จ้าวเฟิงปฏิเสธความคิดที่ตัวเองมองผิดไป เขาไม่มีทางมองผิดแน่นอน เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นโรคหวัดจากความหนาวชัดๆ“ได้!”พูดถึงแค่ตรงนี้ จ้าวเฟิงก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วเขาพยักหน้าไปทางหลินเฟิงด้วยความเยาะหยัน ถือว่าเป็นการตอบรับเงื่อนไขของหลินเฟิงแล้วแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประหม่าหรืออะไรเขาเดินเร่งฝีเท้ากลับไปที่ห้องตรวจของตัวเอง......“เรื่องที่จ้าวเฟิงตั้งใจใช้วัตถุดิบราคาสูง ที่คุณหลินเฟิงชี้แนะออกมา ผมมองออกแล้ว จุดนี้คุณพูดได้ไม่ผิด”“พวกเราจะจัดการอย่างเข้มงวด”เลี่ยวจงพูดออกมา จากนั้นหยุดชะงักและพูดต่อว่า: “แต่คุณหลินเฟิง ทำไมคุณถึงยืนหยัดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นไข้ร้อนล่ะครับ?”“ในเมื่อแม้แต่คุณปู่ของผมก็ยังมองไม่ออกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นไข้ร้อน”“คุณปู่ดูไม่ออกอยู่แล้ว”หลินเฟิงยังคงมองประตูอยู่ และพูดอย่างเฉยเมย:“ร่างกายนี้เป็นธาตุเย็น กลับมีควมร้อนในปอดมากเกินไป และเด็กผู้หญิงคนนั้นเกิดมาพร้อมกับโครงร่างเยาว์วัย ชี่กับม้ามตัดกัน จึงทำให้ภายนอกแสดงออกมาว่าเป็นโรคเย็น”“โครงร่างเยาว์วัย?”เลี่ยวจงครุ่นคิดอยู่นาน ก็คิดไม่ออกว่าโครงร่างเยาว์วัยคืออะไร?เขาหัวเราะหึหึ
“ไสหัวไป!”หลินเฟิงไม่มีความเกรงใจ ตบจ้าวเฟิงที่คุ้มคลั่งจนกระเด็นออกไปเลี่ยวจงเห็นจ้าวเฟิงที่ส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรกระเด็นออกไปห้าหกเมตร สุดท้ายกระแทกกับโต๊ะของห้องตรวจของตัวเองจนพังยับเยิน“เป็นไปไม่ได้...”จ้าวเฟิงที่ล้มอยู่บนพื้นยังพูดคำว่าเป็นไปไม่ได้ซ้ำ ๆ“คุณผู้ชายท่านนี้ ขอร้องคุณช่วยลูกสาวของฉันด้วยนะคะ...”หญิงวัยกลางคนยังคงอ้อนวอนหลินเฟิงไม่หยุด หลินเฟิงกลับพูดปลอบใจ: “วางใจเถอะครับ มีผมอยู่ ไม่เป็นไรครับ”พูดจบ หลินเฟิงก็นำเข็มเงินที่อยู่ในมือแทงไปตรงจุดฝังเข็มบริเวณท้องของเด็กผู้หญิงทีละเข็ม และก็ล้วงเอายาเม็ดสีเขียวออกมาจากในกระเป๋า ป้อนให้เด็กผู้หญิงกิน“คุณหลิน ยาเมื่อครู่นี้คือ...”เลี่ยวจงรู้สึกว่ายาที่หลินเฟิงนำออกมานั้นคุ้นตาอย่างมาก“ยาอมตะเลือดราชันย์ก็เท่านั้นเอง”หลินเฟิงไม่ได้เงยหน้า ตอบกลับแบบนี้ประโยคหนึ่งแต่ทว่าก็เป็นเพราะชื่อนี้ ทำให้เลี่ยวจงแข็งทื่ออยู่ที่เดิมทันที คนทั้งคนงุนงงไปหมด“คุณหลิน คุณพูดอะไรนะครับ?!”“คุณ...ยาอมตะเลือดราชันย์? จริงเหรอครับ? เป็นยาอมตะเลือดราชันย์จริงเหรอครับ?! เอาให้...ให้เด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งทานเข้
ยิ่งไม่ต้องพูดว่าคลานไปขอความเมตตาเลยส่วนทางด้านหลินเฟิงหลังจากที่หลินเฟิงปล่อยพลังชี่แท้ผ่านนิ้วมือไปตรงที่แผงอกกับท้องน้อยของเด็กผู้หญิง กระตุ้นอวัยวะภายใน เด็กผู้หญิงกลับอ้วกออกมาเป็นเลือดสีแดงสดเมื่ออ้วกเป็นเลือดออกมาแบบนี้ ทำให้แม่ของเด็กผู้หญิงตกใจจนหน้าซีด“วางใจได้ ไม่เป็นไรหรอก” หลินเฟิงพูดปลอบใจเธอจากนั้น สุดท้ายเด็กผู้หญิงก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา“โอ๊ย เด็กบ้าคนนี้ ทำให้แม่ตกใจแทบตาย!”เห็นลูกสาวฟื้นขึ้นมา หญิงวัยกลางคนก็ดีใจจนร้องห่มร้องไห้ โอบกอดลูกสาวของเธอไว้จนแน่นจากนั้นพยักนห้าของคุณหลินเฟิงไม่หยุด“ขอบคุณค่ะคุณผู้ชายท่านนี้ ถ้าหากคุณไม่ลงมือช่วย เกรงว่าลูกสาวของฉันก็จะต้องถูกหมอกำมะลอคนนี้ทำให้เสียชีวิตแล้ว ค่ารักษาพยาบาลของคุณเท่าไหร่คะ ฉันจ่ายให้คุณ”เลี่ยวจงที่อยู่ข้างๆ มองดูหญิงวัยกลางคนล้วงกระเป๋างเงินของตัวเอง สีหน้าก็กระตุกเล็กน้อยยาอมตะเลือดราชันย์หนึ่งเม็ด ราคาสูงอุปสงค์น้อยถ้าหากลองฝืนคำนวณดู ราคาห้าสิบล้านบาทอีกทั้งนี่ยังพูดในราคาที่น้อยในตอนที่จงเลี่ยวอารมณ์สับสน กลับเห็นหลินเฟิงยิ้มบาง ส่ายหน้าพูด: “ค่ารักษาของผมราคาแพงนะครับ”“คุณพูดมา.
ไม่นานนัก หลินเฟิงก็มาถึงเรือนด้านหลัง ผลักประตูเข้าไปในอาคารหลังเล็กที่งดงามเรียบง่ายสไตล์โบราณ เห็นผู้ป่วยตระกูลร่ำรวยคนที่ว่านั้นแล้วเมื่อไม่มองก็ไม่รู้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนคุ้นเคยของหลินเฟิง“คุณหลิน ไม่เจอกันมานมากจริงๆ”คนที่นั่งจิบชาด้วยใบหน้าสบายอกสบายใจอยู่ตรงที่นั่ง นั่นก็คือบริวารของตระกูลซือหม่าตอนนั้นที่ตระกูลหลี่เมืองเจียงหนาน บริวารโจวที่ไปหาเรื่องหลินเฟิงถึงที่พร้อมกับซือหม่าเหวินเห็นเพียงแค่บริวารโจวลูบคล้ำหนวดของตัวเอง จากนั้นยิ้มตาหยีมองหลินเฟิง:“คิดไม่ถึงว่าคุณหลินจะเดินทางไกลมาที่เมืองจิง ไม่ทราบว่า เป้าหมายที่คุณมาเมืองจิงคืออะไร?”ตอนนี้เห็นท่าทางของบริวารโจว แตกต่างอย่างกับคนละคน“เรื่องส่วนตัวก็เท่านั้นเองหลินเฟิงส่ายหน้า จากนั้นมองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวด้วยสีหน้านิ่งเฉย ถามขึ้นเรียบๆ: “หรือว่านี่ก็คือผู้ป่วยที่หมอเทวดาเลี่ยวพูดถึง ก็คือเขา?”“ถูกต้องครับ”หมอเทวดาเลี่ยวเห็นทั้งสองคนรู้จักกัน จึงลูบเคราแล้วยิ้มพูด:“นี่ก็คือพรหมลิขิตสินะ”“......”บริวารโจวคนี้คือคนของตระกูลซือหม่า ส่วนหลินเฟิงก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีอะไรต่อคนของตระกูลซือหม่า
“ฮ่าฮ่า ต่อหน้าคุณหลิน ผมไม่โกหกอยู่แล้ว”น่าประหลาดมากเดิมทีบริวารโจวที่ยืนอยู่ฝ่ายตระกูลซือหม่า ควรจะมีท่าทางเป็นศัตรูกับหลินเฟิง ในเมื่อก่อนหน้านี้ซือหม่าจั๋วก็ถือว่ามีเหตุผลครึ่งหนึ่งที่ตายในมือของเขาแต่ตอนนี้ ท่าทางที่เขามีต่อหลินเฟิงนั้นแปลกประหลาดอย่างมากไม่เหมือนกับมีความแค้นเคืองอะไร กลับเป็นมิตรอย่างถึงที่สุด หน้าตามีความเมตตา สายตาก็เหมือนมองดูผู้อ่อนอาวุโส“ไม่ทราบว่าบริวารโจว ทำไมคุณถึงได้รับบาดเจ็บ?”ได้ยินคำถามที่ซ่อนเร้นเป้าหมายของหลินเฟิง บริวารโจวก็ไม่ได้จะคิดจะปิดบัง แต่กลับยิ้มบางพูดว่า:“ถูกคนสารเลวคนหนึ่งลอบทำร้าย ตอนนั้นอวัยวะภายในของผมพังยับเยินจนหมด จุดตันเถียนแตกร้าว ยังดีที่ตรงซากเมืองมีคนช่วยชีวิตผมเอาไว้”“ช่วยชีวิตคุณงั้นเหรอ?”หลินเฟิงพึมพำเสียงเบา“ถูกต้องครับ”สายตาของบริวารโจวเหมือนตกอยู่ในความทรงจำ ยิ้มบางด้วยความเหม่อลอยและพูดว่า: “เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่ใจดี เธอป้อนยาเม็ดสีเขียวให้ผมทาน”“เป็นเพราะยาเม็ดนั้น ผมถึงได้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ ถึงขั้นที่ก้าวย่างเข้าแดนแปรภาพ...”บริวารโจวหยุดชะงัก ยิ้มพูด:“เพียงแต่ชีวิตกับวิทยายุทธรั
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”หลินเฟิงได้ฟังคำบอกเล่าของบริวารโจว ถึงได้เข้าใจในที่สุดว่าทำไมศิษย์น้องหญิงของเขาถึงได้มีชีวิตต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกไล่ตามดูท่าการปกป้องตลอดทางของบริวารโจวมีผลสำคัญแต่สุดท้ายศิษย์น้องหญิงของเขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เรียนรู้วิชาชั่วร้ายหนอนคุณไสยของประเทศเวน่าได้ ดูท่า นี่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจของเธอ“ผมติดค้างชีวิตกับสำนักเสวียนเทียนของพวกคุณ”บริวารโจวถอนหายใจพูด:“นี่เป็นความรับผิดชอบที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถชดเชยได้พูดถึงตรงนี้ หลินเฟิงพอเข้าใจโดยคร่าวๆ ได้แล้ว เขาก็รู้สึกซับซ้อนไม่รู้ว่าบริวารโจวคนนี้ ถ้าหากรู้ว่าอีกาแห่งเมืองหนานไห่ที่มีชื่อเสียงอยู่บนลำดับมืดก็คือศิษย์น้องหญิงมีจิตใจเมตตาที่ช่วยเขาเอาไว้ในตอนนั้น เขาจะรู้สึกยังไง?เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่หลินเฟิงจะพิจารณาได้หลินเฟิงหยุดชะงัก และพูดเรียบเฉย:“ดูท่าบริวารโจวมองทะลุสถานะของผมแล้ว อีกทั้งที่เมืองจิงผ่านมานานขนาดนี้ก็ยังไม่มีคนรู้ งั้นผมต้องขอบคุณบริวารโจวที่ไมได้แพร่งพรายออกไป”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง บริวารโจวยิ้มแล้วโบกมือ“ไม่มีค่าพอให้พู
หมอเทวดาเลี่ยวขวางหลินเฟิงไว้ ยิ้มพูดอย่างมั่นใจ:“คุณหลิน ที่นี่เป็นถึงเมืองจิง ผมเลี่ยวจื้อหมิงยังไงก็ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองจิงแห่งนี้มาหลายปีขนาดนี้แล้ว“ถึงแม้สมุนไพรสมบัติล้ำค่าที่ดีหามาไม่ได้ แต่สมุนไพรสมบัติล้ำค่าอายุหนึ่งร้อย หรือกี่สิบปีก็หามาได้อย่างง่ายดาย เรื่องนี้คุณมอบหมายให้ผมแล้วกัน!”เมื่อครู่ที่ทั้งสองคนลังเลใจ ก็เพราะเงื่อนไขที่หลินเฟิงเสนอออกมานั้นมัน...ง่ายเกินไปพวกเขาจึงตั้งตัวไม่ทันชั่วขณะเดิมทีพวกเขายังคิดว่าหลินเฟิงจะเรียกร้องสูง“อืม”เห็นหมอเทวดาเลี่ยวพูดแบบนี้ หลินเฟิงก็มีการเตรียมการอยู่ในใจจึงพยักหน้า และก็ตอบตกลงมองดูแผ่นหลังของหลินเฟิงที่จากไป เทวดาเลี่ยวก็โล่งอกและยิ้มพูด:“คุณหลินเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่งจริงๆ”“ถูกต้อง”เลี่ยวจงพยักหน้า จากนั้นเขากมองไปทางปู่ของตัวเองด้วยความเป็นกังวล และขมวดคิ้วพูดว่า:“อ่อใช่คุณปู่ ท่าทางของทางด้านตระกูลซือหม่าเป็นยังไงบ้างครับ?”“เด็กเจ้าเล่ห์ อย่าคิดว่าฉันดูความคิดเล็กๆ น้อยๆของนายไม่ออกนะ นายอยากให้คุณหลินฝากชื่อไว้ที่พวกเรา ก็เพราะเรื่องนี้สินะ?”หมอเทวดาเลี่ยวจนปัญญาจากนั้นมองไปทางหลานชายของตั
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ด้านข้างของหลี่ฮุ่ยหรานยังเป็นกลุ่มเพื่อนนักเรียนชายของหลงเสี่ยวจวิ้นนักเรียนชายจำนวนไม่น้อยที่มองใบหน้าและร่างกายของหลี่ฮุ่ยหรานด้วยแววตาที่อยากครอบครองติงเสี่ยวเจินที่นั่งอยู่ห่างออกไปกำลังกอดอกและชำเลืองมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานด้วยสีหน้าไม่ดีเพราะต่อให้หลงเสี่ยวจวิ้นอยู่ข้าง ๆเธอ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองขาอันเรียวยาวของหลี่ฮุ่ยหรานโดยเฉพาะถุงน่องสีดำบนขาของเธอ ที่เหมือนกับว่าจะล่อลวงวิญญาณของพวกเขาไป“ออกไป!”หลินเฟิง รีบเดินไปข้าง ๆหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะมองไปทางผู้ชายตัณหาที่อยู่รอบ ๆและตะโกนด้วยใบหน้าที่เย็นชา“ให้ตายสิ แกเป็นสวะมาจาไหน ถึงกล้าไล่พวกเราไป?”“แกไม่รู้เหรอว่าสถานที่นี่ถูกพี่เสี่ยวจวิ้นของพวกเรายึดครองไว้แล้ว?”“แกมองหาแม่....เอ๊ะ?”ท่ามกลางเสียงตะโกนด่าของนักเรียนชายหลาย ๆคน พวกเขาต่างก็พากันมองหน้าตาของคนที่มาได้อย่างชัดเจนนี่ไม่ใช่ผู้ชายก่อนหน้านี้ที่ถูกคุณตู้เอาใจต่าง ๆนา ๆหรอกเหรอ?และยังมีความสามารถในการต่อสู้อย่างมากอีกด้วยในชั่วพริบตา ผู้ชายพวกนี้ก็หมดความมั่นใจ และออกห่างจากหลี่ฮุ่ยหรานทีละคนด้วยความเหงาหงอยเศร
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คื ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวหยินหลิง ความลับที่หลอกล่อยอดฝีมือของประเทศมังกรทุกคนหากเธอตกอยู่ในมือของสำนักร้อยพิษแล้วสุดท้าย สำนักร้อยพิษก็จะได้เปรียบไปนี่เป็นสิ่งที่หยินหลิงไม่อยากเห็นแม้ว่าเธอจะตายก็ตาม“หึหึ ท่านหัวหน้า ฉันแนะนำว่า คุณอย่าคิดอะไรเลวร้ายเลยจะดีที่สุด ตอนนี้ในร่างกายจของคุณ ฉันได้วางยาตะขาบเลือดไว้แล้ว เพียงแค่ฉันไม่พอใจ”“ท่านหัวหน้าก็ได้เสียชีวิตไปซะแล้ว”เฟิงหลีข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยื่นมือไปยกคางของหยินหลิงขึ้นพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า :“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้านั้นงดงามจริงๆ มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง”เมื่อได้ยินคำล้อเล่นพวกนี้ หยินหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่มองไปทางเฟิงหลีด้วยความดูถูก ร่างกายก็หลีกเลี่ยงฝ่ามือของเฟิงหลีไปโดยไม่รู้ตัว“หืม?”ใบหน้าของเฟิงหลีเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย เมื่อตระหนักได้ว่าหยินหลิงยังคงไม่เชื่อฟังตัวเองหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่ปกติจะเข้าถึงได้ยากนั้น ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองแล้วความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแต่เขาไม่คาดคิดว่า
“ผม...”หลินเฝิงโกรธอย่างมากจนอยากจะฆ่าเฝิงชางซะเดี๋ยวนี้แต่ไม่นานหลินเฝิงก็สงบสติอารมณ์ลงเขาดีดนิ้ว ก่อนที่พลังชี่แท้โปร่งใสจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างของเฝิงอวี้อู่หลินเฝิงก้าวออกไปและพูดอย่างเย็นชาว่า:“หากผมไม่ได้กลับมาก่อน คุณชายตระกูลเฝิงของพวกคุณก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”“หากเกิดอะไรขึ้นกับหยินหลิงที่นี่ ฉันจะให้ทุกคนในตระกูลเฝิงถูกฝังไปพร้อมกับเธอ! ได้ยินหรือเปล่า?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงชางก็ตัวสั่นอย่างมากหากเขาเคยดูถูกหลินเฝิงมาก่อน ตอนนี้เขาคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกิดจากหลินเฝิงลองคิดดูสิชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าเบื้องหลังเขาเบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่หลี่ซื่อกรุ๊ปที่เป็นกองกำลังเล็ก ๆต้องมีอำนาจบางอย่างซ่อนอยู่ในประเทศมังกรอำนาจแบบนี้ไม่ควรไปยั่วยุให้มากนักเมื่อมองไปที่ร่างหลินเฝิงที่เดินจากไป เฝิงชางก็คิดได้หลายอย่างในใจทันทีเนื่องจากเป็นผู้นำตระกูลเฝิง เขาจึงรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาเลยในขณะนี้หากตอนแรกมันเป็นเพียงชีวิตของลูกชายเขาต่อมาเขาได้ไปยั่วยุสำนักร้อยพิษและเชิ
“เข็มเจ็ดสิบสองเล่มขจัดความชั่วร้าย!”หลินเฟิงก้มหน้าตวาดเสียงทุ้มต่ำ ดึงเข็มเงินที่ฝังอยู่บนตัวของเฝิงอวี้อู่ออก และตกลงบนพื้นเสียงดังติ๊งเข็มเงินเพิ่งจะออกจากตัวของเฝิงอวี้อู่ เฝิงอวี้อู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญเสียงสูงจึงทำให้เฝิงชางที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างร้อนใจจนใบหน้ามีเหงื่อออกแต่เขาไม่เพียงไม่กล้ารบกวนหลินเฟิง ทำได้แค่มองตาปริบๆคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ก็ไม่ได้สนใจเฝิงอวี้อู่อีกแล้ว แต่หันหน้ามองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวที่หมดสติอยู่เฝิงอวี้อู่พิษเข้าไขกระดูก หลินเฟิงต้องใช้กลอุบายจัดการเล็กน้อยแต่ทว่าทางด้านหมอเทวดาเลี่ยวง่ายกว่าเยอะเลยหลินเฟิงยกมือขึ้นโดยตรง ปล่อยพลังชี่แท้บริสุทธิ์เข้าไปที่หน้าผากของเขา และนำยาเม็ดสีเหลืองใส่เข้าปากของหมอเทวดาเลี่ยว“ไปเถอะ หามหมอเทวดาเลี่ยวไปพักในที่เย็นสบาย อีกเดี๋ยวเขาก็ได้สติแล้ว”คำพูดนี้ของหลินเฟิงพูดให้เฝิงเอ้อฟังเฝิงเอ้อชี้ตัวเอง และมีสีหน้างุนงง“ไปสิ! ฟังหมอเทวดาหลิน!”เฝิงชางตวาดน้องชายคนรองของตัวเองเสียงดัง แต่ทว่าเฝิงเอ้อรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสหลินเฟิงมองออกถึงความเป็นกังวลของเขา เก
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได