แน่นอนว่าพวกเธอส่วนใหญ่หวั่นเกรงในอำนาจของตระกูลซือหม่าพวกเธอส่วนมากมาจากครอบครัวธรรมดา บางคนก็มาจากครอบครัวที่ไม่ดีนัก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลซือหม่าซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของจิงเฉิง พูดได้ว่าแทบไม่มีโอกาสจะต่อต้านเลยในสายตาเยาะเย้ยของอวี๋จื่อเสวียน พวกเธอไม่มีทางเลือกใดๆ"จื่อเสวียน..."มือคีย์บอร์ดมองไปที่อวี๋จื่อเสวียนด้วยความลำบากใจ"พวกคุณ..."อวี๋จื่อเสวียนตกตะลึงเมื่อพบว่าเพื่อนสนิทคนอื่นๆ บนเวทีกำลังมองมาที่เธอ และในสายตาของพวกคุณเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความเศร้า"จื่อเสวียน ไม่ใช่ทุกคนที่สบายเหมือนเธอนะ""ใช่แล้ว จื่อเสวียน พวกเราต้องการช่วยครอบครัวและอยากจะมีชื่อเสียงเพื่อทำตามความฝันด้วย..."เมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของเพื่อนๆ อวี๋จื่อเสวียนก็เงียบไป"เฮ้อ..."ในที่สุดอวี๋จื่อเสวียนก็หัวเราะ เธอส่ายหัว"ถ้าอย่างนั้น ฉันก็เคารพการตัดสินใจของพวกเธอ"เมื่อพูดจบ อวี๋จื่อเสวียนก็กำลังจะเดินออกไปแต่อย่างไรก็ตาม เธอกลับถูกเจ้าของบาร์จับไว้"เธอจะไปไหน?"เจ้าของบาร์มีสีหน้าเย็นชา"วงดนตรีเลิกแล้ว ฉันจะกลับบ้าน" อวี๋จื่อเสวียนพูดอย่างเย็นชา"ฮึ คิดว่าบา
"หลินหลิน อย่าขอร้องเลย ฉันจะไม่ร้องเพลงให้คนสารเลวพวกนี้หรอก"อวี๋จื่อเสวียนพูดเสียงเย็นชา"แต่..."เหยาหลินหลินมองดูอวี๋จื่อเสวียนที่ถูกล้อมอยู่ด้วยความกังวลใจ"ฮ่าฮ่าฮ่า... ดีๆ หนูน้อย ผมชื่นชมในความกล้าของคุณ ตอนนี้ผมสนใจคุณมากขึ้นแล้ว""พวกนาย ไปพาเด็กคนนี้ขึ้นเตียงผมหน่อย คืนนี้ผมจะฝึกม้าสาวพยศนี้ดีๆ"เมื่อเห็นว่าซือหม่าเหวินไม่อายแม้แต่จะทำตัวเยี่ยงนี้ หลินเฟิงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วเขาลุกขึ้นท่ามกลางสายตางุนงงของหลงเสี่ยวจวิ้นที่อยู่ข้างๆ"ให้ห้าสิบล้านบาท ผมอยากขอเพลง"คำพูดเรียบๆ ของหลินเฟิงสร้างความตกใจให้กับทุกคนในบาร์ทันที"ห้าสิบล้านบาท?""พระเจ้า นี่สิถึงจะเป็นเศรษฐีจริง! ใช้เงินห้าสิบล้านบาทขอเพลง นักร้องดาราแถวหน้ายังไม่ได้ราคานี้เลย!"เมื่อทุกสายตามุ่งไปที่หลินเฟิง ซือหม่าเหวินก็หันไปดูด้วยเขารู้สึกไม่พอใจแต่เขาอยากจะดูว่ามีใครที่กล้าขัดใจเขา ซือหม่าเหวินแน่นอนว่ายังมีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกกับน้ำเสียงแบบนี้ในระยะไกล เจ้าของบาร์ก็อึ้งไปเมื่อได้ยินราคา และเขามองซือหม่าเหวินด้วยแววตาแปลกๆ ก่อนรีบสั่งให้ลูกน้องหยุดทำร้ายอวี๋จื่อเสวียน"หืม?"เม
ถ้าเขาให้วงโพดำ ร้องจริงๆ และถ้าคุณชายซือหม่าเหวินเกิดโกรธขึ้นมา เขาอาจจะโดนหางเลขไปด้วย..."หืม?""ลูกค้าคือพระเจ้า ไม่ใช่คุณเหรอที่พูด?"หลินเฟิงกลับไปนั่งที่โต๊ะอีกครั้งและยิ้มบางๆ "มีอะไรหรือ? หรือว่าผมให้ทิปน้อยไป?""เอ่อ...ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับคุณชาย"เจ้าของบาร์เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก รู้สึกลำบากใจแต่เมื่อเห็นบัตรทองที่ปลายนิ้วของหลินเฟิง เขาก็ยังตัดสินใจกัดฟันทนบ้าจริง นี่มัน50 ล้านบาทเชียวนะ!แบ่งกันห้าสิบห้าสิบ สุดท้ายเขาจะได้ถึงยี่สิบห้าล้านบาท!เงินยี่สิบห้าล้านบาท บาร์ของเขาจะคืนทุนน่าดูคนขี้ขลาดกินไม่อิ่ม คนกล้ากินไม่พอเรื่องรักสามเศร้าของพวกคุณชายพวกนี้ ไม่ควรเป็นเรื่องที่เขาต้องไปข้องเกี่ยว ขอทำหน้าที่ของตัวเองพอแล้ว"พวกคุณได้ยินแล้ว คุณชายท่านนี้อยากฟัง 'อัปลักษณ์' พวกคุณจะร้องหรือไม่?!"เจ้าของบาร์มองไปที่อวี๋จื่อเสวียนด้วยหน้าตาที่ยังคงเย็นชาอวี๋จื่อเสวียนกลับยิ้มหวานอย่างมีเลศนัย สิ่งที่แสดงออกกลับต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เธอกลับไปที่เวทีและเก็บเบสขึ้นมาด้วยรอยยิ้มหวานและพูดว่า:"ไม่มีปัญหา 'อัปลักษณ์' ใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง ฉันจะร้องให
คำพูดเรียบๆ ของหลินเฟิงทำให้บรรยากาศในบาร์ตกลงสู่จุดเยือกแข็งทันที"500 ล้านบาท?!""แม่เจ้า! นี่เป็นเศรษฐีจากไหนเนี่ย? เพื่อจะเอาชนะคุณชายซือหม่า เขายอมจ่าย 500 ล้านบาทเพื่อฟังเพลงเดียวเหรอ?!""บ้าหรือเปล่า?""หา?"อวี๋จื่อเสวียนบนเวทีก็เบิกตากว้างเธอมองหลินเฟิงจากระยะไกล ใช้ภาษาปากถามด้วยความไม่สบายใจว่า "อาจารย์หลิน คุณมี 500 ล้านบาทมาจากไหน?""ไม่ต้องห่วง ก็แค่บอกออกไปก่อน"คำตอบของหลินเฟิงทำให้เธอถึงกับกลอกตา"อย่าฝืนไปเลย"อวี๋จื่อเสวียนรู้สึกกังวล"ไม่"หลินเฟิงก็ยังคงดื้อรั้น ยิ้มบางปฏิเสธคำขอของอวี๋จื่อเสวียน"คุณ...""จื่อเสวียน ถ้าอย่างนั้น...พวกเราคงต้องไปกันดีกว่า"เหยาหลินหลินข้างๆ เริ่มปวดหัวเธอแค่อยากร้องเพลงแบบเรียบง่าย อยากเดินในเส้นทางวงการบันเทิงเพื่อปรับปรุงชีวิตครอบครัวตอนนี้ที่ได้เข้ามาพัวพันในโลกของคุณชายเหล่านี้ เธอรู้สึกว่าเหนื่อยเป็นพิเศษ"หลินหลิน ตอนนี้เราคงจะเดินออกไปไม่ได้แล้วล่ะ"มือคีย์บอร์ดสาวชี้ไปที่บอดี้การ์ดสูงเกือบสองเมตรที่ริมเวทีด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวเหยาหลินหลินก็ตอบสนองได้ทันทีเจ้าของบาร์จะปล่อยให้พวกเธอที่เป็นแหล
"ฮ่าฮ่า..."ซือหม่าเหวินหัวเราะจนปากแทบปิดไม่ลง พร้อมกับปรบมือและชี้ไปที่หลินเฟิงพูดว่า"หลินเฟิงเอ๋ยหลินเฟิง ผมยังคิดว่าคุณมีความสามารถอยู่นะ ที่แท้ก็แค่พวกชอบพูดโม้!""ตลกจริง...บัตรมีเงินแค่ 2.5บาท...""ต้องยอมรับ ว่าเขาก็ยังกล้าหาญอยู่...""คุณมี 2.5บาท แต่คุณกล้าร้องออกมาว่า 500 ล้าน? แถมยังต่อหน้าคุณชายตระกูลซือหม่า"หลินเฟิงเป็นหน้าตาใหม่ แขกในร้านเลยไม่รู้จักดังนั้นพวกเขาจึงหัวเราะเยาะกันอย่างเต็มที่อย่างไรก็ตาม หลินเฟิงหลังจากได้รับบัตรแล้วก็ขมวดคิ้ว"เถ้าแก่ นี่ไม่ใช่บัตรของผม"หลินเฟิงโยนบัตรนั้นลงบนพื้นแล้วส่ายหน้าอย่างสงบนิ่ง"หืม?"คำพูดของหลินเฟิงทำให้เถ้าแก่ร้านรู้สึกสงสัย"ฮ่าฮ่าฮ่า...หลินเฟิง ผมรู้ว่าคุณอยากจะกู้หน้าให้ตัวเอง แต่ถ้าคุณทำไปขนาดนี้แล้ว ก็เลิกทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์แบบนี้เถอะ"หลงเสี่ยวจวิ้นหัวเราะและตบไหล่หลินเฟิง"ถ้าผมเป็นคุณ ผมคงจะขุดหลุมหนีไปแล้ว""พี่เสี่ยวจวิ้น คุณลืมหรือเปล่า? ตอนที่เขาเข้ามาเมื่อกี้ยังอยากจะดื่มเหล้าของคุณด้วย คุณก็ให้เขาดื่มสักหน่อยเถอะ เขาคงไม่เคยดื่มเหล้าขวดละห้าหมื่นบาทในชีวิตหรอก"ติงเสี่ยวเจินก็เสริมเย้ยห
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”