โครงการถุงยังชีพ มาถึงโลกใบนี้แล้ว นางจะริเริ่มเปลี่ยนแปลงที่นี่เอง
" ไม่เป็นไรเจ้าค่ะเถ้าแก่ รบกวนท่านเตรียมสินค้าให้ข้า ข้าต้องการอย่างละ 9 กระสอบเจ้าค่ะ ท่านแค่เตรียมไม่ต้องไปส่ง ข้าจะเก็บเข้าถุงมิติเจ้าค่ะ"
" ได้ขอรับ เชิญคุณหนู เชิญนั่งรอตรงนี้สักครู่ขอรับ"
เถ้าแก่รีบไปจัดเตรียมเก้าอี้ให้หลินหลิน วันนี้เขาโชคดีจริง ๆ มีลูกค้ามาเหมาของจำนวนมาก แถมไม่กดราคาเขาด้วย
ที่ร้านเขาขายถูกจึงมีเศรษฐีหลายคนมาข่มขู่ว่าซื้อเยอะต้องลดราคา เขาไม่สามารถลดให้ได้จริง ๆ ร้านเขาเป็นร้านเล็ก ๆ ไม่ได้เอากำไรมากมาย ลูกค้าของเขาก็ชาวบ้านทั้งนั้น จะขายเอากำไรมากขึ้นก็สงสาร เลยได้แต่ขายราคานี้มาตลอด
เถ้าแก่กำลังไล่ตรวจนับข้าวสารแต่ละชนิด สายตาของหลินหลินก็ไปปะทะกับผักดอง เกี่ยมไฉ่ ผักกาดดองเค็ม นางลุกขึ้นไปดูก็พบว่ามีผักกาดดองเปรี้ยว ซึงไฉ่ และหัวไชโป๊อยู่ด้วย หลินหลินบอกเถ้าแก่ว่านางเอา 3 อย่างนี้ด้วย ให้เหลือทิ้งไว้ที่ร้านอย่างละ 1 ถุงที่วางโชว์ (5 กิโล) นอกนั้นนางเอาหมด เถ้าแก่ก็น่ารัก รีบมาจัดการต่อให้นางเลย
เถ้าแก่แม้จะสงสัยว่านางเหลือไว้ทำไม แต่เขาต้องรีบจัดของจึงยังไม่ได้ถามออกไป
หลินหลินเดินดูเครื่องเทศที่นี่ น่าสนใจมาก มีหลายตัวที่นางไม่รู้จัก ปู่หลิวก็เดินอธิบายวิธีการใช้ให้นางฟัง
" ปู่หลิว ที่นี่มีไข่เค็มกับเต้าหู้ยี้ขายไหมเจ้าคะ"
" มีขอรับ แต่ราคาสูงขอรับคุณหนู มีขายไม่กี่ร้าน หากคุณหนูต้องการ รอหานเซียวมาถึงค่อยไปซื้อขอรับ"
" ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากรู้ว่าที่เมืองนี้มีไหมเจ้าคะ"
หลินหลินคิดไว้ว่าพรุ่งนี้นางจะไปตั้งโรงทานตรงนอกเขตกำแพงเมือง คนเร่ร่อนที่อยู่ทั้งข้างในและข้างนอกจะได้มีพื้นที่ในการรอของแจก พื้นที่ข้างในเขตกำแพงเมืองมีพื้นที่ไม่มาก หากออกไปนอกกำแพงเมืองพื้นที่จะกว้าง เหมาะกับการแจกอาหาร ไม่วุ่นวายกับคนในเขตเมืองด้วย
" ปู่หลิว ข้าอยากได้บ้านเช่า 1 คืน พอจะมีไหมเจ้าคะ โรงเตี๊ยมที่ข้าเช่าไว้ไม่น่าเหมาะเก็บของพวกนี้ พรุ่งนี้ข้าตั้งใจตั้งโรงทานให้พวกคนเร่ร่อน แจกอาหารพวกเขาสัก 1 มื้อ และแจกถุงข้าวสารอาหารแห้งเจ้าค่ะ"
" พรุ่งนี้เราจะเตรียมตัวทันหรือขอรับ ไหนจะเตรียมอาหารอีก เกรงว่าจะไม่ทันขอรับ"
" ทันแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านแค่หาบ้านให้ข้าพักสัก 1 คืน แล้วของทุกอย่างจะเรียบร้อยเจ้าค่ะ"
ปู่หลิวกำลังจะไปหาจวนที่ปล่อยให้เช่าตามคำสั่งของหลินหลิน ก็มีเสียงเถ้าแก่หยุดไว้ก่อน.
" คุณหนู หากไม่รังเกียจ ข้ามีจวนที่ซื้อไว้แต่ไม่ได้เข้าไปอาศัยอยู่ หากคุณหนูสะดวก สามารถไปพักที่นั่นได้เลยขอรับ อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ข้าไม่คิดค่าเช่าขอรับ"
" ขอบคุณเถ้าแก่เจ้าค่ะ ต้องขอรบกวนเถ้าแก่แล้ว"
ความจริงนางจัดการของทุกอย่างในมิติแล้วค่อยไปเอาออกตรงที่พักคนเร่ร่อนได้ แต่ที่นางไม่ทำอย่างนั้น เพราะนางต้องการจะทำให้เป็นแบบอย่างของคนที่คิดจะทำทาน
" ขอถามคุณหนูได้ไหมขอรับ ว่าทำไมคุณหนูไม่เหมาสินค้าไปทั้งหมด ทั้งที่คุณหนูต้องการสินค้าจำนวนมาก แต่เลือกเหลือข้าวไว้อย่างละ 1 กระสอบ และของแห้งอย่างละ 1 ถุงขอรับ หรือของที่เหลืออยู่คุณหนูกลัวว่าจะเป็นของเก่าขอรับ"
" ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะเถ้าแก่ ที่ข้าเหลือไว้เพราะข้าไม่ต้องการให้กระทบกับชาวบ้านที่มาซื้อของที่ร้านเถ้าแก่ก็เท่านั้น"
หลินหลินตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่หนักแน่น
"ร้านเถ้าแก่ขายสินค้าราคาเป็นธรรม หากข้าเหมาหมด คนเร่ร่อนจะได้ไป แต่ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำกลับต้องไปซื้อของที่แพงขึ้น มันเป็นการทำบุญที่มีคนเดือดร้อน ข้าไม่อยากทำแบบนั้น"
" ท่านบอกว่าอีกไม่เกิน 5 วันของรอบใหม่จะมาถึง ข้าจึงเหลือไว้ให้ท่านขายให้กับชาวบ้านในช่วงรอสินค้าเข้า ชาวบ้านก็สามารถมีของให้ซื้อ ข้าก็ทำทานแบบพอดี ไม่มีใครต้องเดือดร้อน จริงไหมเจ้าคะเถ้าแก่"
เถ้าแก่พยักหน้าอย่างซาบซึ้ง
"จริงขอรับคุณหนู ข้าคิดน้อยไป เป็นคุณหนูที่รอบคอบ คิดถึงทุกคนขอรับ ข้าจะจดจำเรื่องนี้ไว้ขอรับ"
ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านในใจเถ้าแก่ เขาไม่เคยเจอลูกค้าคนไหนที่มีจิตใจงดงามและละเอียดอ่อนเช่นนี้มาก่อน
เมื่อของทุกอย่างพร้อมแล้ว หลินหลินจ่ายเงินและเก็บของทุกอย่างเข้ามิติ นางมองเวลา น่าจะยามเซิน (15.00 น.) แล้ว วันนี้น่าจะพอแค่นี้
" เถ้าแก่เจียงเจ้าคะ เรื่องจวนที่จะเข้าพัก ข้าต้องรอท่าน ปิดร้านก่อนหรือข้าไปได้เลยเจ้าคะ"
" คุณหนูรอสักครู่ขอรับ ข้าให้คนไปส่งข่าวให้ฮูหยินของข้านำบ่าวไปจัดการทำความสะอาดให้แล้ว อีกสักพักก็ไปได้เลยขอรับ นางรออยู่ที่จวนขอรับ ข้าไม่ได้ไปพร้อมคุณหนู เพราะอาจจะมีคนพูดถึงคุณหนูในทางเสียหายได้ขอรับ"
" ขอบคุณเถ้าแก่ที่นึกถึงข้าเจ้าค่ะ"
หลินหลินยิ้มให้เถ้าแก่อย่างจริงใจ ก่อนจะถามต่อ
"เถ้าแก่เจ้าคะ เหตุใดท่านถึงไม่ขายไข่เค็มและเต้าหู้ยี้เจ้าคะ"
" อ่อ.. ของสองสิ่งนี้มีราคาสูงขอรับ ถ้าเราขนส่งมาอีก ของก็จะแพงขึ้น ไม่ค่อยมีใครซื้อขอรับ"
"ราคาขายกันแพงมากไหมเจ้าคะ"
" ถ้าราคาตามร้านทั่วไป ไข่ไก่อยู่ฟองละ 2-3 อีแปะ ไข่เค็มอยู่ที่ฟองละ 4-5 อีแปะ เต้าหู้ยี้โถละ 30 อีแปะขอรับ ราคาไข่จะไม่เกินนี้ขอรับ แต่บางช่วงไข่ไม่มี ราคาก็จะแพงขึ้นขอรับ"
หลินหลินจดจำข้อมูลไว้ก่อน นางคิดไว้ว่านางคงทำการค้าเพื่อระบายของในมิติ แต่นางอยากขายให้ชาวบ้านในราคาไม่แพง
เพราะเงินนางมีเยอะแล้ว ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้ สิ่งที่นางมีไม่ขาดคือเงินทอง แต่สิ่งที่ไม่มีเหมือนกันทั้งสองชาติคือคนรอบข้าง ครอบครัวนางไม่เคยมี นางตัวคนเดียวและเหมือนพระเจ้ากำลังสอนนางให้เข้มแข็ง รู้จักแบ่งปันส่งต่อให้คนอื่นแบบมีสติรอบคอบ
ชาตินี้ นางจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำสอง ชาติที่แล้วนางได้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่ง เด็กคนนั้นมีใบหน้าที่งดงาม นางช่วยส่งเสริมให้เด็กคนนั้นได้ไปถึงยังฝั่งฝัน...ความฝันที่อยากจะเป็นดารา ไม่ว่าจะเรียนการแสดงเพิ่มเติม หรือหาชุดสวยๆดีๆ เพื่อเสริมบุคลิกนางล้วนตามใจเด็กคนนั้นทั้งสิ้น จนเด็กคนนั้นเริ่มมีคำขอที่มากไป นางจึงหยุดการช่วยเหลือและนั่นคือดาบสองคม
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นางจึงมีสติในการช่วยเหลือคนมากขึ้น อย่าช่วยจนเขาไม่พยายาม ช่วยอย่างพอดี อย่าช่วยจนตัวเองทุกข์ใจหรือเดือดร้อน เหมือนคำกล่าวที่ว่า มอบข้าว 1 ถุง รำลึกเป็นบุญคุณ แต่เพิ่มข้าวเป็น 1 กระสอบ กลับนำมาซึ่งความแค้น
ระหว่างที่คิดอะไรเพลิน ๆ คนของเถ้าแก่ก็เข้ามาแจ้งกับเถ้าแก่ว่า ฮูหยินเตรียมจวนเรียบร้อยแล้ว ก่อนออกจากร้านหลินหลินเชิญเถ้าแก่ให้ไปกินข้าวเย็นกับนาง เถ้าแก่ไม่ปฏิเสธแต่จะตามไปทีหลัง
รถม้าแล่นมาได้ไม่ไกล เสียงของหานเซียวก็แจ้งว่าถึงแล้ว ปู่หลิวยังคงเตรียมบันไดให้นางลง หลินหลินลงจากรถม้าก็เห็นจวนหลังเล็กหลังหนึ่ง เดินเข้ามาภายในมีพื้นที่ไม่มาก พื้นที่ส่วนใหญ่ได้ใช้ไปกับสร้างจวนหมดแล้ว ด้านหน้ามีฮูหยินของเถ้าแก่ยืนต้อนรับนางอยู่
" คารวะคุณหนูเจ้าค่ะ ข้า เจียง เมิ่งหลัน เจ้าค่ะ"
ฮูหยินเจียงพานางเข้าไปในจวนไม้ขนาดเล็ก ภายในมีห้องโถงโล่ง ๆ กับโต๊ะกินข้าวสำหรับ 4 คนตั้งอยู่ ถัดไปมีห้องนอน 2 ห้องเท่านั้น ทั้งสองจึงนั่งพูดคุยกันที่โต๊ะทานข้าว
" อยู่ได้ไหมเจ้าคะคุณหนู ที่นี่เป็นบ้านของชาวบ้านบอกขาย เถ้าแก่ช่วยซื้อไว้ พวกข้าก็ไม่เคยมาอยู่เจ้าค่ะ ได้แต่ส่งคนมาปรับปรุงดูแลจวน ภายในอาจจะคับแคบไปบ้าง แต่อยู่ภายในเขตเมืองปลอดภัยเจ้าค่ะ"
"ข้าอยู่ได้เจ้าค่ะ ขอบคุณฮูหยินที่เหนื่อยเป็นธุระให้ข้าเจ้าค่ะ รบกวนท่านแล้ว"
หลินหลินส่งยิ้มไปให้ฮูหยินด้วยความเกรงใจ
" ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ ข้าทราบมาว่าคุณหนูจะทำโรงทานให้คนเร่ร่อนพรุ่งนี้ แต่ข้ายังไม่เห็นท่านเตรียมของอะไรไว้เลย นี่ปลายยามเซินแล้ว (16.30 น.) พรุ่งนี้จะทำทันหรือเจ้าคะ"
" ทันเจ้าค่ะ ข้ามีของที่เตรียมไว้แล้วบางส่วนเจ้าค่ะ หากฮูหยินอยากเตรียมอะไรมาสมทบพรุ่งนี้นำมาได้เลยนะเจ้าคะ"
