แชร์

4 : ช่วยต่งฮูหยินทำคลอด

ผู้แต่ง: หิมะที่ปลิดปลิว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-26 11:17:16

4 : ช่วยต่งฮูหยินทำคลอด

          เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ ดังแข่งกับเสียงอาวุธกระทบกันในความมืด สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คน ที่อยู่บริเวณรอบข้างเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพวกเขากลับไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ ท่ามกลางหิมะที่ตกโปรยปราย หนทางยามค่ำคืนนั้น ไม่เหลือทางรอดให้พวกเขา

          ภายในกระโจมหลินซือเยว่ตรวจดูต่งฮูหยินแล้วชะงักไป นางหันไปทางแม่นมฉี “ฮูหยินของเจ้าตั้งท้องได้กี่เดือนแล้ว”

          แม่นมฉีลอบกลืนน้ำลายเบา ๆ “เจ็ดเดือนเจ้าค่ะ”

          “เจ็ดเดือน ! คุณหนูเจ้าคะ นี่น้ำคร่ำแตกแล้ว” เผิงฉือเคยคลอดลูกมาก่อน ย่อมรู้ว่าน้ำคร่ำแตกนั้นหมายความว่าจำเป็นต้องคลอดทารกออกมา แต่ว่าอายุครรภ์เพียงเจ็ดเดือนนั้น ค่อนข้างอันตรายไม่น้อย รีบหันไปทางแม่นมฉี แล้วขึงสายตามองนางตรง ๆ “นี่เจ้าน่ะ หากคุณหนูของข้าช่วยทำคลอดให้ ไม่ว่าคนจะเป็นหรือตาย เจ้าห้ามโทษคุณหนูของข้าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเจ้าก็พาฮูหยินของเจ้า ออกจากกระโจมของคุณหนูข้าไปเสีย”

          “แม่นาง ได้โปรด...ช่วยลูกข้าด้วย” ต่งฮูหยินฝืนความเจ็บเอ่ยออกมา สายตาจดจ้องไปยังหลินซือเยว่ เหมือนรู้ว่านางคือคนที่จะชี้ชะตาของตัวเองกับลูกได้

          หลินซือเยว่ถอนหายใจเบา ๆ “คลอดก่อนกำหนดในสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้”

          “ข้าไม่เป็นไร จะไม่โทษแม่นางด้วย ได้โปรด...”

          แววตาเข้มแข็งของคนเป็นแม่ ทำให้หลินซือเยว่รู้สึกใจอ่อนขึ้นมา

          “ป้าเผิงเตรียมอ่างใส่น้ำร้อนไว้ล้างตัวเด็ก หาผ้าสะอาด ๆ มาหลายผืนหน่อย บอกหลินอ้ายเตาอุ่นอย่าให้ถ่านหมดเด็ดขาด เอาที่สำรองไว้บนรถม้ามาใช้ด้วย” หลินซือเยว่หันไปทางแม่นมฉีต่อ “ส่วนเจ้าช่วยหาผ้าอุ่น ๆ มาไว้ห่อตัวเด็กไว้เถอะ ทางที่ดีให้สาวใช้สองคนด้านนอก นำผ้าอังไฟรอไว้เลย อากาศเช่นนี้ไม่ดีต่อเด็กแรกเกิด”

          “เจ้าค่ะ ๆ” แม่นมฉีกลัวว่าหลินซือเยว่จะเปลี่ยนใจ รีบจัดการทำตามที่นางบอกทันที

          เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้ว หลินซือเยว่บอกให้ต่งฮูหยินเตรียมเบ่งคลอดได้ นางจับมือแม่นมฉีเอาไว้แน่น ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเป็นระยะ ทำให้คนคุ้มกันทั้งสองด้านนอกเกิดหนาวสั่นขึ้นมา เหตุการณ์ที่ศาลาพักม้าเริ่มเบาเสียงลง ไม่นานก็มีคนของเขาวิ่งมาทางนี้

          “หัวหน้าหยางนายท่านล่อพวกมันไปที่อื่นแล้ว ฝากข้ามาส่งข่าวว่าให้ดูแลฮูหยินให้ดี ก่อนฟ้าสางท่านจะกลับมาที่นี่เอง”

          “ข้ารู้แล้ว” หัวหน้าหยางกำหมัดแน่น นายท่านทำเช่นนี้เพื่อความปลอดภัยของต่งฮูหยิน จึงได้ดึงศัตรูไปที่อื่นแทน หวังว่าท่านจะปลอดภัยกลับมา เขาไม่อาจละทิ้งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอันยิ่งใหญ่นี้ได้ แต่แล้วเสียงต่อมาก็ทำให้เขาเข่าแทบทรุด

          “คุณชายน้อยไม่มีลมหายใจแล้ว ฮือ ๆ ๆ” เป็นเสียงของแม่นมฉีที่ดังออกมาจากกระโจม

          “หัวหน้าหยาง ทำอย่างไรดี”

          “ทำหน้าที่ของเจ้าต่อไป หากมีเรื่องร้ายจริงแม่นมฉีจะออกมา ขอความช่วยเหลือจากข้าเอง” หัวหน้าหยางผู้นี้รู้ว่าเรื่องสตรีคลอดบุตรนั้น บุรุษเช่นเขาไม่อาจสอดมือเข้าไปยุ่งได้ อย่างน้อยแม่นมฉีก็เคยมีประสบการณ์ ทั้งคลอดและเลี้ยงเด็กทารกมาก่อน นางย่อมมีประโยชน์กว่าชายชาติทหารเช่นตัวเขา

          ภายในกระโจม

          ต่งฮูหยินร้องไห้ใจแทบขาด แม่นมฉีสะอึกสะอื้นด้วยความสงสารคุณชายตัวน้อย ที่ตอนนี้เนื้อตัวเขียวซีด ไร้ซึ่งลมหายใจไปแล้ว

          “เงียบ !” หลินซือเยว่เอ่ยขึ้น พร้อมกับกัดนิ้วตัวเอง ใช้เลือดวาดยันต์ด้วยอักษรโบราณ บนกลางอกของทารกตัวน้อย เพื่อเรียกดวงวิญญาณกลับคืนสู่ร่าง

          นางประกบฝ่ามือร่ายคาถาเปิดเนตรทิพย์ มองหาดวงวิญญาณของทารกที่เพิ่งหลุดลอยออกจากร่าง ครั้นพบว่าวิญญาณเจ้าตัวน้อยไม่ได้ไปไหนไกลเลย กลับลอยไปอยู่ข้าง ๆ มารดาของตน จึงได้กวาดฝ่ามือดึงเจ้าตัวน้อยให้กลับมาอยู่ในร่างตัวเอง จากนั้นก็ปิดเนตรทิพย์ไว้ตามเดิม ใช้สองนิ้วนวดหัวใจทารกน้อยเบา ๆ เรียกว่าเป็นการใช้วิธีแบบผสมผสานอดีตและอนาคตเข้าด้วยกัน

          “แม่นางพอเถอะ ลูกชายข้าตายไปแล้ว เจ้าอย่ากระทำย่ำยีเขาเลย” ต่งฮูหยินทนดูต่อไปไม่ไหว พยายามยันตัวลุกขึ้น แต่ว่าเรี่ยวแรงของนางมีไม่พอ จึงได้ล้มลงไปนอนตามเดิม

          “ฮูหยินคุณหนูของข้ากำลังช่วยชีวิตลูกชายของท่านอยู่ โปรดรอสักครู่เถอะเจ้าค่ะ” เผิงฉือไม่เคยเห็นวิธีรักษาเช่นนี้มาก่อน แต่นางมั่นใจในฝีมือของหลินซือเยว่เป็นอย่างมาก

          แม่นมฉีมองหลินซือเยว่ ที่กำลังนวดหัวใจของคุณชายน้อยอย่างตั้งใจ เหมือนเสียงพูดของพวกนางจะไม่สามารถทำลายสมาธิอันแน่วแน่ของนางได้ “ฮูหยินรอก่อนเถอะเจ้าค่ะ ไม่แน่แม่นางผู้นี้อาจช่วยคุณชายน้อยได้”

          ต่งฮูหยินน้ำตาไหลพราก แต่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ แทบไม่กล้ามองดูบุตรชายของตัวเอง แต่แล้วเสียงร้องเบา ๆ ของทารกตัวน้อย ก็ทำให้ทุกคนตื่นจากฝันร้าย

          “ป้าเผิงทำความสะอาด” นางยื่นคุณชายน้อยที่กำลังร้องไห้ให้เผิงฉือ

          “เจ้าค่ะคุณหนู !” เผิงฉือได้สติ รีบนำตัวทารกลงไปในอ่างน้ำอุ่นกำลังดี เสียงของหลินซือเยว่ก็ดังตามมา “ทำให้เร็ว”

          นางรีบจัดการอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าแม่นมฉีก็นำผ้าห่มอังไฟ มาพันรอบตัวคุณชายตัวน้อยไว้ พร้อมกับน้ำตาไหลอาบน้ำอย่างตื้นตันใจ “ฮูหยินเจ้าคะ คุณชายน้อยยังอยู่เจ้าค่ะ” รีบนำไปให้ต่งฮูหยินได้อุ้ม

          หลินซือเยว่ให้เวลาสองแม่ลูก ได้ทำความรู้จักกันไม่นาน นางก็เอ่ยกับแม่นมฉี “เจ้ารีบไปหาชุดใหม่มาเปลี่ยนให้นาง ป้าเผิงทำความสะอาดกระโจม”

          ใช้เวลาหนึ่งเค่อ(15นาที) ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย หลินซือเยว่นำทารกน้อยไปมอบให้มารดา “ให้นมเขาก่อนเถอะ”

          ยามนี้ไม่ว่าหลินซือเยว่จะเอ่ยอันใดออกมา ทุกคนล้วนทำตามอย่างว่าง่าย แม่นมฉีรู้ว่าต่งฮูหยินเพิ่งมีบุตรคนแรก จึงเข้ามาสอนวิธีให้นมแก่นาง ระหว่างนั้นหลินซือเยว่ได้นำเชือกเส้นหนึ่งที่มีจี้หยกสีขาว มาผูกติดไว้ที่ข้อมือของเด็กน้อย

          “แม่นางสิ่งนี้คือ” ต่งฮูหยินลอบมองนางด้วยความแปลกใจ

          “หยกตรึงวิญญาณ ผ่านการทำพิธีที่อารามเต๋ามาแล้ว คุณชายน้อยวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างไป ข้าทำพิธีเรียกกลับคืนมาได้ก็จริง ทว่าวิญญาณนั้นอ่อนแอนัก จำเป็นต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวเอาไว้ ใส่หยกนี้ไว้รอให้ครบหนึ่งเดือนก่อน ค่อยถอดออก”

          “แม่นางนี่ท่านรู้เรื่องพวกนี้ด้วยหรือ” ต่งฮูหยินอายุยังน้อยเพียงสิบแปดเท่านั้น ไหนเลยจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ ยิ่งคนที่ทำเรื่องเหนือธรรมชาติ ยังเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น

          “คุณหนูของข้าเติบโตมาในอารามเต๋าเจ้าค่ะ” เผิงฉือคลายข้อสงสัยให้นางแทน

          ต่งฮูหยินดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก “ขอบคุณแม่นางมาก ขอบคุณจริง ๆ”

          “เจ้าพักผ่อนเถอะ” หลินซือเยว่เอ่ยแล้วหันไปส่งสายตาให้เผิงฉือ จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากกระโจมไป ปล่อยให้ต่งฮูหยินใช้กระโจมได้ตามสบาย

          หลินซือเยว่เดินไปหาหัวหน้าหยาง “คนร้ายไม่อยู่แถวนี้แล้ว ท่านพาชาวบ้านที่ใจกล้าหน่อย ไปย้ายศพออกจากห้องโถงอุ่นเถอะ ให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกเข้าไปหลบหนาวก่อน ไม่เช่นนั้นพวกเขาได้แข็งตายอยู่ข้างนอกนั่นแน่”

          “แม่นางฮูหยินของข้า ?”

          “ปลอดภัยทั้งแม่และลูก ท่านรีบไปจัดการเรื่องชาวบ้านก่อนเถอะ ทางนี้มีข้าอยู่ไม่ต้องห่วง”

          “ขอบคุณแม่นางมาก” หัวหน้าหยางคำนับนาง ก่อนไปสั่งการให้ลูกน้องไปเคลื่อนย้ายศพ เหลือตัวเขาคุ้มกันบริเวณกระโจมเพียงลำพัง

          “คุณหนูอีกตั้งสองชั่วยามกว่าจะเช้า คืนนี้เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ” เผิงฉือมองกระโจมที่ถูกต่งฮูหยินใช้งานไปแล้ว

          “ไปนอนบนรถม้ากัน หลินอ้ายเจ้าไปนอนที่กระโจมได้เลยไม่มีอะไรแล้ว ทางนี้พวกเขาจัดการกันเองได้”

          “ขอรับคุณหนู” หลินอ้ายไม่รอช้ามุดเข้ากระโจมน้อยพอดีตัวของเขาในทันที

          “ข้าเกรงว่าจะนอนไม่หลับน่ะสิคุณหนู” เผิงฉือมีความกังวลใจอยู่

          หลินซือเยว่มองไปยังองครักษ์เหล่านั้น “มีคนคุ้มกันอยู่ด้วยท่านจะกลัวอะไร ป้าเผิงรีบเข้านอนกันเถอะ”

          ได้ยินแล้วเผิงฉือพลันยิ้มออก รีบขึ้นไปปูผ้านวมนอนบนรถม้า พร้อมเตาอุ่นอีกอัน “มิน่าคุณหนูถึงได้ซื้อเตาอุ่นมาหลายอัน” นางยิ้มก่อนเอนตัวลงนอนด้านข้างกับคุณหนูของตัวเอง

          ยามเหม่า(05.00-06.59)

          เสียงคนพูดคุยกันค่อนข้างดังพอสมควร หลินซือเยว่ลืมตาตื่นขึ้นเห็นเผิงฉือนั่งแง้มผ้าม่านรถม้ามองออกไปด้านนอก

          “เหมือนจะเป็นสามีของฮูหยินผู้นั้นเจ้าค่ะ มากันหลายคนเลยท่าทางไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป” ตอนนี้เช้าแล้วเผิงฉือจึงมองสำรวจพวกเขาได้ชัดตากว่าเมื่อคืน “คุณหนูพวกเขาเดินมาทางนี้แล้ว”

          “ลงไปกันเถอะ” หลินซือเยว่สำรวจตัวเองก่อน จากนั้นจึงเดินลงจากรถม้าตามเผิงฉือไป ด้านล่างยังมีหลินอ้ายที่ตื่นขึ้นมาเตรียมต้มน้ำไว้รอ

          “แม่นางข้าได้ยินเรื่องราวจากฮูหยินแล้ว โปรดรับการคำนับขอบคุณจากข้าด้วย” บุรุษวัยยี่สิบแปดปีผู้นี้ รัศมีของเขาเปล่งประกายเป็นอย่างมาก

          หลินซือเยว่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขามีฐานะไม่ธรรมดาจริง ๆ “เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านั้น”

          “แม่นางข้าขอรู้ชื่อผู้พระคุณได้หรือไม่ ภายภาคหน้าหากมีโอกาสจะได้ตอบแทนท่านอย่างแน่นอน” ต่งลู่เหอไม่คิดว่าสตรีวัยสิบกว่าปีผู้นี้ คือคนที่ช่วยทำคลอดให้ภรรยา อีกทั้งยังสามารถช่วยเหลือบุตรชาย ที่หมดลมหายใจไปกลับคืนมาได้ ทว่ามองใบหน้าที่นิ่งเฉย ไร้ซึ่งแววตื่นตระหนกใด ๆ ของนาง คงจริงที่ว่าเติบโตมากับอารามเต๋า

          “ข้าเป็นเพียงผู้สัญจรผ่านทางมาเท่านั้น ท่านอย่าได้ยึดติดเป็นบุญคุณอันใดเลย ข้าขอตัวก่อน” หลินซือเยว่น้อมศีรษะลงเล็กน้อย จากนั้นนางก็เดินไปหาหลินอ้าย สั่งให้เขาเตรียมน้ำใส่อ่างล้างหน้าให้นาง

          ก่อนเดินทางจากไปหลินซือเยว่ให้เผิงฉือนำกระดาษแผ่นหนึ่ง ไปมอบให้แก่หัวหน้าหยางเพื่อส่งต่อให้เจ้านาย ต่งลู่เหอเปิดอ่านในทันที คิ้วเขาขมวดแน่นอย่างแปลกใจ

          “ท่านพี่นางเขียนอันใดหรือเจ้าคะ” ต่งฮูหยินเห็นสีหน้าของสามีพลันนึกแปลกใจตามไปด้วย

          “นางบอกว่าให้ออกเดินทางก่อนยามซื่อ(09.00-10.59) หากไม่ทันก็ให้เลื่อนเวลาไปเป็นยามเว่ย(13.00-14.59)”

          “นางบอกเหตุผลไว้หรือไม่”

          “ไม่ได้บอกอันใดข้อความมีเท่านี้ หัวหน้าหยางคนที่นำจดหมายมาส่งกำชับสิ่งใดเพิ่มเติมหรือไม่”

          หัวหน้าหยางเอ่ย “ไม่มีขอรับ”

          “เราต้องรีบเดินทางก่อนที่พวกมันจะหวนกลับมา ยามซื่อคงไม่ทันอย่างแน่นอน ทางการมาทำคดีเราต้องเป็นพยานให้ปากคำ ทว่าหากเลื่อนไปยามเว่ยข้าเกรงว่าจะล่าช้าเกินไป”

          ต่งฮูหยินนิ่วหน้า นางมองดูบุตรชายในอ้อมแขน มองดูหยกสีขาวบนข้อมือน้อย ๆ “ข้าเชื่อนาง นางเป็นคนพาลูกชายของเรากลับมา ท่านพี่ได้โปรดคิดให้รอบคอบด้วยเถอะ”

          ต่งลู่เหอมีความรักต่อฮูหยินอย่างลึกซึ้ง เพียงได้ยินคำขอของนาง ก็อดใจอ่อนไม่ได้ ยอมที่จะเลื่อนเวลาเดินทางออกไปเป็นยามเว่ย เส้นทางที่พวกเขาใช้เดินทางไม่ใช่เส้นทางหลัก แต่เป็นทางลัดบนภูเขาเพื่อหลบเลี่ยงสายตาผู้คน

          เมื่อถึงยามออกเดินทางพวกเขาถึงได้เข้าใจในคำเตือนนั้น หิมะถล่มลงมาจากภูเขาปิดกั้นเส้นทางราวหนึ่งลี้ (500เมตร) แม้ไม่มั่นใจว่าเหตุเกิดช่วงเวลาใด แต่หากพวกเขาออกเดินทางในช่วงเวลาปกติ คงไม่อาจหลีกพ้นจากหายนะครั้งนี้ไปได้ ยิ่งต่งฮูหยินที่เพิ่งผ่านการคลอดลูกมาด้วย ไหนเลยจะทนรับกับความโชคร้ายนี้ไหว

          ต่งลู่เหอล้วงจดหมายแผ่นนั้นออกมาดูอีกหน “ข้าติดค้างบุญคุณแม่นางอีกแล้ว”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   5 : เหตุใดไม่ให้คุณหนูของข้าเข้าจวน  

    5 : เหตุใดไม่ให้คุณหนูของข้าเข้าจวน “คุณหนูเหตุใดไม่ยอมบอกชื่อแซ่แก่พวกเขาล่ะเจ้าคะ ข้าดูแล้วพวกเขาคงมีฐานะใหญ่โตอยู่ไม่น้อย วันข้างหน้าอาจได้พึ่งพากันก็เป็นได้” เผิงฉือรินน้ำชาใส่ถ้วยเลื่อนให้ผู้เป็นนาย “เหตุใดป้าเผิงถึงอยากพึ่งพาคนแปลกหน้าล่ะ” เผิงฉือพูดไม่ออก นั่นสินะ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอันใด หลินซือเยว่กลับเอ่ยขึ้นเสียก่อน “หากมีวาสนาต่อกันจริง วันข้างหน้าก็ต้องได้เจอกันอีก แต่หากไร้วาสนารู้จักชื่อแซ่ไปก็เปล่าประโยชน์” “จริงของคุณหนูเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าคุณหนูไปถึงตระกูลหลินแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง” หลินซือเยว่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ นางไม่อาจล่วงรู้ชะตาของตนเองได้ นี่คือสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยน ยามได้ล่วงรู้ความลับของสวรรค์ “ดีหรือไม่ดีแล้วอย่างไรเล่า” นางเอ่ยคล้ายไม่แยแสในชีวิตวันข้างหน้าของตนเอง เผิงฉือได้แต่ลอบพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ คุณหนูของนางช่างเย็นชาเสียจริง เมืองหลวง จวนตระกูลหลิน หิมะยังคงโปรยปรายลงมาดั่งสายฝน รถม้าของหลินอ้ายถูกขวางไว้ตรงหน้าประตูด้านข้าง เสียงคนคุยกันด้านนอกรถม้า ทำให้หลินซือเย

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   6 : ตระกูลหลิน    

    6 : ตระกูลหลิน ห้องโถงใหญ่จวนตระกูลหลิน หญิงชราในวัยเจ็ดสิบห้าปี มวยผมต่ำไว้ด้านหลัง ปักด้วยปิ่นทองรูปหงส์หนึ่งอัน นางคือฮูหยินเฒ่า เจียงลี่เฟย นางได้เรียกลูกชายทั้งสองกับเหล่าลูกสะใภ้เข้ามาหารือเรื่องสำคัญ นายท่านใหญ่หลินเฉินนั่งอยู่ฝั่งขวา พร้อมด้วยหวางฮูหยิน หวางหลี่จิ้ง ฝั่งซ้ายเป็นนายท่านรองหลินเต๋อและเถียนฮูหยิน เถียนจินเยว่ “ข้าให้นางไปอยู่เรือนเฟยเฟิ่ง พวกเจ้าเห็นชอบว่าอย่างไร” ฮูหยินเฒ่านั่งอยู่ตรงกลางห้องโถง หันไปมองหน้าลูกชายทั้งสองด้วยความลำบากใจ หลินเฉินผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ เขาหันไปมองน้องชายราวกับประเมินความรู้สึกของอีกฝ่ายไปด้วย “น้องรองเจ้าว่าอย่างไร” หลินเต๋อเป็นน้องชายที่เชื่อฟังพี่ชายมาโดยตลอด เขาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยแย้งอันใดออกมา เป็นเถียนฮูหยินที่เอ่ยขึ้น “ท่านพี่นางเป็นลูกสาวของเรานะ” เอ่ยแล้วกลั้นน้ำตาที่เอ่ยคลอเบ้าไม่อยู่ “นางมีดวงชะตาไม่ดี ทำให้ตระกูลหลินต้องตกต่ำ ไม่อาจให้นางเข้ามาอยู่ในจวนตระกูลหลินได้” ฮูหยินเฒ่าปรามลูกสะใภ้รองด้วยสายตาดุดัน “ท่านแม่ไม่ใช่ว่าข้าไม่เข้าใจ แต่ที่ท่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   7 : ข้าพิการนางปัญญาอ่อน

    7 : ข้าพิการนางปัญญาอ่อน ตระกูลโจว มีบุรุษรูปร่างผ่ายผอมทว่ายังมองเห็นเค้าโครงความหล่อเหลา กำลังนอนลืมตาอยู่บนเตียง ด้านข้างมีคนสนิทอย่างชุยเหลียง คอยรายงานข่าวคราวให้เขาฟัง “เจ้าบอกว่าตระกูลหลินไม่ยอมรับนางเข้าจวนอย่างนั้นรึ” “ขอรับคุณชายใหญ่ พวกเขาอ้างว่าดวงชะตาของนางไม่เป็นมงคล มีผลให้ตระกูลหลินตกต่ำหรือล่มจมลงได้ จึงให้นางพักอาศัยอยู่นอกจวน ห่างจากจวนใหญ่ไปหลายตรอกอยู่เหมือนกัน” “นางคงเหมือนกับข้าสินะ เมื่อไร้ค่าก็หมดประโยชน์” “ตระกูลหลินทำไม่ถูก เหตุใดถึงได้มอบสตรีปัญญาอ่อนผู้นั้นมาแต่งงานแทน หากท่านไม่ให้ข้าไปตามสืบก็คงไม่รู้ ว่าตอนเด็กนางได้รับอุบัติเหตุจนมีอาการปัญญาอ่อนขึ้น” ชุยเหลียงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ นี่มันหยามหน้ากันเกินไปแล้ว “ข้าพิการนางปัญญาอ่อน เหตุใดจะไม่เหมาะสมกันเล่า” “คุณชายใหญ่ !” “งานแต่งจะยังเกิดขึ้นหรือไม่ก็ไม่มีผู้ใดบอกได้ ชุยเหลียงเจ้าอย่าได้กังวลไปนักเลย ไม่ใช่ว่าวันนี้ท่านหมอเจินต้องเข้ามาดูอาการของข้าหรือ” “ขอรับ สักพักคงมาถึงแล้ว คุณชายใหญ่ต้องการย้ายไป

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   8 : เนรเทศทั้งตระกูล  

    8 : เนรเทศทั้งตระกูล หลายวันต่อมา เกิดเหตุร้ายขึ้นที่ประตูวังหลวง มีคนร้ายจำนวนหนึ่งบุกเข้าไปภายในวังหลัง ทำร้ายพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้จนเกือบสูญเสียเด็กในครรภ์ หลังจับกุมคนร้ายได้บางส่วน พวกมันต่างซัดทอดไปยังที่ปรึกษาเว่ยเว่ย เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ หลินเฉินในยามนั้นปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด ว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ แต่จดหมายที่อยู่บนตัวของคนร้าย กลับเป็นลายมือของเขาอย่างชัดเจน ฮ่องเต้ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก สั่งปลดหลินเฉินออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาเว่ยเว่ย และลงโทษคนตระกูลหลินทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ขุนนางทั้งหลาย มีราชโองการให้ยึดทรัพย์สินของตระกูลหลินทั้งหมด และเนรเทศคนตระกูลหลินออกไปยังชายแดน ห้ามกลับเข้ามาเหยียบเมืองหลวงอีกตลอดชีวิต หลังรับราชโองการ คนตระกูลหลินถึงกับล้มทั้งยืน ไม่ทันได้เก็บข้าวของอันใด ทหารก็บุกเข้ามายึดทรัพย์สินและจับกุมทุกคนไปห้องขัง เสียงร้องไห้ของสตรีบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของบุรุษ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คนทั้งตระกูลสามสิบกว่าชีวิต ถูกขังรวมไว้ด้วยกัน ไม่แบ่งแยกชายหญิงแต่อย่าง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   9 : พบหน้าในคุก      

    9 : พบหน้าในคุก เมื่อควบม้ามาถึงเรือนเฟยเฟิ่ง หิมะที่หยุดตกไปก่อนหน้ากลับโปรยปรายลงมาอีกหน มีทหารมารออยู่ภายในห้องโถง เพื่อรอนางกลับมาจริง ๆ เผิงฉือถูกสั่งให้เตรียมห่อผ้าเอาไว้ล่วงหน้า หลินซือเยว่สั่งให้นางเย็บห่อผ้าแบบสมัยใหม่ เป็นเป้ผ้าขนาดใหญ่ใส่ของได้เยอะ แต่ที่นางคิดไม่ถึงคือเผิงฉือกลับเตรียมเป้ของตัวเองเอาไว้ด้วย “คุณหนูไปไหนข้าไปด้วยเจ้าคะ” “ป้าเผิง การถูกเนรเทศไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรข้าก็ไม่อาจรู้ได้” “ข้าไม่กลัว ข้าเสียครอบครัวไปหมดแล้ว ที่มีชีวิตอยู่มาได้ทุกวันนี้ ก็เพราะคุณหนูนะเจ้าคะ หากไม่มีคุณหนูข้าเองก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม” เผิงฉือตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “ป้าเผิงท่านคิดดีแล้วหรือ” “ข้าคิดดีแล้วเจ้าค่ะ” หลินซือเยว่ไม่อาจฝืนใจผู้อื่นได้ นางหันไปมองรอบกาย “แล้วหลินอ้ายล่ะ” “หลินอ้ายมีสัญญาซื้อขายตัวกับตระกูลหลิน ยังไงก็ต้องถูกเนรเทศไปกับตระกูลหลินเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นก็ไปพร้อมกันนี่แหละ” เสื้อกันหนาวอย่างอุ่นถูกเตรียมพร้อมเอาไว้ ผ้าห่มอย่าหนากับของใช้บางอ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   10 : ออกเดินทางท่ามกลางหิมะ

    10 : ออกเดินทางท่ามกลางหิมะ จวนแม่ทัพโจว หลังจากหลินซือเยว่จากไปแล้ว ช่วงดึกท่านหมอเจินได้เดินทางกลับมาพอดี เขาได้ตรวจดูอาการของโจวจื่อถง ปรากฏว่าร่างกายของชายหนุ่มดีขึ้นถึงสามส่วน ชุยเหลียงรีบนำกระดาษที่หลินซือเยว่ให้ไว้มอบให้เขาตรวจดู หลังจากนั่งพิจารณาอยู่ครู่ใหญ่ ท่านหมอเจินดวงตาฉายแววยินดีออกมา “นี่เป็นหมอเทวดาท่านไหนกัน” “ไม่ใช่หมอเทวดาที่ไหนหรอก เป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่งเท่านั้น” “แล้วนางอยู่ที่ไหน ข้าต้องการหารือเรื่องรักษากับนาง” ชุยเหลียง “ท่านหมอเจินนี่หมายความว่า” “เจ้าโง่นัก อาการของคุณชายใหญ่ดีขึ้นหลังนางฝังเข็มให้ นั่นหมายความว่านางรักษาได้ผล แล้วรูปแบบการฝังเข็มเช่นนี้ มหัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าสามารถฝังเข็มรักษาแบบนี้ได้” ชุยเหลียงได้รับคำยืนยันเช่นนี้ เกิดนึกเสียดายในโอกาสรักษาของคุณชายใหญ่ จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านหมอเจินได้รับรู้ หลังฟังจบท่านหมอเจินมีเพียงคำพูดเดียว คือน่าเสียดายจริง ๆ แต่ว่าเขายังมีความหวังอยู่ เพราะหลินซือเยว่ได้แนะนำวิธีการรักษาไว้อย่างละเอียด เพ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   11 : ช่วยจูฮูหยิน

    11 : ช่วยจูฮูหยิน เมื่อกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว ทหารได้ต้อนให้คนในขบวนเดินทางต่อ ตอนนั้นบิดาของหลินซือเยว่ไปปลดทุกข์อยู่ รถม้าของนางจึงรั้งอยู่เป็นกลุ่มสุดท้าย ผ่านไปราวสองเค่อคนตระกูลหยางก็ร่นมาอยู่ตรงหน้าของพวกนาง เพราะมีพวกเขานั่งขวางหน้า รถม้าของบ้านรองจึงต้องหยุดตามไปด้วย “พี่ชายฮูหยินของพวกข้าไม่ไหวแล้ว ท่านโปรดหยุดพักก่อนเถอะ” นายทหารผู้หนึ่งเอ่ยขอร้องกับทหารที่คุ้มกันขบวน “ได้อย่างไร หากหยุดพัก วันนี้พวกเราไปไม่ถึงที่หมายแน่ พวกเจ้าอยากตายอยู่กลางหิมะนี่หรืออย่างไร” “เช่นนั้นหยุดพักสักครู่ได้หรือไม่” บุรุษผู้นี้คืออดีตแม่ทัพหยางห่าวอู๋ และผู้ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้น คือจูฮุ่ยชิวภรรยาเอกของเขา “ไม่ได้ ! รีบลุกขึ้นเร็วเข้า” “เจ้านี่มัน !” “ห่าวหรานอย่าก่อเรื่อง !” หยางห่าวหรานชะงักหลังได้ยินเสียงบิดา กำหมัดเข้าหากันแน่นกัดฟันเสียงดังกรอด หลังสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงได้เอ่ยออกไป “พี่ชายท่านนี้มารดาของข้าป่วยหนัก ได้โปรดช่วยเหลือด้วยเถอะ” ขอร้องอย่างไรถึงเหมือนออกคำสั่งก็ไม่ปาน หลินซือเยว่นับนิ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   12 : ไปไม่ถึงที่พัก

    12 : ไปไม่ถึงที่พัก สองพ่อลูกตระกูลหยาง อยู่ใกล้กับครอบครัวของหลินเต๋อมากที่สุด เขาได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านหม่าเอ่ยอย่างชัดเจน และได้ยินหลินซือเยว่ตอบโต้ คล้ายไม่สนใจไยดีผู้เป็นย่าของตนเอง “นางทำไม่ถูกจริง ๆ นางควรมอบยาให้ท่านย่าของนาง” หยางห่าวอู๋เอ่ยเบา ๆ กับบุตรชาย หยางห่าวหรานไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา เขาเพียงแต่นึกไม่ถึงว่าสตรีอายุสิบห้าสิบหกปีผู้นี้ จะหาญกล้าต่อกรกับคนในตระกูลได้ ทำให้เขาต้องหันกลับมามองนางเสียใหม่ “ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง” เขาก้มหน้าลงมองมารดาที่นอนลืมตาอยู่ข้างบิดา มองผ้าห่มหนาผืนหนึ่งที่ได้รับมาจากบนรถม้า จูฮูหยินขยับตัวเล็กน้อย “ข้าดีขึ้นแล้วล่ะยาคุณหนูหลินใช้ได้ดีมาก นางยังมอบให้ข้าติดตัวไว้ด้วย ผ้าห่มนี่นางก็ยกให้ข้า” ขวดยาสีขาวถูกหยิบออกมาจากสาบเสื้อ มอบให้สองพ่อลูกดู หยางห่าวหรานหยิบออกมาเปิดจุกขวด ดมกลิ่นยาที่อยู่ด้านใน “เป็นยาลดไข้จริงด้วย” “เจ้านอนพักต่อเถอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงเดินทางต่อ” หยางหาวอู๋ลูบเส้นผมของภรรยาอย่างเบามือ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ ก่อนเลื่อนตัวลงไปนอนบนพื้นด้านข้างกับภรรยา

บทล่าสุด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   81 : ตอนพิเศษ 10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน (จบตอนพิเศษ)

    10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน หลินซือเยว่ชวนน้องสาวมาเยือนที่เรือน เพื่อเปิดโอกาสให้ฮู่ตงหยางได้พูดคุยกับนางบ้าง อย่างน้อยได้ทำความรู้จักพูดคุยกันก่อน ยามออกเรือนไปแล้วจะได้ไม่เขินอายกันจนเกินไป แต่นางได้เอ่ยกับบิดามารดาไปแล้ว ว่าให้หมั้นหมายกันไปก่อนหนึ่งปี เพราะยามนี้น้องสาวของนางเพิ่งอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดปีเอง แต่มารดาของนางกลับแย้ง ว่าอายุช่วงนี้กำลังเหมาะสม หากรอไปอีกหนึ่งปีฮู่ตงหยางก็สามสิบปีพอดี ในสายตาของผู้อื่นอาจคิดว่าอายุของทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน เพราะห่างกันร่วมสิบสองปี แต่ในสายตาของหลินซือเยว่ ฮู่ตงหยางอยู่ในวัยกำลังสร้างครอบครัวได้ มีแต่น้องสาวของนางนี่แหละที่เด็กน้อยเกินไป “น้องรอง” “เจ้าคะ” “เจ้าไม่คิดว่าองครักษ์ฮู่แก่ไปหรอกหรือ” หลินซูฮวาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่เจ้าค่ะ เขาดูแข็งแรงดี” “อ้อ เป็นข้าที่คิดมากไปเอง เจ้าดูเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ข้ามีงานไปคุยกับท่านอ๋องก่อน” “ได้เจ้าค่ะ” หลินซูฮวาชอบที่ได้เล่นกับหลานตัวน้อยทั้งสอง พวกเขาเลี้ยงง่าย แค่ได้วิ่งเล่นไปมาก็มีความสุขแล้ว นางเองได้นั่งมองเด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   80 : ตอนพิเศษ 9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล”

    9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล” หลินซูฮวาไม่ได้โง่ นางมองปราดเดียวก็รู้ ว่าคนตรงหน้าได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ช่วยด้วยวิธีไหนนั้นนางไม่แน่ใจ ภายในรถม้าที่นั่งกลับเรือนด้วยกันสองต่อสอง นางจึงได้ใจกล้าเอ่ยถามเขา “ท่านผายปอดให้ข้ารึ” ฮู่ตงหยางตัวแข็งทื่อหลังได้ยิน “คุณหนูหลินท่านรู้จักการผายปอดด้วยรึ” เขาถามเสียงค่อยคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง “รู้จักสิ พระชายามาสอนคนที่จวนอยู่เหมือนกัน ข้าก็ได้เรียนรู้ด้วย” นางเม้มปากแน่น พวงแก้มค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นมา การที่เขาไม่ปฏิเสธย่อมหมายความว่าเป็นเรื่องจริง “คุณหนูหลินข้าล่วงเกินท่านแล้ว” ฮู่ตงหยางยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี “หมายความว่าอย่างไร พระชายาบอกว่าเป็นการช่วยเหลือชีวิตผู้คน ข้าไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยสิ” หลินซูฮวาบิดปลายนิ้วใต้แขนเสื้อสุดแรง “ตอนข้า เอ่อ ผายปอดท่าน มีชาวบ้านอยู่แถวนั้นกันหลายคน เกรงว่าเรื่องนี้คงทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว” “องครักษ์ฮู่ท่านหมายความว่า มีคนเห็นท่าน” หลินซูฮวาหยุดพูด แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ “เป่าลมเข้าปากข้ารึ” ถาม

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   79 : ตอนพิเศษ 8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !”

    8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !” หลินซือเยว่จัดการเรื่องออกเรือน ให้สาวใช้สินเดิมทั้งสองเรียบร้อยแล้ว นางมอบของขวัญเป็นเรือนให้คนละหลัง พร้อมมอบกิจการร้านค้าให้อีกด้วย กระทั่งหนังสือขายตัวก็ฉีกทิ้งไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้เป็นอิสระในภายภาคหน้า “ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้าใจดีถึงเพียงนี้” เซวียนหมิงยู่โอบกอดนางจากด้านหลัง พร้อมหอมแก้มนุ่ม ๆ ของนางฟอดหนึ่ง “ยามเป็นโหย่วซิงเยียนพวกนางดีกับข้ามาก พอเป็นหลินซือเยว่ก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพร ยามนี้เลยได้ใช้ประโยชน์บ้าง ต่อไปภายภาคหน้าหากเกิดการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนางก็สามารถรักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องหาหมออย่างเดียว” หลินซือเยว่ได้วางแผนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ให้แก่คนในจวนไว้แล้ว เพียงแต่นางยังไม่มีเวลาได้ลงมือทำ “ข้าถึงได้ว่าเจ้าจิตใจดีอย่างไร” ไม่เพียงแต่กับบ่าวไพร่ในจวน กระทั่งชาวบ้านทั่วไปหลินซือเยว่ก็ใจดีต่อพวกเขา เซวียนหมิงยู่ได้รู้จากท่านหมอหลี่ ว่าพระชายาของตนได้ให้คนจากโรงสมุนไพร ออกไปถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นฐานให้แก่ชาวบ้าน และสอนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   78 : ตอนพิเศษ 7 : วาสนานำพารัก

    7 : วาสนานำพารัก หลินเต๋อให้คนไปเชิญพระชายามายังจวนของตน เพื่อหารือเรื่องสำคัญ ครั้นหลินซือเยว่ไปถึงก็ได้รู้ว่าพี่ชายของตนเอง กำลังจะมีข่าวดีเรื่องมงคล “ซีฮันสวมกวานมาหลายปีแล้ว สมควรคิดเรื่องออกเรือนได้เสียที” เถียนฮูหยินเป็นผู้เอ่ยเรื่องนี้ หลินซือเยว่รีบหันไปทางพี่ชายในทันที เห็นเขาใบหน้าแดงเถือกขึ้นอย่างชัดเจน นี่หมายความว่าไม่ปฏิเสธเป็นแน่แท้ “ท่านแม่หมายปองสตรีนางใดให้พี่ใหญ่หรือเจ้าคะ” “เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวง ทำการค้าเหมือนกัน” “ท่านพ่อเห็นชอบว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางหันไปทางบิดาบ้าง ส่วนตัวไม่ได้รู้จักคุณหนูผู้นี้มาก่อน “อืม คุณหนูใหญ่ผู้นี้ใช้ได้เหมือนกัน” หลินเต๋อย่อมเชื่อใจการมองคนของภรรยา หลินซือเยว่มองน้องสาวของตัวเองบ้าง เห็นนางพยักหน้าลงคล้ายพึงพอใจอยู่เหมือนกัน ทุกคนในบ้านล้วนพึงพอใจสตรีนางนี้ กระทั่งหลินซีฮันยังไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ “พี่ใหญ่ ท่านไปแอบดูนางมาแล้วใช่ไหม” ทุกคนต่างอ้าปากค้างหลังได้ยิน โดยเฉพาะเถียนฮูหยิน นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรชาย ไปแอบดูคุณหนูใหญ่ตระกูลหวงตอนไหน “ซีฮันนี่เจ้า

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   77 : ตอนพิเศษ 6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้”

    6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” ยามนี้คุณชายกับคุณหนูทั้งสองอายุครบสองปี ทั้งคู่เริ่มเรียกชื่อบิดามารดาได้แล้ว อีกทั้งยังพูดคุยประโยคสั้น ๆ ได้บ้าง หลินซือเยว่ได้จัดงานแต่งให้สวีวั่งซูอย่างสมเกียรติไปเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ฮู่ตงหยางจึงกลายเป็นคนขี้อิจฉา ยามได้เห็นสหายรัก รีบร้อนกลับเรือนทุกครั้งหลังออกเวร พอหันกลับมาทางท่านอ๋องของตน แทบนึกช่วงเวลาเหลียงอ๋องผู้เกรียงไกรแทบไม่ออก เพราะยามนี้นั้น “บิน ๆ สูง ๆ” เป็นเสียงเล็ก ๆ ของคุณชายตัวน้อย ท่านอ๋องของตนกำลังให้คุณชายขี่คอแล้วพาวิ่งไปรอบ ๆ ลานหญ้า ส่วนพระชายานั้นกำลังนั่งถักเปียให้คุณหนูด้านข้างมีเผิงฉือกับสองสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ “อี้เอ๋อร์อยากขี่ม้าใช่ไหม ได้ ๆ ตงหยางมานี่เร็ว !” “ท่านอ๋องคุณชายยังไม่ได้เอ่ยสักคำ” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่เข่ากลับคุกคลานลงบนพื้น ไม่ช้าคุณชายตัวน้อย ก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนหลังของเขา “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฮู่ตงหยางก้มหน้าคลานไป ประคองคุณชายน้อยไปด้วย เขากลับมีความสุขเหลือเกินในยามนี้ คุณชายน้อยส่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   76 : ตอนพิเศษ 5 : แฝดชายหญิง      

    5 : แฝดชายหญิง หนึ่งเดือนต่อมา เผิงฉือนั่งมองพระชายาของนาง ที่กำลังจ้องที่ข้อมือของตัวเองอย่างเงียบ ๆ บางครั้งพระนางก็เอานิ้วไปแตะ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็แตะข้อมืออีกครั้ง เป็นอยู่เช่นนี้จนน่าสงสัย “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้แม่ครัวเคี่ยวน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้เพคะ” ลี่ถิงเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำแกง หลินซือเยว่หันไปค้อนนางแรง ๆ อย่างไร้สาเหตุ “พระชายาเป็นอันใดเพคะ” เผิงฉือเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ โบกมือให้ลี่ถิงรีบวางถ้วยน้ำแกงลง แล้วให้รีบออกไปให้เร็วที่สุด “ป้าเผิงข้าไม่สบายใจเล็กน้อย” นางถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา แววตามีความสับสนเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดที่ทำให้พระชายาไม่สบายใจหรือเพคะ หากบอกได้ก็เอ่ยออกมาเถอะ” เผิงฉือเข้าไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางเล็กน้อย ดันถ้วยน้ำแกงออกไปให้ไกลตัว “ต่อไปข้าคงกินน้ำแกงบำรุงนี่ไม่ได้อีกแล้ว ฤทธิ์มันแรงเกินไป ไม่ดีต่อเด็กในท้อง” “เช่นนั้นหรือเพคะ” เผิงฉือค้างชะงักไปหลังตัวเองเอ่ยจบ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   75 : ตอนพิเศษ 4 : พระชายานางไม่คู่ควร

    4 : พระชายานางไม่คู่ควร ฮู่ตงหยางนำเรื่องสำคัญ มาขอคำชี้แนะจากพระชายา เดิมทีเผิงฉือไม่อยากให้เขาไปรบกวนหลินซือเยว่ แต่ทนเสียงอ้อนวอนไม่ไหว จึงได้เข้าไปรายงานพระชายาให้รับรู้ “หากไม่มีเรื่องสำคัญคงไม่มาหาข้า ป้าเผิงให้องครักษ์ฮู่เข้ามาเถอะ” หลินซือเยว่ยามนี้ใบหน้าอิ่มเอิบ เหมือนคนถูกเติมเต็มไปด้วยความรัก “เพคะพระชายา” เผิงฉือยามได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุข ผุดขึ้นเต็มใบหน้าของผู้เป็นนาย ราวกับก้อนหินหนักอึ้งในใจถูกวางลง เหลียงอ๋องยามนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าได้มอบความรักให้พระชายาเพียงผู้เดียวจริง ๆ “พระชายา” ฮู่ตงหยางเข้าไปคำนับหลินซือเยว่ พร้อมกับเล่าความปรารถนาของตนเอง ให้พระนางฟังอย่างละเอียดทุกเรื่อง แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่เรื่องของเขาแม้แต่น้อย กลับเป็นเรื่องราวความรักของสวีวั่งซูแทน “องครักษ์ฮู่ท่านกล้าเอาเรื่องเหลวไหลมาเอ่ยกับพระชายาเชียวรึ” เผิงฉือขึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ “ท่านป้าเผิง ข้าแค่เป็นห่วงวั่งซูเกรงว่าเขาจะพบเจอคนไม่ดีเข้า” หลินซือเยว่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ ออกไปเที่ยวชมเมืองเล่นอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป “ร

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   74 : ตอนพิเศษ 3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ    

    3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ ชีวิตของการเป็นพระชายาของเหลียงอ๋อง ไม่ได้ทำให้หลินซือเยว่ถูกขังอยู่แต่ในจวนได้ บางวันนางออกไปท่องเที่ยวข้างนอก ทำให้นางได้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองเหลียงมากขึ้น เซวียนหมิงยู่รู้ว่าห้ามนางไม่ได้ จึงยอมปลอมตัวออกไปเที่ยวข้างนอกกับนางด้วย “ท่านอ๋อง ท่านจะไปข้างนอกกับพระชายาข้าไม่ว่า แต่เหตุใดไม่ให้ข้ากับตงหยางไปด้วยเล่า” สวีวั่งซูเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นนาย “วั่งซูเจ้าคิดว่าในเมืองเหลียงแห่งนี้ มีใครทำอันตรายข้ากับพระชายาได้บ้าง ลำพังข้าไม่เป็นไรแต่พระชายานั้น อย่าได้ดูแคลนฝีมือนางเด็ดขาด” สวีวั่งซูหันไปมองสหายด้านข้าง ฮู่ตงหยางกระซิบเบา ๆ “ขนาดฟ้ายังเรียกมาผ่าจวนหยางอ๋องได้ ข้าว่าเจ้าวางใจเถอะ ให้ท่านอ๋องไปกับพระชายาสองต่อสองเถอะ” สวีวั่งซูคล้ายไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้ เพราะพระชายาในชุดปลอมตัวเป็นบุรุษ ได้เดินออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา พร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “พระชายาหน้าข้ามีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” สวีวั่งซูแปลกใจเล็กน้อย พระชายาไม่เคยมองเขาแบบนี้มาก่อน นี่คล้ายกำลัง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   73 : ตอนพิเศษ 2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา

    2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา ตระกูลหลินสายรอง หลังจากหลินซือเยว่ได้แต่งงานเข้าจวนเหลียงอ๋องได้สองเดือน ครอบครัวของนางต้องหารือกันครั้งใหญ่ เพราะการกระทำของพวกเขาทุกคน จะส่งผลต่อฐานะพระชายาของหลินซือเยว่ไปด้วย หลินซูฮวารับบทหนักกว่าผู้อื่น มารดาของนางถึงกับจ้างคนมาสั่งสอน เรื่องที่บุตรีตระกูลมีชื่อเสียงต้องร่ำเรียนกัน “เจ้าต้องจำเอาไว้ซูฮวา เจ้าคือน้องสาวของพระชายาเหลียงอ๋อง จะทำสิ่งใดต้องมีผู้คนจับตามอง ข้าไม่อยากให้พวกเราทุกคน ทำร้ายพระชายาไปมากกว่านี้” เถียนฮูหยินสั่งสอนบุตรสาวคนเล็ก ในยามที่นางโอดครวญไม่อยากร่ำเรียน “ท่านแม่ข้าก็บ่นไปเช่นนั้นเอง ความจริงข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี” หลินซูฮวาเดินเข้าไปกอดแขนมารดาเอาไว้แน่น “ท่านพ่อก็เหมือนกัน ท่านอย่าได้ไปคบหาพวกอันธพาลเข้าล่ะ ห้ามไปบ่อนเด็ดขาด” หลินซีฮันรู้สึกว่าหากปล่อยปละละเลย บิดาของเขาคงถูกคนล่อลวงไปได้ง่าย ๆ “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” หลินเต๋อหลบสายตาบุตรชาย ต่อไปนี้ต้องใจแข็งให้มากกว่านี้แล้วล่ะ “ท่านพี่ต่อไปพวกเราไม่ต้องไปที่หอโอสถทุกวันแล้วล่ะ ข้าว่าให้ผู้ดูแลร้านเขา

DMCA.com Protection Status