"500 เหรียญทองก็ย่อมได้... แต่มีข้อแม้หนึ่งข้อ ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะซื้อขายกับข้าอีกครั้ง"
เทียนชุนเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาคมกริบจับจ้องหลินหลินไม่คลาดสายตาราวกับจะมองทะลุผ่านใบหน้าของนาง
ผู้ดูแลแทบเป็นลม... กำไรหายไปอีก 57 เหรียญทอง ทำไมนายท่านยิ่งเจรจามันกลับยิ่งน้อยลง หรือคนโง่ ๆ อย่างเขาจะไม่เข้าใจการค้ากันนะ.....
หลินหลินครุ่นคิด ตอนแรกนางแค่จะมาเหมาสินค้าเข้าระบบ ไม่คิดผูกขาดกับใคร...
"เรียนคุณชายตามตรง พรุ่งนี้.. ข้ากำลังจะออกเดินทางไปทางใต้ ไม่ได้อยู่เมืองนี้ ไม่ทราบว่าท่านมีร้านอยู่ทางใต้บ้างไหมเจ้าคะ"
เทียนชุนชะงักไปเล็กน้อย น่าเสียดายที่นางจะไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้แล้ว และอีก 2 วัน ตัวเขาเองก็ต้องออกเดินทางขึ้นเหนือ
"ร้านค้าตระกูลเย่วมีหลายสาขาทั่วทั้งแคว้น"
เสียงเข้มเอ่ยขึ้น เหมือนมีความไม่พอใจเจืออยู่เล็กน้อย
"เจ้าจะลงใต้ไปเมื่อใด"
"ข้าจะไปเหมาสินค้าอีก 2-3 ร้านเจ้าค่ะ และจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ"
" ต้องการสินค้ามากมายขนาดนั้น ...เจ้าจะเปิดร้านขาย? "
"ข้าไม่ได้จะเปิดร้านเจ้าค่ะ ข้าแค่โชคดีที่มีลูกค้าเป็นพวกพ่อค้าต่างแคว้น ของทั้งหมดมีคนต้องการซื้ออยู่แล้วเจ้าค่ะ ไม่ได้เปิดขายทับการค้าผู้ใดแน่นอนเจ้าค่ะ"
“ข้าไม่ได้คิดแบบนั้น....”
เทียนชุนเป็นคนพูดน้อย ไม่เคยสานสัมพันธ์กับสตรีนางใด เพราะเขาไม่ชอบที่พวกนางเห็นเขาเป็นบ่อเงินบ่อทอง ไม่คิดจะหาแต่อยากครอบครอง ใจเขามันรังเกียจสตรีอย่างนั้นเป็นที่สุด ต่างจากนาง ...คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"เอาอย่างนี้เจ้าคะ ท่านลดให้ข้าที่ 530 เหรียญทอง อีก 27 เหรียญทอง หากข้าเดินทางไปถึงสาขาทางใต้ ข้าจะไปเหมาซื้อแบบนี้อีก ถึงตอนนั้นท่านค่อยลดให้ข้าเพิ่มจากส่วนลดเดิมอีก 27 เหรียญทอง ท่านเห็นว่าเป็นอย่างไรเจ้าคะ"
เทียนชุนพยักหน้า มือหนาล้วงเข้าอกเสื้อส่งหยกให้นาง
"...เจ้าเอาอันนี้ไป หากไปถึงทางใต้แล้วเจอร้านตระกูลเย่ว ให้เจ้าแสดงหยกนี้กับผู้ดูแล เขาจะเข้าใจเอง"
ผู้ดูแลเก็บอาการมือไม้สั่นไว้ ตอนนี้เขาแทบจะมุดลงพื้นไม้แล้ว.... นายท่านถึงกับให้หยกประจำตัว!
หลินหลินรับหยกมาพลิกดู.... เนื้อหยกสีดำเงางามแกะสลักอักษรคำว่า หยาง ได้งดงามมาก หากนำไปขายคงได้ราคาดี...
" ขอบคุณคุณชายที่ขายสินค้าให้ข้า ข้าจะต้องไปอุดหนุนร้านค้าของท่านอีกแน่นอนเจ้าค่ะ"
รอยยิ้มงดงามถูกส่งไปให้บุรุษหน้านิ่งตรงหน้า
นางคงไม่รู้ว่าเขาใจเต้นแรงแค่ไหนกับรอยยิ้มของนาง แม้ในใจจะตื่นเต้นเพียงใด แต่ใบหน้ากลับเรียบเฉย..เทียนชุนมองหยกในมือของหญิงสาวครู่หนึ่ง ก่อนยกยิ้ม คงต้องแล้วแต่วาสนาแล้ว
หลินหลินจ่ายเงินที่เหลือและเก็บของเข้าถุงมิติ โดยมีปู่หลิวและพนักงานของร้านคอยช่วยเหลือ เก็บไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย หลินหลินจึงส่งเงินให้ผู้ดูแลและพนักงานเล็กน้อยเป็นขวัญน้ำใจ
ปู่หลิวแยกตัวไปแจ้งหานเซียวให้มารับคุณหนูข้างหน้าร้าน ระหว่างรอรถม้า หลินหลินก็เห็นแม่ลูกคู่หนึ่งสวมใส่ชุดเก่า ๆ นั่งกอดกันอยู่ฝั่งตรงข้าม พวกนางนั่งอยู่ตรงซอกเล็ก ๆ
ผู้เป็นมารดาเช็ดมือกับชุดของนาง ก่อนจะบิหมั่นโถวลูกเล็กให้เด็กน้อยกิน เด็กน้อยอ้าปากรับโดยไม่ได้รู้เลยว่า ชิ้นที่เด็กน้อยได้กินนั้นเกือบจะทั้งหมดของหมั่นโถวชิ้นนั้น
ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของหลินหลินรู้สึกปวดร้าว ความหิวโหยในแววตาของเด็กน้อยและความเสียสละของผู้เป็นแม่อัดแน่นอยู่ในอกของนาง
บางครั้งคนมีมากก็มีมายล้น ส่วนคนที่ไม่มีก็ไม่มีเลยจริงๆ!
หลินหลินเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าของทั้งสองอย่างแผ่วเบา นางนั่งยองๆ ให้อยู่ระดับเดียวกันกับแม่ลูกคู่นี้ พยายามไม่ให้สร้างความตกใจหรือคุกคามพวกเขา ใบหน้าของนางประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ทว่าแววตาของนางกลับฉายแววเศร้าสร้อยเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ผู้เป็นมารดาคงตกใจที่มีคนมานั่งตรงหน้า จึงรวบตัวลูกสาวมากอดไว้แน่น ร่างกายของนางสั่นเทาเล็กน้อย สายตาที่มองมามีแต่ความหวาดระแวงและหวาดกลัวต่อคนแปลกหน้า
หลินหลินค่อยๆ หยิบซาลาเปาไส้หมูลูกใหญ่ ที่นุ่มฟูและส่งกลิ่นหอมเย้ายวนออกมาจากมิติ นางยื่นมันออกไปให้ 2 ลูก แต่ไม่มีใครกล้ายื่นมือมารับ นางจึงวางซาลาเปาไว้บนห่อผ้าเล็ก ๆ วางไว้ตรงหน้าผู้เป็นมารดา
"ข้าให้ หวังว่ามันคงจะพอช่วยเหลือท่านได้..."
หลินหลินลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งยิ้มให้ทั้งสองอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินจากไป เป็นจังหวะเดียวกับที่รถม้ามาถึงพอดี นางก้าวขึ้นรถม้าเพื่อมุ่งตรงไปร้านเครื่องประดับอีก 2 ร้าน โดยไม่เห็นว่ามีสายตาคมที่มองมาจากชั้น 3 ของร้านที่นางเพิ่งจากมา
บนชั้นสามของร้านเครื่องประดับ เทียนชุนยืนมองภาพนั้นจากหน้าต่างด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ในใจ
สตรีผู้นี้...นางมีเมตตาต่อคนรอบข้าง เขาไม่เคยเห็นใครที่มีจิตใจงดงามเช่นนี้มาก่อน
แววตาของเขาจับจ้องไปยังร่างของหลินหลินที่ค่อยๆ หายลับไปกับรถม้า ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจของเขา เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เป็นความรู้สึกที่เขาก็ไม่เข้าใจ...
"ให้คนสืบเรื่องของนางมาอย่างละเอียด"
เทียนชุนสั่งเสียงเข้ม ก่อนที่เงาหนึ่งจะหายวับไปในความมืด
เย่วเทียนชุนถอดแหวนเวทออก เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา บุรุษรูปงามที่หาจับตัวได้ยาก เขาเอามือลูบหยกอีกชิ้นที่คล้ายกันแต่อันนี้สลักคำว่า "เย่ว" ไว้ หยกที่เขาให้นางไปมันคือหยกคู่ มารดาเคยกล่าวว่าหยกชิ้นนั้นมีความพิเศษในตัวของมันอยู่...
เมื่อใดที่ลูกชายของแม่เจอสตรีที่อยากใช้ชีวิตร่วมกัน จงมอบหยกนี้ให้แก่นาง หากนางคือคู่ของเจ้า หยกสองชิ้นนี้จะเหนี่ยวรั้งกันไว้ไม่ให้พรากจากกัน แต่หากนางไม่ใช่คู่ครองของเจ้า หยกนี้จะกลับคืนสู่เจ้าเอง
เขาอายุจะ 26 แล้ว... พบเจอหญิงงามล่มเมืองมานักต่อนัก ยังไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาใจเต้นแรงได้อย่างนาง เขารู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาคู่นั้นอย่างบอกไม่ถูก... แม้ใบหน้าจะไม่เหมือนกับสตรีที่อยู่ในใจเขา แต่เขาเชื่อสัญชาตญาณของตนเอง หัวใจเขาไม่น่าผิดพลาด และเขาจะลองเชื่อมารดาดูสักครั้ง
"จะใช่นางหรือไม่นะ? "
เขาพึมพำกับหยกในมือ ราวกับหวังว่ามันจะตอบคำถามที่ค้างคาใจ
เมื่อหลินหลินจากไปแล้ว ผู้เป็นแม่รีบหยิบซาลาเปาส่งให้ลูกสาวตัวน้อยทันที ก่อนที่ใครจะมาเห็นแล้วแย่งมันไป นางไม่ได้กินอะไรที่อยู่ท้องมานานหลายวันแล้ว
เด็กน้อยเมื่อเจอซาลาเปาร้อน ๆ ลูกใหญ่อยู่ตรงหน้าก็กัดไปเต็มคำ
"อืมม... "
"อร่อยเจ้าค่ะท่านแม่ มีเนื้อด้วย อร่อยมากเลย ท่านแม่รีบกินเร็ว ๆ เข้า"
สองแม่ลูกนั่งกินซาลาเปากันอย่างมีความสุข นี่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตนางเลย
ตอนนี้นางอยากขอบคุณคุณหนูท่านนี้เหลือเกิน แต่ก็ไม่ทันแล้ว นางผิดเอง ตอนนั้นนางกลัว กลัวว่าใครจะมาจับพวกเราสองแม่ลูกไปขาย นางไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนางสองคนแม่ลูก จึงไม่ทันได้ขอบคุณนาง
เมื่อเห็นห่อผ้าเล็ก ๆ นางจึงเปิดดู แต่ต้องรีบปิดและยัดใส่เข้าอกเสื้อ อุ้มลูกน้อยวิ่งหายไปจากตรงนั้น ภายในห่อผ้านั้นมีเหรียญทองส่องประกายแวววาวอยู่หนึ่งเหรียญ มันคือความหวัง คือแสงสว่างที่ส่องนำทางให้พวกนางในวันที่มืดมน
หลินหลินนึกถึงสองแม่ลูกนั้น นางอยากช่วยมากกว่านี้ แต่นางกำลังจะเดินทาง
"หวังว่าเงิน 1 เหรียญทองและของกินเล็กน้อยจะพอช่วยนางสองแม่ลูกให้มีทางรอดพ้นจากปัญหาในชีวิตไปได้ "
เพราะซาลาเปาผักที่นี่ลูกละ 2 อีแปะ ไส้หมูลูกละ 5 อีแปะ บะหมี่ชามละ 8 อีแปะ หากนางรู้จักใช้ ก็จะมีกินมีใช้และใช้ชีวิตโดยไม่ลำบาก
หลินหลินมองออกไปนอกรถม้า ชีวิตผู้คนไม่ว่าโลกก่อนหรือที่นี่...การที่คนจน จะลืมตาอ้าปากมันยากเย็นแสนเข็น
ตอนนี้นางมีเงินมากมาย มีมิติวิเศษคอยช่วยเหลือ การแบ่งปันเล็กๆน้อยๆนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงเลยด้วยซ้ำ แต่นางยังถือคติไม่ช่วยพวกเขาจนเคยตัว
นางเคยคิดเล่นๆว่า บนโลกนี้มีคนเป็นล้านๆคน การที่นางมาพบเจอสองแม่ลูกนั้นย่อมถูกลิขิตไว้แล้ว...ดังนั้นหากนางพบเจอคนที่ต้องการความช่วยเหลือ นางจะไม่ลังเลที่จะช่วยพวกเขา
เพราะของที่อยู่ในมิติก็ล้วนแต่ไม่ใช่ของๆนางเช่นกัน นี่น่าจะยามซื่อ (09.30) แล้ว
"ปู่หลิว ที่นี่มีร้านอาหารอะไรแนะนำบ้างเจ้าคะ ข้าอยากแวะไปชิมอาหารก่อนเจ้าค่ะ"
"มีเหลาฝู่หรงขอรับ เป็นเหลาที่โด่งดังของเมืองนี้ขอรับ คุณหนูอยากไปไหมขอรับ"
"ไปเจ้าค่ะ รบกวนท่านจองห้องส่วนตัวนะเจ้าคะ และให้หานเซียวกับสือหย่งไปทานกับเราด้วยเลยเจ้าคะ"
สีหน้าของปู่หลิวบ่งบอกถึงความไม่เหมาะสม นางจึงต้องพูดต่อว่า
"...ข้าไม่สนใจใครจะมองว่าอย่างไรเจ้าคะ เอาตามนี้ไปกินกันทั้งหมดนี่แหละเจ้าคะ"
"ได้ขอรับ.. ข้าน้อยจะทำตามที่คุณหนูสั่งขอรับ"
ปู่หลิวเปิดม่านบอกให้หานเซียวแวะเหลาฝู่หรงก่อนไปร้านขายเครื่องประดับ
การที่นางให้ทุกคนไปกินข้าวพร้อมกันเพราะนางอยากที่จะพิสูจน์บางอย่าง นางเพิ่งคิดได้เมื่อกี้และต้องการที่จะทดสอบกับทั้ง 3 ก่อนเลย
รถม้าวิ่งไปได้ไม่นานก็ชะลอความเร็วลง ปู่หลิวให้หลินหลินรอบนรถม้าก่อน เขาเข้าไปจัดการจองห้องเสร็จก็มาตามนางลงไป
หลินหลินมองร้านอาหารที่ถูกตกแต่งอย่างประณีต มีการประดับโคมแดงเสริมความมงคล โต๊ะเก้าอี้ทางร้านใช้ไม้สีน้ำตาลเข้มให้บรรยากาศที่ลงตัว ทางขึ้นบันไดกว้างขวางไม่คับแคบ บนชั้น 2 มีความเป็นส่วนตัว
ทางร้านกั้นเป็นห้องติด ๆ กัน ภายในมีโต๊ะอาหารอยู่ตรงกลาง ที่เสริมให้ห้องดูโล่งโปร่งสบายคือมีหน้าต่างที่สามารถเปิดรับลมและมองลงไปข้างล่างได้
หลินหลินชอบลวดลายการลงภาพบนผนังกั้นห้อง ห้องที่นางอยู่นี้เป็นลวดลายของดอกเหมยแดง มีนกตัวน้อย ๆ กำลังโบยบิน และเกาะอยู่ตามกิ่งดอกเหมย
หานเซียวและสือหย่งเดินเข้ามาอย่างเกร็งๆ พวกเขาไม่เคยมากินเหลาอาหารแบบนี้ เพราะอาหารที่นี่ขึ้นชื่อว่าแพงมาก เกินกำลังที่พวกเขาจะมีปัญญามากินได้
เสี่ยวเอ้อ พาทั้ง 4 คน นั่งตรงโต๊ะอาหาร หลินหลินสั่งอาหารขึ้นชื่อของทางร้านมา 6 อย่าง ข้าว 4 ถ้วย ที่นางอยากลองคือเป็ดย่าง เพราะตอนนี้ในระบบนางมีเป็ดย่างอยู่เต็มช่อง นางอยากเปิดร้านขายอาหาร เป็ดย่าง คือหนึ่งในรายการที่นางคิดจะขาย ดังนั้นก็ต้องสำรวจก่อนว่าเหลาที่โด่งดังนั้นฝีมือเป็นเช่นไร
หลินหลินเห็นทุกคนนั่งหลังตรง ตัวเกร็งก็อดขำไม่ได้
"พวกท่านไม่ต้องเกร็งเจ้าค่ะ ทำตัวตามสบาย ข้าแค่หิวเลยแวะมาทานอาหารเท่านั้น"
หลังจากพูดจบ หลินหลินเดินไปดูบรรยากาศเบื้องล่างตรงหน้าต่าง เผื่อให้ทั้ง 3 คนผ่อนคลาย นางเข้าใจ นางเป็นคนแปลกหน้า เพิ่งพบเจอครั้งแรกก็พาพวกเขามาในที่ที่พวกเขาไม่เคยได้มา ย่อมต้องเกร็งเป็นธรรมดา
ผิดจากปู่หลิวที่ดูปล่อยตัวตามสบายหลังจากที่เห็นนางใช้เงินขนาดนั้น เอ๊ะ... หรือว่าหานเซียวกับสือหย่งจะกลัวว่านางไม่มีเงินจ่าย!!! คงไม่มั้ง...
หลินหลินคิดอะไรเพลิน ๆ เสี่ยวเอ้อก็ยกอาหารเข้ามาเต็มโต๊ะ นางเดินกลับมาที่โต๊ะ เมื่อนั่งลงจับตะเกียบ คนทั้ง 3 กลับลุกขึ้นพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง
แค่นั้นยังไม่พอ พวกเขายังถอยหลังออกไปอีก 1 ก้าวยืนก้มหน้าอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว นางตกใจกับความสามัคคีนี้จนถือตะเกียบค้างไว้อย่างนั้น....
"พวกท่านลุกทำไมเจ้าคะ มานั่งกินได้เลย"
หลินหลินเห็นทั้ง 3 คนไม่ขยับ ก็วางตะเกียบลง
"ปู่หลิว หากพวกท่านไม่กินเป็นเพื่อนข้า ก็ให้เสี่ยวเอ้อมาเก็บเงินค่าอาหารเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่กินแล้ว"
หลินหลินทำท่าจะลุกขึ้น...
"เดี๋ยว ๆ ขอรับคุณหนู คุณหนูเข้าใจผิดขอรับ ข้าน้อยแค่ลุกเพื่อให้ท่านได้ทานก่อนขอรับ"
สือหย่งรีบกล่าวออกมาจนลิ้นพันกัน
"อาหารมากมายตรงหน้า คุณหนูยังไม่ทันได้แตะต้องสักคำ"
"เชิญพวกท่านนั่งกินเลยเจ้าค่ะ ข้าเป็นคนทานน้อย แต่ชอบลอง ขอแค่อย่างละคำก็พอเจ้าค่ะ"
หลินหลินตักทุกอย่างอย่างละคำแยกออกมาไว้ในจานเปล่าที่ทางร้านมีให้ ส่วนต้มปลาก็ตักแยกใส่ถ้วยชามใบเล็กไว้ ทั้ง 3 เห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามานั่งล้อมโต๊ะอีกครั้ง
หลินหลินมองทุกคนที่กำลังใช้ช้อนตักอาหารคำแรกขึ้นมา เมื่อจดจำว่าวินาทีนี้ทุกคนกำลังทำอะไร ปู่หลิวหยิบช้อน หานเซียวจิบชา สือหย่งกำลังเอื้อมตักปลาชิ้นหนึ่ง
ถึงเวลาที่นางจะทดสอบมิติแล้ว 1 2 3 เข้ามิติ.... พรึ่บ!
หลินหลินเข้ามิติมาเพื่อดูว่าตัวนางจะหายไปจากตรงนั้นไหม นางดูนาฬิกา ตอนนี้ 10 วิแล้ว!
หลินหลินเข้ามิติมาเพื่อดูว่าตัวนางจะหายไปจากตรงนั้นไหม นางดูนาฬิกา ตอนนี้ 10 วิแล้วที่นางอยู่ในมิตินางลุ้นมาก สิ่งที่นางคิดไม่น่ามีอะไรผิดพลาด มันเป็นทฤษฎีของแมลง นักวิทยาศาสตร์มีการวิจัยเกี่ยวกับความสามารถอันน่าทึ่งของแมลงไว้ว่า แมลงบางชนิดสามารถบินหลบสายฝนได้โดยที่ตัวมันไม่เปียกด้วยซ้ำ!ซึ่งแมลงพวกนี้มีสายตาที่ไวมากเป็นพิเศษ แถมยังมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลันอีกด้วย ซึ่งการตอบสนองของมันไวกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า!แมลงบางชนิดจะมีดวงตาที่ขาและมีดวงตาขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเลนส์ขนาดเล็กจำนวนมากมายเรียงกัน เลนส์เหล่านี้ทำหน้าที่รับภาพและประมวลผลออกมา ซึ่งมีความไวมากกว่ามนุษย์มากถึง 4 เท่า บวกกับมันสามารถทำความเร็วในการบินได้ 8 กม. ต่อชม. นั้นทำให้มันมองเห็นภาพเป็นแบบสโลว์โมชั่น ความสามารถการมองเห็นแบบสโลว์โมชั่นของมัน ทำให้การตบจากมนุษย์เป็นแค่การตบแบบสโลว์โมชั่นของมันเท่านั้นเมื่อหลินหลินลองเทียบเวลา 1 เดือนในมิติกับ 1 วันภายนอก มันมีความต่างที่เหลื่อมล้ำกับการรับภาพผ่านดวงตาของมนุษย์ทั่วไป นางเลือกทั้ง 3 คนนี้เป็นกลุ่มแรกที่นางจะทดลอง เพราะพวกเขาบางคนไม่มีพลังเวท หานเซียวมีแค่เวทระด
"ท่านปู่ขายอะไรเจ้าคะ"หลินหลินเอ่ยถามชายชราด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผู้เฒ่าเฉียวค่อย ๆ เงยหัวขึ้นมองคนตรงหน้า ดวงตาที่แสนเศร้าหมองและเหนื่อยล้า แต่กลับมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้หลินหลินภาพของชายชราผู้โดดเดี่ยว ทรุดโทรม และสิ้นหวัง สะท้อนเข้ามาในใจหลินหลินอย่างไม่อาจห้ามได้ นางเห็นถึงความอ่อนล้าในทุกอิริยาบถของเขา ร่างกายที่ผ่ายผอม เสื้อผ้าที่ขาดวิ่น และแผ่นผ้าเก่า ๆ ที่ปูรองหนังสือเพียงไม่กี่เล่ม บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตที่ยากลำบาก"คุณหนู..."เสียงแหบพร่าของชายชราทำให้หลินหลินรู้สึกสะท้านในใจ มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง"ข้าขายตำราขอรับ คุณหนูสนใจตำราหรือขอรับ... ตำราพวกนี้ข้าน้อยสะสมมันมาทั้งชีวิต ตอนนี้ชราแล้ว บุตรชายก็มาบาดเจ็บ จึงต้องนำมันมาขาย เชิญคุณหนูเลือกดูก่อนขอรับ"หลินหลินหยิบขึ้นมาเปิดผ่าน ๆ "ท่านปู่ ตำราท่านขายยังไงเจ้าคะ"ปู่เฉียวกลัวว่าวันนี้เขาจะไม่มีเงินไปจ่ายค่าหมอให้ลูกชาย จึงตัดใจลดราคาตำราลง"เรียนคุณหนูตามตรง ตำราพวกนี้ปกติข้าขายอยู่เล่มละ 2 ตำลึงขอรับ แต่บัดนี้จนใจต่อโชคชะตาแล้ว.... ข้าน้อยหวังเพียงเงินไปจ่ายค่าหมอค่ายาให้บุตรชาย คุณหนูให้เท่าไร
โครงการถุงยังชีพ มาถึงโลกใบนี้แล้ว นางจะริเริ่มเปลี่ยนแปลงที่นี่เอง" ไม่เป็นไรเจ้าค่ะเถ้าแก่ รบกวนท่านเตรียมสินค้าให้ข้า ข้าต้องการอย่างละ 9 กระสอบเจ้าค่ะ ท่านแค่เตรียมไม่ต้องไปส่ง ข้าจะเก็บเข้าถุงมิติเจ้าค่ะ"" ได้ขอรับ เชิญคุณหนู เชิญนั่งรอตรงนี้สักครู่ขอรับ"เถ้าแก่รีบไปจัดเตรียมเก้าอี้ให้หลินหลิน วันนี้เขาโชคดีจริง ๆ มีลูกค้ามาเหมาของจำนวนมาก แถมไม่กดราคาเขาด้วยที่ร้านเขาขายถูกจึงมีเศรษฐีหลายคนมาข่มขู่ว่าซื้อเยอะต้องลดราคา เขาไม่สามารถลดให้ได้จริง ๆ ร้านเขาเป็นร้านเล็ก ๆ ไม่ได้เอากำไรมากมาย ลูกค้าของเขาก็ชาวบ้านทั้งนั้น จะขายเอากำไรมากขึ้นก็สงสาร เลยได้แต่ขายราคานี้มาตลอดเถ้าแก่กำลังไล่ตรวจนับข้าวสารแต่ละชนิด สายตาของหลินหลินก็ไปปะทะกับผักดอง เกี่ยมไฉ่ ผักกาดดองเค็ม นางลุกขึ้นไปดูก็พบว่ามีผักกาดดองเปรี้ยว ซึงไฉ่ และหัวไชโป๊อยู่ด้วย หลินหลินบอกเถ้าแก่ว่านางเอา 3 อย่างนี้ด้วย ให้เหลือทิ้งไว้ที่ร้านอย่างละ 1 ถุงที่วางโชว์ (5 กิโล) นอกนั้นนางเอาหมด เถ้าแก่ก็น่ารัก รีบมาจัดการต่อให้นางเลยเถ้าแก่แม้จะสงสัยว่านางเหลือไว้ทำไม แต่เขาต้องรีบจัดของจึงยังไม่ได้ถามออกไปหลินหลินเดินดูเค
หลินหลินนั่งคุยกับป้าเจียงเพลิน เผลอลืมบุรุษ 3 คนที่นั่งรอนางอยู่หน้าเรือนไปเสียสนิท" ท่านป้า ข้าขอไปสั่งงานคนของข้าสักครู่นะเจ้าคะ" ฮูหยินเจียงยิ้มรับรู้ "เจ้าไปเถอะ เดี๋ยวสักพักแม่นมจางคงมาหาป้าที่จวนนี้เป็นแน่"" แม่นมจาง? เป็นแม่นมของป้าเอง ไว้ป้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นางเป็นคนที่จิตใจดีมากทีเดียว""เจ้าค่ะ" หลินหลินยิ้มหวานก่อนเดินออกมาหน้าเรือน เห็นท่านปูหลิวนั่งรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ มีสือหย่งและหานเซียวนั่งขนาบข้าง พอพวกเขาเห็นนางก็รีบลุกและเดินมาหา" ขอโทษที่ให้รอนานเจ้าค่ะ" หลินหลินยื่นส่งเงิน ให้ทุกคนคนละ 5 ตำลึงเงินตามที่นางให้สัญญาไว้ " วันนี้พวกท่านกลับบ้านได้เลยนะเจ้าคะ และอย่าลืมหาที่ปลอดภัยถอดแหวนกับชุดเก็บไว้ใส่ในวันพรุ่งนี้ ก่อนมาหาข้า พรุ่งนี้ข้าจะจ้างพวกท่านอีก 1 วัน มีใครมาไม่ได้ไหมเจ้าคะ"" มาได้ขอรับ..." ทั้งสามตอบด้วยสีหน้าดีใจยิ้มกว้าง จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร รับงานนี้พวกเขาได้เงินมากถึง 10 ตำลึงภายใน 2 วันหลินหลินส่งห่อผ้าที่ข้างในมีซาลาเปาไส้ผัก ไส้หมู ไส้หมูแดง รวมๆ กันห่อละ 10 ลูก ให้พวกเขาทั้ง 3 คน " นำกลับไปให้คนที่บ้านกินนะเจ้าคะ และพรุ่งนี้เจอ
" ฮะแฮ่ม...พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่หรือ..."ท่านลุงเจียงแกล้งเอ่ยถาม แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่อาหารบนโต๊ะไม่วางตา" ท่านพี่ มานั่งก่อนเจ้าค่ะ ข้ากับหลินเอ๋อร์กำลังรอท่านอยู่พอดี"" หลินเอ๋อร์?" สายตาลุงเจียงย้ายจากอาหารมามองที่หลินหลินทันที หลินหลินยิ้มหวานให้หนึ่งที"ท่านพี่...ตอนนี้ข้ารับหลินเอ๋อร์เป็นหลานสาวแล้ว ข้าชวนนางอยู่ด้วยกันทีนี่ แต่...นางใจแข็งยิ่งนักเจ้าค่ะ หลินเอ๋อร์อยากไปอยู่ทางใต้ หากนางตกลงจะอยู่ที่นี่สักนิดข้าคงให้ท่านสร้างเรือนเพิ่มที่จวนของเราพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ เอ๊ะ..ท่านพี่หรือเราย้ายไปทางใต้ไปอยู่กับหลินเอ๋อร์ดีเจ้าคะ""ฮ่าๆๆๆ ท่านป้าใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะไปที่เมืองใดเจ้าค่ะ ไว้ได้ข้าสร้างจวนเสร็จข้าจะรีบส่งข่าวมาบอกท่านนะเจ้าคะ เผื่อท่านอยากหนีท่านลุงไปอยู่กับข้า ""แค่กๆ หลินเอ๋อร์ ป้าเจ้าอยู่ที่ใดลุงก็อยู่ที่นั่นแหละ เจ้าอย่าให้ทางนางหนีจากลุงเด็ดขาด ฮ่ะๆๆ"สี่เสียงหัวเราะประสานขึ้นมาพร้อมกัน" ท่านลุง เชิญดื่มน้ำใบเตยก่อนเจ้าค่ะ แล้วเราค่อยลงมือทานอาหารกัน ท่านป้าหิวแย่แล้ว"แม่นมเตรียมตัวจะลุกขึ้น หลินหลินจับมือแม่นมเพื่อจะประคอง "แม่นมจะไปไ
เอาล่ะ....นางผิดเอง " ระบบจากนี้ไปต้องคอยเตือนข้าทุกเรื่อง เข้าใจไหม? ""ระบบจะเตือนผู้ถูกเลือกขอรับ"หลินหลินจัดการข้าวของที่จะแจกจ่ายพวกคนเร่ร่อนเสร็จ พอมีเวลาว่าง นางก็มานั่งพักที่ชานเรือน พร้อมกับถ้วยชาและขนมคุกกี้ บรรยากาศยามเย็นช่างเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเสียจริงแต่แล้ว หลินหลินก็นึกขึ้นได้ว่า นางลืมหินเวทที่เก็บไว้ในมิติเสียสนิท! นางรีบเรียกหินเวทลมออกมา ก้อนหินสีฟ้าใสเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ในมือ หลินหลินหลับตา เพ่งสมาธิ สัมผัสได้ถึงพลังเวทที่ไหลเวียนเข้าสู่ลูกแก้วเวทลมในร่างกายทันใดนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีลมปราณปั่นป่วนในท้อง คล้ายกับ...จะเรอ!"เอิ๊กกกกกกก!"เสียงเรอของหลินหลินดังกึกก้องหลินหลินลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง ถ้วยชา จานคุกกี้ หายไปไหนหมด! นางกวาดสายตามองหา จนไปสะดุดกับแสงสะท้อนของแก้วกระเบื้องที่พุ่มดอกไม้ ห่างออกไป 10 เมตร!"หา! 10 เมตร?" หลินหลินอ้าปากค้าง"แค่เรอเองนะ แรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!"นางหัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งขำทั้งตกใจ ไม่คิดว่าพลังเวทจะทำให้เรอได้แรงขนาดนี้หลินหลินลุกขึ้น เดินไปเก็บถ้วยชาและจานคุกกี้ที่กระเด็นไป
เมื่อคนเร่รอนเริ่มเห็นข้าวของจำนวนมาก ก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาสอบถามด้วยความสงสัยว่านำของพวกนี้มาทำอะไรปู่หลิวเห็นเช่นนั้น จึงได้โอกาสบอกกับคนเร่รอนคนนั้นว่า "อีก1เค่อ คุณหนูของข้าจะทำการแจกจ่ายอาหารและของยังชีพ รบกวนเจ้าไปประกาศให้ทุกคนทราบด้วย จะได้ไม่เสียเวลาให้มาต่อแถวรอ อย่าลืมเอาชามช้อนของพวกเจ้ามาด้วย""ได้ ได้ ขอรับ ขอบคุณขอรับ ขอบคุณขอรับ""เอ้ย...พวกเรามีคนใจดีมากแจกอาหาร เตรียมชามช้อนมารอรับเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังก้องไปในความมืดนั้น สามารถปลุกพลังแห่งความวุ่นวายได้ในทันที ดีที่หลินหลินมีท่านลุงท่านป้า ทั้งสองมีประสบการณ์มาก่อน จึงให้คนของตนเองกันไม่ให้คนเร่ร่อนเบียดเข้ามาใกล้โต๊ะ เพราะอาจจะชนหม้อข้าวต้มเสียหายได้แต่ความหิวนั้นไม่เข้าใครออกใคร เริ่มมีการทะเลาะแย่งแถวกันเด็กๆ ถูกผลักออกจากแถว เด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้จ้าเมื่อถูกคนตัวใหญ่ผลักล้มลง ผู้คนล้วนไม่สนใจ นางเห็นดังนั้นจึงตะโกนออกไปว่า"หากพวกเจ้ายังทะเลาะกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว...ข้าจะเก็บของทั้งหมดกลับไป!"แค่เพียงเสียงเดียวก็ทำให้ทุกอย่างสงบลงในพริบตา ทุกสายตาย้ายไปมองที่นางเป็นตาเดียว พร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจสิ
เมื่อแจกทุกอย่างครบแล้ว หลินหลินก็ประกาศเรื่องสำคัญทันทีนายท่านเจียงกับฮูหยินเจียงมายืนประกบข้างหลินหลิน ฮูหยินเจียงมองหลินหลินด้วยแววตาชื่นชม นางก็อยากรู้ว่าหลินเอ๋อร์จะทำสิ่งใดหลินหลินกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่เบื้องหน้า นางเห็นความหวังริบหรี่ในแววตาของพวกเขา หลายคนผ่ายผอม อิดโรยจากความยากลำบาก"สิ่งสุดท้ายที่พวกท่านจะได้วันนี้ คือทางเลือก " หลินหลินเอ่ยเสียงดังฟังชัด"สวรรค์จะมอบทางเลือกให้พวกท่าน ขอให้พวกท่านตัดสินใจให้ดีเสียงของหลินหลินก้องกังวานไปทั่วบริเวณ เหมือนเสียงสวรรค์ที่หยาดลงมาปลุกความหวังในใจคนสิ้นหวัง"เย็นนี้จะมีคนของข้า ทั้งสามคนมาให้พวกท่านลงนามแจ้งความประสงค์ หากพวกท่านต้องการเดินทางไปเมืองใด ข้าจะเป็นคนจ่ายค่าเดินทางให้พวกท่านทั้งหมดเอง"เสียงฮือฮาดังขึ้น คนเหล่านั้นมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ"โดยค่าเดินทางนี้ข้าจะจ่ายให้กับกองคาราวานหรือรถเทียมวัวที่ข้าจ้างวานโดยตรง แม้การเดินทางมันไม่ได้สบายนัก แต่ก็คงไม่ลำบากจนพวกท่านทนไม่ได้" หลินหลินเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด"และอีกหนึ่งเรื่องคือ พวกเจ้า เจ้าเจ้า"หลินหลินชี้นิ้วไปยังคนที่ดวง
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงที่หน้าจวนตระกูลเจียง ขบวนของท่านแม่ทัพหยางเทียนชุนมาถึงแล้วหลินหลินรู้สึกตกใจเล็กน้อย ที่เห็นขบวนของเขายิ่งใหญ่อลังการกว่าที่คิด ธงทิวสีดำปักลายพยัคฆ์คำรามสีทองโบกสะบัดท้าทายสายลม ทหารองครักษ์กว่าสามสิบนายอยู่ในชุดเกราะสีดำขลับ พวกเขาขี่ม้าศึกสง่าผ่าเผย อาวุธและเครื่องแบบล้วนประณีต บ่งบอกถึงยศศักดิ์หลินหลินรู้ดีว่า หยางเทียนชุนต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่านางเป็นคู่หมั้นของเขา แม้จะมีข่าวลือออกไปบ้างแล้ว แต่การปรากฏตัวพร้อมขบวนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นางก็อดคิดไม่ได้ว่า .... ท่านแม่ทัพทำเรื่องใหญ่โตเกินไปแล้วหัวใจของหลินหลินเต้นแรง ด้วยความตื่นเต้นและประหม่านี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้ออกเดินทางไกลในโลกใบนี้ชาวบ้านต่างพากันมามุงดู ส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นขบวนของท่านแม่ทัพ วันนี้หลินหลินเลือกสวมชุดสีดำ ที่ดูทะมัดทะแมงคล้ายกับชุดของเหล่ายอดฝีมือ ผมยาวของนางถูกรวบเป็นหางม้าง่ายๆ ท่านแม่ทัพไม่ได้ให้นางปลอมตัวเป็นบุรุษเพราะยังไม่มีเครื่องรางหรือของวิเศษใดๆ ที่สามารถเปลี่ยนจากสตรีเป็นบุรุษได้ เขาบอก
"ท่านแม่... ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ อ๊ะ! ท่านพ่อยังไม่ไปร้านหรือเจ้าคะ?” "พ่อเจ้าอยู่จัดการเรื่องส่งคนเร่ร่อนไปหัวเมืองต่างๆ พร้อมกับขบวนคาราวานพ่อค้าที่พ่อของเจ้ารู้จักแทนลูกน่ะสิ...นี่ก็เพิ่งจะสั่งคนของเจ้าไป พวกเขาคงไปทำตามที่พ่อเจ้าสั่งอยู่""ข้าฝากเรื่องนี้กับท่านพ่อด้วยนะเจ้าคะ"หลินหลินหันไปส่งสายตาออดอ้อน "จะกอดแค่เพียงแม่เจ้าคนเดียวพ่อก็น้อยใจแย่...""โอ๋ๆลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ" หลินหลินสลับกอดท่านพ่อท่านแม่จนทั้งสองคนต้องบอกให้นางหยุดเพราะกลัวนางจะเหนื่อย... เจียงเหวินไม่อยากจะแจ้งบิดากับมารดาว่าอีกสองวันพวกเขาต้องออกเดินทางขึ้นแดนเหนือ อยากให้ท่านแม่มีความสุขมากกว่านี้อีกหน่อย แต่คงจะไม่ได้ เพราะท่านแม่ชวนหลินเอ๋อร์ออกจากจวนไปซื้อของในวันพรุ่งนี้ ยังไม่ทันที่หลินหลินจะรับปาก พี่ใหญ่ก็ขัดขึ้นมาก่อน "ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ ข้ามีเรื่องต้องแจ้งขอรับ" หลินหลินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก.....ทำไมสายตาพี่ใหญ่ถึงมองนางแบบนั้น "ข้าและน้องต้องเดินทางขึ้นแดนเหนือวันมะรืนนี้ขอรับ และท่านแม่ทัพ มีคำสั่งห้ามหลินเอ๋อร์ออกจ
"นายกองลี่ เข้ามา"ไม่ถึง 2 ลมหายใจก็มีบุรุษอีกคนเข้ามาภายในห้อง เขาคือหนึ่งในผู้คุ้มกันฝีมือดี"หากเจ้าหนีเขาได้ภายใน 1 จิบชา ข้าจะให้เจ้าร่วมขบวน"1 จิบชา เขาดูถูกนางเกินไปแล้ว.....บรรยากาศในห้องตึงเครียดขึ้นทันที "ท่านแม่ทัพ!"เจียงเหวินที่กำลังจะกล่าวบางอย่าง...ต้องเงียบเสียงลงด้วยเสียงของน้องสาว "พี่ใหญ่ไม่เชื่อใจข้าหรือเจ้าคะ"ลี่เฟยได้ยินคำสั่งผู้เป็นนายก็คิดจะลงมือทันที แต่เขาขยับตัวไม่ได้ เหมือนมีลมมายึดตัวเขาไว้ ลมในห้องพลันหมุนวนรอบตัวเขา ราวกับกรงขังที่มองไม่เห็น"แม่นาง เจ้าทำอะไร ทำไมข้าขยับตัวไม่ได้...""ข้าแค่ใช้เวทลมเล็กน้อยเจ้าค่ะ" รอยยิ้มหวานกล่าว..แต่แววตากลับเฉียบคมไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อยหลินหลินมองไปที่ผู้สั่งการ เห็นเขาค่อยละเมียดจิบชาช้าๆ ก็นึกหมั่นไส้ เขาไม่ยอมให้นางใช้วิธีนี้... ถ้านางไม่ทำอะไรสักอย่างเขาคงไม่ให้นางไปสินะหลินหลินถอนหายใจ เรียกดาบที่ห้องใต้ดินออกมา ดาบเล่มนั้นปรากฏขึ้นในมือ นางปลดเวทลมให้นายกองลี่ แล้วกระโดดออกจากทางหน้าต่าง ร่างของนางพุ่งทะยานออกไปดุจพญาเหยี่ยวนายกองลี่ไม่รอช้า เขาเรียกดาบยาวออกมา และตามนางออกไปทันที เสียงฝีเท้าหนัก
"พวกเราสามคนนอนไม่หลับ ใจพี่รอให้ถึงรุ่งเช้าเพื่อสะสางปัญหา หากเจ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดพี่คงไปอุ้มเจ้าที่เรือนแล้ว " "ฮ่าๆๆๆ"หลินหลินส่ายหน้ากับความขี้เล่นของพี่ชาย วันนี้นางไม่ได้เอาอาหารออกจากมิตินางแจ้งท่านแม่ไปแล้วว่าอยากลองทานอาหารฝีมือแม่ครัวที่จวน ทุกคนทานอาหารเช้ากันอย่างอารมณ์ดี มีแต่เจียงเหวินเท่านั้นที่เติมข้าวไป 3 ถ้วยแล้ว แต่หลินหลินก็ยังกินไปแค่ครึ่งถ้วย เขาไม่กล้าเร่งน้อง แต่ตอนนี้ใจเขามันร้อนรุ่มเหลือเกินหลินหลินเห็นสายตาที่พี่ใหญ่มองมาเป็นระยะ ก็รู้ว่าเขาร้อนใจ นางจึงเร่งการกินให้หมดถ้วยแค่เพียงหลินหลินวางถ้วยน้ำชา เจียงเหวินก็อุ้มน้องวิ่งขึ้นรถม้าออกไปเลย ฮูหยินเจียงส่ายหน้ากับลูกชาย แต่นางก็เข้าใจว่ารีบไว้ดีกว่าไม่ทันการ เขาย่อมต้องรู้สถานการณ์ว่าต้องรีบหรือไม่รีบ ยังดีที่รอน้องกินข้าวหมดก่อน ทางด้านหลินหลินก็กรอกตามองบน"พี่ใหญ่ ท่านรีบขนาดนี้ไม่ไปปลุกข้าตอนยามโฉ่วแทนเล่า (01.00 น.) "หลินหลินกล่าวประชดประชันแต่แววตามีแต่ความขบขัน"หลินเอ๋อร์ เข้าใจพี่หน่อยเถิด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ กว่าเราจะจัดเสบียงและเดินทางถึงแดนเหนือใช้เวลานานนัก เราต้องรีบแล้ว"หลินห
ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น "พรสัมฤทธิ์ผล"ภาพความทรงจำเก่าๆ พรั่งพรูเข้ามาในห้วงคำนึงหลินหลินเห็นภาพของครอบครัวที่อบอุ่น ภาพของพวกเขารักและดูแลนางเหมือนไข่ในหิน แต่แล้วความสุขก็พังทลายลง เมื่อนางทำผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง นางหลงเชื่อคนรักจนนำภัยมาสู่ครอบครัว สุดท้าย พวกเขาก็ต้องตายอย่างน่าอนาถแต่แม้ถึงวาระสุดท้าย พวกเขาก็ไม่เคยกล่าวโทษนางเลยสักคำ มีเพียงความรักและความปรารถนาดีที่จะปกป้องนางจนลมหายใจสุดท้ายความเจ็บปวดจากอดีตชาติแล่นริ้วเข้ามาในหัวใจราวกับคมมีดกรีดลึก ความรู้สึกผิด ท่วมท้นจนนางแทบหายใจไม่ออก ราวกับมีมือที่มองไม่เห็น บีบคั้นหัวใจของนางเสียงหัวเราะแห่งความสุขยังคงดังต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเบิกบานราวกับฟ้าหลังฝน นายท่านเจียงและฮูหยินเจียงโอบกอดกัน มองภาพเจียงเหวินที่กำลังอุ้มหลินหลินหมุนไปมาด้วยแววตาเปี่ยมสุข"ฮือ...ฮือ ไม่เอาแล้วนะเจ้าคะ ถ้าทำอีกข้าโกรธจริงๆ ด้วย " น้ำตาของหลินหลินไหลอาบแก้ม ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความเสียใจจากภาพความทรงจำอันเจ็บปวดในอดีตชาตินางเกิดมาพร้อมกับความรักความอบอุ่นของพวกเขา เป็นความรู้สึกที่นางโหยหามาตลอ
"ขอรับ จริงขอรับ""ถ้าอย่างนั้น...เจ้ามีสตรีในดวงใจหรือยัง?""ยังขอรับท่านแม่ แต่หากจะจับคู่ให้ข้า ท่านคงต้องผิดหวังแล้ว""ข้ามองนางเป็นดังน้องสาวขอรับ"ฮูหยินเจียงส่งค้อนให้ลูกชายแล้วหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า"หลินเอ๋อร์ เจ้าอยากไปดูเรือนพักของเจ้าก่อนไหม? ป้าจะพาเจ้าไปเอง "หลินหลินส่ายหน้า"ท่านลุงกับท่านป้ายังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยเจ้าค่ะ""พวกเรามาทานอาหารกันก่อนดีกว่าไหมเจ้าคะ มื้อนี้ข้ามีของอร่อยอีกเพียบเลยนะเจ้าค่ะ""ดี ดี ลุงอยากกินอาหารของหลินเอ๋อร์ อาหารเจ้าอร่อยยิ่งนัก"ทั้งสามคนลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาหาร ท่านป้าเลิกแกล้งพี่เจียงเหวินเถอะเจ้าค่ะ ดูเขาทำหน้าเศร้าสิเจ้าคะ"ฮ่าๆๆๆ"ทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เจียงเหวินยิ้มอบอุ่น มองทั้งสามหัวเราะ เขาจะจดจำภาพนี้ฝังไปในใจเขาตลอดไป หากวันหนึ่งเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เขาก็หวังว่านางจะยังคงรักบิดามารดาเขาบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี ให้พวกท่านได้อยู่บนโลกนี้ต่อไปได้เจียงเหวินหลบสายตามองลงพื้น เขาไม่กล้าบอกบิดามารดา ว่าเขาทำงานพลาด และโทษใหญ่หลวงกำลังรอเขาอยู่ เขาขอเวลาท่านแม่ทัพไว้ 10 วันตอนนี้เขาเหลือเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น เ
เมื่อแจกทุกอย่างครบแล้ว หลินหลินก็ประกาศเรื่องสำคัญทันทีนายท่านเจียงกับฮูหยินเจียงมายืนประกบข้างหลินหลิน ฮูหยินเจียงมองหลินหลินด้วยแววตาชื่นชม นางก็อยากรู้ว่าหลินเอ๋อร์จะทำสิ่งใดหลินหลินกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่เบื้องหน้า นางเห็นความหวังริบหรี่ในแววตาของพวกเขา หลายคนผ่ายผอม อิดโรยจากความยากลำบาก"สิ่งสุดท้ายที่พวกท่านจะได้วันนี้ คือทางเลือก " หลินหลินเอ่ยเสียงดังฟังชัด"สวรรค์จะมอบทางเลือกให้พวกท่าน ขอให้พวกท่านตัดสินใจให้ดีเสียงของหลินหลินก้องกังวานไปทั่วบริเวณ เหมือนเสียงสวรรค์ที่หยาดลงมาปลุกความหวังในใจคนสิ้นหวัง"เย็นนี้จะมีคนของข้า ทั้งสามคนมาให้พวกท่านลงนามแจ้งความประสงค์ หากพวกท่านต้องการเดินทางไปเมืองใด ข้าจะเป็นคนจ่ายค่าเดินทางให้พวกท่านทั้งหมดเอง"เสียงฮือฮาดังขึ้น คนเหล่านั้นมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ"โดยค่าเดินทางนี้ข้าจะจ่ายให้กับกองคาราวานหรือรถเทียมวัวที่ข้าจ้างวานโดยตรง แม้การเดินทางมันไม่ได้สบายนัก แต่ก็คงไม่ลำบากจนพวกท่านทนไม่ได้" หลินหลินเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด"และอีกหนึ่งเรื่องคือ พวกเจ้า เจ้าเจ้า"หลินหลินชี้นิ้วไปยังคนที่ดวง
เมื่อคนเร่รอนเริ่มเห็นข้าวของจำนวนมาก ก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาสอบถามด้วยความสงสัยว่านำของพวกนี้มาทำอะไรปู่หลิวเห็นเช่นนั้น จึงได้โอกาสบอกกับคนเร่รอนคนนั้นว่า "อีก1เค่อ คุณหนูของข้าจะทำการแจกจ่ายอาหารและของยังชีพ รบกวนเจ้าไปประกาศให้ทุกคนทราบด้วย จะได้ไม่เสียเวลาให้มาต่อแถวรอ อย่าลืมเอาชามช้อนของพวกเจ้ามาด้วย""ได้ ได้ ขอรับ ขอบคุณขอรับ ขอบคุณขอรับ""เอ้ย...พวกเรามีคนใจดีมากแจกอาหาร เตรียมชามช้อนมารอรับเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังก้องไปในความมืดนั้น สามารถปลุกพลังแห่งความวุ่นวายได้ในทันที ดีที่หลินหลินมีท่านลุงท่านป้า ทั้งสองมีประสบการณ์มาก่อน จึงให้คนของตนเองกันไม่ให้คนเร่ร่อนเบียดเข้ามาใกล้โต๊ะ เพราะอาจจะชนหม้อข้าวต้มเสียหายได้แต่ความหิวนั้นไม่เข้าใครออกใคร เริ่มมีการทะเลาะแย่งแถวกันเด็กๆ ถูกผลักออกจากแถว เด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้จ้าเมื่อถูกคนตัวใหญ่ผลักล้มลง ผู้คนล้วนไม่สนใจ นางเห็นดังนั้นจึงตะโกนออกไปว่า"หากพวกเจ้ายังทะเลาะกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว...ข้าจะเก็บของทั้งหมดกลับไป!"แค่เพียงเสียงเดียวก็ทำให้ทุกอย่างสงบลงในพริบตา ทุกสายตาย้ายไปมองที่นางเป็นตาเดียว พร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจสิ
เอาล่ะ....นางผิดเอง " ระบบจากนี้ไปต้องคอยเตือนข้าทุกเรื่อง เข้าใจไหม? ""ระบบจะเตือนผู้ถูกเลือกขอรับ"หลินหลินจัดการข้าวของที่จะแจกจ่ายพวกคนเร่ร่อนเสร็จ พอมีเวลาว่าง นางก็มานั่งพักที่ชานเรือน พร้อมกับถ้วยชาและขนมคุกกี้ บรรยากาศยามเย็นช่างเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเสียจริงแต่แล้ว หลินหลินก็นึกขึ้นได้ว่า นางลืมหินเวทที่เก็บไว้ในมิติเสียสนิท! นางรีบเรียกหินเวทลมออกมา ก้อนหินสีฟ้าใสเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ในมือ หลินหลินหลับตา เพ่งสมาธิ สัมผัสได้ถึงพลังเวทที่ไหลเวียนเข้าสู่ลูกแก้วเวทลมในร่างกายทันใดนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีลมปราณปั่นป่วนในท้อง คล้ายกับ...จะเรอ!"เอิ๊กกกกกกก!"เสียงเรอของหลินหลินดังกึกก้องหลินหลินลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง ถ้วยชา จานคุกกี้ หายไปไหนหมด! นางกวาดสายตามองหา จนไปสะดุดกับแสงสะท้อนของแก้วกระเบื้องที่พุ่มดอกไม้ ห่างออกไป 10 เมตร!"หา! 10 เมตร?" หลินหลินอ้าปากค้าง"แค่เรอเองนะ แรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!"นางหัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งขำทั้งตกใจ ไม่คิดว่าพลังเวทจะทำให้เรอได้แรงขนาดนี้หลินหลินลุกขึ้น เดินไปเก็บถ้วยชาและจานคุกกี้ที่กระเด็นไป