ยิ่งไม่ต้องพูดว่าคลานไปขอความเมตตาเลยส่วนทางด้านหลินเฟิงหลังจากที่หลินเฟิงปล่อยพลังชี่แท้ผ่านนิ้วมือไปตรงที่แผงอกกับท้องน้อยของเด็กผู้หญิง กระตุ้นอวัยวะภายใน เด็กผู้หญิงกลับอ้วกออกมาเป็นเลือดสีแดงสดเมื่ออ้วกเป็นเลือดออกมาแบบนี้ ทำให้แม่ของเด็กผู้หญิงตกใจจนหน้าซีด“วางใจได้ ไม่เป็นไรหรอก” หลินเฟิงพูดปลอบใจเธอจากนั้น สุดท้ายเด็กผู้หญิงก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา“โอ๊ย เด็กบ้าคนนี้ ทำให้แม่ตกใจแทบตาย!”เห็นลูกสาวฟื้นขึ้นมา หญิงวัยกลางคนก็ดีใจจนร้องห่มร้องไห้ โอบกอดลูกสาวของเธอไว้จนแน่นจากนั้นพยักนห้าของคุณหลินเฟิงไม่หยุด“ขอบคุณค่ะคุณผู้ชายท่านนี้ ถ้าหากคุณไม่ลงมือช่วย เกรงว่าลูกสาวของฉันก็จะต้องถูกหมอกำมะลอคนนี้ทำให้เสียชีวิตแล้ว ค่ารักษาพยาบาลของคุณเท่าไหร่คะ ฉันจ่ายให้คุณ”เลี่ยวจงที่อยู่ข้างๆ มองดูหญิงวัยกลางคนล้วงกระเป๋างเงินของตัวเอง สีหน้าก็กระตุกเล็กน้อยยาอมตะเลือดราชันย์หนึ่งเม็ด ราคาสูงอุปสงค์น้อยถ้าหากลองฝืนคำนวณดู ราคาห้าสิบล้านบาทอีกทั้งนี่ยังพูดในราคาที่น้อยในตอนที่จงเลี่ยวอารมณ์สับสน กลับเห็นหลินเฟิงยิ้มบาง ส่ายหน้าพูด: “ค่ารักษาของผมราคาแพงนะครับ”“คุณพูดมา.
ไม่นานนัก หลินเฟิงก็มาถึงเรือนด้านหลัง ผลักประตูเข้าไปในอาคารหลังเล็กที่งดงามเรียบง่ายสไตล์โบราณ เห็นผู้ป่วยตระกูลร่ำรวยคนที่ว่านั้นแล้วเมื่อไม่มองก็ไม่รู้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนคุ้นเคยของหลินเฟิง“คุณหลิน ไม่เจอกันมานมากจริงๆ”คนที่นั่งจิบชาด้วยใบหน้าสบายอกสบายใจอยู่ตรงที่นั่ง นั่นก็คือบริวารของตระกูลซือหม่าตอนนั้นที่ตระกูลหลี่เมืองเจียงหนาน บริวารโจวที่ไปหาเรื่องหลินเฟิงถึงที่พร้อมกับซือหม่าเหวินเห็นเพียงแค่บริวารโจวลูบคล้ำหนวดของตัวเอง จากนั้นยิ้มตาหยีมองหลินเฟิง:“คิดไม่ถึงว่าคุณหลินจะเดินทางไกลมาที่เมืองจิง ไม่ทราบว่า เป้าหมายที่คุณมาเมืองจิงคืออะไร?”ตอนนี้เห็นท่าทางของบริวารโจว แตกต่างอย่างกับคนละคน“เรื่องส่วนตัวก็เท่านั้นเองหลินเฟิงส่ายหน้า จากนั้นมองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวด้วยสีหน้านิ่งเฉย ถามขึ้นเรียบๆ: “หรือว่านี่ก็คือผู้ป่วยที่หมอเทวดาเลี่ยวพูดถึง ก็คือเขา?”“ถูกต้องครับ”หมอเทวดาเลี่ยวเห็นทั้งสองคนรู้จักกัน จึงลูบเคราแล้วยิ้มพูด:“นี่ก็คือพรหมลิขิตสินะ”“......”บริวารโจวคนี้คือคนของตระกูลซือหม่า ส่วนหลินเฟิงก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีอะไรต่อคนของตระกูลซือหม่า
“ฮ่าฮ่า ต่อหน้าคุณหลิน ผมไม่โกหกอยู่แล้ว”น่าประหลาดมากเดิมทีบริวารโจวที่ยืนอยู่ฝ่ายตระกูลซือหม่า ควรจะมีท่าทางเป็นศัตรูกับหลินเฟิง ในเมื่อก่อนหน้านี้ซือหม่าจั๋วก็ถือว่ามีเหตุผลครึ่งหนึ่งที่ตายในมือของเขาแต่ตอนนี้ ท่าทางที่เขามีต่อหลินเฟิงนั้นแปลกประหลาดอย่างมากไม่เหมือนกับมีความแค้นเคืองอะไร กลับเป็นมิตรอย่างถึงที่สุด หน้าตามีความเมตตา สายตาก็เหมือนมองดูผู้อ่อนอาวุโส“ไม่ทราบว่าบริวารโจว ทำไมคุณถึงได้รับบาดเจ็บ?”ได้ยินคำถามที่ซ่อนเร้นเป้าหมายของหลินเฟิง บริวารโจวก็ไม่ได้จะคิดจะปิดบัง แต่กลับยิ้มบางพูดว่า:“ถูกคนสารเลวคนหนึ่งลอบทำร้าย ตอนนั้นอวัยวะภายในของผมพังยับเยินจนหมด จุดตันเถียนแตกร้าว ยังดีที่ตรงซากเมืองมีคนช่วยชีวิตผมเอาไว้”“ช่วยชีวิตคุณงั้นเหรอ?”หลินเฟิงพึมพำเสียงเบา“ถูกต้องครับ”สายตาของบริวารโจวเหมือนตกอยู่ในความทรงจำ ยิ้มบางด้วยความเหม่อลอยและพูดว่า: “เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่ใจดี เธอป้อนยาเม็ดสีเขียวให้ผมทาน”“เป็นเพราะยาเม็ดนั้น ผมถึงได้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ ถึงขั้นที่ก้าวย่างเข้าแดนแปรภาพ...”บริวารโจวหยุดชะงัก ยิ้มพูด:“เพียงแต่ชีวิตกับวิทยายุทธรั
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”หลินเฟิงได้ฟังคำบอกเล่าของบริวารโจว ถึงได้เข้าใจในที่สุดว่าทำไมศิษย์น้องหญิงของเขาถึงได้มีชีวิตต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกไล่ตามดูท่าการปกป้องตลอดทางของบริวารโจวมีผลสำคัญแต่สุดท้ายศิษย์น้องหญิงของเขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เรียนรู้วิชาชั่วร้ายหนอนคุณไสยของประเทศเวน่าได้ ดูท่า นี่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจของเธอ“ผมติดค้างชีวิตกับสำนักเสวียนเทียนของพวกคุณ”บริวารโจวถอนหายใจพูด:“นี่เป็นความรับผิดชอบที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถชดเชยได้พูดถึงตรงนี้ หลินเฟิงพอเข้าใจโดยคร่าวๆ ได้แล้ว เขาก็รู้สึกซับซ้อนไม่รู้ว่าบริวารโจวคนนี้ ถ้าหากรู้ว่าอีกาแห่งเมืองหนานไห่ที่มีชื่อเสียงอยู่บนลำดับมืดก็คือศิษย์น้องหญิงมีจิตใจเมตตาที่ช่วยเขาเอาไว้ในตอนนั้น เขาจะรู้สึกยังไง?เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่หลินเฟิงจะพิจารณาได้หลินเฟิงหยุดชะงัก และพูดเรียบเฉย:“ดูท่าบริวารโจวมองทะลุสถานะของผมแล้ว อีกทั้งที่เมืองจิงผ่านมานานขนาดนี้ก็ยังไม่มีคนรู้ งั้นผมต้องขอบคุณบริวารโจวที่ไมได้แพร่งพรายออกไป”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง บริวารโจวยิ้มแล้วโบกมือ“ไม่มีค่าพอให้พู
หมอเทวดาเลี่ยวขวางหลินเฟิงไว้ ยิ้มพูดอย่างมั่นใจ:“คุณหลิน ที่นี่เป็นถึงเมืองจิง ผมเลี่ยวจื้อหมิงยังไงก็ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองจิงแห่งนี้มาหลายปีขนาดนี้แล้ว“ถึงแม้สมุนไพรสมบัติล้ำค่าที่ดีหามาไม่ได้ แต่สมุนไพรสมบัติล้ำค่าอายุหนึ่งร้อย หรือกี่สิบปีก็หามาได้อย่างง่ายดาย เรื่องนี้คุณมอบหมายให้ผมแล้วกัน!”เมื่อครู่ที่ทั้งสองคนลังเลใจ ก็เพราะเงื่อนไขที่หลินเฟิงเสนอออกมานั้นมัน...ง่ายเกินไปพวกเขาจึงตั้งตัวไม่ทันชั่วขณะเดิมทีพวกเขายังคิดว่าหลินเฟิงจะเรียกร้องสูง“อืม”เห็นหมอเทวดาเลี่ยวพูดแบบนี้ หลินเฟิงก็มีการเตรียมการอยู่ในใจจึงพยักหน้า และก็ตอบตกลงมองดูแผ่นหลังของหลินเฟิงที่จากไป เทวดาเลี่ยวก็โล่งอกและยิ้มพูด:“คุณหลินเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่งจริงๆ”“ถูกต้อง”เลี่ยวจงพยักหน้า จากนั้นเขากมองไปทางปู่ของตัวเองด้วยความเป็นกังวล และขมวดคิ้วพูดว่า:“อ่อใช่คุณปู่ ท่าทางของทางด้านตระกูลซือหม่าเป็นยังไงบ้างครับ?”“เด็กเจ้าเล่ห์ อย่าคิดว่าฉันดูความคิดเล็กๆ น้อยๆของนายไม่ออกนะ นายอยากให้คุณหลินฝากชื่อไว้ที่พวกเรา ก็เพราะเรื่องนี้สินะ?”หมอเทวดาเลี่ยวจนปัญญาจากนั้นมองไปทางหลานชายของตั
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ด้านข้างของหลี่ฮุ่ยหรานยังเป็นกลุ่มเพื่อนนักเรียนชายของหลงเสี่ยวจวิ้นนักเรียนชายจำนวนไม่น้อยที่มองใบหน้าและร่างกายของหลี่ฮุ่ยหรานด้วยแววตาที่อยากครอบครองติงเสี่ยวเจินที่นั่งอยู่ห่างออกไปกำลังกอดอกและชำเลืองมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานด้วยสีหน้าไม่ดีเพราะต่อให้หลงเสี่ยวจวิ้นอยู่ข้าง ๆเธอ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองขาอันเรียวยาวของหลี่ฮุ่ยหรานโดยเฉพาะถุงน่องสีดำบนขาของเธอ ที่เหมือนกับว่าจะล่อลวงวิญญาณของพวกเขาไป“ออกไป!”หลินเฟิง รีบเดินไปข้าง ๆหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะมองไปทางผู้ชายตัณหาที่อยู่รอบ ๆและตะโกนด้วยใบหน้าที่เย็นชา“ให้ตายสิ แกเป็นสวะมาจาไหน ถึงกล้าไล่พวกเราไป?”“แกไม่รู้เหรอว่าสถานที่นี่ถูกพี่เสี่ยวจวิ้นของพวกเรายึดครองไว้แล้ว?”“แกมองหาแม่....เอ๊ะ?”ท่ามกลางเสียงตะโกนด่าของนักเรียนชายหลาย ๆคน พวกเขาต่างก็พากันมองหน้าตาของคนที่มาได้อย่างชัดเจนนี่ไม่ใช่ผู้ชายก่อนหน้านี้ที่ถูกคุณตู้เอาใจต่าง ๆนา ๆหรอกเหรอ?และยังมีความสามารถในการต่อสู้อย่างมากอีกด้วยในชั่วพริบตา ผู้ชายพวกนี้ก็หมดความมั่นใจ และออกห่างจากหลี่ฮุ่ยหรานทีละคนด้วยความเหงาหงอยเศร
“อืม”หลี่ฮุ่ยหรานพยักหน้าอย่างว่าง่าย“เฮ้ย ไอ้สารเลว แกหูหนวกเหรอ? ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง?”อันธพาลฟันเหยินก้าวไปข้างหน้า แล้วผลักหลินเฟิงอย่างแรง“พี่ใหญ่ น่าจะหูหนวกตาบอดแล้วนั้นแหละ”ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างเข้ามาใกล้ ๆเพื่อแก้ไขข้อโต้แย้งของพี่ใหญ่ของตัวเอง“ไร้...ไร้สาระ!”อันธพาลฟันเหยินที่นำหน้าตบเข้าที่หน้าของลูกน้อง และพูดด้วยความโกรธว่า “สมองฉันไม่พิการ จนต้องให้แกมาสอนฉัน?”“ไสหัวไป”ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะถูกผลัก แต่ก็ไม่ได้เลือกลงมือเป็นอันดับแรก แต่พูดอย่างไม่สนใจว่า“อาศัยช่วงที่ฉันยังไม่โกรธ รีบออกไปเร็วๆ เลย”“ไม่อย่างนั้นพวกนายจะต้องตายอยู่ที่นี่”เมื่อได้ยินคำขู่ของหลินเฟิง อันธพาลฟันเหยินก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะชี้ไปที่หัวของเขา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า“ไอ้หนุ่ม สมองแกพิการไปแล้วเหรอ?”“พวกเราอยู่ที่นี่กันเยอะขนาดนี้ ทำไมแกยังกล้าไล่พวกเราอีกล่ะ? จะออกไปก็เป็นนายที่ต้องไปถูกจะถูก!”“ รีบ ๆออกไปให้พ้น ใช่แล้ว ทิ้งแฟนสาวของคุณไว้ด้วยล่ะ!”“ดวงซวย เจอแต่คนมีปัญญาอ่อน” หลินเฟิงถอนหายใจ และกำหมัดไว้เบา ๆ“ฉันให้โอกาสพวกนายเป็นครั้งสุดท้าย ไปให้พ้น”หลินเฟิ
“หลินเฟิง ฉันสามารถพูดความในใจกับคุณได้หรือเปล่า”เมื่อหลี่ฮุ่ยหรานพูดประโยคนี้เบา ๆออกมา หลินเฟิงก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระซิบว่า:“อืม คุณพูดมาเถอะ”“หลินเฟิง....ตอนที่อยู่ที่เจียงโจว ฉันคิดถึงคุณ” “ที่ฉันอยู่ต่อ เพียงแค่ไม่อยากแยกกับคุณอีกแล้ว”เมื่อพูดประโยคนี้ข้าง ๆหลินเฟิงแล้ว หลี่ฮุ่ยหรานก็ยิ่งเขินอาย จนฝังหัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลินเฟิงสิ่งนี้ทำให้พวกนักเรียนชายต่างก็แสดงท่าทางอิจฉาหลินเฟิงออกมาแต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกันหลินเฟิงไม่ใช่คนสังคมเดียวกันกับพวกเขาแม้แต่รถที่เขาขับ พวกเขาก็มีไม่กี่คนที่เคยเห็นดังนั้นสาวสวยที่เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนนั้น พวกเขาก็ไม่มีทางจำได้เหมือนกัน“เหอะ...”หลงเสี่ยวจวิ้นเหลือบมองมาทางหลินเฟิง และในแววตาก็แสดงความอิจฉาออกมาแต่ไม่นาน เขาก็เปลี่ยนแววตา และตัดสินอยู่ในใจ“จุ๊จุ๊จุ๊ คิดไม่ถึงเลยว่า ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่ฮุ่ยหรานที่ถูกผู้คนเจียงโจวเรียกว่าหุบเขาน้ำแข็งงามอย่างสนิมสนม จะพูดเรื่องแบบนี้กับคนเร่ร่อนที่ว่างงานอย่างผม”“ถ้าเล่าออกไป ใครจะไปกล้าเชื่อ?”“ประทันใจมากเลย ผมถือว่าตัวเองโชคดีที่สุดจริง ๆ....”หล
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน