนที่หลังเสี่ยวเอ้อรับถุงเงินและออกไป นางก็เข้ามิติไปเช็คราคาเครื่องประดับทั้งหมด เป็นอย่างที่นางคิดไม่มีผิด ของพวกนี้ทำกำไรให้นางเยอะมากหลินหลินไม่รอช้า นางออกจากห้องพักมุ่งหน้าสู่ร้านเครื่องประดับต่างๆ นางใส่ผ้าคลุมแปลงโฉม ตอนนี้ผู้คนจึงเห็นว่านางเป็นหญิงสาวอายุ 27-28 ปีก่อนหน้านี้ หลินหลินจ้างปู่หลิวกับสือหย่ง (ชายชราและเด็กน้อยที่รับจ้างตรวจเช็คแจกันให้นาง) ให้พวกเขาไปเช่ารถม้าพร้อมคนขับมา 1 คัน ปู่หลิวรับคำและไปจ้างคนที่รู้จักกันในหมู่บ้านคนนี้มีนามว่า หานเซียว เขาเคยเป็นทหารแต่ได้รับบาดเจ็บจึงออกจากการเป็นทหารมารับจ้างขับรถม้าแทนหลินหลินนั่งรอที่ร้านน้ำชาเล็ก ๆ ริมถนน ถัดไปอีก 2 ซอย นางวางแผนว่า นางจะนั่งรถม้าชมรอบเมืองสักหน่อยนางอยากดูวิธีชีวิตของคนที่นี่... เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้ง 3 คนก็มายืนรอรับคำสั่งจากนาง หลินหลินส่งชุดให้ทุกคนเปลี่ยน พวกเขาไปหลบหลังรถม้าที่เป็นมุมอับ.. ลับตาคน และรีบเปลี่ยนชุดออกมาทันที...ชุดมีลักษณะเหมือนกันทั้ง 3 ตัว เป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพง สีเทาเข้ม มีแค่ของปู่หลิวที่จะตัดขอบดำไม่เหมือนอีก 2 คน นางสั่งทุกคนว่า"ห
ผู้ดูแลสั่งให้คนเชิญหลินหลินขึ้นไปชั้นสอง ห้องที่ 3 ชั้นนี้เป็นห้องส่วนตัว มีไว้ต้อนรับแขกคนสำคัญ คู่ค้า หรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้นระหว่างที่หลินหลินและปู่หลิวเดินตามคนนำทางไป ผู้ดูแลก็รีบไปเรียนนายท่านใหญ่ทันทีก๊อก ก๊อก ก๊อก ผู้ดูแลรอสัญญาณเสียงจากคนด้านในก่อน รอไม่นานเสียงนายท่านใหญ่ก็ดังขึ้น "ว่ามา..." ผู้ดูแลไม่ชินกับเสียงดุดันนี้เลยจริงๆ ... "เรียนนายท่านใหญ่ขอรับ มีคุณหนูท่านหนึ่งต้องการซื้อเครื่องประดับจำนวนมาก ข้าน้อยเลยมาแจ้งนายท่านใหญ่ก่อนขอรับ"เย่วเทียนชุนขมวดคิ้วเป็นปม ร้านเขาเป็นร้านอันดับ 1 ของเมืองนี้ คนที่ต้องการซื้อของส่วนใหญ่ผู้ดูแลจะเป็นคนดูเอง ไม่เคยต้องให้เขาไปดูแล "ซื้อจำนวนมาก? ... มากแค่ไหน ถึงกับต้องมาตามเขา"มุมปากหนายกยิ้ม เขาเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าใครมาเล่นตลกกับเขากันเทียนชุนวางสมุดบัญชีลง เขาตรวจบัญชีเสร็จพอดี มีอะไรอย่างอื่นให้ทำบ้างก็ดี ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เมื่อด้านในมีเสียงความเคลื่อนไหว ผู้ติดตามหน้าห้องทั้ง 2 ก็เปิดประตูรอนายของตนเองทันทีผู้ดูแลเดินนำเทียนชุนไปยังห้องพิเศษห้องที่ 3 เขารู้สึกถึงรังสีกดดันจากทางข้างหลัง ความจริงเขาแค่จ
