"พวกคุณก็ด้วย ไม่ต้องคืน""ยังไงอาจารย์หลินก็ไม่สนใจเงินแค่นี้อยู่แล้ว""ใช่ไหม?"อวี๋จื่อเสวียนยักคิ้วใส่หลินเฟิง"ไม่ ผมสนใจ"หลินเฟิงพยักหน้าให้เธอ ทำให้อวี๋จื่อเสวียนประหลาดใจ"หา?!"อวี๋จื่อเสวียนตาโตเหมือนไฟ"อาจารย์หลิน คุณไม่ใจแคบนะ? ในบัตรคุณมีตั้งห้าพันล้านบาทนนะ แล้วจะมาเอาทิปคืน?""ของพวกเธอ ผมไม่อยากได้"หลินเฟิงมองสาวๆ ในวงคนอื่นก่อนจะมองไปที่อวี๋จื่อเสวียนแล้วพูดว่า: "ของเธอ ฉันต้องเอาคืน""อะไรนะ?! นี่ไม่ยุติธรรม! หรือฉันร้องไม่ดีพอ? หรือไม่ทุ่มเทมากพอ?!"อวี๋จื่อเสวียนไม่ยอม"เฮ้อ..."หลินเฟิงเอามือกุมหน้าและส่ายหัว"ลองคิดดูนะ ถ้าอาอวี๋จู่ๆ เห็นว่าบัญชีธนาคารของคุณมีเงินเพิ่มเข้ามาสิบล้าน เขาจะคิดยังไง?"หลินเฟิงสังเกตเห็นแล้วว่าคุณอาอวี๋กลัวว่าเขาจะทำอะไรกับอวี๋จื่อเสวียนแม้ว่าหลินเฟิงจะไม่ได้คิดอะไรกับอวี๋จื่อเสวียนเลยก็ตามแต่ถ้าอยู่ดีๆ บัญชีธนาคารของอวี๋จื่อเสวียนมีเงินเข้ามามากขนาดนี้ ใครๆ ก็รู้ได้ว่ามีปัญหาคราวนี้เขาจะอธิบายกับอาอวี๋ยังไง?"ไม่เอา ไม่คืน ฉันไม่คืน! แบร่!"อวี๋จื่อเสวียนทำหน้าล้อเล่นและแลบลิ้นใส่หลินเฟิง"......"หลินเฟิง
พอผู้หญิงกลุ่มนี้ได้ยินว่าบริษัทบันเทิงของหลินเฟิงชื่อ บริษัทเล่อเจีย พวกเธอก็แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ เพราะว่า บริษัทเล่อเจียถือว่าเป็นบริษัทบันเทิงชื่อดังในเขตเจ็ดมณฑลของหัวตงแม้แต่พวกนักเรียนหญิงเหล่านี้ก็ยังเคยได้ยินพวกเธอไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งจะได้เข้าร่วมบริษัทใหญ่ขนาดนี้"อะไรนะ อาจารย์หลิน ฉันได้ยินว่า อิ่นนั่วเจียดาราหญิงอันดับต้น ๆ ของประเทศมังกร ก็อยู่ในบริษัทบริษัทเล่อเจีย คุณไม่ได้หลอกเราหรอกใช่ไหม?!""บริษัทเล่อเจียที่คุณพูดถึง คือบริษัทเล่อเจียที่เรารู้จักใช่ไหม?"เมื่อได้ยินข้อเสนอของหลินเฟิง พวกผู้หญิงกลุ่มนี้ก็รู้สึกดีใจในตอนแรก แต่ไม่นาน ความสงสัยก็เกิดขึ้นในใจของพวกเธอ โดยเฉพาะอวี๋จื่อเสวียนที่พูดตรงไปตรงมา เธอถามด้วยความไม่เชื่อถืออย่างเต็มหน้า"อืม... คุณพูดถูก ตอนนี้ผู้จัดการบริษัทน่าจะเป็นอิ่นนั่วเจีย ผมจะฝากข้อความให้เขา จากนี้ไปพวกคุณก็ถือว่าได้เข้าร่วมเล่อเจียแล้ว"หลินเฟิงพูดทำก็ทำทันที เขาโทรหาอิ่นนั่วเจียทันที"เชอะ โม้ไปเถอะ คุณรู้จักอิ่นนั่วเจียด้วยหรือ?"อวี๋จื่อเสวียนกอดแขน สงสัยเต็มใบหน้า"ฮัลโหล? คุณหลิน คุณไม่ได้อยู่ที่ประเทศมังกรทำธุระเ