"ขอบคุณคุณหนู ข้านำมาแน่นอนเจ้าค่ะ"
คุณหนูท่านนี้ดูแล้วใจกว้างมาก ไม่คิดอวดอ้างยังเอ่ยชวนคนอื่น ปกติที่นี่จะไม่ชวนใครทำทานร่วมกันหรอก ก่อนจะทำโรงทานแต่ละครั้งจะให้คนป่าวประกาศรอบเมืองก่อนวันแจกจริง 3-4 วัน แม้จัดจริงของจะไม่เพียงพอต่อคนมารับ แต่ใครจะกล้าโทษคนทำบุญกัน
โรงทานที่นี่จะทำกันภายในตระกูลและประกาศว่าเป็นของตระกูลใดที่เป็นคนจัดงาน เพื่อให้คนสรรเสริญพูดต่อ ๆ กัน ผิดกับคุณหนูท่านนี้ แจกข้าวของเยอะแยะขนาดนี้กลับไม่ต้องการชื่อเสียงเลยแม้แต่น้อย
หากหลินหลินรู้คงหัวเราะ นางเพิ่งมาอยู่โลกนี้ได้แค่ 3 วัน วันแรกที่ลืมตาตื่นในป่า วันที่ 2 คือวันที่นางออกจากมิติไปบ้านเก่าของร่างเดิมและเดินทางมาพักยังโรงเตี๊ยม วันนี้คือวันที่ 3 ของการอยู่บนโลกนี้ นอกนั้น เวลาทั้งหมดนางอยู่ในมิติ นางคงไม่โง่หาเรื่องใส่ตัวขนาดนั้น ทำตัวเงียบ ๆ ไว้ คนจะกล่าวขานหลังจากที่นางออกจากเมืองนี้แล้ว เพียงเท่านี้สิ่งที่นางตั้งใจก็บรรลุผลแล้ว
" ฮูหยิน ทานข้าวเย็นกันยามใดเจ้าคะ ข้าชวนเถ้าแก่ไว้ ว่าเย็นนี้คงต้องรบกวนฮูหยินกับเถ้าแก่ช่วยชิมอาหารของข้าเจ้าคะ"
ฮูหยินยิ้มน้อยๆ
"เรียนคุณหนู ปกติสามีข้าจะปิดร้านตรวจสอบ ดูบัญชีกว่าจะกลับมาถึงบ้านปลายยามโหย่ว (18.30-18.59 น.) เจ้าค่ะ"
"แต่วันนี้คุณหนูเหมาของไปเยอะ ดูท่าคงตรวจบัญชีเสร็จแล้ว เลยมาเลยเจ้าค่ะ คุณหนูจะทำอาหารอะไรเจ้าคะ เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าค่ะ"
" เรียกข้าว่าหลินหลินก็ได้เจ้าค่ะ ข้าเรียกท่านว่า ท่านป้าได้ไหมเจ้าคะ?"
รอยยิ้มของฮูหยินเจียงบ่งบอกถึงความสุขที่ไม่อาจปิดบัง นางถูกชะตากับคุณหนูท่านนี้ตั้งแต่แรกพบหน้า แต่นางไม่กล้าทำตัวสนิทสนม เพราะดูก็รู้ว่านางไม่ใช่คุณหนูในห้องหอทั่วไป ตัวนางเองก็เป็นแค่ฮูหยินของพ่อค้าร้านเล็กๆ จึงต้องเจียมตัวไว้เสมอ
" ได้เจ้าค่ะ เอ่อ... ได้จ้ะ หลินหลินอยากทำอะไรกิน บอกป้าได้เลย เดี๋ยวป้าเป็นลูกมือให้"
" ข้าทำไว้แล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวเรารอลุงเจียงมาก่อนค่อยทานพร้อมกันนะเจ้าคะ"
หลินหลินพูดด้วยน้ำเสียงสดใส เปี่ยมไปด้วยความหวัง อย่างน้อยก็รู้สึกเหมือนมีญาติผู้ใหญ่กับเขาบ้าง
" ได้ ได้... ป้าตามใจเจ้า"
น้ำเสียงเอ่ยออกมาแผ่วเบาราวกับสายลมพัดผ่าน แต่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดที่พยายามเก็บซ่อน
ดวงตาที่มองไปที่หลินหลินนั้นมีแต่ความอบอุ่น หากแต่ลึกลงไปกลับฉายแววความโศกเศร้า
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน เสียงหัวเราะสดใสของบุตรสาวตัวน้อยยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท ภาพใบหน้าแช่มชื่น รอยยิ้มหวานละมุน ยังคงติดตรึงอยู่ในห้วงความทรงจำ วันที่นางสูญเสียแก้วตาดวงใจไป ราวกับโลกทั้งใบพังทลายลงต่อหน้าต่อตา
วันนั้นเป็นวันที่ฟ้าครึ้มฝนตกหนัก ทุกคนจึงอยู่แต่ในเรือน เสียงฟ้าร้องคำรามกึกก้อง บรรยากาศในจวนอึมครึมราวกับหัวใจของผู้เป็นมารดา
บุตรสาวตัวน้อยของนาง แอบหนีออกไปเล่นที่สระบัวโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ ด้วยความไร้เดียงสา นางคงคิดว่าสระบัวนั้นตื้นเขิน สามารถลงไปเล่นได้แต่ความจริงแล้วใต้น้ำนั้นลึกนัก
ร่างเล็กๆก้าวลงไปในสระบัว หมายจะเก็บดอกบัวสีชมพูขาวบานสะพรั่ง ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล เด็กน้อยก้าวเดินลงไปเล่นน้ำอย่างสนุกสนานไร้ซึ่งความกังวล
แต่แล้ว... สายฟ้าฟาดลงมาดังเปรี้ยง!
เท้าเล็กๆเหยียบพลาดลงไปในจุดที่ลึก ร่างน้อยๆ จมดิ่งสู่ใต้น้ำ เสียงร้องขอความช่วยเหลือไม่อาจสู้กับเสียงของสายฝนได้ เสียงที่เรียก
"ท่านแม่"
ดังขึ้นเพียงครู่เดียวก่อนจะเงียบหายไป
บ่าวไพร่ที่ออกตามหา พบเพียงรองเท้าเล็กๆ วางอยู่ริมสระบัว จึงรีบแจ้งแก่นาง หัวใจของนางแทบหยุดเต้น นางรีบวิ่งไปที่สระบัว ด้วยความหวาดกลัว
และแล้วภาพที่ปรากฏตรงหน้า ก็ทำให้นางแทบสิ้นสติ ร่างเล็กๆ ของบุตรสาวถูกอุ้มขึ้นมาในมือยังคงกำดอกบัวไว้แน่น แต่ใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากเขียวคล้ำ ไร้ซึ่งลมหายใจอีกต่อไป....
นางกรีดร้อง โผเข้ากอดร่างไร้วิญญาณของลูกน้อย น้ำตาไหลอาบแก้มราวกับเขื่อนแตก เสียงร้องไห้โหยหวนดังกึกก้องไปทั่วสระบัว
" ฮวาฮวา ลูกแม่! ตื่นขึ้นมาสิลูก! ฮวาอย่าทิ้งแม่ไป!"
นางร้องเรียก เขย่าร่างเล็กๆนั้น หวังให้บุตรสาวลืมตาขึ้นมา แต่ก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง
ความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจ ราวกับมีดกรีดแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหตุใดนางจึงไม่ดูแลลูกให้ดีกว่านี้? เหตุใดจึงปล่อยให้ลูก ต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้?
นางกอดร่างไร้วิญญาณของลูกแน่น ราวกับจะไม่มีวันยอมปล่อย
ความโศกเศร้า เสียใจ ท่วมท้น จนยากจะทานทน โลกทั้งใบของนาง พังทลายลง ในพริบตา...
กว่านางจะเป็นผู้เป็นคนเหมือนทุกวันนี้ ก็ได้กำลังใจจากสามีและบุตรชาย นางเก็บความทุกข์ ความคิดถึง ความรักนั้นฝังไว้ลึกสุดของใจ
แต่ตอนนี้ เวลานี้ เด็กสาวที่นั่งตรงหน้านางนี้ ทำให้นางสั่นคลอนในจิตใจอีกครั้ง แม้อายุของหลินหลินจะมากกว่าบุตรสาวที่จากไปของนาง แต่ความรู้สึกในตอนนี้ของนางมันกลับมารับรู้ถึงความสุขได้อีกครั้ง นางไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร มีเพียงแค่เด็กสาวตรงหน้าเท่านั้น
ความอบอุ่นแผ่ซ่านในหัวใจของเมิ่งหลัน ราวกับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาละลายน้ำแข็งที่เกาะแน่นอยู่ในใจมานานหลายปี
หลินหลินนั่งคุยกับป้าเจียงเพลิน เผลอลืมบุรุษ 3 คนที่นั่งรอนางอยู่หน้าเรือนไปเสียสนิท" ท่านป้า ข้าขอไปสั่งงานคนของข้าสักครู่นะเจ้าคะ" ฮูหยินเจียงยิ้มรับรู้ "เจ้าไปเถอะ เดี๋ยวสักพักแม่นมจางคงมาหาป้าที่จวนนี้เป็นแน่"" แม่นมจาง? เป็นแม่นมของป้าเอง ไว้ป้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นางเป็นคนที่จิตใจดีมากทีเดียว""เจ้าค่ะ" หลินหลินยิ้มหวานก่อนเดินออกมาหน้าเรือน เห็นท่านปูหลิวนั่งรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ มีสือหย่งและหานเซียวนั่งขนาบข้าง พอพวกเขาเห็นนางก็รีบลุกและเดินมาหา" ขอโทษที่ให้รอนานเจ้าค่ะ" หลินหลินยื่นส่งเงิน ให้ทุกคนคนละ 5 ตำลึงเงินตามที่นางให้สัญญาไว้ " วันนี้พวกท่านกลับบ้านได้เลยนะเจ้าคะ และอย่าลืมหาที่ปลอดภัยถอดแหวนกับชุดเก็บไว้ใส่ในวันพรุ่งนี้ ก่อนมาหาข้า พรุ่งนี้ข้าจะจ้างพวกท่านอีก 1 วัน มีใครมาไม่ได้ไหมเจ้าคะ"" มาได้ขอรับ..." ทั้งสามตอบด้วยสีหน้าดีใจยิ้มกว้าง จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร รับงานนี้พวกเขาได้เงินมากถึง 10 ตำลึงภายใน 2 วันหลินหลินส่งห่อผ้าที่ข้างในมีซาลาเปาไส้ผัก ไส้หมู ไส้หมูแดง รวมๆ กันห่อละ 10 ลูก ให้พวกเขาทั้ง 3 คน " นำกลับไปให้คนที่บ้านกินนะเจ้าคะ และพรุ่งนี้เจอ
" ฮะแฮ่ม...พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่หรือ..."ท่านลุงเจียงแกล้งเอ่ยถาม แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่อาหารบนโต๊ะไม่วางตา" ท่านพี่ มานั่งก่อนเจ้าค่ะ ข้ากับหลินเอ๋อร์กำลังรอท่านอยู่พอดี"" หลินเอ๋อร์?" สายตาลุงเจียงย้ายจากอาหารมามองที่หลินหลินทันที หลินหลินยิ้มหวานให้หนึ่งที"ท่านพี่...ตอนนี้ข้ารับหลินเอ๋อร์เป็นหลานสาวแล้ว ข้าชวนนางอยู่ด้วยกันทีนี่ แต่...นางใจแข็งยิ่งนักเจ้าค่ะ หลินเอ๋อร์อยากไปอยู่ทางใต้ หากนางตกลงจะอยู่ที่นี่สักนิดข้าคงให้ท่านสร้างเรือนเพิ่มที่จวนของเราพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ เอ๊ะ..ท่านพี่หรือเราย้ายไปทางใต้ไปอยู่กับหลินเอ๋อร์ดีเจ้าคะ""ฮ่าๆๆๆ ท่านป้าใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะไปที่เมืองใดเจ้าค่ะ ไว้ได้ข้าสร้างจวนเสร็จข้าจะรีบส่งข่าวมาบอกท่านนะเจ้าคะ เผื่อท่านอยากหนีท่านลุงไปอยู่กับข้า ""แค่กๆ หลินเอ๋อร์ ป้าเจ้าอยู่ที่ใดลุงก็อยู่ที่นั่นแหละ เจ้าอย่าให้ทางนางหนีจากลุงเด็ดขาด ฮ่ะๆๆ"สี่เสียงหัวเราะประสานขึ้นมาพร้อมกัน" ท่านลุง เชิญดื่มน้ำใบเตยก่อนเจ้าค่ะ แล้วเราค่อยลงมือทานอาหารกัน ท่านป้าหิวแย่แล้ว"แม่นมเตรียมตัวจะลุกขึ้น หลินหลินจับมือแม่นมเพื่อจะประคอง "แม่นมจะไปไ
เอาล่ะ....นางผิดเอง " ระบบจากนี้ไปต้องคอยเตือนข้าทุกเรื่อง เข้าใจไหม? ""ระบบจะเตือนผู้ถูกเลือกขอรับ"หลินหลินจัดการข้าวของที่จะแจกจ่ายพวกคนเร่ร่อนเสร็จ พอมีเวลาว่าง นางก็มานั่งพักที่ชานเรือน พร้อมกับถ้วยชาและขนมคุกกี้ บรรยากาศยามเย็นช่างเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเสียจริงแต่แล้ว หลินหลินก็นึกขึ้นได้ว่า นางลืมหินเวทที่เก็บไว้ในมิติเสียสนิท! นางรีบเรียกหินเวทลมออกมา ก้อนหินสีฟ้าใสเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ในมือ หลินหลินหลับตา เพ่งสมาธิ สัมผัสได้ถึงพลังเวทที่ไหลเวียนเข้าสู่ลูกแก้วเวทลมในร่างกายทันใดนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีลมปราณปั่นป่วนในท้อง คล้ายกับ...จะเรอ!"เอิ๊กกกกกกก!"เสียงเรอของหลินหลินดังกึกก้องหลินหลินลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง ถ้วยชา จานคุกกี้ หายไปไหนหมด! นางกวาดสายตามองหา จนไปสะดุดกับแสงสะท้อนของแก้วกระเบื้องที่พุ่มดอกไม้ ห่างออกไป 10 เมตร!"หา! 10 เมตร?" หลินหลินอ้าปากค้าง"แค่เรอเองนะ แรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!"นางหัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งขำทั้งตกใจ ไม่คิดว่าพลังเวทจะทำให้เรอได้แรงขนาดนี้หลินหลินลุกขึ้น เดินไปเก็บถ้วยชาและจานคุกกี้ที่กระเด็นไป
เมื่อคนเร่รอนเริ่มเห็นข้าวของจำนวนมาก ก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาสอบถามด้วยความสงสัยว่านำของพวกนี้มาทำอะไรปู่หลิวเห็นเช่นนั้น จึงได้โอกาสบอกกับคนเร่รอนคนนั้นว่า "อีก1เค่อ คุณหนูของข้าจะทำการแจกจ่ายอาหารและของยังชีพ รบกวนเจ้าไปประกาศให้ทุกคนทราบด้วย จะได้ไม่เสียเวลาให้มาต่อแถวรอ อย่าลืมเอาชามช้อนของพวกเจ้ามาด้วย""ได้ ได้ ขอรับ ขอบคุณขอรับ ขอบคุณขอรับ""เอ้ย...พวกเรามีคนใจดีมากแจกอาหาร เตรียมชามช้อนมารอรับเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังก้องไปในความมืดนั้น สามารถปลุกพลังแห่งความวุ่นวายได้ในทันที ดีที่หลินหลินมีท่านลุงท่านป้า ทั้งสองมีประสบการณ์มาก่อน จึงให้คนของตนเองกันไม่ให้คนเร่ร่อนเบียดเข้ามาใกล้โต๊ะ เพราะอาจจะชนหม้อข้าวต้มเสียหายได้แต่ความหิวนั้นไม่เข้าใครออกใคร เริ่มมีการทะเลาะแย่งแถวกันเด็กๆ ถูกผลักออกจากแถว เด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้จ้าเมื่อถูกคนตัวใหญ่ผลักล้มลง ผู้คนล้วนไม่สนใจ นางเห็นดังนั้นจึงตะโกนออกไปว่า"หากพวกเจ้ายังทะเลาะกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว...ข้าจะเก็บของทั้งหมดกลับไป!"แค่เพียงเสียงเดียวก็ทำให้ทุกอย่างสงบลงในพริบตา ทุกสายตาย้ายไปมองที่นางเป็นตาเดียว พร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจสิ
เมื่อแจกทุกอย่างครบแล้ว หลินหลินก็ประกาศเรื่องสำคัญทันทีนายท่านเจียงกับฮูหยินเจียงมายืนประกบข้างหลินหลิน ฮูหยินเจียงมองหลินหลินด้วยแววตาชื่นชม นางก็อยากรู้ว่าหลินเอ๋อร์จะทำสิ่งใดหลินหลินกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่เบื้องหน้า นางเห็นความหวังริบหรี่ในแววตาของพวกเขา หลายคนผ่ายผอม อิดโรยจากความยากลำบาก"สิ่งสุดท้ายที่พวกท่านจะได้วันนี้ คือทางเลือก " หลินหลินเอ่ยเสียงดังฟังชัด"สวรรค์จะมอบทางเลือกให้พวกท่าน ขอให้พวกท่านตัดสินใจให้ดีเสียงของหลินหลินก้องกังวานไปทั่วบริเวณ เหมือนเสียงสวรรค์ที่หยาดลงมาปลุกความหวังในใจคนสิ้นหวัง"เย็นนี้จะมีคนของข้า ทั้งสามคนมาให้พวกท่านลงนามแจ้งความประสงค์ หากพวกท่านต้องการเดินทางไปเมืองใด ข้าจะเป็นคนจ่ายค่าเดินทางให้พวกท่านทั้งหมดเอง"เสียงฮือฮาดังขึ้น คนเหล่านั้นมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ"โดยค่าเดินทางนี้ข้าจะจ่ายให้กับกองคาราวานหรือรถเทียมวัวที่ข้าจ้างวานโดยตรง แม้การเดินทางมันไม่ได้สบายนัก แต่ก็คงไม่ลำบากจนพวกท่านทนไม่ได้" หลินหลินเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด"และอีกหนึ่งเรื่องคือ พวกเจ้า เจ้าเจ้า"หลินหลินชี้นิ้วไปยังคนที่ดวง
"ขอรับ จริงขอรับ""ถ้าอย่างนั้น...เจ้ามีสตรีในดวงใจหรือยัง?""ยังขอรับท่านแม่ แต่หากจะจับคู่ให้ข้า ท่านคงต้องผิดหวังแล้ว""ข้ามองนางเป็นดังน้องสาวขอรับ"ฮูหยินเจียงส่งค้อนให้ลูกชายแล้วหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า"หลินเอ๋อร์ เจ้าอยากไปดูเรือนพักของเจ้าก่อนไหม? ป้าจะพาเจ้าไปเอง "หลินหลินส่ายหน้า"ท่านลุงกับท่านป้ายังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยเจ้าค่ะ""พวกเรามาทานอาหารกันก่อนดีกว่าไหมเจ้าคะ มื้อนี้ข้ามีของอร่อยอีกเพียบเลยนะเจ้าค่ะ""ดี ดี ลุงอยากกินอาหารของหลินเอ๋อร์ อาหารเจ้าอร่อยยิ่งนัก"ทั้งสามคนลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาหาร ท่านป้าเลิกแกล้งพี่เจียงเหวินเถอะเจ้าค่ะ ดูเขาทำหน้าเศร้าสิเจ้าคะ"ฮ่าๆๆๆ"ทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เจียงเหวินยิ้มอบอุ่น มองทั้งสามหัวเราะ เขาจะจดจำภาพนี้ฝังไปในใจเขาตลอดไป หากวันหนึ่งเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เขาก็หวังว่านางจะยังคงรักบิดามารดาเขาบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี ให้พวกท่านได้อยู่บนโลกนี้ต่อไปได้เจียงเหวินหลบสายตามองลงพื้น เขาไม่กล้าบอกบิดามารดา ว่าเขาทำงานพลาด และโทษใหญ่หลวงกำลังรอเขาอยู่ เขาขอเวลาท่านแม่ทัพไว้ 10 วันตอนนี้เขาเหลือเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น เ
ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น "พรสัมฤทธิ์ผล"ภาพความทรงจำเก่าๆ พรั่งพรูเข้ามาในห้วงคำนึงหลินหลินเห็นภาพของครอบครัวที่อบอุ่น ภาพของพวกเขารักและดูแลนางเหมือนไข่ในหิน แต่แล้วความสุขก็พังทลายลง เมื่อนางทำผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง นางหลงเชื่อคนรักจนนำภัยมาสู่ครอบครัว สุดท้าย พวกเขาก็ต้องตายอย่างน่าอนาถแต่แม้ถึงวาระสุดท้าย พวกเขาก็ไม่เคยกล่าวโทษนางเลยสักคำ มีเพียงความรักและความปรารถนาดีที่จะปกป้องนางจนลมหายใจสุดท้ายความเจ็บปวดจากอดีตชาติแล่นริ้วเข้ามาในหัวใจราวกับคมมีดกรีดลึก ความรู้สึกผิด ท่วมท้นจนนางแทบหายใจไม่ออก ราวกับมีมือที่มองไม่เห็น บีบคั้นหัวใจของนางเสียงหัวเราะแห่งความสุขยังคงดังต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเบิกบานราวกับฟ้าหลังฝน นายท่านเจียงและฮูหยินเจียงโอบกอดกัน มองภาพเจียงเหวินที่กำลังอุ้มหลินหลินหมุนไปมาด้วยแววตาเปี่ยมสุข"ฮือ...ฮือ ไม่เอาแล้วนะเจ้าคะ ถ้าทำอีกข้าโกรธจริงๆ ด้วย " น้ำตาของหลินหลินไหลอาบแก้ม ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความเสียใจจากภาพความทรงจำอันเจ็บปวดในอดีตชาตินางเกิดมาพร้อมกับความรักความอบอุ่นของพวกเขา เป็นความรู้สึกที่นางโหยหามาตลอ
"พวกเราสามคนนอนไม่หลับ ใจพี่รอให้ถึงรุ่งเช้าเพื่อสะสางปัญหา หากเจ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดพี่คงไปอุ้มเจ้าที่เรือนแล้ว " "ฮ่าๆๆๆ"หลินหลินส่ายหน้ากับความขี้เล่นของพี่ชาย วันนี้นางไม่ได้เอาอาหารออกจากมิตินางแจ้งท่านแม่ไปแล้วว่าอยากลองทานอาหารฝีมือแม่ครัวที่จวน ทุกคนทานอาหารเช้ากันอย่างอารมณ์ดี มีแต่เจียงเหวินเท่านั้นที่เติมข้าวไป 3 ถ้วยแล้ว แต่หลินหลินก็ยังกินไปแค่ครึ่งถ้วย เขาไม่กล้าเร่งน้อง แต่ตอนนี้ใจเขามันร้อนรุ่มเหลือเกินหลินหลินเห็นสายตาที่พี่ใหญ่มองมาเป็นระยะ ก็รู้ว่าเขาร้อนใจ นางจึงเร่งการกินให้หมดถ้วยแค่เพียงหลินหลินวางถ้วยน้ำชา เจียงเหวินก็อุ้มน้องวิ่งขึ้นรถม้าออกไปเลย ฮูหยินเจียงส่ายหน้ากับลูกชาย แต่นางก็เข้าใจว่ารีบไว้ดีกว่าไม่ทันการ เขาย่อมต้องรู้สถานการณ์ว่าต้องรีบหรือไม่รีบ ยังดีที่รอน้องกินข้าวหมดก่อน ทางด้านหลินหลินก็กรอกตามองบน"พี่ใหญ่ ท่านรีบขนาดนี้ไม่ไปปลุกข้าตอนยามโฉ่วแทนเล่า (01.00 น.) "หลินหลินกล่าวประชดประชันแต่แววตามีแต่ความขบขัน"หลินเอ๋อร์ เข้าใจพี่หน่อยเถิด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ กว่าเราจะจัดเสบียงและเดินทางถึงแดนเหนือใช้เวลานานนัก เราต้องรีบแล้ว"หลินห
บทพิเศษเสี่ยวเฮย และ เสี่ยวหมี(หมีหิมะ)ภายในมิติ ทันทีที่หลินหลินจากไป เสี่ยวเฮยทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม"ฮือๆ นายหญิง... ทำไม... ทำไมถึงทิ้งข้า"เสี่ยวเฮยคร่ำครวญด้วยความเสียใจเสี่ยวหมีเดินเข้ามาใกล้ "เสี่ยวเฮย เจ้าอย่าเสียใจไปเลย นายหญิงคงมีเหตุผลของนาง""เหตุผลอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ!" เสี่ยวเฮยร้องไห้โฮ "ข้ารักนายหญิง ข้าอยากอยู่กับนายหญิงตลอดไป"เสี่ยวหมีมองเสี่ยวเฮยด้วยความสงสาร "เสี่ยวเฮย... " เสี่ยวหมีลังเล "ข้า.. ข้าอ่านตำราโบราณออก""แล้วอย่าไร" เสี่ยวเฮยเงยหน้ามองเสี่ยวหมี"ตำราโบราณกล่าวไว้ว่า หากต้องกำจัดอสูรหิมะ ต้องระเบิดพลังจากภายในด้วยพลังระดับ 8 สองสาย และระดับ 9 หนึ่งสาย"เสี่ยวหมีอธิบายเสี่ยวเฮยขมวดคิ้ว "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายหญิง""นายหญิงเป็นมนุษย์ นางมีพลังระดับ 9 ที่นายหญิงยกเลิกพันธะสัญญา ก็เพราะ... นางต้องการปกป้องเจ้า"เสี่ยวเฮยนิ่งอึ้ง "ปกป้องข้า?""ใช่ นางรู้ว่า หากเจ้ายังมีพันธะสัญญาอยู่ หากนางระเบิดพลังเจ้าจะตายไปด้วย "เสี่ยวหมีพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า "นางรักเจ้ามาก เสี่ยวเฮย"เสี่ยวเฮยเบิกตากว้าง หัวใจของมันรู้สึกอบอุ่น ใน
ภายในจวนท่านแม่ทัพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวัง เสียงร้องโอดโอยของหลินหลินดังเล็ดลอดออกมาจากห้องคลอดเป็นระยะๆ ทำให้เทียนชุนที่ยืนรออยู่ด้านนอกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เขากำมือแน่น พยายามสะกดกลั้นความกังวลเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจหยุดความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้"หลินเอ๋อร์ เจ้าต้องปลอดภัยนะ"เขาพึมพำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน พวกเขานั่งรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เสียงร้องของหลินหลินแต่ละครั้งทำให้หัวใจของพวกเขาแทบจะหยุดเต้น"ลูกต้องปลอดภัยนะ"มารดาของหลินหลินพึมพำภาวนา ทันใดนั้นเสียงร้องของทารกก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงัดในจวน ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องคลอดด้วยความตื่นเต้นไม่นาน หมอตำแยก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง "ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ฮูหยินคลอดลูกแฝดชายหญิง เป็นเด็กที่แข็งแรงมาก"เทียนชุนรีบพุ่งเข้าไปในห้องคลอดทันที เขาเห็นหลินหลินนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียวแต่ก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ข้างกายนางมีทารกน้อยสองคนนอนอยู่เทียนชุนทรุดตัวลงข้างเตียง จับมือภรรยาไว้แน่น"หลินเอ๋อร์ เจ้าเก่งมาก"
หลินหลินค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคยของเทียนชุน ทันทีที่สติกลับคืนมา ภาพเหตุการณ์สุดท้ายก่อนหมดสติก็ฉายชัดขึ้นในห้วงความคิด เสียงระเบิดดังสนั่น ภาพดวงตาที่ทั้งสองมองมาที่นาง…น้ำตาไหลอาบแก้มหลินหลินอีกครั้ง ความเจ็บปวดของความสูญเสียกัดกินหัวใจของนางอย่างรุนแรง นางพยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้"เสี่ยวเฮย... เสี่ยวหมี..."นางพึมพำชื่อของพวกมันซ้ำๆ ราวกับต้องการเรียกพวกเขากลับมาเทียนชุนตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากร่างกายของภรรยา เขามองหลินหลินที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก หัวใจของเขาเจ็บปวดไม่ต่างกัน เขาโอบกอดนางไว้แน่น พยายามปลอบโยน" หลินเอ๋อร์"เขาพูดเสียงแผ่วเบา "ทุกอย่างจบแล้ว"หลินหลินเงยหน้ามองสามี น้ำตาไหลอาบแก้ม "ข้า... ข้าทำไม่สำเร็จ"นางพูดเสียงสั่นเครือ "ข้าไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้"เทียนชุนส่ายหน้า "ไม่ใช่ความผิดของเจ้า พวกเขาเลือกที่จะเสียสละตัวเองเช่นเจ้าเลือกที่จะสละตัวเองเพื่อพวกเรา""แต่..."หลินหลินยังคงร้องไห้ไม่หยุดเทียนชุนเช็ดน้ำตาให้ภรรยาอย่างอ่อนโยน "เสี่ยวเฮยและเสี่ยวหมีคงภูมิใจในตัวเอง ที่พวกเขา
หลินหลินรีบร้อนเข้าสู่มิติเพื่อเตรียมตัวรับมือกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ แม้จะมีเวลาจำกัดเพียงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) แต่นางก็ไม่รอช้า มุ่งตรงไปยังหอตำราเวททันทีภายในหอตำรา บรรยากาศเงียบสงบและเคร่งขรึม อักษรโบราณสีทองเรียงรายอยู่บนผนังถ้ำสูงตระหง่าน หลินหลิน ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอสูรหิมะ สัตว์ในตำนานที่กำลังคุกคามพวกเขา ครั้งนี้อักษรไม่ได้พุงเข้ามาที่ตัวของนางแต่ปรากฏหนังสือโบราณเก่าแก่อสูรหิมะ... สัตว์ในตำนานที่ถือกำเนิดจากพายุหิมะอันรุนแรง ดูดกลืนพลังจากความหนาวเย็นจนกลายเป็นอสูรร้ายทรงพลัง มันออกตามล่านักเวทระดับ 9 เพื่อดูดกลืนพลังขั้นสุดท้ายของพวกเขาหลินหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตัวอักษรในตำราเต้นระริกราวกับจะตอกย้ำความจริงที่ว่า มีเพียงนางและสามีเท่านั้นที่อยู่ในระดับ 9 มือของนางเริ่มสั่นไหว ความกลัวกัดกินหัวใจนางพลิกหน้าตำราต่อไปอย่างรวดเร็ว ค้นหาวิธีที่จะหยุดยั้งอสูรตนนี้มีเพียงสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจ 9 ครั้งเท่านั้นที่จะสังหารมันได้ หรือ... การระเบิดพลังจากภายใน ต้องใช้พลังเวทระดับ9 หนึ่งขุม หรือระดับ 8 สองขุม ถึงจะจัดการกับอสูรหิมะตนนี้ได้หลินหลินหน้าซีดเผือด มือบางสั่นเทาจนเสี่ยวเ
"เราจะพักที่นี่เอาแรงก่อน" หลินหลินหันไปบอกกับทั้งสามคน ก่อนจะมอบน้ำทิพย์ให้พวกเขาคนละกระบอกนางใช้เวลาพูดคุยกับครอบครัวอีกหนึ่งเค่อ (30 นาที) ก่อนจะขอตัวกลับไปทำภารกิจต่อระบบแจ้งเตือนว่ายังมีผู้รอดชีวิตอีก 2 คน แต่ดวงตาตรวจสอบของนางกลับใช้การไม่ได้ในพายุหิมะที่รุนแรงเช่นนี้ นางต้องพึ่งดวงล้วนๆในการค้นหาพวกเขาหลินหลินและเหล่าทหารกลับมายังจวนแม่ทัพอีกครั้งครั้งนี้นางร่ายโล่เวทขึ้นมาเพื่อต้านทานพายุ นางจะเป็นผู้นำทัพหน้า ส่วนหลิวเคออยู่ซ้าย โหลกังอยู่ขวา และอิงหานคอยระวังหลัง ทุกคนต่างดึงพลังเวทของตนเองออกมาใช้อย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้กับพายุที่โหมกระหน่ำพวกเขาเดินฝ่าพายุหิมะไปอย่างยากลำบาก หิมะหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า ลมพัดกระหน่ำจนแทบจะปลิวไปตามลม หลายครั้งที่พวกเขาเกือบจะล้มลง แต่ก็ยังคงประคองกันและกันไว้ได้ตอนนี้พวกเขาพบกับภาพที่น่าสลดใจที่สุด...เท่าที่เคยพบเจอ สองตายายนอนกอดกัน ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนา ราวกับกำลังหลับใหลอย่างสงบ แต่หลินหลินรู้ดีว่าพวกเขาจากไปแล้วหลินหลินทรุดตัวลงข้างๆ ร่างของสองตายาย น้ำตาไหลอาบแก้มของนางอย่างไม่อาจควบคุมได้ น
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เทียนชุนยังคงโอบกอดหลินหลินไว้แนบอก ความรู้สึกภายในของเขาลึกล้ำเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดในฐานะสามี เขาอยากปกป้องภรรยาสุดที่รักจากอันตรายข้างนอก แต่ในฐานะแม่ทัพ เขาก็ไม่อาจละทิ้งประชาชนในแดนเหนือได้เช่นกัน เขาติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้งภายในใจ ปล่อยนางไปก็ห่วง กักตัวนางไว้ก็ผิดต่อหน้าที่หลินหลินที่จมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง เริ่มตั้งสติและรวบรวมความกล้า นางไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ และการเดิมพันครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงเพื่อคนที่นางรักหลินหลินค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดที่อบอุ่นของสามี เงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างแน่วแน่"ท่านพี่" นางเอ่ยเสียงหนักแน่น"สำหรับข้า ท่านคือโลกทั้งใบ ดังนั้นข้าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ กลับมาเคียงข้างท่านให้ได้ ข้าสัญญา"แววตาของหลินหลินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความรักที่ล้นปรี่ เทียนชุนมองลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น เขาเห็นถึงความแข็งแกร่งและความเสียสละที่ซ่อนอยู่ภายใน แม้ใจจะแหลกสลายที่ต้องปล่อยนางไป แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งภรรยาของเขาได้เขาพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า รู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ "พี่จะรอเจ้า...
ยามจื่อ (00.00 น.) ความมืดมิดปกคลุมราตรีไร้เสียง มองเห็นเพียงแสงเทียนริบหรี่จากบ้านเรือนบางหลัง ทว่าในเงามืดนั้น มีกลุ่มเงาเคลื่อนไหวอย่างว่องไวและเงียบเชียบ นำโดยหลิวเคอ และทหารฝีมือดีของหลินหลินอีกหลายสิบนาย ด้วยวรยุทธ์และพลังเวทที่สูงส่งถึงระดับ 7 พวกเขาเคลื่อนไหวราวกับภูตพราย ไร้ร่องรอย ไม่มีใครแม้แต่จะรู้สึกถึงการมีอยู่ของพวกเขา แต่ละคนล้วนมีถุงมิติขนาดเล็กที่หลินหลินกว้านซื้อมาจากระบบมากถึง 500 ใบบ้านเรือนทุกหลังในเมืองถูกเยี่ยมเยือนโดยกลุ่มเงาเหล่านี้ พวกเขาเข้าออกอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ของมีค่าทุกชิ้นถูกกวาดลงถุงมิติอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ เงิน เครื่องประดับ หรือของสำคัญอื่นๆ ล้วนถูกเก็บลงถุงมิติข้างตัวยามหยิน (03.00น.)ไม่มีบ้านเรือนหลังไหนที่พวกเขาไม่ไปเยือน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว ราวกับปฏิบัติการลับที่ได้รับการวางแผนมาอย่างดีรุ่งเช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับความโกลาหล เมื่อชาวเมืองทุกหลังคาเรือนตื่นขึ้นมาพบว่าของมีค่าภายในบ้านหายไปอย่างไร้ร่องรอย! แม้แต่โต๊ะรับแขกไม้เนื้อดีก็ยังอันตรธานไป สร้างความตื่นตระหนกและหวาดกลัวไปทั่วหลินหลินคาดกา
ขณะที่หลินหลินกำลังมุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งต่อไป นางก็สำลักเลือดออกมาจนเปรอะเปื้อนอาภรณ์ ทหารที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจ"นายหญิง!!"หลินหลินยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดอย่างไม่ใส่ใจ "ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นอะไร"นางฝืนยิ้มให้พวกเขา แต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง พลังเวทในตัวนางเหลือน้อยเต็มที การสร้างปราการครั้งใหญ่เมื่อครู่นี้ดูดพลังของนางไปมากมาย หลินหลินกัดฟันข่มความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาในอก พยายามรักษาท่าทีให้นิ่งสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นางรู้ดีว่าร่างกายของนางกำลังส่งสัญญาณเตือน"ไม่เป็นไรหลินหลิน เจ้าจะไม่เป็นอะไร"หลินหลินพูดเสียงแผ่วเบา เพื่อส่งกำลังใจให้ตัวเองข้าจะต้องเข้มแข็ง ข้าต้องทำได้ นางบอกตัวเองในใจภาพความฝันที่สองเมื่อคืนยังคงตามหลอกหลอนนาง ความรู้สึกผิดที่ไม่อาจปกป้องทุกคนได้ยังคงกัดกินหัวใจของนาง นางไม่อาจปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกในความฝันนั้น นางเห็นตัวเองเลือกสร้างปราการคุ้มกันเมืองแดนเหนือเอาไว้ เพราะคิดว่าเพียงแค่พายุผ่านไปทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ ค่ายทหารถูกพายุถล่มจนพังพินาศ และเมื่อพายุสงบลง กองกำลังศัตรูก็บุกเข้าโจมตีทันที แม้ว่าในท้ายที่สุด นางแล
เทียนชุนแทบไม่ได้ฟังที่หลินหลินพูด เขาจดจ้องอยู่แต่กับเรือนร่างตรงหน้า เทียนชุนประกบจูบหญิงสาวอย่างโหยหา หลายวันมานี้เขาคิดถึงนางแทบขาดใจ เมื่อคืนที่เห็นนางเหนื่อยจึงไม่อยากรบกวนนาง อยากให้นางได้พักผ่อน แต่ไม่คิดว่าเช้ามาเขาจะได้อาหารเช้าที่แสนวิเศษ "ท่านพี่...อ้า.. "นิ้วสากลูบไล้เนื้ออวบอูมอย่างช่ำชอง นิ้วหนาชำแหละกลีบชมพูเข้าไปในช่องทางรักอย่างโหยหา..เขาชักนิ้วเข้าออกระรัวจนร่างบางหวีดร้อง....."อะๆๆๆ..อ้า! " ร่างบางบิดเร้าด้วยความเสียว เทียนชุนดึงนิ้วที่เปียกย้อมด้วยน้ำรักของสตรีตรงหน้าออกมา เขาชูให้นางดูก่อนใช้ลิ้นเลียนิ้วหนา หลินหลินมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว เขาดูเซ็กซี่ขยี้ใจนางมาก..."อ้า... "ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มหนัก เทียนชุนควักท่อนเอ็นที่พองโตออกมาชักรูดสองสามทีก่อนเสียบอัดเข้าไปจนมิดด้าม"อ้า..หลินเอ๋อร์... "ร่างหนาครางต่ำ..."อืมมมม!!! "พั่บ..พั่บ..พั่บ..พั่บ..เสียงเนื้อกระทบกันดังกึกก้องห้องนอน หลินหลินตัวโยกไปตามแรงกระแทกของสามี"อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ! งื้อ... ""ใหญ่มากท่านพี่ของท่านใหญ่มาก..." เทียนชุนที่ได้ยินภรรยา