"500 เหรียญทองก็ย่อมได้... แต่มีข้อแม้หนึ่งข้อ ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะซื้อขายกับข้าอีกครั้ง" เทียนชุนเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาคมกริบจับจ้องหลินหลินไม่คลาดสายตาราวกับจะมองทะลุผ่านใบหน้าของนางผู้ดูแลแทบเป็นลม... กำไรหายไปอีก 57 เหรียญทอง ทำไมนายท่านยิ่งเจรจามันกลับยิ่งน้อยลง หรือคนโง่ ๆ อย่างเขาจะไม่เข้าใจการค้ากันนะ.....หลินหลินครุ่นคิด ตอนแรกนางแค่จะมาเหมาสินค้าเข้าระบบ ไม่คิดผูกขาดกับใคร..."เรียนคุณชายตามตรง พรุ่งนี้.. ข้ากำลังจะออกเดินทางไปทางใต้ ไม่ได้อยู่เมืองนี้ ไม่ทราบว่าท่านมีร้านอยู่ทางใต้บ้างไหมเจ้าคะ"เทียนชุนชะงักไปเล็กน้อย น่าเสียดายที่นางจะไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้แล้ว และอีก 2 วัน ตัวเขาเองก็ต้องออกเดินทางขึ้นเหนือ"ร้านค้าตระกูลเย่วมีหลายสาขาทั่วทั้งแคว้น"เสียงเข้มเอ่ยขึ้น เหมือนมีความไม่พอใจเจืออยู่เล็กน้อย"เจ้าจะลงใต้ไปเมื่อใด""ข้าจะไปเหมาสินค้าอีก 2-3 ร้านเจ้าค่ะ และจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ"" ต้องการสินค้ามากมายขนาดนั้น ...เจ้าจะเปิดร้านขาย? ""ข้าไม่ได้จะเปิดร้านเจ้าค่ะ ข้าแค่โชคดีที่มีลูกค้าเป็นพวกพ่อค้าต่างแคว้น ของทั้งหมดมีคนต้องการซื้ออยู่แล้วเ
หลินหลินเข้ามิติมาเพื่อดูว่าตัวนางจะหายไปจากตรงนั้นไหม นางดูนาฬิกา ตอนนี้ 10 วิแล้วที่นางอยู่ในมิตินางลุ้นมาก สิ่งที่นางคิดไม่น่ามีอะไรผิดพลาด มันเป็นทฤษฎีของแมลง นักวิทยาศาสตร์มีการวิจัยเกี่ยวกับความสามารถอันน่าทึ่งของแมลงไว้ว่า แมลงบางชนิดสามารถบินหลบสายฝนได้โดยที่ตัวมันไม่เปียกด้วยซ้ำ!ซึ่งแมลงพวกนี้มีสายตาที่ไวมากเป็นพิเศษ แถมยังมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลันอีกด้วย ซึ่งการตอบสนองของมันไวกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า!แมลงบางชนิดจะมีดวงตาที่ขาและมีดวงตาขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเลนส์ขนาดเล็กจำนวนมากมายเรียงกัน เลนส์เหล่านี้ทำหน้าที่รับภาพและประมวลผลออกมา ซึ่งมีความไวมากกว่ามนุษย์มากถึง 4 เท่า บวกกับมันสามารถทำความเร็วในการบินได้ 8 กม. ต่อชม. นั้นทำให้มันมองเห็นภาพเป็นแบบสโลว์โมชั่น ความสามารถการมองเห็นแบบสโลว์โมชั่นของมัน ทำให้การตบจากมนุษย์เป็นแค่การตบแบบสโลว์โมชั่นของมันเท่านั้นเมื่อหลินหลินลองเทียบเวลา 1 เดือนในมิติกับ 1 วันภายนอก มันมีความต่างที่เหลื่อมล้ำกับการรับภาพผ่านดวงตาของมนุษย์ทั่วไป นางเลือกทั้ง 3 คนนี้เป็นกลุ่มแรกที่นางจะทดลอง เพราะพวกเขาบางคนไม่มีพลังเวท หานเซียวมีแค่เวทระด
"ท่านปู่ขายอะไรเจ้าคะ"หลินหลินเอ่ยถามชายชราด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผู้เฒ่าเฉียวค่อย ๆ เงยหัวขึ้นมองคนตรงหน้า ดวงตาที่แสนเศร้าหมองและเหนื่อยล้า แต่กลับมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้หลินหลินภาพของชายชราผู้โดดเดี่ยว ทรุดโทรม และสิ้นหวัง สะท้อนเข้ามาในใจหลินหลินอย่างไม่อาจห้ามได้ นางเห็นถึงความอ่อนล้าในทุกอิริยาบถของเขา ร่างกายที่ผ่ายผอม เสื้อผ้าที่ขาดวิ่น และแผ่นผ้าเก่า ๆ ที่ปูรองหนังสือเพียงไม่กี่เล่ม บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตที่ยากลำบาก"คุณหนู..."เสียงแหบพร่าของชายชราทำให้หลินหลินรู้สึกสะท้านในใจ มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง"ข้าขายตำราขอรับ คุณหนูสนใจตำราหรือขอรับ... ตำราพวกนี้ข้าน้อยสะสมมันมาทั้งชีวิต ตอนนี้ชราแล้ว บุตรชายก็มาบาดเจ็บ จึงต้องนำมันมาขาย เชิญคุณหนูเลือกดูก่อนขอรับ"หลินหลินหยิบขึ้นมาเปิดผ่าน ๆ "ท่านปู่ ตำราท่านขายยังไงเจ้าคะ"ปู่เฉียวกลัวว่าวันนี้เขาจะไม่มีเงินไปจ่ายค่าหมอให้ลูกชาย จึงตัดใจลดราคาตำราลง"เรียนคุณหนูตามตรง ตำราพวกนี้ปกติข้าขายอยู่เล่มละ 2 ตำลึงขอรับ แต่บัดนี้จนใจต่อโชคชะตาแล้ว.... ข้าน้อยหวังเพียงเงินไปจ่ายค่าหมอค่ายาให้บุตรชาย คุณหนูให้เท่าไร
โครงการถุงยังชีพ มาถึงโลกใบนี้แล้ว นางจะริเริ่มเปลี่ยนแปลงที่นี่เอง" ไม่เป็นไรเจ้าค่ะเถ้าแก่ รบกวนท่านเตรียมสินค้าให้ข้า ข้าต้องการอย่างละ 9 กระสอบเจ้าค่ะ ท่านแค่เตรียมไม่ต้องไปส่ง ข้าจะเก็บเข้าถุงมิติเจ้าค่ะ"" ได้ขอรับ เชิญคุณหนู เชิญนั่งรอตรงนี้สักครู่ขอรับ"เถ้าแก่รีบไปจัดเตรียมเก้าอี้ให้หลินหลิน วันนี้เขาโชคดีจริง ๆ มีลูกค้ามาเหมาของจำนวนมาก แถมไม่กดราคาเขาด้วยที่ร้านเขาขายถูกจึงมีเศรษฐีหลายคนมาข่มขู่ว่าซื้อเยอะต้องลดราคา เขาไม่สามารถลดให้ได้จริง ๆ ร้านเขาเป็นร้านเล็ก ๆ ไม่ได้เอากำไรมากมาย ลูกค้าของเขาก็ชาวบ้านทั้งนั้น จะขายเอากำไรมากขึ้นก็สงสาร เลยได้แต่ขายราคานี้มาตลอดเถ้าแก่กำลังไล่ตรวจนับข้าวสารแต่ละชนิด สายตาของหลินหลินก็ไปปะทะกับผักดอง เกี่ยมไฉ่ ผักกาดดองเค็ม นางลุกขึ้นไปดูก็พบว่ามีผักกาดดองเปรี้ยว ซึงไฉ่ และหัวไชโป๊อยู่ด้วย หลินหลินบอกเถ้าแก่ว่านางเอา 3 อย่างนี้ด้วย ให้เหลือทิ้งไว้ที่ร้านอย่างละ 1 ถุงที่วางโชว์ (5 กิโล) นอกนั้นนางเอาหมด เถ้าแก่ก็น่ารัก รีบมาจัดการต่อให้นางเลยเถ้าแก่แม้จะสงสัยว่านางเหลือไว้ทำไม แต่เขาต้องรีบจัดของจึงยังไม่ได้ถามออกไปหลินหลินเดินดูเค
หลินหลินนั่งคุยกับป้าเจียงเพลิน เผลอลืมบุรุษ 3 คนที่นั่งรอนางอยู่หน้าเรือนไปเสียสนิท" ท่านป้า ข้าขอไปสั่งงานคนของข้าสักครู่นะเจ้าคะ" ฮูหยินเจียงยิ้มรับรู้ "เจ้าไปเถอะ เดี๋ยวสักพักแม่นมจางคงมาหาป้าที่จวนนี้เป็นแน่"" แม่นมจาง? เป็นแม่นมของป้าเอง ไว้ป้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นางเป็นคนที่จิตใจดีมากทีเดียว""เจ้าค่ะ" หลินหลินยิ้มหวานก่อนเดินออกมาหน้าเรือน เห็นท่านปูหลิวนั่งรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ มีสือหย่งและหานเซียวนั่งขนาบข้าง พอพวกเขาเห็นนางก็รีบลุกและเดินมาหา" ขอโทษที่ให้รอนานเจ้าค่ะ" หลินหลินยื่นส่งเงิน ให้ทุกคนคนละ 5 ตำลึงเงินตามที่นางให้สัญญาไว้ " วันนี้พวกท่านกลับบ้านได้เลยนะเจ้าคะ และอย่าลืมหาที่ปลอดภัยถอดแหวนกับชุดเก็บไว้ใส่ในวันพรุ่งนี้ ก่อนมาหาข้า พรุ่งนี้ข้าจะจ้างพวกท่านอีก 1 วัน มีใครมาไม่ได้ไหมเจ้าคะ"" มาได้ขอรับ..." ทั้งสามตอบด้วยสีหน้าดีใจยิ้มกว้าง จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร รับงานนี้พวกเขาได้เงินมากถึง 10 ตำลึงภายใน 2 วันหลินหลินส่งห่อผ้าที่ข้างในมีซาลาเปาไส้ผัก ไส้หมู ไส้หมูแดง รวมๆ กันห่อละ 10 ลูก ให้พวกเขาทั้ง 3 คน " นำกลับไปให้คนที่บ้านกินนะเจ้าคะ และพรุ่งนี้เจอ
" ฮะแฮ่ม...พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่หรือ..."ท่านลุงเจียงแกล้งเอ่ยถาม แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่อาหารบนโต๊ะไม่วางตา" ท่านพี่ มานั่งก่อนเจ้าค่ะ ข้ากับหลินเอ๋อร์กำลังรอท่านอยู่พอดี"" หลินเอ๋อร์?" สายตาลุงเจียงย้ายจากอาหารมามองที่หลินหลินทันที หลินหลินยิ้มหวานให้หนึ่งที"ท่านพี่...ตอนนี้ข้ารับหลินเอ๋อร์เป็นหลานสาวแล้ว ข้าชวนนางอยู่ด้วยกันทีนี่ แต่...นางใจแข็งยิ่งนักเจ้าค่ะ หลินเอ๋อร์อยากไปอยู่ทางใต้ หากนางตกลงจะอยู่ที่นี่สักนิดข้าคงให้ท่านสร้างเรือนเพิ่มที่จวนของเราพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ เอ๊ะ..ท่านพี่หรือเราย้ายไปทางใต้ไปอยู่กับหลินเอ๋อร์ดีเจ้าคะ""ฮ่าๆๆๆ ท่านป้าใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะไปที่เมืองใดเจ้าค่ะ ไว้ได้ข้าสร้างจวนเสร็จข้าจะรีบส่งข่าวมาบอกท่านนะเจ้าคะ เผื่อท่านอยากหนีท่านลุงไปอยู่กับข้า ""แค่กๆ หลินเอ๋อร์ ป้าเจ้าอยู่ที่ใดลุงก็อยู่ที่นั่นแหละ เจ้าอย่าให้ทางนางหนีจากลุงเด็ดขาด ฮ่ะๆๆ"สี่เสียงหัวเราะประสานขึ้นมาพร้อมกัน" ท่านลุง เชิญดื่มน้ำใบเตยก่อนเจ้าค่ะ แล้วเราค่อยลงมือทานอาหารกัน ท่านป้าหิวแย่แล้ว"แม่นมเตรียมตัวจะลุกขึ้น หลินหลินจับมือแม่นมเพื่อจะประคอง "แม่นมจะไปไ
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงที่หน้าจวนตระกูลเจียง ขบวนของท่านแม่ทัพหยางเทียนชุนมาถึงแล้วหลินหลินรู้สึกตกใจเล็กน้อย ที่เห็นขบวนของเขายิ่งใหญ่อลังการกว่าที่คิด ธงทิวสีดำปักลายพยัคฆ์คำรามสีทองโบกสะบัดท้าทายสายลม ทหารองครักษ์กว่าสามสิบนายอยู่ในชุดเกราะสีดำขลับ พวกเขาขี่ม้าศึกสง่าผ่าเผย อาวุธและเครื่องแบบล้วนประณีต บ่งบอกถึงยศศักดิ์หลินหลินรู้ดีว่า หยางเทียนชุนต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่านางเป็นคู่หมั้นของเขา แม้จะมีข่าวลือออกไปบ้างแล้ว แต่การปรากฏตัวพร้อมขบวนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นางก็อดคิดไม่ได้ว่า .... ท่านแม่ทัพทำเรื่องใหญ่โตเกินไปแล้วหัวใจของหลินหลินเต้นแรง ด้วยความตื่นเต้นและประหม่านี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้ออกเดินทางไกลในโลกใบนี้ชาวบ้านต่างพากันมามุงดู ส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นขบวนของท่านแม่ทัพ วันนี้หลินหลินเลือกสวมชุดสีดำ ที่ดูทะมัดทะแมงคล้ายกับชุดของเหล่ายอดฝีมือ ผมยาวของนางถูกรวบเป็นหางม้าง่ายๆ ท่านแม่ทัพไม่ได้ให้นางปลอมตัวเป็นบุรุษเพราะยังไม่มีเครื่องรางหรือของวิเศษใดๆ ที่สามารถเปลี่ยนจากสตรีเป็นบุรุษได้ เขาบอก
"ท่านแม่... ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ อ๊ะ! ท่านพ่อยังไม่ไปร้านหรือเจ้าคะ?” "พ่อเจ้าอยู่จัดการเรื่องส่งคนเร่ร่อนไปหัวเมืองต่างๆ พร้อมกับขบวนคาราวานพ่อค้าที่พ่อของเจ้ารู้จักแทนลูกน่ะสิ...นี่ก็เพิ่งจะสั่งคนของเจ้าไป พวกเขาคงไปทำตามที่พ่อเจ้าสั่งอยู่""ข้าฝากเรื่องนี้กับท่านพ่อด้วยนะเจ้าคะ"หลินหลินหันไปส่งสายตาออดอ้อน "จะกอดแค่เพียงแม่เจ้าคนเดียวพ่อก็น้อยใจแย่...""โอ๋ๆลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ" หลินหลินสลับกอดท่านพ่อท่านแม่จนทั้งสองคนต้องบอกให้นางหยุดเพราะกลัวนางจะเหนื่อย... เจียงเหวินไม่อยากจะแจ้งบิดากับมารดาว่าอีกสองวันพวกเขาต้องออกเดินทางขึ้นแดนเหนือ อยากให้ท่านแม่มีความสุขมากกว่านี้อีกหน่อย แต่คงจะไม่ได้ เพราะท่านแม่ชวนหลินเอ๋อร์ออกจากจวนไปซื้อของในวันพรุ่งนี้ ยังไม่ทันที่หลินหลินจะรับปาก พี่ใหญ่ก็ขัดขึ้นมาก่อน "ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ ข้ามีเรื่องต้องแจ้งขอรับ" หลินหลินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก.....ทำไมสายตาพี่ใหญ่ถึงมองนางแบบนั้น "ข้าและน้องต้องเดินทางขึ้นแดนเหนือวันมะรืนนี้ขอรับ และท่านแม่ทัพ มีคำสั่งห้ามหลินเอ๋อร์ออกจ
"นายกองลี่ เข้ามา"ไม่ถึง 2 ลมหายใจก็มีบุรุษอีกคนเข้ามาภายในห้อง เขาคือหนึ่งในผู้คุ้มกันฝีมือดี"หากเจ้าหนีเขาได้ภายใน 1 จิบชา ข้าจะให้เจ้าร่วมขบวน"1 จิบชา เขาดูถูกนางเกินไปแล้ว.....บรรยากาศในห้องตึงเครียดขึ้นทันที "ท่านแม่ทัพ!"เจียงเหวินที่กำลังจะกล่าวบางอย่าง...ต้องเงียบเสียงลงด้วยเสียงของน้องสาว "พี่ใหญ่ไม่เชื่อใจข้าหรือเจ้าคะ"ลี่เฟยได้ยินคำสั่งผู้เป็นนายก็คิดจะลงมือทันที แต่เขาขยับตัวไม่ได้ เหมือนมีลมมายึดตัวเขาไว้ ลมในห้องพลันหมุนวนรอบตัวเขา ราวกับกรงขังที่มองไม่เห็น"แม่นาง เจ้าทำอะไร ทำไมข้าขยับตัวไม่ได้...""ข้าแค่ใช้เวทลมเล็กน้อยเจ้าค่ะ" รอยยิ้มหวานกล่าว..แต่แววตากลับเฉียบคมไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อยหลินหลินมองไปที่ผู้สั่งการ เห็นเขาค่อยละเมียดจิบชาช้าๆ ก็นึกหมั่นไส้ เขาไม่ยอมให้นางใช้วิธีนี้... ถ้านางไม่ทำอะไรสักอย่างเขาคงไม่ให้นางไปสินะหลินหลินถอนหายใจ เรียกดาบที่ห้องใต้ดินออกมา ดาบเล่มนั้นปรากฏขึ้นในมือ นางปลดเวทลมให้นายกองลี่ แล้วกระโดดออกจากทางหน้าต่าง ร่างของนางพุ่งทะยานออกไปดุจพญาเหยี่ยวนายกองลี่ไม่รอช้า เขาเรียกดาบยาวออกมา และตามนางออกไปทันที เสียงฝีเท้าหนัก
"พวกเราสามคนนอนไม่หลับ ใจพี่รอให้ถึงรุ่งเช้าเพื่อสะสางปัญหา หากเจ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดพี่คงไปอุ้มเจ้าที่เรือนแล้ว " "ฮ่าๆๆๆ"หลินหลินส่ายหน้ากับความขี้เล่นของพี่ชาย วันนี้นางไม่ได้เอาอาหารออกจากมิตินางแจ้งท่านแม่ไปแล้วว่าอยากลองทานอาหารฝีมือแม่ครัวที่จวน ทุกคนทานอาหารเช้ากันอย่างอารมณ์ดี มีแต่เจียงเหวินเท่านั้นที่เติมข้าวไป 3 ถ้วยแล้ว แต่หลินหลินก็ยังกินไปแค่ครึ่งถ้วย เขาไม่กล้าเร่งน้อง แต่ตอนนี้ใจเขามันร้อนรุ่มเหลือเกินหลินหลินเห็นสายตาที่พี่ใหญ่มองมาเป็นระยะ ก็รู้ว่าเขาร้อนใจ นางจึงเร่งการกินให้หมดถ้วยแค่เพียงหลินหลินวางถ้วยน้ำชา เจียงเหวินก็อุ้มน้องวิ่งขึ้นรถม้าออกไปเลย ฮูหยินเจียงส่ายหน้ากับลูกชาย แต่นางก็เข้าใจว่ารีบไว้ดีกว่าไม่ทันการ เขาย่อมต้องรู้สถานการณ์ว่าต้องรีบหรือไม่รีบ ยังดีที่รอน้องกินข้าวหมดก่อน ทางด้านหลินหลินก็กรอกตามองบน"พี่ใหญ่ ท่านรีบขนาดนี้ไม่ไปปลุกข้าตอนยามโฉ่วแทนเล่า (01.00 น.) "หลินหลินกล่าวประชดประชันแต่แววตามีแต่ความขบขัน"หลินเอ๋อร์ เข้าใจพี่หน่อยเถิด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ กว่าเราจะจัดเสบียงและเดินทางถึงแดนเหนือใช้เวลานานนัก เราต้องรีบแล้ว"หลินห
ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น "พรสัมฤทธิ์ผล"ภาพความทรงจำเก่าๆ พรั่งพรูเข้ามาในห้วงคำนึงหลินหลินเห็นภาพของครอบครัวที่อบอุ่น ภาพของพวกเขารักและดูแลนางเหมือนไข่ในหิน แต่แล้วความสุขก็พังทลายลง เมื่อนางทำผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง นางหลงเชื่อคนรักจนนำภัยมาสู่ครอบครัว สุดท้าย พวกเขาก็ต้องตายอย่างน่าอนาถแต่แม้ถึงวาระสุดท้าย พวกเขาก็ไม่เคยกล่าวโทษนางเลยสักคำ มีเพียงความรักและความปรารถนาดีที่จะปกป้องนางจนลมหายใจสุดท้ายความเจ็บปวดจากอดีตชาติแล่นริ้วเข้ามาในหัวใจราวกับคมมีดกรีดลึก ความรู้สึกผิด ท่วมท้นจนนางแทบหายใจไม่ออก ราวกับมีมือที่มองไม่เห็น บีบคั้นหัวใจของนางเสียงหัวเราะแห่งความสุขยังคงดังต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเบิกบานราวกับฟ้าหลังฝน นายท่านเจียงและฮูหยินเจียงโอบกอดกัน มองภาพเจียงเหวินที่กำลังอุ้มหลินหลินหมุนไปมาด้วยแววตาเปี่ยมสุข"ฮือ...ฮือ ไม่เอาแล้วนะเจ้าคะ ถ้าทำอีกข้าโกรธจริงๆ ด้วย " น้ำตาของหลินหลินไหลอาบแก้ม ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความเสียใจจากภาพความทรงจำอันเจ็บปวดในอดีตชาตินางเกิดมาพร้อมกับความรักความอบอุ่นของพวกเขา เป็นความรู้สึกที่นางโหยหามาตลอ
"ขอรับ จริงขอรับ""ถ้าอย่างนั้น...เจ้ามีสตรีในดวงใจหรือยัง?""ยังขอรับท่านแม่ แต่หากจะจับคู่ให้ข้า ท่านคงต้องผิดหวังแล้ว""ข้ามองนางเป็นดังน้องสาวขอรับ"ฮูหยินเจียงส่งค้อนให้ลูกชายแล้วหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า"หลินเอ๋อร์ เจ้าอยากไปดูเรือนพักของเจ้าก่อนไหม? ป้าจะพาเจ้าไปเอง "หลินหลินส่ายหน้า"ท่านลุงกับท่านป้ายังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยเจ้าค่ะ""พวกเรามาทานอาหารกันก่อนดีกว่าไหมเจ้าคะ มื้อนี้ข้ามีของอร่อยอีกเพียบเลยนะเจ้าค่ะ""ดี ดี ลุงอยากกินอาหารของหลินเอ๋อร์ อาหารเจ้าอร่อยยิ่งนัก"ทั้งสามคนลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาหาร ท่านป้าเลิกแกล้งพี่เจียงเหวินเถอะเจ้าค่ะ ดูเขาทำหน้าเศร้าสิเจ้าคะ"ฮ่าๆๆๆ"ทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เจียงเหวินยิ้มอบอุ่น มองทั้งสามหัวเราะ เขาจะจดจำภาพนี้ฝังไปในใจเขาตลอดไป หากวันหนึ่งเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เขาก็หวังว่านางจะยังคงรักบิดามารดาเขาบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี ให้พวกท่านได้อยู่บนโลกนี้ต่อไปได้เจียงเหวินหลบสายตามองลงพื้น เขาไม่กล้าบอกบิดามารดา ว่าเขาทำงานพลาด และโทษใหญ่หลวงกำลังรอเขาอยู่ เขาขอเวลาท่านแม่ทัพไว้ 10 วันตอนนี้เขาเหลือเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น เ
เมื่อแจกทุกอย่างครบแล้ว หลินหลินก็ประกาศเรื่องสำคัญทันทีนายท่านเจียงกับฮูหยินเจียงมายืนประกบข้างหลินหลิน ฮูหยินเจียงมองหลินหลินด้วยแววตาชื่นชม นางก็อยากรู้ว่าหลินเอ๋อร์จะทำสิ่งใดหลินหลินกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่เบื้องหน้า นางเห็นความหวังริบหรี่ในแววตาของพวกเขา หลายคนผ่ายผอม อิดโรยจากความยากลำบาก"สิ่งสุดท้ายที่พวกท่านจะได้วันนี้ คือทางเลือก " หลินหลินเอ่ยเสียงดังฟังชัด"สวรรค์จะมอบทางเลือกให้พวกท่าน ขอให้พวกท่านตัดสินใจให้ดีเสียงของหลินหลินก้องกังวานไปทั่วบริเวณ เหมือนเสียงสวรรค์ที่หยาดลงมาปลุกความหวังในใจคนสิ้นหวัง"เย็นนี้จะมีคนของข้า ทั้งสามคนมาให้พวกท่านลงนามแจ้งความประสงค์ หากพวกท่านต้องการเดินทางไปเมืองใด ข้าจะเป็นคนจ่ายค่าเดินทางให้พวกท่านทั้งหมดเอง"เสียงฮือฮาดังขึ้น คนเหล่านั้นมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ"โดยค่าเดินทางนี้ข้าจะจ่ายให้กับกองคาราวานหรือรถเทียมวัวที่ข้าจ้างวานโดยตรง แม้การเดินทางมันไม่ได้สบายนัก แต่ก็คงไม่ลำบากจนพวกท่านทนไม่ได้" หลินหลินเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด"และอีกหนึ่งเรื่องคือ พวกเจ้า เจ้าเจ้า"หลินหลินชี้นิ้วไปยังคนที่ดวง
เมื่อคนเร่รอนเริ่มเห็นข้าวของจำนวนมาก ก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาสอบถามด้วยความสงสัยว่านำของพวกนี้มาทำอะไรปู่หลิวเห็นเช่นนั้น จึงได้โอกาสบอกกับคนเร่รอนคนนั้นว่า "อีก1เค่อ คุณหนูของข้าจะทำการแจกจ่ายอาหารและของยังชีพ รบกวนเจ้าไปประกาศให้ทุกคนทราบด้วย จะได้ไม่เสียเวลาให้มาต่อแถวรอ อย่าลืมเอาชามช้อนของพวกเจ้ามาด้วย""ได้ ได้ ขอรับ ขอบคุณขอรับ ขอบคุณขอรับ""เอ้ย...พวกเรามีคนใจดีมากแจกอาหาร เตรียมชามช้อนมารอรับเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังก้องไปในความมืดนั้น สามารถปลุกพลังแห่งความวุ่นวายได้ในทันที ดีที่หลินหลินมีท่านลุงท่านป้า ทั้งสองมีประสบการณ์มาก่อน จึงให้คนของตนเองกันไม่ให้คนเร่ร่อนเบียดเข้ามาใกล้โต๊ะ เพราะอาจจะชนหม้อข้าวต้มเสียหายได้แต่ความหิวนั้นไม่เข้าใครออกใคร เริ่มมีการทะเลาะแย่งแถวกันเด็กๆ ถูกผลักออกจากแถว เด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้จ้าเมื่อถูกคนตัวใหญ่ผลักล้มลง ผู้คนล้วนไม่สนใจ นางเห็นดังนั้นจึงตะโกนออกไปว่า"หากพวกเจ้ายังทะเลาะกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว...ข้าจะเก็บของทั้งหมดกลับไป!"แค่เพียงเสียงเดียวก็ทำให้ทุกอย่างสงบลงในพริบตา ทุกสายตาย้ายไปมองที่นางเป็นตาเดียว พร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจสิ
เอาล่ะ....นางผิดเอง " ระบบจากนี้ไปต้องคอยเตือนข้าทุกเรื่อง เข้าใจไหม? ""ระบบจะเตือนผู้ถูกเลือกขอรับ"หลินหลินจัดการข้าวของที่จะแจกจ่ายพวกคนเร่ร่อนเสร็จ พอมีเวลาว่าง นางก็มานั่งพักที่ชานเรือน พร้อมกับถ้วยชาและขนมคุกกี้ บรรยากาศยามเย็นช่างเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเสียจริงแต่แล้ว หลินหลินก็นึกขึ้นได้ว่า นางลืมหินเวทที่เก็บไว้ในมิติเสียสนิท! นางรีบเรียกหินเวทลมออกมา ก้อนหินสีฟ้าใสเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ในมือ หลินหลินหลับตา เพ่งสมาธิ สัมผัสได้ถึงพลังเวทที่ไหลเวียนเข้าสู่ลูกแก้วเวทลมในร่างกายทันใดนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีลมปราณปั่นป่วนในท้อง คล้ายกับ...จะเรอ!"เอิ๊กกกกกกก!"เสียงเรอของหลินหลินดังกึกก้องหลินหลินลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง ถ้วยชา จานคุกกี้ หายไปไหนหมด! นางกวาดสายตามองหา จนไปสะดุดกับแสงสะท้อนของแก้วกระเบื้องที่พุ่มดอกไม้ ห่างออกไป 10 เมตร!"หา! 10 เมตร?" หลินหลินอ้าปากค้าง"แค่เรอเองนะ แรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!"นางหัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งขำทั้งตกใจ ไม่คิดว่าพลังเวทจะทำให้เรอได้แรงขนาดนี้หลินหลินลุกขึ้น เดินไปเก็บถ้วยชาและจานคุกกี้ที่กระเด็นไป