ทางฝั่งหลินหลิน... ย้อนกลับไปตอนที่หลังเสี่ยวเอ้อรับถุงเงินและออกไป นางก็เข้ามิติไปเช็คราคาเครื่องประดับทั้งหมด เป็นอย่างที่นางคิดไม่มีผิด ของพวกนี้ทำกำไรให้นางเยอะมาก
หลินหลินไม่รอช้า นางออกจากห้องพักมุ่งหน้าสู่ร้านเครื่องประดับต่างๆ นางใส่ผ้าคลุมแปลงโฉม ตอนนี้ผู้คนจึงเห็นว่านางเป็นหญิงสาวอายุ 27-28 ปี
ก่อนหน้านี้ หลินหลินจ้างปู่หลิวกับสือหย่ง (ชายชราและเด็กน้อยที่รับจ้างตรวจเช็คแจกันให้นาง) ให้พวกเขาไปเช่ารถม้าพร้อมคนขับมา 1 คัน ปู่หลิวรับคำและไปจ้างคนที่รู้จักกันในหมู่บ้าน
คนนี้มีนามว่า หานเซียว เขาเคยเป็นทหารแต่ได้รับบาดเจ็บจึงออกจากการเป็นทหารมารับจ้างขับรถม้าแทน
หลินหลินนั่งรอที่ร้านน้ำชาเล็ก ๆ ริมถนน ถัดไปอีก 2 ซอย นางวางแผนว่า นางจะนั่งรถม้าชมรอบเมืองสักหน่อยนางอยากดูวิธีชีวิตของคนที่นี่...
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้ง 3 คนก็มายืนรอรับคำสั่งจากนาง หลินหลินส่งชุดให้ทุกคนเปลี่ยน พวกเขาไปหลบหลังรถม้าที่เป็นมุมอับ.. ลับตาคน และรีบเปลี่ยนชุดออกมาทันที...
ชุดมีลักษณะเหมือนกันทั้ง 3 ตัว เป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพง สีเทาเข้ม มีแค่ของปู่หลิวที่จะตัดขอบดำไม่เหมือนอีก 2 คน นางสั่งทุกคนว่า
"หากเจอคนรู้จักห้ามทัก ทำเป็นเหมือนไม่รู้จัก.... เพื่อความปลอดภัยของพวกท่านเองเข้าใจหรือไม่"
" 1 วันนี้ พวกท่านต้องปลอมตัวเป็นคนของข้าที่ยังมาไม่ถึงเมืองนี้ พวกเขาติดภารกิจจึงยังมาไม่ถึง ข้าจะให้พวกท่านปลอมเป็นผู้ติดตามข้าเพียงเท่านั้น งานไม่ยาก และมันไม่ใช่งานที่ผิดกฎบ้านเมืองแต่อย่างใด พวกท่านวางใจได้"
"จำไว้ พวกท่านจะต้องทำตัวให้เป็นเหมือนคนของข้า ยืนนิ่ง ๆ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น"
หลินหลินส่งแหวนหยกเวทให้ทั้ง 3 คนใส่ แหวนวงเล็กเปล่งประกายสีเขียวมรกตสะดุดตา
แหวนนี้นางซื้อมาจากระบบ มันปรับเปลี่ยนรูปโฉม เพิ่มลดอายุได้ ของปู่หลิว นางลดอายุเขามา 10 ปี เพียงเท่านั้นก็ไม่มีใครคิดว่าคือปู่หลิวแล้ว ส่วนของสือหย่ง นางเพิ่มอายุให้เขาเป็นบุรุษ 25 จากเด็กน้อยกลับกลายเป็นบุรุษที่คมเข้มชวนมอง และคนสุดท้ายคือ หานเซียว คนขับรถม้า นางปรับอายุให้เป็น 35 ต่างจากอายุจริงเขาเล็กน้อย
ทั้ง 3 คนมองชุดและแหวนด้วยความประหม่า ทั้งอาภรณ์ ทั้งแหวน หากเสียหายไปชีวิตนี้พวกเขาคงชดใช้ไม่ได้
"เอ่อ... คุณหนูขอรับ ของพวกนี้ราคาแพงมาก พวกเรากลัวมันจะเสียหายขอรับ....."
หานเซียวพูดขึ้นมาอย่างนอบน้อม แต่เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาต้องรอบคอบ... เขามีครอบครัวต้องรับผิดชอบ งานนี้หากเสียหายไปเขาไม่มีปัญญาชดใช้ให้นางแน่นอน
หลินหลินยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก
"พวกท่านวางใจ ข้าไม่เรียกร้องอะไรจากพวกท่านแน่นอน แค่จบงานพวกท่านคืนชุดและแหวนให้ข้าเพียงเท่านั้น ค่าจ้างพวกท่าน 5 ตำลึงต่อคน แต่ต้องเก็บทุกอย่างเป็นความลับ"
"ข้าให้เวลาพวกท่านตัดสินใจว่าจะรับงานนี้หรือไม่ ข้าไม่บังคับ หากพวกท่านไม่อยากทำแค่ถอดชุดและแหวนคืนข้าได้เลย"
ปู่หลิวคิดแค่เล็กน้อยก็ตอบตกลงรับงานนี้ เขาเชื่อในสัญชาตญาณตนเองว่าคุณหนูท่านนี้ไม่ใช่คนไม่ดี
สือหย่งไม่คิดอะไรมาก เขาตอบรับทันที 5 ตำลึงเชียวนะ
หานเซียวมองไปที่นางนิ่ง เขาจะลองเสี่ยงดู ในใจเขากลับมีความมั่นใจในนาง
"ข้ารับงานขอรับ"
ทั้งสามตอบตกลงทำให้หลินหลินยิ้มไปถึงดวงตา นางไม่ชอบบังคับใครและไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของเจ้าตัวเท่านั้น.....
หลินหลินไม่รู้เลยว่า..ตอนนี้ทั้ง 3 คน.. ต่างคิดว่าคุณหนูท่านนี้ร่ำรวยกว่าเจ้าเมืองเสียอีก สามารถครอบครองแหวนเวทถึง 3 วง พวกเขาจะต้องระวังตัวให้ดี ไม่ทำอะไรให้นางไม่พอใจเด็ดขาด
หลินหลินมองความเรียบร้อยของทั้งสาม... คนที่มองเข้ามาก็จะคิดว่าทั้ง 3 คนเป็นผู้ติดตามนางแน่นอน และปู่หลิวคือคนสนิทของนาง เพียงแค่นี้นางก็เหมือนคุณหนูที่มาทำการค้าที่ต่างเมือง
"หลังจากนี้พวกท่านพาข้านั่งรถม้าชมรอบเมืองสักรอบ ข้าอยากเห็นการค้า การใช้ชีวิตของผู้คนที่เมืองนี้ ....หลังจากนั้นท่านค่อยตรงไปยังร้านเครื่องประดับให้ข้า เพราะข้ามาทำการค้า"
"ขอรับ..."
ทั้งสามคนตอบพร้อมกัน
หลินหลินให้ปู่หลิวเข้ามานั่งด้านในเพื่อแนะนำร้านรวงต่าง ๆ ของเมืองนี้ ส่วนสือหย่งนางให้นั่งกับหานเซียวด้านนอก ระหว่างนั่งชมเมืองนางก็เห็นถึงความเป็นอยู่ของผู้คน คนยุคนี้บุรุษยังคงเป็นใหญ่กว่าสตรี ไม่เหมือนยุคที่นางจากมา ไม่ว่าจะชายหรือหญิงย่อมเท่าเทียม หลินหลินชอบบรรยากาศที่นี่ ไม่มีควันรถ ไม่มีมลพิษ อากาศเย็นสบาย
พอออกจากเขตการค้าที่คึกคักก็เป็นบ้านเรือนไล่ลำดับชนชั้นไป มีเงินหน่อยก็จะอยู่ข้างใน หากมีเงินน้อยหน่อยก็จะอยู่รอบนอก หากยากจนเลยจะอยู่นอกเขตกำแพงเมือง กระจายตัวตามหมู่บ้านต่าง ๆ
หานเซียวบังคับรถม้ามุ่งตรงไปสุดทาง เพื่อไปวนรถม้ากลับเข้าไปยังเขตเมืองที่ถนนอีกสาย แต่เส้นทางนี้ไม่ค่อยมีคนผ่าน เพราะเป็นเขตชิดขอบเมืองทางฝั่งตะวันตก
ตรงนี้จะเป็นที่รวมตัวของคนเร่ร่อน พื้นที่ไม่ได้กว้างมาก เป็นแค่พื้นที่ว่างก่อนถึงกำแพงเมืองเท่านั้น แต่กลับมีผู้คนนั่งอยู่จำนวนมาก คนพวกนี้เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าสกปรก จากที่นางมองเห็นจะเห็นพวกเด็กเล็ก สตรี ชายชรา ซะส่วนมาก ไม่ค่อยมีผู้ชายอยู่ตรงนี้
ปู่หลิวเห็นคุณหนูสนใจมองกลุ่มคนเร่ร่อน จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"คนพวกนี้เป็นครอบครัวของคนเร่ร่อนขอรับ... นานมาแล้วเคยเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ผู้คนต่างหลั่งไหลหนีตายกันมาที่นี่ หวังจะหาที่พักพิง แต่เมื่อภัยพิบัติสงบลง พวกเขาจำนวนมากกลับไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีบ้าน ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีแม้แต่ความหวังที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่"
แต่แล้วภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าก็ทำให้หัวใจของนางพลันบีบรัดแน่น
เด็กน้อยร่างกายผอมโซราวกับโครงกระดูกเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางกองขยะ เสื้อผ้าขาดวิ่น สกปรกมอมแมว ใบหน้าซีดเซียวเปื้อนคราบน้ำตาและรอยเขม่าควัน ผมเผ้ารุงรังพันกันยุ่งเหยิง ดวงตากลมโตแดงก่ำ จ้องมองกองขยะด้วยความหิวโหย มือเล็กๆ สั่นเทาคุ้ยเขี่ยเศษอาหารที่เน่าเสียอย่างไม่รังเกียจ
หลินหลินมองภาพนั้นด้วยความสลดใจ ความไม่มีมันน่ากลัว ยิ่งกับเด็กเล็ก ยิ่งแล้วใหญ่เขาจะหาจากไหน?
เด็กน้อยหยิบเศษอาหารขึ้นมากัดกินอย่างหิวกระหาย แม้มันจะแข็งและแห้งกรัง แต่เขาก็ยังเคี้ยวกลืนลงคอไป ราวกับว่ามันเป็นอาหารเลิศรส
เสียงปู่หลิวพูดต่อ
"บางส่วนที่พอจะมีเงิน ก็เลือกจะเดินทางไปยังเมืองที่มีญาติพี่น้องของตนเองอยู่ขอรับ แต่คนที่ท่านเห็นอยู่นี้... พวกเขาไม่มีที่ไป ไม่มีใครเหลือ พวกผู้ชายที่พอทำงานได้ ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ หรือคนชรา ก็จะเข้าไปหางาน รับจ้างในเมืองกัน ส่วนผู้หญิง เด็ก และคนแก่ ก็ได้แต่นั่งรออย่างสิ้นหวัง หวังว่าจะมีผู้ใจบุญหยิบยื่นเศษอาหารหรือเงินเล็กๆ น้อยๆ ให้ประทังชีวิตไปวันๆขอรับ "
หลินหลินมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ นางเคยเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน นางเข้าใจความรู้สึกของการไม่มีใคร ไม่มีที่พึ่งพิง แต่นางยังโชคดีที่มีองค์กรต่างๆ คอยช่วยเหลือ มีอาหารให้กิน
ในยุคนั้นเด็กกำพร้าอย่างข้ายังมีโอกาส...นางคิดในใจแต่กลับคนพวกนี้ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือพวกเขาเลย
"ที่เห็นอยู่ตอนนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นขอรับ"
เสียงของปู่หลิวดึงหลินหลินกลับสู่ปัจจุบัน
"ยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้"
ติ๋ง!
หลินหลินมองหน้าจอที่มีเสียงแจ้งเตือน ภาระกิจช่วยเหลือคนเร่รอน ทำทานครั้งใหญ่ ภาระกิจด่วนจากระบบ/ไม่มีของรางวัล /ไม่บังคับ ผู้ถูกเลือกจะทำภารกิจนี้หรือไม่ทำก็ได้
หลินหลินพยักหน้ารับ สายตาของนางมองไปยังกลุ่มคนเร่ร่อนอีกครั้ง ก่อนที่ร่างบางจะยกยิ้มขึ้นมา
หานเซียวมุ่งหน้าไปยังร้าน ตะกลูเย่ว ร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมือง
"ถึงแล้วขอรับคุณหนู"
รถม้าค่อย ๆ หยุดลงยังหน้าร้าน ปู่หลิวลงก่อน ก่อนนำบันไดมาวางให้นางได้เดินลงสะดวกขึ้น ตรงนี้เป็นหน้าร้านไม่สามารถจอดรถม้าได้ ทางร้านทำที่จอดรถม้าไว้ทางด้านหลังร้าน
หานเซียวกับสือหย่งจึงบังคับรถม้าอ้อมไปทางด้านหลัง นางบอกให้เขารออยู่ที่นั่นเลย นางจะไปกับท่านปู่หลิวเอง
หลินหลินมองป้ายหน้าร้าน ที่เขียนว่า เย่ว ที่แปลว่าดวงจันทร์ ก็ได้แต่ยกยิ้มน้อย ๆ สงสัยดวงนางจะถูกกับพระจันทร์ โรงเตี๊ยมที่พักชื่อจันทรา ร้านเครื่องประดับก็ชื่อพระจันทร์
หลินหลินก้าวเข้าไปในร้าน ด้านหลังมีปู่หลิวติดตามมา นางเดินดูเครื่องประดับภายในร้านอย่างเพลิดเพลิน ร้านนี้มีครบ ทั้งปิ่น ต่างหู กำไล สร้อยคอ หยกพก ถุงหอม เครื่องราง
และที่นางต้องกรี๊ดคือ... ที่ทับกระดาษที่ทำจากหยก แกะสลักเป็นรูปสัตว์มงคล หานเซียวเลือกร้านได้ดีถูกใจนางจริงๆ ดูท่าแล้วนางคงทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
ผู้ดูแลร้านเห็น หลินหลิน เดินวนดูของแต่ละอย่างจนครบแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าจะถามซื้ออะไร ก็รีบเข้ามาดูแลทันที วันนี้นายท่านใหญ่ตรวจบัญชีอยู่ด้านบน เขาต้องทำผลงานให้ดี .... ไม่ให้เกิดปัญหาอะไร
"คุณหนูต้องการซื้อหาอะไรขอรับ"
ผู้ดูแลพูดกับหลินหลินด้วยความนอบน้อม คุณหนูท่านนี้เขาไม่คุ้นหน้านางเลย... น่าจะเป็นคุณหนูต่างเมือง ฐานะนางต้องไม่ธรรมดา เขาดูจากผ้าคลุมที่นางสวมใส่
ผ้านี้เขาไม่เคยเห็นตามร้านค้ามาก่อน แต่เนื้อผ้าดูก็รู้ว่าเป็นผ้าทอเวท ราคาไม่ต่ำกว่า 30 เหรียญทองต่อพับ ไม่มีขายทั่วไป ต้องประมูลเท่านั้น
หลินหลินชี้ไปที่ทับกระดาษ ถามหาราคาที่แพงที่สุด ผู้ดูแลแนะนำชิ้นนั้นชิ้นนี้ แนะนำมา 3-4 แบบ ทุกแบบราคาสูงสุดคือ 5 เหรียญทอง นางฟังแต่ยังไม่ได้ตกลงซื้อ นางวนดูเครื่องประดับอื่น ๆ อีก 1 รอบ
"ข้าต้องการซื้อของไปขายต่างเมืองจำนวนมาก ไม่ทราบว่าที่ร้านท่านมีราคาพิเศษหรือไม่เจ้าคะ"
ผู้ดูแลเงยหน้ายิ้มการค้า แต่ดวงตากลับสำรวจหลินหลินกับปู่หลิวทันที
"เรียนคุณหนู ที่ร้านย่อมมีราคาพิเศษขอรับ ไม่ทราบคุณหนูต้องการสินค้าประมาณไหน กี่ชิ้นขอรับ"
"ข้าต้องการสินค้าทุกประเภท ต้องการจำนวนมาก และไม่ได้จำกัดจำนวนชิ้นไว้เจ้าคะ... ไม่ทราบว่าข้าต้องติดต่อเจรจากับใคร หรือสามารถคุยกับท่านได้เลยเจ้าคะ"
ผู้ดูแลสั่งให้คนเชิญหลินหลินขึ้นไปชั้นสอง ห้องที่ 3 ชั้นนี้เป็นห้องส่วนตัว มีไว้ต้อนรับแขกคนสำคัญ คู่ค้า หรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้นระหว่างที่หลินหลินและปู่หลิวเดินตามคนนำทางไป ผู้ดูแลก็รีบไปเรียนนายท่านใหญ่ทันทีก๊อก ก๊อก ก๊อก ผู้ดูแลรอสัญญาณเสียงจากคนด้านในก่อน รอไม่นานเสียงนายท่านใหญ่ก็ดังขึ้น "ว่ามา..." ผู้ดูแลไม่ชินกับเสียงดุดันนี้เลยจริงๆ ... "เรียนนายท่านใหญ่ขอรับ มีคุณหนูท่านหนึ่งต้องการซื้อเครื่องประดับจำนวนมาก ข้าน้อยเลยมาแจ้งนายท่านใหญ่ก่อนขอรับ"เย่วเทียนชุนขมวดคิ้วเป็นปม ร้านเขาเป็นร้านอันดับ 1 ของเมืองนี้ คนที่ต้องการซื้อของส่วนใหญ่ผู้ดูแลจะเป็นคนดูเอง ไม่เคยต้องให้เขาไปดูแล "ซื้อจำนวนมาก? ... มากแค่ไหน ถึงกับต้องมาตามเขา"มุมปากหนายกยิ้ม เขาเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าใครมาเล่นตลกกับเขากันเทียนชุนวางสมุดบัญชีลง เขาตรวจบัญชีเสร็จพอดี มีอะไรอย่างอื่นให้ทำบ้างก็ดี ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เมื่อด้านในมีเสียงความเคลื่อนไหว ผู้ติดตามหน้าห้องทั้ง 2 ก็เปิดประตูรอนายของตนเองทันทีผู้ดูแลเดินนำเทียนชุนไปยังห้องพิเศษห้องที่ 3 เขารู้สึกถึงรังสีกดดันจากทางข้างหลัง ความจริงเขาแค่จ
"500 เหรียญทองก็ย่อมได้... แต่มีข้อแม้หนึ่งข้อ ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะซื้อขายกับข้าอีกครั้ง" เทียนชุนเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาคมกริบจับจ้องหลินหลินไม่คลาดสายตาราวกับจะมองทะลุผ่านใบหน้าของนางผู้ดูแลแทบเป็นลม... กำไรหายไปอีก 57 เหรียญทอง ทำไมนายท่านยิ่งเจรจามันกลับยิ่งน้อยลง หรือคนโง่ ๆ อย่างเขาจะไม่เข้าใจการค้ากันนะ.....หลินหลินครุ่นคิด ตอนแรกนางแค่จะมาเหมาสินค้าเข้าระบบ ไม่คิดผูกขาดกับใคร..."เรียนคุณชายตามตรง พรุ่งนี้.. ข้ากำลังจะออกเดินทางไปทางใต้ ไม่ได้อยู่เมืองนี้ ไม่ทราบว่าท่านมีร้านอยู่ทางใต้บ้างไหมเจ้าคะ"เทียนชุนชะงักไปเล็กน้อย น่าเสียดายที่นางจะไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้แล้ว และอีก 2 วัน ตัวเขาเองก็ต้องออกเดินทางขึ้นเหนือ"ร้านค้าตระกูลเย่วมีหลายสาขาทั่วทั้งแคว้น"เสียงเข้มเอ่ยขึ้น เหมือนมีความไม่พอใจเจืออยู่เล็กน้อย"เจ้าจะลงใต้ไปเมื่อใด""ข้าจะไปเหมาสินค้าอีก 2-3 ร้านเจ้าค่ะ และจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ"" ต้องการสินค้ามากมายขนาดนั้น ...เจ้าจะเปิดร้านขาย? ""ข้าไม่ได้จะเปิดร้านเจ้าค่ะ ข้าแค่โชคดีที่มีลูกค้าเป็นพวกพ่อค้าต่างแคว้น ของทั้งหมดมีคนต้องการซื้ออยู่แล้วเ
หลินหลินเข้ามิติมาเพื่อดูว่าตัวนางจะหายไปจากตรงนั้นไหม นางดูนาฬิกา ตอนนี้ 10 วิแล้วที่นางอยู่ในมิตินางลุ้นมาก สิ่งที่นางคิดไม่น่ามีอะไรผิดพลาด มันเป็นทฤษฎีของแมลง นักวิทยาศาสตร์มีการวิจัยเกี่ยวกับความสามารถอันน่าทึ่งของแมลงไว้ว่า แมลงบางชนิดสามารถบินหลบสายฝนได้โดยที่ตัวมันไม่เปียกด้วยซ้ำ!ซึ่งแมลงพวกนี้มีสายตาที่ไวมากเป็นพิเศษ แถมยังมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลันอีกด้วย ซึ่งการตอบสนองของมันไวกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า!แมลงบางชนิดจะมีดวงตาที่ขาและมีดวงตาขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเลนส์ขนาดเล็กจำนวนมากมายเรียงกัน เลนส์เหล่านี้ทำหน้าที่รับภาพและประมวลผลออกมา ซึ่งมีความไวมากกว่ามนุษย์มากถึง 4 เท่า บวกกับมันสามารถทำความเร็วในการบินได้ 8 กม. ต่อชม. นั้นทำให้มันมองเห็นภาพเป็นแบบสโลว์โมชั่น ความสามารถการมองเห็นแบบสโลว์โมชั่นของมัน ทำให้การตบจากมนุษย์เป็นแค่การตบแบบสโลว์โมชั่นของมันเท่านั้นเมื่อหลินหลินลองเทียบเวลา 1 เดือนในมิติกับ 1 วันภายนอก มันมีความต่างที่เหลื่อมล้ำกับการรับภาพผ่านดวงตาของมนุษย์ทั่วไป นางเลือกทั้ง 3 คนนี้เป็นกลุ่มแรกที่นางจะทดลอง เพราะพวกเขาบางคนไม่มีพลังเวท หานเซียวมีแค่เวทระด
"ท่านปู่ขายอะไรเจ้าคะ"หลินหลินเอ่ยถามชายชราด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผู้เฒ่าเฉียวค่อย ๆ เงยหัวขึ้นมองคนตรงหน้า ดวงตาที่แสนเศร้าหมองและเหนื่อยล้า แต่กลับมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้หลินหลินภาพของชายชราผู้โดดเดี่ยว ทรุดโทรม และสิ้นหวัง สะท้อนเข้ามาในใจหลินหลินอย่างไม่อาจห้ามได้ นางเห็นถึงความอ่อนล้าในทุกอิริยาบถของเขา ร่างกายที่ผ่ายผอม เสื้อผ้าที่ขาดวิ่น และแผ่นผ้าเก่า ๆ ที่ปูรองหนังสือเพียงไม่กี่เล่ม บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตที่ยากลำบาก"คุณหนู..."เสียงแหบพร่าของชายชราทำให้หลินหลินรู้สึกสะท้านในใจ มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง"ข้าขายตำราขอรับ คุณหนูสนใจตำราหรือขอรับ... ตำราพวกนี้ข้าน้อยสะสมมันมาทั้งชีวิต ตอนนี้ชราแล้ว บุตรชายก็มาบาดเจ็บ จึงต้องนำมันมาขาย เชิญคุณหนูเลือกดูก่อนขอรับ"หลินหลินหยิบขึ้นมาเปิดผ่าน ๆ "ท่านปู่ ตำราท่านขายยังไงเจ้าคะ"ปู่เฉียวกลัวว่าวันนี้เขาจะไม่มีเงินไปจ่ายค่าหมอให้ลูกชาย จึงตัดใจลดราคาตำราลง"เรียนคุณหนูตามตรง ตำราพวกนี้ปกติข้าขายอยู่เล่มละ 2 ตำลึงขอรับ แต่บัดนี้จนใจต่อโชคชะตาแล้ว.... ข้าน้อยหวังเพียงเงินไปจ่ายค่าหมอค่ายาให้บุตรชาย คุณหนูให้เท่าไร
โครงการถุงยังชีพ มาถึงโลกใบนี้แล้ว นางจะริเริ่มเปลี่ยนแปลงที่นี่เอง" ไม่เป็นไรเจ้าค่ะเถ้าแก่ รบกวนท่านเตรียมสินค้าให้ข้า ข้าต้องการอย่างละ 9 กระสอบเจ้าค่ะ ท่านแค่เตรียมไม่ต้องไปส่ง ข้าจะเก็บเข้าถุงมิติเจ้าค่ะ"" ได้ขอรับ เชิญคุณหนู เชิญนั่งรอตรงนี้สักครู่ขอรับ"เถ้าแก่รีบไปจัดเตรียมเก้าอี้ให้หลินหลิน วันนี้เขาโชคดีจริง ๆ มีลูกค้ามาเหมาของจำนวนมาก แถมไม่กดราคาเขาด้วยที่ร้านเขาขายถูกจึงมีเศรษฐีหลายคนมาข่มขู่ว่าซื้อเยอะต้องลดราคา เขาไม่สามารถลดให้ได้จริง ๆ ร้านเขาเป็นร้านเล็ก ๆ ไม่ได้เอากำไรมากมาย ลูกค้าของเขาก็ชาวบ้านทั้งนั้น จะขายเอากำไรมากขึ้นก็สงสาร เลยได้แต่ขายราคานี้มาตลอดเถ้าแก่กำลังไล่ตรวจนับข้าวสารแต่ละชนิด สายตาของหลินหลินก็ไปปะทะกับผักดอง เกี่ยมไฉ่ ผักกาดดองเค็ม นางลุกขึ้นไปดูก็พบว่ามีผักกาดดองเปรี้ยว ซึงไฉ่ และหัวไชโป๊อยู่ด้วย หลินหลินบอกเถ้าแก่ว่านางเอา 3 อย่างนี้ด้วย ให้เหลือทิ้งไว้ที่ร้านอย่างละ 1 ถุงที่วางโชว์ (5 กิโล) นอกนั้นนางเอาหมด เถ้าแก่ก็น่ารัก รีบมาจัดการต่อให้นางเลยเถ้าแก่แม้จะสงสัยว่านางเหลือไว้ทำไม แต่เขาต้องรีบจัดของจึงยังไม่ได้ถามออกไปหลินหลินเดินดูเค
หลินหลินนั่งคุยกับป้าเจียงเพลิน เผลอลืมบุรุษ 3 คนที่นั่งรอนางอยู่หน้าเรือนไปเสียสนิท" ท่านป้า ข้าขอไปสั่งงานคนของข้าสักครู่นะเจ้าคะ" ฮูหยินเจียงยิ้มรับรู้ "เจ้าไปเถอะ เดี๋ยวสักพักแม่นมจางคงมาหาป้าที่จวนนี้เป็นแน่"" แม่นมจาง? เป็นแม่นมของป้าเอง ไว้ป้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นางเป็นคนที่จิตใจดีมากทีเดียว""เจ้าค่ะ" หลินหลินยิ้มหวานก่อนเดินออกมาหน้าเรือน เห็นท่านปูหลิวนั่งรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ มีสือหย่งและหานเซียวนั่งขนาบข้าง พอพวกเขาเห็นนางก็รีบลุกและเดินมาหา" ขอโทษที่ให้รอนานเจ้าค่ะ" หลินหลินยื่นส่งเงิน ให้ทุกคนคนละ 5 ตำลึงเงินตามที่นางให้สัญญาไว้ " วันนี้พวกท่านกลับบ้านได้เลยนะเจ้าคะ และอย่าลืมหาที่ปลอดภัยถอดแหวนกับชุดเก็บไว้ใส่ในวันพรุ่งนี้ ก่อนมาหาข้า พรุ่งนี้ข้าจะจ้างพวกท่านอีก 1 วัน มีใครมาไม่ได้ไหมเจ้าคะ"" มาได้ขอรับ..." ทั้งสามตอบด้วยสีหน้าดีใจยิ้มกว้าง จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร รับงานนี้พวกเขาได้เงินมากถึง 10 ตำลึงภายใน 2 วันหลินหลินส่งห่อผ้าที่ข้างในมีซาลาเปาไส้ผัก ไส้หมู ไส้หมูแดง รวมๆ กันห่อละ 10 ลูก ให้พวกเขาทั้ง 3 คน " นำกลับไปให้คนที่บ้านกินนะเจ้าคะ และพรุ่งนี้เจอ
" ฮะแฮ่ม...พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่หรือ..."ท่านลุงเจียงแกล้งเอ่ยถาม แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่อาหารบนโต๊ะไม่วางตา" ท่านพี่ มานั่งก่อนเจ้าค่ะ ข้ากับหลินเอ๋อร์กำลังรอท่านอยู่พอดี"" หลินเอ๋อร์?" สายตาลุงเจียงย้ายจากอาหารมามองที่หลินหลินทันที หลินหลินยิ้มหวานให้หนึ่งที"ท่านพี่...ตอนนี้ข้ารับหลินเอ๋อร์เป็นหลานสาวแล้ว ข้าชวนนางอยู่ด้วยกันทีนี่ แต่...นางใจแข็งยิ่งนักเจ้าค่ะ หลินเอ๋อร์อยากไปอยู่ทางใต้ หากนางตกลงจะอยู่ที่นี่สักนิดข้าคงให้ท่านสร้างเรือนเพิ่มที่จวนของเราพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ เอ๊ะ..ท่านพี่หรือเราย้ายไปทางใต้ไปอยู่กับหลินเอ๋อร์ดีเจ้าคะ""ฮ่าๆๆๆ ท่านป้าใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะไปที่เมืองใดเจ้าค่ะ ไว้ได้ข้าสร้างจวนเสร็จข้าจะรีบส่งข่าวมาบอกท่านนะเจ้าคะ เผื่อท่านอยากหนีท่านลุงไปอยู่กับข้า ""แค่กๆ หลินเอ๋อร์ ป้าเจ้าอยู่ที่ใดลุงก็อยู่ที่นั่นแหละ เจ้าอย่าให้ทางนางหนีจากลุงเด็ดขาด ฮ่ะๆๆ"สี่เสียงหัวเราะประสานขึ้นมาพร้อมกัน" ท่านลุง เชิญดื่มน้ำใบเตยก่อนเจ้าค่ะ แล้วเราค่อยลงมือทานอาหารกัน ท่านป้าหิวแย่แล้ว"แม่นมเตรียมตัวจะลุกขึ้น หลินหลินจับมือแม่นมเพื่อจะประคอง "แม่นมจะไปไ
เอาล่ะ....นางผิดเอง " ระบบจากนี้ไปต้องคอยเตือนข้าทุกเรื่อง เข้าใจไหม? ""ระบบจะเตือนผู้ถูกเลือกขอรับ"หลินหลินจัดการข้าวของที่จะแจกจ่ายพวกคนเร่ร่อนเสร็จ พอมีเวลาว่าง นางก็มานั่งพักที่ชานเรือน พร้อมกับถ้วยชาและขนมคุกกี้ บรรยากาศยามเย็นช่างเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเสียจริงแต่แล้ว หลินหลินก็นึกขึ้นได้ว่า นางลืมหินเวทที่เก็บไว้ในมิติเสียสนิท! นางรีบเรียกหินเวทลมออกมา ก้อนหินสีฟ้าใสเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ในมือ หลินหลินหลับตา เพ่งสมาธิ สัมผัสได้ถึงพลังเวทที่ไหลเวียนเข้าสู่ลูกแก้วเวทลมในร่างกายทันใดนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีลมปราณปั่นป่วนในท้อง คล้ายกับ...จะเรอ!"เอิ๊กกกกกกก!"เสียงเรอของหลินหลินดังกึกก้องหลินหลินลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง ถ้วยชา จานคุกกี้ หายไปไหนหมด! นางกวาดสายตามองหา จนไปสะดุดกับแสงสะท้อนของแก้วกระเบื้องที่พุ่มดอกไม้ ห่างออกไป 10 เมตร!"หา! 10 เมตร?" หลินหลินอ้าปากค้าง"แค่เรอเองนะ แรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!"นางหัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งขำทั้งตกใจ ไม่คิดว่าพลังเวทจะทำให้เรอได้แรงขนาดนี้หลินหลินลุกขึ้น เดินไปเก็บถ้วยชาและจานคุกกี้ที่กระเด็นไป
บทพิเศษเสี่ยวเฮย และ เสี่ยวหมี(หมีหิมะ)ภายในมิติ ทันทีที่หลินหลินจากไป เสี่ยวเฮยทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม"ฮือๆ นายหญิง... ทำไม... ทำไมถึงทิ้งข้า"เสี่ยวเฮยคร่ำครวญด้วยความเสียใจเสี่ยวหมีเดินเข้ามาใกล้ "เสี่ยวเฮย เจ้าอย่าเสียใจไปเลย นายหญิงคงมีเหตุผลของนาง""เหตุผลอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ!" เสี่ยวเฮยร้องไห้โฮ "ข้ารักนายหญิง ข้าอยากอยู่กับนายหญิงตลอดไป"เสี่ยวหมีมองเสี่ยวเฮยด้วยความสงสาร "เสี่ยวเฮย... " เสี่ยวหมีลังเล "ข้า.. ข้าอ่านตำราโบราณออก""แล้วอย่าไร" เสี่ยวเฮยเงยหน้ามองเสี่ยวหมี"ตำราโบราณกล่าวไว้ว่า หากต้องกำจัดอสูรหิมะ ต้องระเบิดพลังจากภายในด้วยพลังระดับ 8 สองสาย และระดับ 9 หนึ่งสาย"เสี่ยวหมีอธิบายเสี่ยวเฮยขมวดคิ้ว "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายหญิง""นายหญิงเป็นมนุษย์ นางมีพลังระดับ 9 ที่นายหญิงยกเลิกพันธะสัญญา ก็เพราะ... นางต้องการปกป้องเจ้า"เสี่ยวเฮยนิ่งอึ้ง "ปกป้องข้า?""ใช่ นางรู้ว่า หากเจ้ายังมีพันธะสัญญาอยู่ หากนางระเบิดพลังเจ้าจะตายไปด้วย "เสี่ยวหมีพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า "นางรักเจ้ามาก เสี่ยวเฮย"เสี่ยวเฮยเบิกตากว้าง หัวใจของมันรู้สึกอบอุ่น ใน
ภายในจวนท่านแม่ทัพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวัง เสียงร้องโอดโอยของหลินหลินดังเล็ดลอดออกมาจากห้องคลอดเป็นระยะๆ ทำให้เทียนชุนที่ยืนรออยู่ด้านนอกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เขากำมือแน่น พยายามสะกดกลั้นความกังวลเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจหยุดความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้"หลินเอ๋อร์ เจ้าต้องปลอดภัยนะ"เขาพึมพำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน พวกเขานั่งรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เสียงร้องของหลินหลินแต่ละครั้งทำให้หัวใจของพวกเขาแทบจะหยุดเต้น"ลูกต้องปลอดภัยนะ"มารดาของหลินหลินพึมพำภาวนา ทันใดนั้นเสียงร้องของทารกก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงัดในจวน ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องคลอดด้วยความตื่นเต้นไม่นาน หมอตำแยก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง "ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ฮูหยินคลอดลูกแฝดชายหญิง เป็นเด็กที่แข็งแรงมาก"เทียนชุนรีบพุ่งเข้าไปในห้องคลอดทันที เขาเห็นหลินหลินนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียวแต่ก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ข้างกายนางมีทารกน้อยสองคนนอนอยู่เทียนชุนทรุดตัวลงข้างเตียง จับมือภรรยาไว้แน่น"หลินเอ๋อร์ เจ้าเก่งมาก"
หลินหลินค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคยของเทียนชุน ทันทีที่สติกลับคืนมา ภาพเหตุการณ์สุดท้ายก่อนหมดสติก็ฉายชัดขึ้นในห้วงความคิด เสียงระเบิดดังสนั่น ภาพดวงตาที่ทั้งสองมองมาที่นาง…น้ำตาไหลอาบแก้มหลินหลินอีกครั้ง ความเจ็บปวดของความสูญเสียกัดกินหัวใจของนางอย่างรุนแรง นางพยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้"เสี่ยวเฮย... เสี่ยวหมี..."นางพึมพำชื่อของพวกมันซ้ำๆ ราวกับต้องการเรียกพวกเขากลับมาเทียนชุนตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากร่างกายของภรรยา เขามองหลินหลินที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก หัวใจของเขาเจ็บปวดไม่ต่างกัน เขาโอบกอดนางไว้แน่น พยายามปลอบโยน" หลินเอ๋อร์"เขาพูดเสียงแผ่วเบา "ทุกอย่างจบแล้ว"หลินหลินเงยหน้ามองสามี น้ำตาไหลอาบแก้ม "ข้า... ข้าทำไม่สำเร็จ"นางพูดเสียงสั่นเครือ "ข้าไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้"เทียนชุนส่ายหน้า "ไม่ใช่ความผิดของเจ้า พวกเขาเลือกที่จะเสียสละตัวเองเช่นเจ้าเลือกที่จะสละตัวเองเพื่อพวกเรา""แต่..."หลินหลินยังคงร้องไห้ไม่หยุดเทียนชุนเช็ดน้ำตาให้ภรรยาอย่างอ่อนโยน "เสี่ยวเฮยและเสี่ยวหมีคงภูมิใจในตัวเอง ที่พวกเขา
หลินหลินรีบร้อนเข้าสู่มิติเพื่อเตรียมตัวรับมือกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ แม้จะมีเวลาจำกัดเพียงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) แต่นางก็ไม่รอช้า มุ่งตรงไปยังหอตำราเวททันทีภายในหอตำรา บรรยากาศเงียบสงบและเคร่งขรึม อักษรโบราณสีทองเรียงรายอยู่บนผนังถ้ำสูงตระหง่าน หลินหลิน ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอสูรหิมะ สัตว์ในตำนานที่กำลังคุกคามพวกเขา ครั้งนี้อักษรไม่ได้พุงเข้ามาที่ตัวของนางแต่ปรากฏหนังสือโบราณเก่าแก่อสูรหิมะ... สัตว์ในตำนานที่ถือกำเนิดจากพายุหิมะอันรุนแรง ดูดกลืนพลังจากความหนาวเย็นจนกลายเป็นอสูรร้ายทรงพลัง มันออกตามล่านักเวทระดับ 9 เพื่อดูดกลืนพลังขั้นสุดท้ายของพวกเขาหลินหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตัวอักษรในตำราเต้นระริกราวกับจะตอกย้ำความจริงที่ว่า มีเพียงนางและสามีเท่านั้นที่อยู่ในระดับ 9 มือของนางเริ่มสั่นไหว ความกลัวกัดกินหัวใจนางพลิกหน้าตำราต่อไปอย่างรวดเร็ว ค้นหาวิธีที่จะหยุดยั้งอสูรตนนี้มีเพียงสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจ 9 ครั้งเท่านั้นที่จะสังหารมันได้ หรือ... การระเบิดพลังจากภายใน ต้องใช้พลังเวทระดับ9 หนึ่งขุม หรือระดับ 8 สองขุม ถึงจะจัดการกับอสูรหิมะตนนี้ได้หลินหลินหน้าซีดเผือด มือบางสั่นเทาจนเสี่ยวเ
"เราจะพักที่นี่เอาแรงก่อน" หลินหลินหันไปบอกกับทั้งสามคน ก่อนจะมอบน้ำทิพย์ให้พวกเขาคนละกระบอกนางใช้เวลาพูดคุยกับครอบครัวอีกหนึ่งเค่อ (30 นาที) ก่อนจะขอตัวกลับไปทำภารกิจต่อระบบแจ้งเตือนว่ายังมีผู้รอดชีวิตอีก 2 คน แต่ดวงตาตรวจสอบของนางกลับใช้การไม่ได้ในพายุหิมะที่รุนแรงเช่นนี้ นางต้องพึ่งดวงล้วนๆในการค้นหาพวกเขาหลินหลินและเหล่าทหารกลับมายังจวนแม่ทัพอีกครั้งครั้งนี้นางร่ายโล่เวทขึ้นมาเพื่อต้านทานพายุ นางจะเป็นผู้นำทัพหน้า ส่วนหลิวเคออยู่ซ้าย โหลกังอยู่ขวา และอิงหานคอยระวังหลัง ทุกคนต่างดึงพลังเวทของตนเองออกมาใช้อย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้กับพายุที่โหมกระหน่ำพวกเขาเดินฝ่าพายุหิมะไปอย่างยากลำบาก หิมะหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า ลมพัดกระหน่ำจนแทบจะปลิวไปตามลม หลายครั้งที่พวกเขาเกือบจะล้มลง แต่ก็ยังคงประคองกันและกันไว้ได้ตอนนี้พวกเขาพบกับภาพที่น่าสลดใจที่สุด...เท่าที่เคยพบเจอ สองตายายนอนกอดกัน ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนา ราวกับกำลังหลับใหลอย่างสงบ แต่หลินหลินรู้ดีว่าพวกเขาจากไปแล้วหลินหลินทรุดตัวลงข้างๆ ร่างของสองตายาย น้ำตาไหลอาบแก้มของนางอย่างไม่อาจควบคุมได้ น
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เทียนชุนยังคงโอบกอดหลินหลินไว้แนบอก ความรู้สึกภายในของเขาลึกล้ำเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดในฐานะสามี เขาอยากปกป้องภรรยาสุดที่รักจากอันตรายข้างนอก แต่ในฐานะแม่ทัพ เขาก็ไม่อาจละทิ้งประชาชนในแดนเหนือได้เช่นกัน เขาติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้งภายในใจ ปล่อยนางไปก็ห่วง กักตัวนางไว้ก็ผิดต่อหน้าที่หลินหลินที่จมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง เริ่มตั้งสติและรวบรวมความกล้า นางไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ และการเดิมพันครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงเพื่อคนที่นางรักหลินหลินค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดที่อบอุ่นของสามี เงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างแน่วแน่"ท่านพี่" นางเอ่ยเสียงหนักแน่น"สำหรับข้า ท่านคือโลกทั้งใบ ดังนั้นข้าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ กลับมาเคียงข้างท่านให้ได้ ข้าสัญญา"แววตาของหลินหลินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความรักที่ล้นปรี่ เทียนชุนมองลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น เขาเห็นถึงความแข็งแกร่งและความเสียสละที่ซ่อนอยู่ภายใน แม้ใจจะแหลกสลายที่ต้องปล่อยนางไป แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งภรรยาของเขาได้เขาพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า รู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ "พี่จะรอเจ้า...
ยามจื่อ (00.00 น.) ความมืดมิดปกคลุมราตรีไร้เสียง มองเห็นเพียงแสงเทียนริบหรี่จากบ้านเรือนบางหลัง ทว่าในเงามืดนั้น มีกลุ่มเงาเคลื่อนไหวอย่างว่องไวและเงียบเชียบ นำโดยหลิวเคอ และทหารฝีมือดีของหลินหลินอีกหลายสิบนาย ด้วยวรยุทธ์และพลังเวทที่สูงส่งถึงระดับ 7 พวกเขาเคลื่อนไหวราวกับภูตพราย ไร้ร่องรอย ไม่มีใครแม้แต่จะรู้สึกถึงการมีอยู่ของพวกเขา แต่ละคนล้วนมีถุงมิติขนาดเล็กที่หลินหลินกว้านซื้อมาจากระบบมากถึง 500 ใบบ้านเรือนทุกหลังในเมืองถูกเยี่ยมเยือนโดยกลุ่มเงาเหล่านี้ พวกเขาเข้าออกอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ของมีค่าทุกชิ้นถูกกวาดลงถุงมิติอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ เงิน เครื่องประดับ หรือของสำคัญอื่นๆ ล้วนถูกเก็บลงถุงมิติข้างตัวยามหยิน (03.00น.)ไม่มีบ้านเรือนหลังไหนที่พวกเขาไม่ไปเยือน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว ราวกับปฏิบัติการลับที่ได้รับการวางแผนมาอย่างดีรุ่งเช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับความโกลาหล เมื่อชาวเมืองทุกหลังคาเรือนตื่นขึ้นมาพบว่าของมีค่าภายในบ้านหายไปอย่างไร้ร่องรอย! แม้แต่โต๊ะรับแขกไม้เนื้อดีก็ยังอันตรธานไป สร้างความตื่นตระหนกและหวาดกลัวไปทั่วหลินหลินคาดกา
ขณะที่หลินหลินกำลังมุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งต่อไป นางก็สำลักเลือดออกมาจนเปรอะเปื้อนอาภรณ์ ทหารที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจ"นายหญิง!!"หลินหลินยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดอย่างไม่ใส่ใจ "ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นอะไร"นางฝืนยิ้มให้พวกเขา แต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง พลังเวทในตัวนางเหลือน้อยเต็มที การสร้างปราการครั้งใหญ่เมื่อครู่นี้ดูดพลังของนางไปมากมาย หลินหลินกัดฟันข่มความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาในอก พยายามรักษาท่าทีให้นิ่งสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นางรู้ดีว่าร่างกายของนางกำลังส่งสัญญาณเตือน"ไม่เป็นไรหลินหลิน เจ้าจะไม่เป็นอะไร"หลินหลินพูดเสียงแผ่วเบา เพื่อส่งกำลังใจให้ตัวเองข้าจะต้องเข้มแข็ง ข้าต้องทำได้ นางบอกตัวเองในใจภาพความฝันที่สองเมื่อคืนยังคงตามหลอกหลอนนาง ความรู้สึกผิดที่ไม่อาจปกป้องทุกคนได้ยังคงกัดกินหัวใจของนาง นางไม่อาจปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกในความฝันนั้น นางเห็นตัวเองเลือกสร้างปราการคุ้มกันเมืองแดนเหนือเอาไว้ เพราะคิดว่าเพียงแค่พายุผ่านไปทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ ค่ายทหารถูกพายุถล่มจนพังพินาศ และเมื่อพายุสงบลง กองกำลังศัตรูก็บุกเข้าโจมตีทันที แม้ว่าในท้ายที่สุด นางแล
เทียนชุนแทบไม่ได้ฟังที่หลินหลินพูด เขาจดจ้องอยู่แต่กับเรือนร่างตรงหน้า เทียนชุนประกบจูบหญิงสาวอย่างโหยหา หลายวันมานี้เขาคิดถึงนางแทบขาดใจ เมื่อคืนที่เห็นนางเหนื่อยจึงไม่อยากรบกวนนาง อยากให้นางได้พักผ่อน แต่ไม่คิดว่าเช้ามาเขาจะได้อาหารเช้าที่แสนวิเศษ "ท่านพี่...อ้า.. "นิ้วสากลูบไล้เนื้ออวบอูมอย่างช่ำชอง นิ้วหนาชำแหละกลีบชมพูเข้าไปในช่องทางรักอย่างโหยหา..เขาชักนิ้วเข้าออกระรัวจนร่างบางหวีดร้อง....."อะๆๆๆ..อ้า! " ร่างบางบิดเร้าด้วยความเสียว เทียนชุนดึงนิ้วที่เปียกย้อมด้วยน้ำรักของสตรีตรงหน้าออกมา เขาชูให้นางดูก่อนใช้ลิ้นเลียนิ้วหนา หลินหลินมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว เขาดูเซ็กซี่ขยี้ใจนางมาก..."อ้า... "ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มหนัก เทียนชุนควักท่อนเอ็นที่พองโตออกมาชักรูดสองสามทีก่อนเสียบอัดเข้าไปจนมิดด้าม"อ้า..หลินเอ๋อร์... "ร่างหนาครางต่ำ..."อืมมมม!!! "พั่บ..พั่บ..พั่บ..พั่บ..เสียงเนื้อกระทบกันดังกึกก้องห้องนอน หลินหลินตัวโยกไปตามแรงกระแทกของสามี"อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ! งื้อ... ""ใหญ่มากท่านพี่ของท่านใหญ่มาก..." เทียนชุนที่ได้ยินภรรยา