ไม่เพียงแค่พูดโกหกเท่านั้น ทั้งยังเที่ยวกร่างไปทั่วอีกด้วย แถมยังหึงหวงไปทั่ว และไม่ต้องพูดถึงการโอ้อวดต่อหน้าคนอื่นอีก ทนไม่ไหวจริง ๆทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงไม่เคยสังเกตมาก่อนนะ?อวี๋จื่อเสวียนสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเอามือเท้าเอวมองหลงเสี่ยวจวิ้นและพูดว่า “หลงเสี่ยวจวิ้น ฉันจำได้ว่าพวกฉันไม่ได้เชิญคุณมานะ?”“เป็นหลินหลินที่เชิญฉันมานะ”หลงเสี่ยวจวิ้นสังเกตเห็นท่าทางของอวี๋จื่อเสวียนที่มีต่อเขาเปลี่ยนแปลงไป ก็ยิ่งเกลียดหลินเฟิงมากขึ้นไปอีก“เอาล่ะเอาล่ะ พวกเรายังมีการแสดงอยู่นะ จื่อเสวียน ใกล้ถึงคิวพวกเราขึ้นเวทีแล้ว คราวนี้เธอพร้อมแล้วหรือยัง?”เหยาหลินหลินที่อยู่ด้านข้างทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี“หึ นั้นมันแน่อยู่แล้ว”อวี๋จื่อเสวียนตบที่หน้าอกของตัวเอง แล้วมองไปทางหลินเฟิงด้วยความภูมิใจคล้ายกับเด็กที่อยากจะอวดอะไรให้คนอื่นดูสิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงถึงกับทำอะไรไม่ถูก“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันก็ไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”“ฉันจะรออยู่ตรงนี้ เธอออกมาเมื่อไรฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน”“ไม่ได้!”สีหน้าอวี๋จื่อเสวียนเย็นชาลงทันที“เพราะอะไรฉันถึงเรียกคุณมาที่นี่? คุณต้องเข้าไปกับฉัน อีกทั้งต้องไป
เหยาหลินหลินยิ้มจนเห็นลักยิ้มแล้วพูดว่า“นานวันเข้า ชื่อเสียงของพวกเราก็โด่งดังขึ้น ดังนั้นจึงมีบริษัทบันเทิงหลายแห่งติดต่อมาเพื่อดูการแสดงของพวกเรา”"ถ้าการแสดงของพวกเราผ่าน พวกเขาก็จะรับพวกเราเข้าไป ให้พวกเราได้เดบิวต์เป็นวงดนตรีอย่างเป็นทางการ""นี่เป็นความคิดของจื่อเสวียน ฉัน... ฉันและพี่ๆ น้องๆ คนอื่นๆ ครอบครัวไม่ค่อยมีฐานะ ดังนั้นพวกเราจึงต้องการโอกาสนี้มาก""ที่จื่อเสวียนพาคุณมาด้วย คงหวังว่าคุณจะช่วยเชียร์พวกเรา แน่นอนว่า..."เหยาหลินหลินยิ้มแหยๆ แล้วพูดว่า"ถ้าคุณไม่สนใจเรื่องวงดนตรีอะไรพวกนี้จริงๆ พวกเราก็ไม่บังคับคุณหรอก คุณแค่รอจื่อเสวียนอยู่ที่นี่ก็พอ"เมื่อได้ยินคำอธิบายของเหยาหลินหลิน หลินเฟิงก็ชะงักไปครู่หนึ่งเขามองอวี๋จื่อเสวียนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่า อาอวี๋ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ด้วยการมีตระกูลถังเป็นที่พึ่ง อวี๋จื่อเสวียนย่อมไม่ขาดแคลนเงินดูเหมือนว่าเธอตั้งวงดนตรีนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ พวกนี้"ที่แอบออกไปตอนดึกบ่อยๆ ก็เพราะเหตุผลนี้นี่เอง..."หลินเฟิงเข้าใจในใจ อดถอนหายใจไม่ได้เมื่อเหยาหลินหลินพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหลินเฟิงไม่ให้เ
"......"หลินเฟิงขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้เอาเรื่องเขาเพียงแค่หยิบแก้วน้ำใบใหญ่บนโต๊ะขึ้นมา รินน้ำให้ตัวเองดื่ม"เหอะ ไอ้ยากจน จะมาดื่มเหล้าของเสี่ยวจวิ้น ทั้งที่ไม่มีปัญญา หน้าไม่อาย"แสงไฟสลัว ดนตรีที่เร้าใจหลินเฟิงทำเป็นหูทวนลม ไม่แม้แต่จะมองติงเสี่ยวเจินในที่สุด เมื่อวงบนเวทีแสดงจบ ทุกคนในบาร์ก็ปรบมืออย่างกระตือรือร้นนักเรียนหญิงข้างหลินเฟิงก็หน้าแดงปรบมืออย่างสนุกสนาน"พี่สุดหล่อ คุณคิดว่าวงบนเวทีเป็นไงบ้างคะ หล่อมั้ย?"เธอหันไปถามหลินเฟิงด้วยรอยยิ้ม"ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องดนตรี แค่รู้สึกว่ามันหนวกหูไปหน่อย"หลินเฟิงตอบอย่างตรงไปตรงมา"เหอะ พวกบ้านนอกของแท้ ไม่เข้าใจแม้กระทั่งร็อคที่กำลังฮิต ไม่รู้หน้าด้านมานี่ทำไม"ติงเสี่ยวเจินพูดอย่างเย้ยหยันหลินเฟิงเริ่มเข้าใจแล้วติงเสี่ยวเจินคนนี้อยู่ฝ่ายหลงเสี่ยวจวิ้นเธอมองออกว่าหลินเฟิงไม่ถูกหลงเสี่ยวจวิ้นชอบ จึงตั้งใจดูหมิ่นหลินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อเอาใจหลงเสี่ยวจวิ้นความพยายามของเธอได้ผลเพียงเห็นหลงเสี่ยวจวิ้นเผยยิ้มบาง ยื่นมือพูดว่า: "เสี่ยวเจิน ไม่ต้องพูดแบบนั้นหรอก ท้ายที่สุดศิลปะพวกนี้สำหรับคนที่มาจากที่เล็กๆ บ
หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยตอนที่ได้ฟังเมื่อครู่ เสียงของเหยาหลินหลินยังคงธรรมดา แต่ตอนนี้เมื่อเสียงเพลงดังขึ้น บรรยากาศทั้งหมดของเหยาหลินหลินเปลี่ยนไปเสียงของเธอกลายเป็นทรงพลังมากบาร์ใต้ดินทั้งหมดเงียบสงบเพราะการร้องของเธอผู้คนที่กำลังดื่มกันอยู่รอบๆ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ต่างจ้องไปที่บนเวทีที่มีเด็กผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งตัวหรูหราและไม่ได้สวมใส่ของแบรนด์เนมเสียงของเธอไม่แพ้ศิลปินที่มีชื่อเสียงใดๆแม้แต่หลินเฟิงที่ไม่เข้าใจเรื่องดนตรีเลย ยังรู้สึกว่าเธอร้องได้ดีมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออวี๋จื่อเสวียนร่วมร้องประสาน เสียงของทั้งสองแทบจะทะลุผ่านบาร์ใต้ดินทั้งหมดทั้งห้องเงียบสนิท ผู้ชมตกอยู่ในความหลงใหล"ไม่เสียชื่อหลินหลินจริงๆ..." เด็กสาวข้างๆ หลินเฟิงกระซิบชมหลินเฟิงไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พยักหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจติงเสี่ยวเจินที่อยู่ข้างๆ มองดูพวกเด็กผู้หญิงบนเวทีที่ทุกคนกำลังจับตามอง ด้วยสีหน้าอิจฉาอย่างยิ่ง"หยดฝนเบาๆ ปล่อยให้ตกอย่างสบายใจ""ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะก้าวไปข้างหน้าแล้ว..."เมื่อเหยาหลินหลินร้องประโยคสุดท้ายจบ สถานที่ทั้งหมดนิ่งเงียบไปไม่กี่วินาทีก่อนจะร
อวี๋จื่อเสวียนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหลงเสี่ยวจวิ้นกำลังจ้องเธออยู่ตอนที่เขาขอเพลงนี้ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจจากใจจริง"อะไร? ลูกค้าขอเพลง ทำไมพวกคุณถึงไม่ร้อง? พวกคุณจะทำลายบรรยากาศร้านผมเหรอ?"เจ้าของบาร์ทำหน้าตาเย็นชา"เปล่า ๆ แน่นอนว่าไม่..."เหยาหลินหลินรีบยิ้มพร้อมกล่าวว่า "ร้องแน่นอน เราจะร้อง..."ขณะพูด เหยาหลินหลินก็หันไปมองอวี๋จื่อเสวียนด้วยสายตาที่มีความเว้าวอนเล็กน้อย"จื่อเสวียน...""ก็ได้ ก็ได้ เพลงรักเล็ก ๆ ก็เพลงรักเล็ก ๆ"อวี๋จื่อเสวียนขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด"เดี๋ยวก่อน!"ทันใดนั้น คนรวยที่ถูกทำให้อับอายก็ลุกขึ้นอีกครั้งและพูดเสียงดังว่า "ร้อง 'การค้าที่ความรัก' ให้ผม ผมให้ทิปหนึ่งล้านบาท!""หนึ่งล้านบาท?!"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ ลูกค้าภายในบาร์ต่างสูดลมหายใจด้วยความตกใจร้องเพลงหนึ่งเพลงได้หนึ่งล้านบาท มันก็เกินไปหน่อยแล้ว"ฮึ ผมดูสิว่าใครจะมาแข่งกับผมอีก?"คนกอดสาวสวยในอ้อมแขน มองไปรอบๆ ด้วยความภูมิใจ"ผมให้สองล้านห้าแสนบาท"ในขณะนั้น หลงเสี่ยวจวิ้นลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยความหยิ่งทะนง และมองไปที่คนรวยคนนั้นอย่างดูถูก ก่อนจะเพิ่มราคาอีก"สอง
"พี่เสี่ยวจวิ้น ทำยังไงดี? ช่วยจื่อเสวียนพวกเธอหน่อยสิ!"เด็กสาวข้างๆ หลินเฟิงรีบเดินไปมาเธอมองไปที่หลงเสี่ยวจวิ้นด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ แต่หลงเสี่ยวจวิ้นเกาศีรษะอย่างกระอักกระอวนเขาเพิ่งมองตามสายตาของหลินเฟิงและจำได้ว่าคุณชายที่นั่งอยู่แถวหน้านั้นคือใครทายาทสายตรงของตระกูลซือหม่า ซือหม่าเหวินหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองจิง ซึ่งไม่ใช่คนที่เขาจะกล้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยแม้ว่าชื่อของเขาจะมีคำว่า "หลง"แต่เขาเป็นเพียงคุณชายเล็กๆ ในตระกูลสาขาย่อยของตระกูลหลง ซึ่งต่างจากทายาทสายตรงของตระกูลซือหม่าไม่รู้กี่เท่าและยิ่งไปกว่านั้น เขาได้เอาเงินเกือบทั้งหมดที่มีอยู่มาใช้แล้วสองล้านห้าแสนบาท ไม่มีเงินมากกว่านี้แล้วดังนั้นหลงเสี่ยวจวิ้นจึงทำได้แค่ยิ้มอ่อนๆ และอธิบายเบาๆ ว่า "เห็นไหม""นั่นคือคุณชายซือหม่าเหวินจากตระกูลซือหม่า!""ถ้าไปสร้างปัญหาให้เขา..."หลงเสี่ยวจวิ้นไม่ได้พูดต่อ แต่ความหมายในคำพูดของเขาก็ชัดเจนสำหรับทุกคนรอบข้างเขาไม่กล้าหาเรื่องคนแบบนั้น"ต้องมองดูจื่อเสวียนพวกเธอ...ถูกหมอนั่นดูถูกหรอ?"สาวน้อยน้ำตาซึมด้วยความร้อนใจเธอและพวกสาวๆ บนเวทีเป็นเพื่อนสนิทกัน
