"ขอรับ จริงขอรับ"
"ถ้าอย่างนั้น...เจ้ามีสตรีในดวงใจหรือยัง?"
"ยังขอรับท่านแม่ แต่หากจะจับคู่ให้ข้า ท่านคงต้องผิดหวังแล้ว"
"ข้ามองนางเป็นดังน้องสาวขอรับ"
ฮูหยินเจียงส่งค้อนให้ลูกชายแล้วหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า
"หลินเอ๋อร์ เจ้าอยากไปดูเรือนพักของเจ้าก่อนไหม? ป้าจะพาเจ้าไปเอง "
หลินหลินส่ายหน้า
"ท่านลุงกับท่านป้ายังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยเจ้าค่ะ"
"พวกเรามาทานอาหารกันก่อนดีกว่าไหมเจ้าคะ มื้อนี้ข้ามีของอร่อยอีกเพียบเลยนะเจ้าค่ะ"
"ดี ดี ลุงอยากกินอาหารของหลินเอ๋อร์ อาหารเจ้าอร่อยยิ่งนัก"
ทั้งสามคนลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาหาร ท่านป้าเลิกแกล้งพี่เจียงเหวินเถอะเจ้าค่ะ ดูเขาทำหน้าเศร้าสิเจ้าคะ
"ฮ่าๆๆๆ"
ทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
เจียงเหวินยิ้มอบอุ่น มองทั้งสามหัวเราะ เขาจะจดจำภาพนี้ฝังไปในใจเขาตลอดไป หากวันหนึ่งเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เขาก็หวังว่านางจะยังคงรักบิดามารดาเขาบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี ให้พวกท่านได้อยู่บนโลกนี้ต่อไปได้
เจียงเหวินหลบสายตามองลงพื้น เขาไม่กล้าบอกบิดามารดา ว่าเขาทำงานพลาด และโทษใหญ่หลวงกำลังรอเขาอยู่ เขาขอเวลาท่านแม่ทัพไว้ 10 วัน
ตอนนี้เขาเหลือเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น เขาทบทวนดีแล้วว่าเวลา5 วันนี้เขาขออยู่กับครอบครัว เมื่อคิดได้เขาขอเข้าพบท่านแม่ทัพและตัดสินใจเดินทางออกจากเมืองหลวงมายังเมืองบ้านเกิด
หลินหลินเก็บสายตากลับ นางเห็นสายตาเศร้าใจ หนักใจ ทุกข์ใจ ตั้งแต่เจอเขาครั้งแรกที่หน้าจวนแล้ว คนคนนี้ต้องเจอปัญหาที่ใหญ่แค่ไหนกันนะถึงได้แสดงออกทางแววตาขนาดนั้น
ฮูหยินเจียงเผลอกำข้อมือหลินหลินจนมีรอยแดงโดยที่นางไม่รู้ตัว สายตาหลินหลินหันไปมองใบหน้าของป้าเจียงก็พบความกลัวในแววตา
นางเลื่อนไปมองลุงเจียงที่ตอนนี้เข้มขรึมต่างจากก่อนหน้านี้ ใบหน้าแสดงออกถึงความเครียดแต่พยายามเก็บซ่อนไว้ หลินหลินปลดปลง แสดงว่าทุกคนรับรู้ได้เหมือนนางสินะ
เมื่อมาถึงห้องอาหาร เจียงเหวินเข้ามานั่งเป็นคนสุดท้าย สีหน้าเขาไม่ดีเลย บรรยากาศชวนอึดอัดใจ นางคือคนนอก นางไม่ควรนั่งอยู่ตรงนี้
"ท่านป้า ดูแล้วพวกท่านคงมีเรื่องต้องคุยกัน ข้าจะออกไปรอข้างนอกนะเจ้าคะ"
หลินหลินเตรียมตัวจะลุกขึ้น
"เจ้านั่งลงเถอะเพราะข้ามีสิ่งที่อยากจะขอร้องเจ้าเช่นกัน ต้องขอโทษด้วยที่พบกันครั้งแรก ข้าก็มีเรื่องรบกวนเจ้าแล้วน้องสาว"
หลินหลินนั่งลงยังที่เดิมเงียบๆ นางรู้สึกคุ้นใจ รู้สึกถึงความผูกพันกับทั้งสามคนมากๆ แต่นางนึกไม่ออก ว่าพวกเขาคือใครในอดีตของนาง ยกเว้นแต่ครูกัลยาที่หน้าเหมือนแม่นมจางเป็นคนคนเดียวกัน
"อาเหวิน...เจ้าไม่คิดจะบอกพ่อหรือ"
น้ำเสียงของนายท่านเจียงสั่นเครือ
"ข้าเป็นบิดาเจ้า เหตุใดจะไม่รู้ว่าเจ้ามีเรื่องทุกข์ใจ"
ดวงตาของเจียงเหวินแดงก่ำ
"ท่านพ่อ..."
"และเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เป็นแน่ เจ้าถึงกลับบ้านมาก่อนกองทัพจะเดินทางกลับมา "
นายท่านเจียงเว้นวรรค
"บอกพ่อมาเถิดว่ามีเรื่องอันใด ทุกปัญหาเราจะผ่านมันไปด้วยกัน อยู่ก็อยู่ด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน อย่าได้คิดจะแบกรับมันไว้คนเดียว"
"ข้าคือบิดาของเจ้า ข้าย่อมพร้อมที่จะแบกรับทุกสิ่งบนบ่าเจ้าเช่นกัน"
เจียงเหวินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาพยายามแล้ว พยายามที่จะเข้มแข็งแต่ปัญหาครั้งนี้มันหนักหนาเกินกว่าที่เขาจะแบกรับไหว มันไม่มีทางออก นอกจากความตายของเขาเท่านั้น
เขาไม่ต้องการให้บิดามารดามารับรู้ เขาก็อยากที่จะเป็นลูกที่เก่งที่ดีของพวกท่าน...แต่เขากลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้ ความสิ้นหวังกัดกินหัวใจของเขาราวกับเถาวัลย์ที่รัดรึง บีบเค้นจนแทบหายใจไม่ออก
"ข้าไม่ขอปิดบังพวกท่าน..."
เจียงเหวินหลับตาลง ใบหน้าแดงก่ำดูก็รู้ว่าเขาอดกลั้นอย่างมาก
"เสบียงที่ถูกส่งไปแดนเหนือเกิดปัญหา สินค้าหายไปกว่าครึ่ง และข้าคือหนึ่งในผู้คุ้มกันสินค้าขบวนนั้น จึงถูกสงสัยว่าก่อกบฏ หรือลักลอบนำสินค้าไปขาย ตอนนี้ทางการกำลังตามสืบขอรับ"
เขาไม่กล้าพูดต่อ...ว่าตอนนี้บทลงโทษออกมาแล้ว หากพวกเขาไม่สามารถอธิบายว่าเสบียงหายไปไหนได้ โทษเบาสุดคือประหารแค่ตัวเขา รองแม่ทัพและผู้คุ้มกันขบวน 10 นาย และโทษสูงสุด...คือประหารทั้งตระกูลของผู้กระทำผิด มือของเจียงเหวินกำเข้าหากันแน่น เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
เขาต้องหาข้อแก้ตัวทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่คนผิด การถูกปรักปรำตราหน้าว่าขายแผ่นดิน ทั้งๆที่ชีวิตนี้เขาอุทิศให้แว่นแคว้นมาตลอด มันน่าอดสู เจ็บปวดและสิ้นหวัง
"ความผิดพลาดครั้งนี้...มีเบื้องบนมาเกี่ยวข้อง..แล้วคนธรรมดาอย่างพวกเรา...จะไปแก้ตัวได้อย่างไร"
"ท่านป้า!!"
หลินหลินร้องเรียก รับร่างที่โอนเอียงมาทางนาง
"ท่านป้าใจเย็นๆ เจ้าค่ะ หายใจลึกๆ เจ้าค่ะ"
หลินหลินเอายาดมออกมาจากมิติให้ฮูหยินเจียงสูดดม
"เราจะทำอย่างไรกันดีท่านพี่"
ฮูหยินเจียงเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ ใบหน้าซีดเผือด
"ฮือ...ฮืออ "
"ปกป้องลูกด้วย..ช่วยลูกเราด้วยเจ้าค่ะ "
"ฮือ..ฮืออ"
ฮูหยินเจียงร่ำไห้ปานจะขาดใจ น้ำตาไหลอาบแก้ม เปรอะเปื้อนไปด้วยเครื่องประทินโฉม
"น้องหญิงเจ้าใจเย็นก่อน ลูกของเราต้องปลอดภัย"
นายท่านเจียงปลอบภรรยา แต่ในใจก็ร้อนรุ่ม สับสน
"เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น ที่จะละเลยหน้าที่ อาเหวิน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าคนที่เอาเสบียงไปเป็นใคร เจ้าถึงคิดจะรับผิดโดยไม่แก้ตัวแบบนี้"
นายท่านเจียงถามลูกชาย
เขาฟังวิเคราะห์ตามคำพูดแล้วมันมีช่องโหว่หลายเรื่อง เรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา เสบียงเยอะแยะขนาดนั้นจะหายไปได้อย่างไร
"ขอรับ ท่านแม่ทัพกำลังหาทางช่วยข้าอยู่ ตอนนี้สืบไปถึงต้นตอแล้ว...แต่กลับเป็นบุคคลที่เราไม่สามารถจัดการได้ในทันทีขอรับ ต้องรอเวลา...ข้าจึงขอท่านแม่ทัพว่า...หากจัดการเรื่องนี้ไม่ทันจริงๆโทษในครั้งนี้ข้าขอรับแต่เพียงผู้เดียว ไม่ให้โทษมาถึงพวกท่านขอรับ "
"อาเหวิน...ฮือ...ฮือ...ลูกแม่..."
ฮูหยินเจียงรีบลุกไปกอดลูกชายของนาง เขาคือลูกของนาง...ลูกที่นางรักสุดหัวใจ หากไม่มีเขานางก็ไม่ขออยู่บนโลกนี้อีกต่อไป....
เจียงเหวินรีบไปโอบกอดมารดา น้ำตาของเขาไหลอาบหน้า แต่กลับไม่มีเสียงร้องออกมา
"ข้าขอโทษขอรับท่านแม่..."
"ฝากดูแลพวกท่านด้วย เมื่อข้าไม่อยู่คงต้องหวังพึ่งเจ้าแล้ว "
สายตาอ้อนวอนขอร้องมองมาทางหลินหลิน ก่อนจะหลับตาลงกอดมารดาที่ร้องไห้จมไปกับอกเขา
หลินหลินนิ่งไปสักพัก
" ปัญหาติดอยู่ที่ใดเจ้าคะ ในเมื่อไม่สามารถกล่าวโทษคนคนนั้นได้ ทำไมไม่รีบหาซื้อเสบียงทดแทนเจ้าคะ"
เจียงเหวินลืมตาที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างช้าๆปากหนากล่าวอย่างใจเย็นกับหลินหลินว่า
"ปัญหาไม่ได้ติดที่เงิน"
"ท่านแม่ทัพมีเงินมากมาย แต่มันติดตรงไม่มีใครมีเสบียงเยอะขนาดนั้นตามกำหนดเวลาต่างหาก พวกเราถูกใส่ร้าย พวกนั้นทำเพื่อ ตัดกองกำลังของท่านแม่ทัพ "
"ถ้าหากเป็นเช่นที่ท่านกล่าว ก็เลิกร้องไห้ได้เลยเจ้าค่ะ ข้าพอช่วยได้เจ้าค่ะ"
"เจ้าพูดสิ่งใดออกมาหลินเอ๋อร์ เสบียงกองทัพไม่ใช่น้อยๆ เจ้าอย่าพูดออกมา เดี๋ยวจะพลอยพาเจ้าเดือดร้อนไปด้วย"
ท่านลุงลูบหัวนางด้วยความเมตตา
ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าพอท่านลุงฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ตัดใจไม่ต่างจากเจียงเหวิน คงขอยอมตายพร้อมลูกชายกระมัง
"ข้าจะให้คนไปส่งเจ้าที่โรงเตี๊ยม เจ้าไม่ควรอยู่ตระกูลเจียงเพราะอาจจะทำให้เจ้าเดือดร้อนไปด้วย ต้องขอโทษที่ลุงต้องทำแบบนี้ หวังว่าหลินเอ๋อร์จะเข้าใจพวกเรา"
"ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ เข้าใจดีเลย "
"หลินเอ๋อร์ ป้าขอโทษเจ้าด้วย ป้าคงไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับเจ้าแล้ว"
หลินหลินยื่นมือไปจับมือป้าเจียงและบีบเบาๆ
"ท่านป้า ท่านเชื่อในตัวข้าไหมเจ้าคะ ข้าช่วยพวกท่านได้จริงๆ พวกท่านสบายใจได้เลยเจ้าค่ะ หากข้าวสาร ธัญพืชไม่เกิน 1000 กระสอบข้าย่อมมี เรามีทางออกแล้วเจ้าค่ะ"
ฮูหยินเจียง รีบก้าวไปข้างหน้าแต่ร่างกายกลับซวนเซไปข้างหลัง ดีที่เจียงเหวินรับไว้ทัน
"ท่านป้า/ท่านแม่/น้องหญิง!!! "
"ท่านป้านั่งก่อนเจ้าค่ะ"
"หลินเอ๋อร์ เจ้าช่วยพี่เขาได้จริงหรือ เจ้าอย่าหลอกให้ป้าสบายใจนะ ป้าไม่พร้อมเสียเขาไป ป้ายังไม่พร้อม..."
น้ำตาของนางไหลรินช้าๆ อีกครั้ง
"เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้หลอกพวกท่านแต่อย่างใดเจ้าค่ะ ข้าพูดจริง ทำจริง พึ่งพิงได้เจ้าค่ะ
" ฮ่าๆๆๆ "
"แต่ก่อนอื่น....ข้าหิวมากเจ้าค่ะ ท่านป้าไม่หิวหรอเจ้าคะ"
หลินหลินส่งสายตาออดอ้อน
"หิว หิว ป้าหิวแล้ว หลินเอ๋อร์มีอะไรให้ป้าทานบ้างนะ"
หลินหลินยิ้มหวานส่งให้ทุกคนก่อนนำอาหารมากมายออกมา
เจียงเหวินกินอาหารที่หลินเอ๋อร์ตักให้ รสชาติมันอร่อยมากอร่อยกว่าอาหารใดๆ ที่เขาเคยกินมาตลอดชีวิต
แต่ละคำที่เขากลืนลงคอมันไม่ได้มีเพียงรสชาติของอาหาร แต่ยังมีความรู้สึกมากมายที่บรรยายออกมาไม่ได้
น้ำตาหยดหนึ่งไหลรินลงอาบแก้ม เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อาหารมื้อนี้ถึงได้ทำให้เขาตื้นตันใจจนรู้สึกจุกในอกพูดไม่ออก
เมื่อมื้ออาหารจบลง บ่าวไพร่นำจานชามออกไปและนำน้ำชาเข้ามาแทนที่ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลินหลินก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ข้ามีข้าว ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์จำนวนมาก"
หลินหลินพูดพลางโบกมือ ข้าวสารจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นเต็มห้อง
"อืม...หากให้ข้าเทียบก็ประมาณแจกชาวบ้านทั้งแคว้นก็ยังเหลือเจ้าค่ะ"
หลินหลินมองทุกคน เมื่อเห็นว่าทุกคนนิ่งอึ้งไม่พูดหรือขยับตัว หลินหลินจึงเอามือไปโบกตรงหน้าพวกเขาแต่พวกเขาก็ยังคงนิ่งงัน
"อ้าว....วิญญาณหลุดแล้วมั้ง "
หลินเก็บข้าวเข้ามิติ ทุกคนก็ยังนิ่ง....
หลินหลินตัดสินใจตบมือดังๆ
"ท่านลุง ท่านป้า ท่านพี่"
ทันใดนั้นเอง ร่างของหลินหลินก็ลอยขึ้นจากพื้น เจียงเหวินโอบอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน หมุนตัวด้วยความดีใจ
"ขอบใจเจ้ามากนะหลินเอ๋อร์ ขอบใจเจ้าจริงๆ เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ช่วยชีวิตครอบครัวของข้าไว้"
"ปล่อยข้าลงนะท่านพี่เจียงเหวินนนน อย่าหมุน!อย่าหมุน! เดี๋ยวข้าอ๊วก..อร้ายยยย ท่านลุงช่วยด้วย ท่านป้าช่วยด้วย.....เจ้า...ค่ะ..."
"ฮ่าๆๆๆ"
เสียงหัวเราะแห่งความขอบคุณดังกึกก้อง เจียงเหวินโพล่งออกมาด้วยความตื้นตัน
"หลินเอ๋อร์ ทั้งชีวิตนี้ข้ายกให้เจ้าแล้ว!"
เจียงเหวินอุ้มหลินหลินหมุนตัวด้วยความดีใจ
"หยุดก่อน! ฮือ...จะอ้วกแล้ว เจ้าค่ะ"
หลินหลินร้องเสียงหลง มือเล็กทุบลงบนไหล่กว้าง พยายามยึดตัวเองไว้ไม่ให้ร่วงลงมา
ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น
"พรสัมฤทธิ์ผล"
ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น "พรสัมฤทธิ์ผล"ภาพความทรงจำเก่าๆ พรั่งพรูเข้ามาในห้วงคำนึงหลินหลินเห็นภาพของครอบครัวที่อบอุ่น ภาพของพวกเขารักและดูแลนางเหมือนไข่ในหิน แต่แล้วความสุขก็พังทลายลง เมื่อนางทำผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง นางหลงเชื่อคนรักจนนำภัยมาสู่ครอบครัว สุดท้าย พวกเขาก็ต้องตายอย่างน่าอนาถแต่แม้ถึงวาระสุดท้าย พวกเขาก็ไม่เคยกล่าวโทษนางเลยสักคำ มีเพียงความรักและความปรารถนาดีที่จะปกป้องนางจนลมหายใจสุดท้ายความเจ็บปวดจากอดีตชาติแล่นริ้วเข้ามาในหัวใจราวกับคมมีดกรีดลึก ความรู้สึกผิด ท่วมท้นจนนางแทบหายใจไม่ออก ราวกับมีมือที่มองไม่เห็น บีบคั้นหัวใจของนางเสียงหัวเราะแห่งความสุขยังคงดังต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเบิกบานราวกับฟ้าหลังฝน นายท่านเจียงและฮูหยินเจียงโอบกอดกัน มองภาพเจียงเหวินที่กำลังอุ้มหลินหลินหมุนไปมาด้วยแววตาเปี่ยมสุข"ฮือ...ฮือ ไม่เอาแล้วนะเจ้าคะ ถ้าทำอีกข้าโกรธจริงๆ ด้วย " น้ำตาของหลินหลินไหลอาบแก้ม ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความเสียใจจากภาพความทรงจำอันเจ็บปวดในอดีตชาตินางเกิดมาพร้อมกับความรักความอบอุ่นของพวกเขา เป็นความรู้สึกที่นางโหยหามาตลอ
"พวกเราสามคนนอนไม่หลับ ใจพี่รอให้ถึงรุ่งเช้าเพื่อสะสางปัญหา หากเจ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดพี่คงไปอุ้มเจ้าที่เรือนแล้ว " "ฮ่าๆๆๆ"หลินหลินส่ายหน้ากับความขี้เล่นของพี่ชาย วันนี้นางไม่ได้เอาอาหารออกจากมิตินางแจ้งท่านแม่ไปแล้วว่าอยากลองทานอาหารฝีมือแม่ครัวที่จวน ทุกคนทานอาหารเช้ากันอย่างอารมณ์ดี มีแต่เจียงเหวินเท่านั้นที่เติมข้าวไป 3 ถ้วยแล้ว แต่หลินหลินก็ยังกินไปแค่ครึ่งถ้วย เขาไม่กล้าเร่งน้อง แต่ตอนนี้ใจเขามันร้อนรุ่มเหลือเกินหลินหลินเห็นสายตาที่พี่ใหญ่มองมาเป็นระยะ ก็รู้ว่าเขาร้อนใจ นางจึงเร่งการกินให้หมดถ้วยแค่เพียงหลินหลินวางถ้วยน้ำชา เจียงเหวินก็อุ้มน้องวิ่งขึ้นรถม้าออกไปเลย ฮูหยินเจียงส่ายหน้ากับลูกชาย แต่นางก็เข้าใจว่ารีบไว้ดีกว่าไม่ทันการ เขาย่อมต้องรู้สถานการณ์ว่าต้องรีบหรือไม่รีบ ยังดีที่รอน้องกินข้าวหมดก่อน ทางด้านหลินหลินก็กรอกตามองบน"พี่ใหญ่ ท่านรีบขนาดนี้ไม่ไปปลุกข้าตอนยามโฉ่วแทนเล่า (01.00 น.) "หลินหลินกล่าวประชดประชันแต่แววตามีแต่ความขบขัน"หลินเอ๋อร์ เข้าใจพี่หน่อยเถิด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ กว่าเราจะจัดเสบียงและเดินทางถึงแดนเหนือใช้เวลานานนัก เราต้องรีบแล้ว"หลินห
"นายกองลี่ เข้ามา"ไม่ถึง 2 ลมหายใจก็มีบุรุษอีกคนเข้ามาภายในห้อง เขาคือหนึ่งในผู้คุ้มกันฝีมือดี"หากเจ้าหนีเขาได้ภายใน 1 จิบชา ข้าจะให้เจ้าร่วมขบวน"1 จิบชา เขาดูถูกนางเกินไปแล้ว.....บรรยากาศในห้องตึงเครียดขึ้นทันที "ท่านแม่ทัพ!"เจียงเหวินที่กำลังจะกล่าวบางอย่าง...ต้องเงียบเสียงลงด้วยเสียงของน้องสาว "พี่ใหญ่ไม่เชื่อใจข้าหรือเจ้าคะ"ลี่เฟยได้ยินคำสั่งผู้เป็นนายก็คิดจะลงมือทันที แต่เขาขยับตัวไม่ได้ เหมือนมีลมมายึดตัวเขาไว้ ลมในห้องพลันหมุนวนรอบตัวเขา ราวกับกรงขังที่มองไม่เห็น"แม่นาง เจ้าทำอะไร ทำไมข้าขยับตัวไม่ได้...""ข้าแค่ใช้เวทลมเล็กน้อยเจ้าค่ะ" รอยยิ้มหวานกล่าว..แต่แววตากลับเฉียบคมไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อยหลินหลินมองไปที่ผู้สั่งการ เห็นเขาค่อยละเมียดจิบชาช้าๆ ก็นึกหมั่นไส้ เขาไม่ยอมให้นางใช้วิธีนี้... ถ้านางไม่ทำอะไรสักอย่างเขาคงไม่ให้นางไปสินะหลินหลินถอนหายใจ เรียกดาบที่ห้องใต้ดินออกมา ดาบเล่มนั้นปรากฏขึ้นในมือ นางปลดเวทลมให้นายกองลี่ แล้วกระโดดออกจากทางหน้าต่าง ร่างของนางพุ่งทะยานออกไปดุจพญาเหยี่ยวนายกองลี่ไม่รอช้า เขาเรียกดาบยาวออกมา และตามนางออกไปทันที เสียงฝีเท้าหนัก
"ท่านแม่... ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ อ๊ะ! ท่านพ่อยังไม่ไปร้านหรือเจ้าคะ?” "พ่อเจ้าอยู่จัดการเรื่องส่งคนเร่ร่อนไปหัวเมืองต่างๆ พร้อมกับขบวนคาราวานพ่อค้าที่พ่อของเจ้ารู้จักแทนลูกน่ะสิ...นี่ก็เพิ่งจะสั่งคนของเจ้าไป พวกเขาคงไปทำตามที่พ่อเจ้าสั่งอยู่""ข้าฝากเรื่องนี้กับท่านพ่อด้วยนะเจ้าคะ"หลินหลินหันไปส่งสายตาออดอ้อน "จะกอดแค่เพียงแม่เจ้าคนเดียวพ่อก็น้อยใจแย่...""โอ๋ๆลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ" หลินหลินสลับกอดท่านพ่อท่านแม่จนทั้งสองคนต้องบอกให้นางหยุดเพราะกลัวนางจะเหนื่อย... เจียงเหวินไม่อยากจะแจ้งบิดากับมารดาว่าอีกสองวันพวกเขาต้องออกเดินทางขึ้นแดนเหนือ อยากให้ท่านแม่มีความสุขมากกว่านี้อีกหน่อย แต่คงจะไม่ได้ เพราะท่านแม่ชวนหลินเอ๋อร์ออกจากจวนไปซื้อของในวันพรุ่งนี้ ยังไม่ทันที่หลินหลินจะรับปาก พี่ใหญ่ก็ขัดขึ้นมาก่อน "ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ ข้ามีเรื่องต้องแจ้งขอรับ" หลินหลินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก.....ทำไมสายตาพี่ใหญ่ถึงมองนางแบบนั้น "ข้าและน้องต้องเดินทางขึ้นแดนเหนือวันมะรืนนี้ขอรับ และท่านแม่ทัพ มีคำสั่งห้ามหลินเอ๋อร์ออกจ
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงที่หน้าจวนตระกูลเจียง ขบวนของท่านแม่ทัพหยางเทียนชุนมาถึงแล้วหลินหลินรู้สึกตกใจเล็กน้อย ที่เห็นขบวนของเขายิ่งใหญ่อลังการกว่าที่คิด ธงทิวสีดำปักลายพยัคฆ์คำรามสีทองโบกสะบัดท้าทายสายลม ทหารองครักษ์กว่าสามสิบนายอยู่ในชุดเกราะสีดำขลับ พวกเขาขี่ม้าศึกสง่าผ่าเผย อาวุธและเครื่องแบบล้วนประณีต บ่งบอกถึงยศศักดิ์หลินหลินรู้ดีว่า หยางเทียนชุนต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่านางเป็นคู่หมั้นของเขา แม้จะมีข่าวลือออกไปบ้างแล้ว แต่การปรากฏตัวพร้อมขบวนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นางก็อดคิดไม่ได้ว่า .... ท่านแม่ทัพทำเรื่องใหญ่โตเกินไปแล้วหัวใจของหลินหลินเต้นแรง ด้วยความตื่นเต้นและประหม่านี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้ออกเดินทางไกลในโลกใบนี้ชาวบ้านต่างพากันมามุงดู ส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นขบวนของท่านแม่ทัพ วันนี้หลินหลินเลือกสวมชุดสีดำ ที่ดูทะมัดทะแมงคล้ายกับชุดของเหล่ายอดฝีมือ ผมยาวของนางถูกรวบเป็นหางม้าง่ายๆ ท่านแม่ทัพไม่ได้ให้นางปลอมตัวเป็นบุรุษเพราะยังไม่มีเครื่องรางหรือของวิเศษใดๆ ที่สามารถเปลี่ยนจากสตรีเป็นบุรุษได้ เขาบอก
บทที่1ระบบ : ตี๊ด ติ๊ด ติ๊ดระบบกำลังเชื่อมข้อมูลกับผู้ถูกเลือกผู้ถูกเลือกนาม: หลินหลิน (หลินลดา ยศวาติเมศ)เพศ: หญิง อายุ: 72 ปีหมายเลข 9551 7489 5156 454ระบบจะพร้อมใช้ใน 9 8 7 6 5 4 3 2 1 ติ๊ด ๆๆๆระบบเสร็จสมบูรณ์หลินหลินรู้สึกมึนงง เธอตายแล้วไม่ใช่หรอ? เธอมั่นใจว่าเธอตายแล้วแน่นอน แล้วเสียงนี้คือเสียงอะไร?### ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ณ สวนป่าไผ่ที่กินอาณาเขตนับ 100 ไร่ ได้แอบซ่อนเรือนไม้หลังเล็กไว้ใจกลางธรรมชาติหญิงชราผมสีดอกเลากำลังหลับตานั่งบนเก้าอี้ไม้ม้าโยกเนื้อดี ที่มีเบาะหนานุ่มเป็นเบาะรองนั่งแบบสั่งทำขึ้นมาพิเศษ เก้าอี้โยกนี้ถูกวางไว้ที่ชานระเบียงไม้หน้าเรือนหลังเล็ก มันถูกติดตั้งระบบโยกอัตโนมัติไว้ให้ผู้นั่งได้ผ่อนคลายเบื้องหน้าของเธอคือสวนป่าไผ่อันกว้างใหญ่ที่โอบล้อมบ้านหลังเล็กเอาไว้ บรรยากาศที่นี่จึงสงบร่มเย็นเสียง วู้ดวู้ด ของลมที่ลู่ไปกับใบไผ่ มาพร้อมกับสายลมที่เย็นสบายที่ทำให้ผู้ที่สัมผัสปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง"คุณนายหลินคะ อิฉันวางชาดอกไม้ไว้ด้านข้างนะคะ" ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงชรา มีเพียงเสียงไม้โยก เอี๊ยด เอี๊ยด อันแผ่วเบาเท่านั้นคนสนิทอย่างเ
"เฮือก"...หลินลดา รับรู้ได้ถึงการหายใจของร่างกายอีกครั้ง...หายใจ เธอต้องหายใจ...... หลินลดา รู้แค่เธอต้องหายใจโกยเข้าไปอีก โกยเข้าไปอีก.... เสียงในหัวมันดังแบบนั้นอยู่เนิ่นนานหลายนาที สายตาที่พร่าเบลอก็ถูกปรับให้มองได้ชัดเจนขึ้น หลินลดากวาดสายตาสำรวจรอบตัวโดยสัญชาตญาณ สิ่งที่เธอมองเห็นอยู่เบื้องหน้าตอนนี้คือ..ป่า! ใช่ ป่า ต้นไม้ที่มีลำต้นสูงใหญ่เป็นอย่างมาก ถ้าเทียบจากโลกที่นางจากมา คงเป็นป่าลึก"โอ้ย!".... "ฮึก" ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวไม่หยุด หลินลดาต้องเอามือขึ้นมากุมหัว ความเจ็บนี้ทำให้เธอเผลอกัดปากจนเลือดโดยไม่รู้ตัว ภาพต่างๆ ความรู้สึกต่างๆ ของร่างนี้ทยอยเข้ามาในหัวไม่หยุดหลินลดาได้แต่ทนรับข้อมูลต่างๆ จนในที่สุดความเจ็บก็เบาบางลงไป ความทรงจำทุกอย่างของร่างนี้เธอได้รับมาหมดแล้ว เธอสะบัดหัวไล่ความมึนงงออกไป หลินลดาทบทวนความจำที่ได้มา "ฉัน..ไม่สิต้องพูดว่า""ข้า ข้าย้อนมาเป็นเด็กสาว 15 ปี ไม่ๆ .. ต้องบอกว่า 15 หนาว" ยุคจีนโบราณ หน้าตาน่าเอ็นดู ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย แต่เพราะผิวที่คล้ำแดด แตกแห้ง และผอมกะหร่อง ทำให้ความงามลดหายไปในทันตาจากความทรงจำ
ระบบ: "ตอนนี้ไม่มีภารกิจ แต่มีสารขอความช่วยเหลือจากผู้ถูกเลือกหมายเลข 8798451444765 ท่านต้องการเปิดดูหรือไม่""ข้าต้องการ"พรึบ! นี่มัน.....เด็กที่เธอเคยอุปถัมภ์นี่ เธอจำชื่อนี้ได้เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกครึ่ง แม่นำมาทิ้งที่สถานเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิด เด็กไม่มีใบแจ้งเกิด เธอจึงให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารับของเด็กคนนี้ และรับรองการแจ้งเกิดให้.....ชื่อนี้เธอเป็นคนตั้งให้เอง ส่วนนามสกุลใช้เป็นของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สุรกิจพลสารขอความช่วยเหลือ: เร่งด่วนจากผู้ถูกเลือกหมายเลข 8798451444765 อเล็กซ์ สุรกิจพลต้องการแลกเปลี่ยน: ทองคำ (จำนวนมาก)ของตอบแทน: หินเวททุกธาตุ (กรุณาระบุธาตุที่ต้องการรับมาด้วย)อัตราแลกเปลี่ยน: 1:1เวลาคงเหลือของสาร: 1:35:02 วินาที"ระบบ ทองคำที่ข้ามีในตู้เซฟสามารถแลกเปลี่ยนไปได้ไหม และข้าสามารถติดต่อกับผู้ถูกเลือกคนนี้ได้ไหม""ท่านสามารถทำได้ เพียงแค่ตั้งจิตนึกถึงสิ่งนั้น และระบุจำนวนที่จะแลกเปลี่ยน สิ่งนั้นจะถูกนำเข้าระบบแลกเปลี่ยนทันที ส่วนการติดต่อ ท่านสามารถส่งสารไปทางกล่องข้อความได้ขอรับ"หลินหลินมองหน้าจอที่ มีกล่องสี่เหลี่ยมให้เราระบุข้อความไป คล้ายกา
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงที่หน้าจวนตระกูลเจียง ขบวนของท่านแม่ทัพหยางเทียนชุนมาถึงแล้วหลินหลินรู้สึกตกใจเล็กน้อย ที่เห็นขบวนของเขายิ่งใหญ่อลังการกว่าที่คิด ธงทิวสีดำปักลายพยัคฆ์คำรามสีทองโบกสะบัดท้าทายสายลม ทหารองครักษ์กว่าสามสิบนายอยู่ในชุดเกราะสีดำขลับ พวกเขาขี่ม้าศึกสง่าผ่าเผย อาวุธและเครื่องแบบล้วนประณีต บ่งบอกถึงยศศักดิ์หลินหลินรู้ดีว่า หยางเทียนชุนต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่านางเป็นคู่หมั้นของเขา แม้จะมีข่าวลือออกไปบ้างแล้ว แต่การปรากฏตัวพร้อมขบวนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นางก็อดคิดไม่ได้ว่า .... ท่านแม่ทัพทำเรื่องใหญ่โตเกินไปแล้วหัวใจของหลินหลินเต้นแรง ด้วยความตื่นเต้นและประหม่านี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้ออกเดินทางไกลในโลกใบนี้ชาวบ้านต่างพากันมามุงดู ส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นขบวนของท่านแม่ทัพ วันนี้หลินหลินเลือกสวมชุดสีดำ ที่ดูทะมัดทะแมงคล้ายกับชุดของเหล่ายอดฝีมือ ผมยาวของนางถูกรวบเป็นหางม้าง่ายๆ ท่านแม่ทัพไม่ได้ให้นางปลอมตัวเป็นบุรุษเพราะยังไม่มีเครื่องรางหรือของวิเศษใดๆ ที่สามารถเปลี่ยนจากสตรีเป็นบุรุษได้ เขาบอก
"ท่านแม่... ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ อ๊ะ! ท่านพ่อยังไม่ไปร้านหรือเจ้าคะ?” "พ่อเจ้าอยู่จัดการเรื่องส่งคนเร่ร่อนไปหัวเมืองต่างๆ พร้อมกับขบวนคาราวานพ่อค้าที่พ่อของเจ้ารู้จักแทนลูกน่ะสิ...นี่ก็เพิ่งจะสั่งคนของเจ้าไป พวกเขาคงไปทำตามที่พ่อเจ้าสั่งอยู่""ข้าฝากเรื่องนี้กับท่านพ่อด้วยนะเจ้าคะ"หลินหลินหันไปส่งสายตาออดอ้อน "จะกอดแค่เพียงแม่เจ้าคนเดียวพ่อก็น้อยใจแย่...""โอ๋ๆลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ" หลินหลินสลับกอดท่านพ่อท่านแม่จนทั้งสองคนต้องบอกให้นางหยุดเพราะกลัวนางจะเหนื่อย... เจียงเหวินไม่อยากจะแจ้งบิดากับมารดาว่าอีกสองวันพวกเขาต้องออกเดินทางขึ้นแดนเหนือ อยากให้ท่านแม่มีความสุขมากกว่านี้อีกหน่อย แต่คงจะไม่ได้ เพราะท่านแม่ชวนหลินเอ๋อร์ออกจากจวนไปซื้อของในวันพรุ่งนี้ ยังไม่ทันที่หลินหลินจะรับปาก พี่ใหญ่ก็ขัดขึ้นมาก่อน "ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ ข้ามีเรื่องต้องแจ้งขอรับ" หลินหลินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก.....ทำไมสายตาพี่ใหญ่ถึงมองนางแบบนั้น "ข้าและน้องต้องเดินทางขึ้นแดนเหนือวันมะรืนนี้ขอรับ และท่านแม่ทัพ มีคำสั่งห้ามหลินเอ๋อร์ออกจ
"นายกองลี่ เข้ามา"ไม่ถึง 2 ลมหายใจก็มีบุรุษอีกคนเข้ามาภายในห้อง เขาคือหนึ่งในผู้คุ้มกันฝีมือดี"หากเจ้าหนีเขาได้ภายใน 1 จิบชา ข้าจะให้เจ้าร่วมขบวน"1 จิบชา เขาดูถูกนางเกินไปแล้ว.....บรรยากาศในห้องตึงเครียดขึ้นทันที "ท่านแม่ทัพ!"เจียงเหวินที่กำลังจะกล่าวบางอย่าง...ต้องเงียบเสียงลงด้วยเสียงของน้องสาว "พี่ใหญ่ไม่เชื่อใจข้าหรือเจ้าคะ"ลี่เฟยได้ยินคำสั่งผู้เป็นนายก็คิดจะลงมือทันที แต่เขาขยับตัวไม่ได้ เหมือนมีลมมายึดตัวเขาไว้ ลมในห้องพลันหมุนวนรอบตัวเขา ราวกับกรงขังที่มองไม่เห็น"แม่นาง เจ้าทำอะไร ทำไมข้าขยับตัวไม่ได้...""ข้าแค่ใช้เวทลมเล็กน้อยเจ้าค่ะ" รอยยิ้มหวานกล่าว..แต่แววตากลับเฉียบคมไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อยหลินหลินมองไปที่ผู้สั่งการ เห็นเขาค่อยละเมียดจิบชาช้าๆ ก็นึกหมั่นไส้ เขาไม่ยอมให้นางใช้วิธีนี้... ถ้านางไม่ทำอะไรสักอย่างเขาคงไม่ให้นางไปสินะหลินหลินถอนหายใจ เรียกดาบที่ห้องใต้ดินออกมา ดาบเล่มนั้นปรากฏขึ้นในมือ นางปลดเวทลมให้นายกองลี่ แล้วกระโดดออกจากทางหน้าต่าง ร่างของนางพุ่งทะยานออกไปดุจพญาเหยี่ยวนายกองลี่ไม่รอช้า เขาเรียกดาบยาวออกมา และตามนางออกไปทันที เสียงฝีเท้าหนัก
"พวกเราสามคนนอนไม่หลับ ใจพี่รอให้ถึงรุ่งเช้าเพื่อสะสางปัญหา หากเจ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดพี่คงไปอุ้มเจ้าที่เรือนแล้ว " "ฮ่าๆๆๆ"หลินหลินส่ายหน้ากับความขี้เล่นของพี่ชาย วันนี้นางไม่ได้เอาอาหารออกจากมิตินางแจ้งท่านแม่ไปแล้วว่าอยากลองทานอาหารฝีมือแม่ครัวที่จวน ทุกคนทานอาหารเช้ากันอย่างอารมณ์ดี มีแต่เจียงเหวินเท่านั้นที่เติมข้าวไป 3 ถ้วยแล้ว แต่หลินหลินก็ยังกินไปแค่ครึ่งถ้วย เขาไม่กล้าเร่งน้อง แต่ตอนนี้ใจเขามันร้อนรุ่มเหลือเกินหลินหลินเห็นสายตาที่พี่ใหญ่มองมาเป็นระยะ ก็รู้ว่าเขาร้อนใจ นางจึงเร่งการกินให้หมดถ้วยแค่เพียงหลินหลินวางถ้วยน้ำชา เจียงเหวินก็อุ้มน้องวิ่งขึ้นรถม้าออกไปเลย ฮูหยินเจียงส่ายหน้ากับลูกชาย แต่นางก็เข้าใจว่ารีบไว้ดีกว่าไม่ทันการ เขาย่อมต้องรู้สถานการณ์ว่าต้องรีบหรือไม่รีบ ยังดีที่รอน้องกินข้าวหมดก่อน ทางด้านหลินหลินก็กรอกตามองบน"พี่ใหญ่ ท่านรีบขนาดนี้ไม่ไปปลุกข้าตอนยามโฉ่วแทนเล่า (01.00 น.) "หลินหลินกล่าวประชดประชันแต่แววตามีแต่ความขบขัน"หลินเอ๋อร์ เข้าใจพี่หน่อยเถิด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ กว่าเราจะจัดเสบียงและเดินทางถึงแดนเหนือใช้เวลานานนัก เราต้องรีบแล้ว"หลินห
ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น "พรสัมฤทธิ์ผล"ภาพความทรงจำเก่าๆ พรั่งพรูเข้ามาในห้วงคำนึงหลินหลินเห็นภาพของครอบครัวที่อบอุ่น ภาพของพวกเขารักและดูแลนางเหมือนไข่ในหิน แต่แล้วความสุขก็พังทลายลง เมื่อนางทำผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง นางหลงเชื่อคนรักจนนำภัยมาสู่ครอบครัว สุดท้าย พวกเขาก็ต้องตายอย่างน่าอนาถแต่แม้ถึงวาระสุดท้าย พวกเขาก็ไม่เคยกล่าวโทษนางเลยสักคำ มีเพียงความรักและความปรารถนาดีที่จะปกป้องนางจนลมหายใจสุดท้ายความเจ็บปวดจากอดีตชาติแล่นริ้วเข้ามาในหัวใจราวกับคมมีดกรีดลึก ความรู้สึกผิด ท่วมท้นจนนางแทบหายใจไม่ออก ราวกับมีมือที่มองไม่เห็น บีบคั้นหัวใจของนางเสียงหัวเราะแห่งความสุขยังคงดังต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเบิกบานราวกับฟ้าหลังฝน นายท่านเจียงและฮูหยินเจียงโอบกอดกัน มองภาพเจียงเหวินที่กำลังอุ้มหลินหลินหมุนไปมาด้วยแววตาเปี่ยมสุข"ฮือ...ฮือ ไม่เอาแล้วนะเจ้าคะ ถ้าทำอีกข้าโกรธจริงๆ ด้วย " น้ำตาของหลินหลินไหลอาบแก้ม ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความเสียใจจากภาพความทรงจำอันเจ็บปวดในอดีตชาตินางเกิดมาพร้อมกับความรักความอบอุ่นของพวกเขา เป็นความรู้สึกที่นางโหยหามาตลอ
"ขอรับ จริงขอรับ""ถ้าอย่างนั้น...เจ้ามีสตรีในดวงใจหรือยัง?""ยังขอรับท่านแม่ แต่หากจะจับคู่ให้ข้า ท่านคงต้องผิดหวังแล้ว""ข้ามองนางเป็นดังน้องสาวขอรับ"ฮูหยินเจียงส่งค้อนให้ลูกชายแล้วหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า"หลินเอ๋อร์ เจ้าอยากไปดูเรือนพักของเจ้าก่อนไหม? ป้าจะพาเจ้าไปเอง "หลินหลินส่ายหน้า"ท่านลุงกับท่านป้ายังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยเจ้าค่ะ""พวกเรามาทานอาหารกันก่อนดีกว่าไหมเจ้าคะ มื้อนี้ข้ามีของอร่อยอีกเพียบเลยนะเจ้าค่ะ""ดี ดี ลุงอยากกินอาหารของหลินเอ๋อร์ อาหารเจ้าอร่อยยิ่งนัก"ทั้งสามคนลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาหาร ท่านป้าเลิกแกล้งพี่เจียงเหวินเถอะเจ้าค่ะ ดูเขาทำหน้าเศร้าสิเจ้าคะ"ฮ่าๆๆๆ"ทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เจียงเหวินยิ้มอบอุ่น มองทั้งสามหัวเราะ เขาจะจดจำภาพนี้ฝังไปในใจเขาตลอดไป หากวันหนึ่งเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เขาก็หวังว่านางจะยังคงรักบิดามารดาเขาบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี ให้พวกท่านได้อยู่บนโลกนี้ต่อไปได้เจียงเหวินหลบสายตามองลงพื้น เขาไม่กล้าบอกบิดามารดา ว่าเขาทำงานพลาด และโทษใหญ่หลวงกำลังรอเขาอยู่ เขาขอเวลาท่านแม่ทัพไว้ 10 วันตอนนี้เขาเหลือเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น เ
เมื่อแจกทุกอย่างครบแล้ว หลินหลินก็ประกาศเรื่องสำคัญทันทีนายท่านเจียงกับฮูหยินเจียงมายืนประกบข้างหลินหลิน ฮูหยินเจียงมองหลินหลินด้วยแววตาชื่นชม นางก็อยากรู้ว่าหลินเอ๋อร์จะทำสิ่งใดหลินหลินกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่เบื้องหน้า นางเห็นความหวังริบหรี่ในแววตาของพวกเขา หลายคนผ่ายผอม อิดโรยจากความยากลำบาก"สิ่งสุดท้ายที่พวกท่านจะได้วันนี้ คือทางเลือก " หลินหลินเอ่ยเสียงดังฟังชัด"สวรรค์จะมอบทางเลือกให้พวกท่าน ขอให้พวกท่านตัดสินใจให้ดีเสียงของหลินหลินก้องกังวานไปทั่วบริเวณ เหมือนเสียงสวรรค์ที่หยาดลงมาปลุกความหวังในใจคนสิ้นหวัง"เย็นนี้จะมีคนของข้า ทั้งสามคนมาให้พวกท่านลงนามแจ้งความประสงค์ หากพวกท่านต้องการเดินทางไปเมืองใด ข้าจะเป็นคนจ่ายค่าเดินทางให้พวกท่านทั้งหมดเอง"เสียงฮือฮาดังขึ้น คนเหล่านั้นมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ"โดยค่าเดินทางนี้ข้าจะจ่ายให้กับกองคาราวานหรือรถเทียมวัวที่ข้าจ้างวานโดยตรง แม้การเดินทางมันไม่ได้สบายนัก แต่ก็คงไม่ลำบากจนพวกท่านทนไม่ได้" หลินหลินเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด"และอีกหนึ่งเรื่องคือ พวกเจ้า เจ้าเจ้า"หลินหลินชี้นิ้วไปยังคนที่ดวง
เมื่อคนเร่รอนเริ่มเห็นข้าวของจำนวนมาก ก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาสอบถามด้วยความสงสัยว่านำของพวกนี้มาทำอะไรปู่หลิวเห็นเช่นนั้น จึงได้โอกาสบอกกับคนเร่รอนคนนั้นว่า "อีก1เค่อ คุณหนูของข้าจะทำการแจกจ่ายอาหารและของยังชีพ รบกวนเจ้าไปประกาศให้ทุกคนทราบด้วย จะได้ไม่เสียเวลาให้มาต่อแถวรอ อย่าลืมเอาชามช้อนของพวกเจ้ามาด้วย""ได้ ได้ ขอรับ ขอบคุณขอรับ ขอบคุณขอรับ""เอ้ย...พวกเรามีคนใจดีมากแจกอาหาร เตรียมชามช้อนมารอรับเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังก้องไปในความมืดนั้น สามารถปลุกพลังแห่งความวุ่นวายได้ในทันที ดีที่หลินหลินมีท่านลุงท่านป้า ทั้งสองมีประสบการณ์มาก่อน จึงให้คนของตนเองกันไม่ให้คนเร่ร่อนเบียดเข้ามาใกล้โต๊ะ เพราะอาจจะชนหม้อข้าวต้มเสียหายได้แต่ความหิวนั้นไม่เข้าใครออกใคร เริ่มมีการทะเลาะแย่งแถวกันเด็กๆ ถูกผลักออกจากแถว เด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้จ้าเมื่อถูกคนตัวใหญ่ผลักล้มลง ผู้คนล้วนไม่สนใจ นางเห็นดังนั้นจึงตะโกนออกไปว่า"หากพวกเจ้ายังทะเลาะกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว...ข้าจะเก็บของทั้งหมดกลับไป!"แค่เพียงเสียงเดียวก็ทำให้ทุกอย่างสงบลงในพริบตา ทุกสายตาย้ายไปมองที่นางเป็นตาเดียว พร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจสิ
เอาล่ะ....นางผิดเอง " ระบบจากนี้ไปต้องคอยเตือนข้าทุกเรื่อง เข้าใจไหม? ""ระบบจะเตือนผู้ถูกเลือกขอรับ"หลินหลินจัดการข้าวของที่จะแจกจ่ายพวกคนเร่ร่อนเสร็จ พอมีเวลาว่าง นางก็มานั่งพักที่ชานเรือน พร้อมกับถ้วยชาและขนมคุกกี้ บรรยากาศยามเย็นช่างเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเสียจริงแต่แล้ว หลินหลินก็นึกขึ้นได้ว่า นางลืมหินเวทที่เก็บไว้ในมิติเสียสนิท! นางรีบเรียกหินเวทลมออกมา ก้อนหินสีฟ้าใสเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ในมือ หลินหลินหลับตา เพ่งสมาธิ สัมผัสได้ถึงพลังเวทที่ไหลเวียนเข้าสู่ลูกแก้วเวทลมในร่างกายทันใดนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีลมปราณปั่นป่วนในท้อง คล้ายกับ...จะเรอ!"เอิ๊กกกกกกก!"เสียงเรอของหลินหลินดังกึกก้องหลินหลินลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง ถ้วยชา จานคุกกี้ หายไปไหนหมด! นางกวาดสายตามองหา จนไปสะดุดกับแสงสะท้อนของแก้วกระเบื้องที่พุ่มดอกไม้ ห่างออกไป 10 เมตร!"หา! 10 เมตร?" หลินหลินอ้าปากค้าง"แค่เรอเองนะ แรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!"นางหัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งขำทั้งตกใจ ไม่คิดว่าพลังเวทจะทำให้เรอได้แรงขนาดนี้หลินหลินลุกขึ้น เดินไปเก็บถ้วยชาและจานคุกกี้ที่กระเด็นไป