อวี๋จื่อเสวียนยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่ตระกูลจี นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่มาในตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยอย่างเช่นตระกูลจี เธอเดินไปรอบ ๆอย่างตื่นเต้นภายใต้การนำทางของพ่อบ้านต่อให้จู่ ๆท้องฟ้าที่แจ่มใสจะมีฟ้าผ่าลงมากะทันหันเป็นผลพวงจากการต่อสู้ด้วยหมัดของหลินเฟิงและจีว่านจ่าง ก็ไม่ได้ทำให้เธอเสียสมาธิเลยแม้แต่น้อย“รอให้ฉันรวยแล้ว ต่อไปก็จะอยู่ในสถานที่แบบนี้!”เมื่ออวี๋จื่อเสวียนกับหลินเฟิงกลับไปที่ชุมชนกลางเมือง ก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจตอนนี้เมื่อเธอเห็นบ้านใต้หลังคาของพวกเขา จู่ ๆเธอก็รู้สึกว่าไม่มีตรงไหนที่ถูกใจเธอเลย“จริงสิ อาจารย์หลิน คุณไม่ใช่ว่าจะรักษาผู้นำตระกูลจีหรอกเหรอ? คุณรักษาหายแล้วงั้นเหรอ?”เมื่อพวกเขาเกือบจะถึงบ้าน อวี๋จื่อเสวียนเพิ่งจะนึกขึ้นได้จึงถามเรื่องสำคัญกับหลินเฟิงและเพื่อไม่ให้อวี๋จื่อเสวียนถามคำถามต่อไป หลินเฟิงจึงส่ายหน้าอย่างขอไปที“อ่อ ยังรักษาไม่หายเหรอ น่าเสียดาย เงินสี่พันล้านบาท....จุ๊จุ๊จุ๊ สี่พันล้านเลยนะ! ดูเหมือนว่าคุณจะไม่มีโชคด้านนี้นะ”อวี๋จื่อเสวียนส่ายหน้าด้วยความเสียดายอย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอไม่รู้ว่าคือ ตอนนี้เช็คสี่พันล้านของจีอ
เงาร่างนี้ประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เธอยื่นนิ้วออกไปจิ้มที่หน้าของหลินเฟิงเบา ๆและกระซิบว่า “อาจารย์หลิน?”“.....”หลินเฟิงยังคงแกล้งหลับ“อาจารย์หลิน คุณแกล้งหลับอยู่ใช่ไหม?”เงาดำที่ยืนอยู่หน้าเตียงของหลินเฟิง พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“.....”หลินเฟิงยังคงไม่ขยับเหมือนเดิม“ฮึ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็อย่ามาโทษฉันละกัน...”เงาดำเผยให้เห็นเค้าโครงใบหน้าภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหลังคาโปร่งแสง เป็นอวี๋จื่อเสวียนที่แต่งกายสไตล์ร็อคบวกกับวิกผมสีขาว เธอถอดรองเท้าของตัวเอง แล้วค่อย ๆเอารองเท้าของตัวเองไปไว้ข้างหน้าจมูกของหลินเฟิง ก่อนที่คิ้วของหลินเฟิงจะขมวดขึ้นทันที“พอแล้ว!”ทันใดนั้นหลินเฟิงก็รีบลุกขึ้นนั่งทันที พร้อมกับสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว“เธอโตเป็นสาวแล้ว วิ่งเข้าห้องของฉันดึกๆ ดื่นๆ เกิดอะไรขึ้น? ถ้าถูกอาอวี๋เห็นเข้า เขาจะมองฉันยังไง?”สีหน้าหลินเฟิงดูหงุดหงิด“แหะแหะ อาจารย์หลิน ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณแกล้งหลับ”อวี๋จื่อเสวียนหัวเราะแห้ง ๆ แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างรู้สึกผิด จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทางลึกลับ: “คือ...อาจารย์หลิน ฉันอยากจะขอร้องบางอย่างจากคุณ ได้หรือเปล่า?”“ช
“มันไม่ใช่อันตรายหรือไม่อันตราย แต่มัน....”“เอ่ออ...”อาอวี๋ไม่ได้พูดอะไรอีก“โอ๊ย พ่อก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่รำคาญเหรอ?!”“หนูแค่อยากจะออกไปเดินเล่น แล้วยังมียอดฝีมืออย่างอาจารย์หลินไปด้วย ยังจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก?”อวี๋จื่อเสวียนพูดอย่างหงุดหงิด:“พ่ออยากจะให้หนูอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีเพื่อนเลยใช่ไหม?”“ไม่ใช่แน่นอน ฉันอยากจะให้แกคบหาตามปกติ....”“แต่ในสายตาหนู พ่อไม่ปกติ!”อวี๋จื่อเสวียนตะโกนใส่อาอวี๋เสียงดัง ก่อนจะวิ่นหนีไปด้วยความโกรธ“เฮ้อ เด็กคนนี้....”“ไม่ต้องห่วงหรอกอาอวี๋ มีผมอยู่ เด็กคนนี้จะไม่เป็นอะไร”หลินเฟิงพยักหน้ากับอาอวี๋“ผมก็กลัวว่าคุณ.....”อาอวี๋ไม่สามารถพูดคำเหล่านี้ออกไปได้ เขาทำได้แค่เพียงถอนหายใจและนำกล่องเล็ก ๆไว้ในกระเป๋าของหลินเฟิง โดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ก่อนจะก้มหัวจากไปหลินเฟิงมองไปที่ด้านหลังของเขาด้วยความงุนงงแต่เมื่อเขาเห็นห่อที่อยู่ในกล่องเล็ก ๆที่อาอวี๋มอบให้ตัวเอง ก็ตกตะลึงทันทีแล้วหลินเฟิงก็เข้าใจทุกอย่างในทันที“อาอวี่...”หลินเฟิงที่กำลังจะอธิบาย อวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้าง ๆก็หันกลับมาและดึงแขนของหลินเฟิงไว้“ไปเถอะ ไปเถอ
ไม่เพียงแค่พูดโกหกเท่านั้น ทั้งยังเที่ยวกร่างไปทั่วอีกด้วย แถมยังหึงหวงไปทั่ว และไม่ต้องพูดถึงการโอ้อวดต่อหน้าคนอื่นอีก ทนไม่ไหวจริง ๆทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงไม่เคยสังเกตมาก่อนนะ?อวี๋จื่อเสวียนสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเอามือเท้าเอวมองหลงเสี่ยวจวิ้นและพูดว่า “หลงเสี่ยวจวิ้น ฉันจำได้ว่าพวกฉันไม่ได้เชิญคุณมานะ?”“เป็นหลินหลินที่เชิญฉันมานะ”หลงเสี่ยวจวิ้นสังเกตเห็นท่าทางของอวี๋จื่อเสวียนที่มีต่อเขาเปลี่ยนแปลงไป ก็ยิ่งเกลียดหลินเฟิงมากขึ้นไปอีก“เอาล่ะเอาล่ะ พวกเรายังมีการแสดงอยู่นะ จื่อเสวียน ใกล้ถึงคิวพวกเราขึ้นเวทีแล้ว คราวนี้เธอพร้อมแล้วหรือยัง?”เหยาหลินหลินที่อยู่ด้านข้างทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี“หึ นั้นมันแน่อยู่แล้ว”อวี๋จื่อเสวียนตบที่หน้าอกของตัวเอง แล้วมองไปทางหลินเฟิงด้วยความภูมิใจคล้ายกับเด็กที่อยากจะอวดอะไรให้คนอื่นดูสิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงถึงกับทำอะไรไม่ถูก“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันก็ไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”“ฉันจะรออยู่ตรงนี้ เธอออกมาเมื่อไรฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน”“ไม่ได้!”สีหน้าอวี๋จื่อเสวียนเย็นชาลงทันที“เพราะอะไรฉันถึงเรียกคุณมาที่นี่? คุณต้องเข้าไปกับฉัน อีกทั้งต้องไป
เหยาหลินหลินยิ้มจนเห็นลักยิ้มแล้วพูดว่า“นานวันเข้า ชื่อเสียงของพวกเราก็โด่งดังขึ้น ดังนั้นจึงมีบริษัทบันเทิงหลายแห่งติดต่อมาเพื่อดูการแสดงของพวกเรา”"ถ้าการแสดงของพวกเราผ่าน พวกเขาก็จะรับพวกเราเข้าไป ให้พวกเราได้เดบิวต์เป็นวงดนตรีอย่างเป็นทางการ""นี่เป็นความคิดของจื่อเสวียน ฉัน... ฉันและพี่ๆ น้องๆ คนอื่นๆ ครอบครัวไม่ค่อยมีฐานะ ดังนั้นพวกเราจึงต้องการโอกาสนี้มาก""ที่จื่อเสวียนพาคุณมาด้วย คงหวังว่าคุณจะช่วยเชียร์พวกเรา แน่นอนว่า..."เหยาหลินหลินยิ้มแหยๆ แล้วพูดว่า"ถ้าคุณไม่สนใจเรื่องวงดนตรีอะไรพวกนี้จริงๆ พวกเราก็ไม่บังคับคุณหรอก คุณแค่รอจื่อเสวียนอยู่ที่นี่ก็พอ"เมื่อได้ยินคำอธิบายของเหยาหลินหลิน หลินเฟิงก็ชะงักไปครู่หนึ่งเขามองอวี๋จื่อเสวียนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่า อาอวี๋ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ด้วยการมีตระกูลถังเป็นที่พึ่ง อวี๋จื่อเสวียนย่อมไม่ขาดแคลนเงินดูเหมือนว่าเธอตั้งวงดนตรีนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ พวกนี้"ที่แอบออกไปตอนดึกบ่อยๆ ก็เพราะเหตุผลนี้นี่เอง..."หลินเฟิงเข้าใจในใจ อดถอนหายใจไม่ได้เมื่อเหยาหลินหลินพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหลินเฟิงไม่ให้เ
"......"หลินเฟิงขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้เอาเรื่องเขาเพียงแค่หยิบแก้วน้ำใบใหญ่บนโต๊ะขึ้นมา รินน้ำให้ตัวเองดื่ม"เหอะ ไอ้ยากจน จะมาดื่มเหล้าของเสี่ยวจวิ้น ทั้งที่ไม่มีปัญญา หน้าไม่อาย"แสงไฟสลัว ดนตรีที่เร้าใจหลินเฟิงทำเป็นหูทวนลม ไม่แม้แต่จะมองติงเสี่ยวเจินในที่สุด เมื่อวงบนเวทีแสดงจบ ทุกคนในบาร์ก็ปรบมืออย่างกระตือรือร้นนักเรียนหญิงข้างหลินเฟิงก็หน้าแดงปรบมืออย่างสนุกสนาน"พี่สุดหล่อ คุณคิดว่าวงบนเวทีเป็นไงบ้างคะ หล่อมั้ย?"เธอหันไปถามหลินเฟิงด้วยรอยยิ้ม"ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องดนตรี แค่รู้สึกว่ามันหนวกหูไปหน่อย"หลินเฟิงตอบอย่างตรงไปตรงมา"เหอะ พวกบ้านนอกของแท้ ไม่เข้าใจแม้กระทั่งร็อคที่กำลังฮิต ไม่รู้หน้าด้านมานี่ทำไม"ติงเสี่ยวเจินพูดอย่างเย้ยหยันหลินเฟิงเริ่มเข้าใจแล้วติงเสี่ยวเจินคนนี้อยู่ฝ่ายหลงเสี่ยวจวิ้นเธอมองออกว่าหลินเฟิงไม่ถูกหลงเสี่ยวจวิ้นชอบ จึงตั้งใจดูหมิ่นหลินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อเอาใจหลงเสี่ยวจวิ้นความพยายามของเธอได้ผลเพียงเห็นหลงเสี่ยวจวิ้นเผยยิ้มบาง ยื่นมือพูดว่า: "เสี่ยวเจิน ไม่ต้องพูดแบบนั้นหรอก ท้ายที่สุดศิลปะพวกนี้สำหรับคนที่มาจากที่เล็กๆ บ
หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยตอนที่ได้ฟังเมื่อครู่ เสียงของเหยาหลินหลินยังคงธรรมดา แต่ตอนนี้เมื่อเสียงเพลงดังขึ้น บรรยากาศทั้งหมดของเหยาหลินหลินเปลี่ยนไปเสียงของเธอกลายเป็นทรงพลังมากบาร์ใต้ดินทั้งหมดเงียบสงบเพราะการร้องของเธอผู้คนที่กำลังดื่มกันอยู่รอบๆ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ต่างจ้องไปที่บนเวทีที่มีเด็กผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งตัวหรูหราและไม่ได้สวมใส่ของแบรนด์เนมเสียงของเธอไม่แพ้ศิลปินที่มีชื่อเสียงใดๆแม้แต่หลินเฟิงที่ไม่เข้าใจเรื่องดนตรีเลย ยังรู้สึกว่าเธอร้องได้ดีมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออวี๋จื่อเสวียนร่วมร้องประสาน เสียงของทั้งสองแทบจะทะลุผ่านบาร์ใต้ดินทั้งหมดทั้งห้องเงียบสนิท ผู้ชมตกอยู่ในความหลงใหล"ไม่เสียชื่อหลินหลินจริงๆ..." เด็กสาวข้างๆ หลินเฟิงกระซิบชมหลินเฟิงไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พยักหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจติงเสี่ยวเจินที่อยู่ข้างๆ มองดูพวกเด็กผู้หญิงบนเวทีที่ทุกคนกำลังจับตามอง ด้วยสีหน้าอิจฉาอย่างยิ่ง"หยดฝนเบาๆ ปล่อยให้ตกอย่างสบายใจ""ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะก้าวไปข้างหน้าแล้ว..."เมื่อเหยาหลินหลินร้องประโยคสุดท้ายจบ สถานที่ทั้งหมดนิ่งเงียบไปไม่กี่วินาทีก่อนจะร
อวี๋จื่อเสวียนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหลงเสี่ยวจวิ้นกำลังจ้องเธออยู่ตอนที่เขาขอเพลงนี้ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจจากใจจริง"อะไร? ลูกค้าขอเพลง ทำไมพวกคุณถึงไม่ร้อง? พวกคุณจะทำลายบรรยากาศร้านผมเหรอ?"เจ้าของบาร์ทำหน้าตาเย็นชา"เปล่า ๆ แน่นอนว่าไม่..."เหยาหลินหลินรีบยิ้มพร้อมกล่าวว่า "ร้องแน่นอน เราจะร้อง..."ขณะพูด เหยาหลินหลินก็หันไปมองอวี๋จื่อเสวียนด้วยสายตาที่มีความเว้าวอนเล็กน้อย"จื่อเสวียน...""ก็ได้ ก็ได้ เพลงรักเล็ก ๆ ก็เพลงรักเล็ก ๆ"อวี๋จื่อเสวียนขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด"เดี๋ยวก่อน!"ทันใดนั้น คนรวยที่ถูกทำให้อับอายก็ลุกขึ้นอีกครั้งและพูดเสียงดังว่า "ร้อง 'การค้าที่ความรัก' ให้ผม ผมให้ทิปหนึ่งล้านบาท!""หนึ่งล้านบาท?!"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ ลูกค้าภายในบาร์ต่างสูดลมหายใจด้วยความตกใจร้องเพลงหนึ่งเพลงได้หนึ่งล้านบาท มันก็เกินไปหน่อยแล้ว"ฮึ ผมดูสิว่าใครจะมาแข่งกับผมอีก?"คนกอดสาวสวยในอ้อมแขน มองไปรอบๆ ด้วยความภูมิใจ"ผมให้สองล้านห้าแสนบาท"ในขณะนั้น หลงเสี่ยวจวิ้นลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยความหยิ่งทะนง และมองไปที่คนรวยคนนั้นอย่างดูถูก ก่อนจะเพิ่มราคาอีก"สอง