"อืม งั้นก็ตกลงตามนี้"หลินเฟิงพยักหน้า"แต่ว่า..."อิ่นนั่วเจียในสายโทรศัพท์ดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อย"อืม? ยังมีอะไรให้กังวลอยู่หรือ? เป็นเรื่องตระกูลซือหม่าใช่ไหม?"หลินเฟิงเลิกคิ้วขึ้น"ถ้าเป็นเรื่องตระกูลซือหม่าล่ะก็ พวกเขาไม่ใช่ภัยคุกคามอะไร"หลินเฟิงพูดด้วยความมั่นใจ"ไม่ใช่หรอกค่ะ"อิ่นนั่วเจียหัวเราะ "เมื่อมีคุณหลินเฟิงอยู่ ฉันก็ไม่กังวลเรื่องนั้น ฉันแค่กังวลว่า...""อีกไม่กี่วันก็คงใกล้ถึงเวลาที่พวกเธอต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วใช่ไหม?""เอ่อ..."เมื่ออิ่นนั่วเจียพูดถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย คนอื่น ๆ ไม่มีปฏิกิริยา แต่กลับเป็นอวี๋จื่อเสวียนที่ดูมีสีหน้ารู้สึกผิดดูเหมือนว่าผลการเรียนของเธอจะย่ำแย่พอสมควร......หลังจากที่หลินเฟิงและเหล่าหญิงสาวได้พูดคุยเรื่องบริษัทบันเทิงเสร็จสิ้น ต่างก็แยกย้ายกันไปอวี๋จื่อเสวียนกลับถึงบ้านแล้วรีบเข้าห้องตัวเองโดยไม่มารบกวนหลินเฟิงอีกคืนหนึ่งผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์ใด ๆเช้าวันรุ่งขึ้นขณะหลินเฟิงกำลังฝึกฝนอยู่ จู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากจีอวิ๋นเจี๋ย"หมอเทวดาเลี่ยวเหรอ? เขาต้องการพบผมเรื่องอะไรนะ?"เมื่อหลินเฟิงรับสาย เขาถึงได้ท
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
“ดูพอหรือยัง”ฉินอิ๋งที่อยู่ข้างๆเห็นเขาจ้องมองถังหว่านอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่พูดแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าวิธีการรักษาด้วยถอดเสื้อผ้านี่เขาคนนี้ตั้งใจอยากจะเอาเปรียบถังหว่านหรือเปล่าหลินเฟิงยิ้มเบาๆ สีหน้าไม่มีความอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อยและชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณถังสวยมากๆครับ ผมอดไม่ได้ที่จะดูไปหลายครั้ง” “ฮา ฮา”ถังหว่านยิ้ม “หมอเทวดาหลินก็พูดตรงไปตรงมามากนะ”เธอไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยอมรับอย่างใจกว้างขนาดนี้ไม่เหมือนพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นสุภาพบุรุษ กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ “ตราบใดที่หมอเทวดาหลินสามารถรักษาโรคฉันหาย อยากดูอย่างไรก็ได้”ถังหว่านสายตาอ่อนโยนมีเสน่ห์ มุมปากมีรอยยิ้มที่น่าสนใจ “ไม่จำเป็นหรอก ของที่สวยงามดูเพียงครั้งเดียวก็ประทับใจมากเพียงพอแล้ว”หลินเฟิงส่ายหัวเอาเข็มเงินเข็มออกมาปลายนิ้วผ่านหน้าอกถังหว่าน สัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนเข็มหนึ่งฝังในจุดเฟิงฝู่ถังหว่านหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้หลินเฟิงเอาเข็มเงินหนึ่งออก กดนิ้วมือลงไปเรื่อยๆผ่านท้องน้อยของเธอ ฝังเข็มอีกหนึ