แน่นอนว่าพวกเธอส่วนใหญ่หวั่นเกรงในอำนาจของตระกูลซือหม่าพวกเธอส่วนมากมาจากครอบครัวธรรมดา บางคนก็มาจากครอบครัวที่ไม่ดีนัก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลซือหม่าซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของจิงเฉิง พูดได้ว่าแทบไม่มีโอกาสจะต่อต้านเลยในสายตาเยาะเย้ยของอวี๋จื่อเสวียน พวกเธอไม่มีทางเลือกใดๆ"จื่อเสวียน..."มือคีย์บอร์ดมองไปที่อวี๋จื่อเสวียนด้วยความลำบากใจ"พวกคุณ..."อวี๋จื่อเสวียนตกตะลึงเมื่อพบว่าเพื่อนสนิทคนอื่นๆ บนเวทีกำลังมองมาที่เธอ และในสายตาของพวกคุณเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความเศร้า"จื่อเสวียน ไม่ใช่ทุกคนที่สบายเหมือนเธอนะ""ใช่แล้ว จื่อเสวียน พวกเราต้องการช่วยครอบครัวและอยากจะมีชื่อเสียงเพื่อทำตามความฝันด้วย..."เมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของเพื่อนๆ อวี๋จื่อเสวียนก็เงียบไป"เฮ้อ..."ในที่สุดอวี๋จื่อเสวียนก็หัวเราะ เธอส่ายหัว"ถ้าอย่างนั้น ฉันก็เคารพการตัดสินใจของพวกเธอ"เมื่อพูดจบ อวี๋จื่อเสวียนก็กำลังจะเดินออกไปแต่อย่างไรก็ตาม เธอกลับถูกเจ้าของบาร์จับไว้"เธอจะไปไหน?"เจ้าของบาร์มีสีหน้าเย็นชา"วงดนตรีเลิกแล้ว ฉันจะกลับบ้าน" อวี๋จื่อเสวียนพูดอย่างเย็นชา"ฮึ คิดว่าบา
"หลินหลิน อย่าขอร้องเลย ฉันจะไม่ร้องเพลงให้คนสารเลวพวกนี้หรอก"อวี๋จื่อเสวียนพูดเสียงเย็นชา"แต่..."เหยาหลินหลินมองดูอวี๋จื่อเสวียนที่ถูกล้อมอยู่ด้วยความกังวลใจ"ฮ่าฮ่าฮ่า... ดีๆ หนูน้อย ผมชื่นชมในความกล้าของคุณ ตอนนี้ผมสนใจคุณมากขึ้นแล้ว""พวกนาย ไปพาเด็กคนนี้ขึ้นเตียงผมหน่อย คืนนี้ผมจะฝึกม้าสาวพยศนี้ดีๆ"เมื่อเห็นว่าซือหม่าเหวินไม่อายแม้แต่จะทำตัวเยี่ยงนี้ หลินเฟิงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วเขาลุกขึ้นท่ามกลางสายตางุนงงของหลงเสี่ยวจวิ้นที่อยู่ข้างๆ"ให้ห้าสิบล้านบาท ผมอยากขอเพลง"คำพูดเรียบๆ ของหลินเฟิงสร้างความตกใจให้กับทุกคนในบาร์ทันที"ห้าสิบล้านบาท?""พระเจ้า นี่สิถึงจะเป็นเศรษฐีจริง! ใช้เงินห้าสิบล้านบาทขอเพลง นักร้องดาราแถวหน้ายังไม่ได้ราคานี้เลย!"เมื่อทุกสายตามุ่งไปที่หลินเฟิง ซือหม่าเหวินก็หันไปดูด้วยเขารู้สึกไม่พอใจแต่เขาอยากจะดูว่ามีใครที่กล้าขัดใจเขา ซือหม่าเหวินแน่นอนว่ายังมีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกกับน้ำเสียงแบบนี้ในระยะไกล เจ้าของบาร์ก็อึ้งไปเมื่อได้ยินราคา และเขามองซือหม่าเหวินด้วยแววตาแปลกๆ ก่อนรีบสั่งให้ลูกน้องหยุดทำร้ายอวี๋จื่อเสวียน"หืม?"เม
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี