"พวกคุณก็ด้วย ไม่ต้องคืน""ยังไงอาจารย์หลินก็ไม่สนใจเงินแค่นี้อยู่แล้ว""ใช่ไหม?"อวี๋จื่อเสวียนยักคิ้วใส่หลินเฟิง"ไม่ ผมสนใจ"หลินเฟิงพยักหน้าให้เธอ ทำให้อวี๋จื่อเสวียนประหลาดใจ"หา?!"อวี๋จื่อเสวียนตาโตเหมือนไฟ"อาจารย์หลิน คุณไม่ใจแคบนะ? ในบัตรคุณมีตั้งห้าพันล้านบาทนนะ แล้วจะมาเอาทิปคืน?""ของพวกเธอ ผมไม่อยากได้"หลินเฟิงมองสาวๆ ในวงคนอื่นก่อนจะมองไปที่อวี๋จื่อเสวียนแล้วพูดว่า: "ของเธอ ฉันต้องเอาคืน""อะไรนะ?! นี่ไม่ยุติธรรม! หรือฉันร้องไม่ดีพอ? หรือไม่ทุ่มเทมากพอ?!"อวี๋จื่อเสวียนไม่ยอม"เฮ้อ..."หลินเฟิงเอามือกุมหน้าและส่ายหัว"ลองคิดดูนะ ถ้าอาอวี๋จู่ๆ เห็นว่าบัญชีธนาคารของคุณมีเงินเพิ่มเข้ามาสิบล้าน เขาจะคิดยังไง?"หลินเฟิงสังเกตเห็นแล้วว่าคุณอาอวี๋กลัวว่าเขาจะทำอะไรกับอวี๋จื่อเสวียนแม้ว่าหลินเฟิงจะไม่ได้คิดอะไรกับอวี๋จื่อเสวียนเลยก็ตามแต่ถ้าอยู่ดีๆ บัญชีธนาคารของอวี๋จื่อเสวียนมีเงินเข้ามามากขนาดนี้ ใครๆ ก็รู้ได้ว่ามีปัญหาคราวนี้เขาจะอธิบายกับอาอวี๋ยังไง?"ไม่เอา ไม่คืน ฉันไม่คืน! แบร่!"อวี๋จื่อเสวียนทำหน้าล้อเล่นและแลบลิ้นใส่หลินเฟิง"......"หลินเฟิง
พอผู้หญิงกลุ่มนี้ได้ยินว่าบริษัทบันเทิงของหลินเฟิงชื่อ บริษัทเล่อเจีย พวกเธอก็แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ เพราะว่า บริษัทเล่อเจียถือว่าเป็นบริษัทบันเทิงชื่อดังในเขตเจ็ดมณฑลของหัวตงแม้แต่พวกนักเรียนหญิงเหล่านี้ก็ยังเคยได้ยินพวกเธอไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งจะได้เข้าร่วมบริษัทใหญ่ขนาดนี้"อะไรนะ อาจารย์หลิน ฉันได้ยินว่า อิ่นนั่วเจียดาราหญิงอันดับต้น ๆ ของประเทศมังกร ก็อยู่ในบริษัทบริษัทเล่อเจีย คุณไม่ได้หลอกเราหรอกใช่ไหม?!""บริษัทเล่อเจียที่คุณพูดถึง คือบริษัทเล่อเจียที่เรารู้จักใช่ไหม?"เมื่อได้ยินข้อเสนอของหลินเฟิง พวกผู้หญิงกลุ่มนี้ก็รู้สึกดีใจในตอนแรก แต่ไม่นาน ความสงสัยก็เกิดขึ้นในใจของพวกเธอ โดยเฉพาะอวี๋จื่อเสวียนที่พูดตรงไปตรงมา เธอถามด้วยความไม่เชื่อถืออย่างเต็มหน้า"อืม... คุณพูดถูก ตอนนี้ผู้จัดการบริษัทน่าจะเป็นอิ่นนั่วเจีย ผมจะฝากข้อความให้เขา จากนี้ไปพวกคุณก็ถือว่าได้เข้าร่วมเล่อเจียแล้ว"หลินเฟิงพูดทำก็ทำทันที เขาโทรหาอิ่นนั่วเจียทันที"เชอะ โม้ไปเถอะ คุณรู้จักอิ่นนั่วเจียด้วยหรือ?"อวี๋จื่อเสวียนกอดแขน สงสัยเต็มใบหน้า"ฮัลโหล? คุณหลิน คุณไม่ได้อยู่ที่ประเทศมังกรทำธุระเ
"อืม งั้นก็ตกลงตามนี้"หลินเฟิงพยักหน้า"แต่ว่า..."อิ่นนั่วเจียในสายโทรศัพท์ดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อย"อืม? ยังมีอะไรให้กังวลอยู่หรือ? เป็นเรื่องตระกูลซือหม่าใช่ไหม?"หลินเฟิงเลิกคิ้วขึ้น"ถ้าเป็นเรื่องตระกูลซือหม่าล่ะก็ พวกเขาไม่ใช่ภัยคุกคามอะไร"หลินเฟิงพูดด้วยความมั่นใจ"ไม่ใช่หรอกค่ะ"อิ่นนั่วเจียหัวเราะ "เมื่อมีคุณหลินเฟิงอยู่ ฉันก็ไม่กังวลเรื่องนั้น ฉันแค่กังวลว่า...""อีกไม่กี่วันก็คงใกล้ถึงเวลาที่พวกเธอต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วใช่ไหม?""เอ่อ..."เมื่ออิ่นนั่วเจียพูดถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย คนอื่น ๆ ไม่มีปฏิกิริยา แต่กลับเป็นอวี๋จื่อเสวียนที่ดูมีสีหน้ารู้สึกผิดดูเหมือนว่าผลการเรียนของเธอจะย่ำแย่พอสมควร......หลังจากที่หลินเฟิงและเหล่าหญิงสาวได้พูดคุยเรื่องบริษัทบันเทิงเสร็จสิ้น ต่างก็แยกย้ายกันไปอวี๋จื่อเสวียนกลับถึงบ้านแล้วรีบเข้าห้องตัวเองโดยไม่มารบกวนหลินเฟิงอีกคืนหนึ่งผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์ใด ๆเช้าวันรุ่งขึ้นขณะหลินเฟิงกำลังฝึกฝนอยู่ จู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากจีอวิ๋นเจี๋ย"หมอเทวดาเลี่ยวเหรอ? เขาต้องการพบผมเรื่องอะไรนะ?"เมื่อหลินเฟิงรับสาย เขาถึงได้ท
"อ๊ะ?"เมื่อหมอเทวดาเลี่ยวพูดในสิ่งที่หลินเฟิงบอกให้เขาถ่ายทอด คนของบ้านตระกูลถังก็ดูงุนงงไปหมด"อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวนามสกุลหลิน เราในตระกูลถังไม่รู้จักหมอชื่อหลินสักคนเดียว โดยเฉพาะที่อยู่ในประเทศมังกร..."ถังเจิ้งเฉิน น้องชายของถังเจี้ยนหยวน และเป็นอาของถังหว่าน แสดงสีหน้างุนงง"ยังไงก็ตาม คุณพ่อป่วยหนัก เราจำเป็นต้องหาทางแก้ไข"ถังเจี้ยนหยวนพูดอย่างจริงจัง"รีบไปตรวจสอบดูว่ามีใครในครอบครัวรู้จักหมอแซ่หลินหรือไม่ ใช่แล้ว หมอเทวดาเลี่ยว ขออภัยที่ถาม ชื่อเต็มของอาจารย์คุณคืออะไร?""หลินเฟิง"หมอเทวดาเลี่ยวตอบอย่างตรงไปตรงมา"ดี ไปสืบค้นดูว่าใครชื่อหลินเฟิง... เดี๋ยวก่อน หลินเฟิง? หรือว่า..."ถังเจี้ยนหยวนเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวด้วยความไม่แน่ใจแล้วถามว่า:"หลินเฟิงที่คุณพูดถึง เป็นหนุ่มจากเจียงโจวใช่ไหม?""ผมไม่รู้ว่าเขามาจากเจียงโจวหรือเปล่า แต่เขาเป็นคนหนุ่มแน่นอน"หมอเทวดาเลี่ยวพยักหน้า"อะไรนะ?! คนที่คุณพูดถึงคือหลินเฟิงคนนั้นเหรอ?!"เธอคืออู๋เยว่เซี๋ย"ไม่ได้!""ฉันคัดค้าน ไม่ให้เด็กคนนั้นมารักษาคุณพ่อเด็ดขาด เขาจะต้องไม่รักษาด้วยค
"ผมจะไปขอร้องเขาด้วยตัวเอง เพื่อให้เขาวางมือลาจากถังหว่าน ตระกูลถังจะให้ค่าตอบแทน""อีกทั้งยังขอให้เขาช่วยรักษาคุณพ่อด้วย"คำพูดของถังเจี้ยนหยวนทำให้อู๋เยว่เซี๋ยที่อยู่ข้างๆ ร้อนรน"ไม่ได้! ฉันจะไม่ยอมเด็ดขาด"อู๋เยว่เซี๋ยพูดอย่างหนักแน่น"เจี้ยนหยวน คุณไม่รู้หรือว่าเจ้าเด็กนั่นหยิ่งยโสขนาดไหน การให้เขาละถังหว่านไป คงยากยิ่งกว่าปีนฟ้า""หากคุณลดตัวเองไปขอร้องเขา เขาไม่เพียงแต่ไม่มีความรู้คุณ ยังอาจจะทำตัวหยิ่งผยองใส่อีก!""พี่ใหญ่"ถังเจิ้งเฉินพูดขึ้นมา"ทำไมเราไม่เรียกคนไปจับตัวเขามา บังคับให้เขารักษาคุณพ่อล่ะ?""ไร้สาระ!"ถังเจี้ยนหยวนที่มีอายุเกือบหกสิบพูดตำหนิน้องชายของเขาอย่างเข้มงวด"ตั้งแต่โบราณมาแล้วเคยมีที่ไหนที่บังคับหมอให้รักษาด้วยเล่า? ไม่ต้องห่วง ผมได้เตรียมค่าตอบแทนอย่างเพียงพอสำหรับเขาแล้ว""ตระกูลถังอาจต้องเสียสละบ้างในครั้งนี้ แต่ตราบใดที่คุณพ่อของเรารอดชีวิต ทุกอย่างยังสามารถเจรจาได้""เขาจะต้องสนใจแน่นอน"ถังเจี้ยนหยวนลูบหนวดแล้วยิ้ม"หวังว่าเจ้าหนุ่มนั้นจะรู้จักสถานการณ์นะ"ถังเจิ้งเฉินถอนหายใจ เมื่อพูดถึงถังหว่าน พวกเขาต่างมีความรู้สึกผิดในใจถังห
"หึหึ"ถังเจี้ยนหยวนแสนจะอ่อนโยน ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า"ยังไงก็ตาม ตระกูลถังของเราเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของประเทศมังกร ค่าตอบแทนที่ให้ไม่ขี้เหนียวแน่นอน""นั่นก็ไม่แน่"หลินเฟิงหัวเราะเยาะ"นั่นคือหลินเฟิง?"ในขณะนั้นเอง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา หัวหน้ากลุ่มคือถังเจิ้งเฉิน น้องชายคนที่สามของถังเจี้ยนหยวนและเป็นอาของถังหว่าน"เจิ้งเฉิน ผมไม่ได้บอกคุณแล้วเหรอว่าไม่ต้องตามมา?"ถังเจี้ยนหยวนขมวดคิ้ว จากนั้นเขาหันไปมองหลานเฟยข้าง ๆ ขมวดคิ้วแล้วถาม "หลานเฟย หรือว่าคุณเป็นคนบอกตำแหน่งให้เจิ้งเฉินรู้?""ฉัน..."หลานเฟยต้องการจะแก้ต่างอะไรบางอย่าง แต่บุคคลสำคัญเหล่านี้ยากที่จะหลอกลวงได้ เธอจึงได้แค่ก้มหัว ยอมรับกลาย ๆ"หึ เขานี่เหรอคืออาจารย์ที่หมอเทวดาเลี่ยวพูดถึง? หนุ่มขนาดนี้? หลานเฟย เธอจะไม่หลอกผมอยู่ใช่ไหม?"ถังเจิ้งเฉินมองหลินเฟิงแวบหนึ่งแล้วหันไปมองหลานเฟยด้วยความสงสัย"คุณหลินเฟิงมีฝีมือการแพทย์...หาที่เปรียบไม่ได้ ฉันไม่ได้โกหกเลย"หลานเฟยพยักหน้าอย่างระมัดระวัง"หึ ไอ้หนุ่ม"ถังเจิ้งเฉินก้าวเข้ามาข้างหน้า โดยมีผู้คุ้มกันของตระกูลถังจำนวนมากอยู่เบื้องหลัง รวมถึงหนึ่
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลินเฟิงก็หัวเราะเยาะออกมาแล้วพูดว่า"ดี ดี ดี คนหนึ่งทำหน้าดี อีกคนทำหน้าร้ายใช่ไหม""ไปให้พ้น"หลินเฟิงโบกมือเบาๆ อย่างเกียจคร้าน แล้วพูดว่า"ด้วยท่าทีของพวกคุณ คุณปู่ตระกูลถังตายไปก็ไม่เสียเปล่า ผมแนะนำให้คุณประหยัดแรงกลับไปจัดการเรื่องงานศพเถอะ""เรื่องนี้ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว""ว่าแต่"หลินเฟิงเดินกลับไปที่ห้องใต้หลังคา แต่ก็หยุดมองถังเจี้ยนหยวนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ในวันงานเลี้ยงประจำปีของพวกคุณ ผมจะไปเยี่ยม ถ้าผมรู้ว่าถังหว่านไม่ได้ต้องการแต่งงานกับตระกูลหลงอย่างจริงใจล่ะก็ หึ..."พูดจบ หลินเฟิงก็ปิดประตูเสียงดัง ทิ้งถังเจี้ยนหยวนและอาอวี๋ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม"ท่านประมุขตระกูลถัง นี้..."อาอวี๋ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี ถึงแม้ว่าถังเจี้ยนหยวนจะเป็นคนที่เขาไม่กล้าหือ แต่หลินเฟิงก็ไม่ใช่คนที่เขาจะละเมิดได้เขาตกอยู่ระหว่างกลาง ทำอะไรไม่ถูกถังเจี้ยนหยวนยืนนิ่ง ขบกรามแน่น สีหน้าสลับไปมาระหว่างโกรธและขาวซีด ขณะที่เขากำลังจะระเบิดอารมณ์ หลานเฟยก็เดินออกมา"ท่านประมุขตระกูลถัง ให้ฉันลองพูดกับคุณหลินเฟิงดูนะคะ""คุณ?"ถังเจี้ยนหยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง "คุณม
"พี่ใหญ่ เป็นไงบ้าง?"ถังเจิ้งเฉินรีบเดินเข้าไปถามเมื่อเห็นถังเจี้ยนหยวนเดินออกมาจากบ้านของอาอวี๋"หึ ยังต้องถามอีกเหรอ? เจ้าเด็กนั่นก็ต้องไม่ตกลงแน่นอน"อู๋เยว่เซี๋ยที่ยืนข้างๆ พูดอย่างเหน็บแนมว่า:"เพราะงั้นฉันถึงบอกว่าจุดเริ่มต้นพวกเราก็ทำผิดแล้ว ควรร่วมมือกับตระกูลหลง เรียกยอดฝีมือมาแล้วจับเจ้านั่นมัดไว้ที่เตียงของคุณปู่ตระกูลถัง""ถ้าเขาไม่รักษา ก็หักแขนเขาเสีย!""พี่สะใภ้ พูดน้อยๆ หน่อยเถอะ!"ถังเจิ้งเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นสีหน้าของพี่ชายไม่ดี รีบหยุดอย่างไม่สบอารมณ์ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทำเสียงเอะอะบอกให้เขาตามมาด้วย เรื่องก็คงไม่ยุ่งยากขนาดนี้"แล้วไงล่ะ? ฉันพูดผิดตรงไหน?"อู๋เยว่เซี๋ยเท้าสะเอวพูดว่า:"เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ ดูเหมือนเราต้องใช้กำลังแล้ว ถ้าจากไปแบบเงียบๆ แบบนี้ คุณจะให้คนอื่นมองตระกูลถังของเราอย่างไร?!""เพียะ!"ในขณะที่อู๋เยว่เซี๋ยยกคิ้วขึ้นและน้ำลายกระเด็น ถังเจี้ยนหยวนก็สุดจะทน ยกมือขึ้นแล้วตบหน้าของอู๋เยว่เซี๋ยด้วยเสียงดัง"อ๊า!"อู๋เยว่เซี๋ยทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เธอเอามือปิดหน้าของตัวเอง มองถังเจี้ยนหยวนด้วยความไม่เชื่อ พร้อมทั้งหยิบผ้าเช็ดหน้าช
“อะไรนะ?!”ได้ยินแล้วยังดวงตาของเหล่านักศึกษาแทบจะถลนออกมาแล้วพวกเขาพากันมองไปทางเจียงปิน ส่วนเจียงปินก็หนังหน้ากระตุก ถึงแม้จะประหม่าอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังฝืนยี้มบางและปรบมือทำท่าทางเหมือนเขารับรู้มานานแล้วนี่จึงดึงดูดความชื่นชมและความเลื่อมใสจากนักศึกษากลุ่มหนึ่งและนี่ยังไม่จบ“ต่อมาขอเชิญ ฉินเซี่ยวเทียน นายกรัฐมนตรีเมืองเจียงโจว!”“อิ่นนั่วเจีย ซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกร!”“ไป๋ชิงเฉี่ยน แห่งไป๋ซื่อกรุ๊ป”“ผู้จัดการถัง บริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง...”หลังจากที่อาของโจวเสี่ยวหาง หัวหน้าโจวพูดชื่อออกมาทีละคน เมืองเจียงโจวไม่ว่าจะเป็นทิศเหนือทิศใต้ ทั้งหมดเป็นคนมีหน้ามีตา กองกำลังทั้งหมดที่สามารถนำออกมาได้ต่างก็มาถึงหมดแล้วพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว กลายเป็นการรวมตัวกันของบุคคลใหญ่โตทันที“แม่เจ้า นี่มันบ้าอะไรกัน?!”“เชี่ย เหตุการณ์แบบนี้...ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!”เห็นบุคคลใหญ่โตยืนอยู่บนเวที คนเหล่านี้มาต่างบริษัทต่างๆ ในเมืองเจียงโจว ถึงขั้นมีบุคคลผู้มีอำนาจ ตระกูลและวงการในหลายสาขาใครคนไหนก็ได้ยืนออกมา เพียงแค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้เมืองเจียงโจว
ในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมของจางเต๋อหลิน สมาชิกผู้อาวุโสในสายวิชาชีพแพทย์จะมาปรากฏตัวแล้วทำไมผู้ว่าเจียงโจวถึงมาด้วย?เมื่อเห็นผู้ว่าเจียงโจวเดินออกมาจากด้านหลังเวทีโดยมีรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับโบกมือให้กับเหล่านักศึกษา เหล่านักศึกษาที่อยู่ในที่นั้นต่างก็ตกตะลึง แต่ก็ยังปรบมือกับอย่างกระตือรือร้นด้วยรูปแบบของผู้จบการศึกษารุ่นนี้ มันเกินความจริงไปหรือเปล่า?“หรือว่านักศึกษาเจียงปินจะเชิญมา?”ไม่รู้ว่าเป็นใครที่จู่ ๆพูดขึ้นมาท่ามกลางเหล่านักศึกษาทันใดนั้น เหล่านักศึกษาที่เข้าร่วมพิธีจบการศึกษาก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะมองไปที่เจียงปินที่รู้สึกสับสนอยู่ไม่ต่างกัน“อ่ะ? อ่อ....อ่อ ใช่ นักศึกษาทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนกไป ไม่ต้อง ไม่ต้อง หึหึ....”เจียงปินรีบยื่นมือออกไปปลอบใจนักศึกษาคนอื่น ๆเห็นได้ชัดว่าเขาได้ยอมรับแล้ว“ซี้ด...”นักศึกษาหลาย ๆคนต่างก็สูดอากาศเย็น ที่เจียงปินเชิญจางเต๋อหลินมาได้มันก็น่าเหลือเชื่อคราวนี้ผู้ว่าของเจียงโจวก็ยังได้รับเชิญมาอีกด้วย มันจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไปงั้นเหรอเบื้องหลังของเจียงปินจริ
“หึหึ พิธีรับปริญญาของปีนี้ต่างจากปีก่อน ๆเลยนะ”“เพราะว่ามีผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้เดินทางมาโดยเฉพาะ ดังนั้นก็เลยเชิญแขกผู้มีเกียรติที่สำคัญมากมากมายมามอบใบประกาศนียบัตรให้แก่นักเรียนของพวกเราในรุ่นนี้”“ที่มา ก็มีเชิญ....”“ท่านผู้นำอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจว ผู้อาวุโสจางเต๋อหลิน!”ขณะที่หัวหน้าโจวยื่นมือออกไปเรียนเชิญ จางเต๋อหลินก็เดินเข้ามาจากประตูด้านหลังพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและโบกมือทักทายเหล่านักเรียนที่อยู่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นรอยยิ้มของจางเต๋อหลิน รอยยิ้มที่พึงพอใจของเจียงปินก็แข็งทื่อทันทีเพราะในความประทับใจของเขา ผู้อาวุโสจางเต๋อหลินมักจะมีใบหน้าที่เขร่งครึมและจริงจังอย่างมาก ทั้งยังระวังภาพลักษณ์อีกด้วยทำไมถึงยิ้มได้กว้างขนาดนั้นล่ะ?แต่เหล่านักเรียนคนอื่น ๆไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วยแล้วพากันปรบมือกันอย่างกระตือรือร้น บางคนถึงขนาดปรบมือจนหน้าของตัวเองแดงต้องรู้ว่า นี่คือผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเจียงโจว!ผู้อาวุโสอย่างเขามามอบใบประกาศนียบัตรการสำเร็จการศึกษาด้วยตัวเอง ให้เกียรติกันเกินไปหน่อยหรือเปล่า?หากพูดออกไป เกรงว่าก็คงจะไม่มีใครเชื่อ
เพียงเพราะแค่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเจียงโจวโด่งดังอย่างมากถึงได้ถ่อมตัวมาสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวอีกทั้งหลินเสวี่ยฮุ่ยยังได้ยินมาว่า เจียงปินเหมือนจะแอบฝากตัวเป็นศิษย์ของจางเต๋อหลินด้วยได้ไหว้เจ้าสำนักของสำนักไป๋เกาเป็นอาจารย์ ไม่ธรรมดาเลยจากคำพูดของเขาเมื่อครู่สามารถดูออกได้ว่า เรื่องที่เขาไหว้จางเต๋อหลินเป็นอาจารย์ ไม่ใช่ข่าวลือที่ไม่มีมูลเลยดูท่าจะมีความเป็นไปได้สูงเจียงปินคนนี้ อนาคตก้าวไกลอย่างมากแต่สิ่งที่ทำให้หลินเสวี่ยฮุ่ยปวดหัวก็คือ เธอในฐานะดาวคณะของคณะแพทยศาสตร์ เจียงปินคนนี้เพิ่งกลับมาก็ตามตอแยเธอแน่นอนว่า หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้รู้สึกรังเกียจเจียงปินเจียงปินเป็นคนที่สุภาพกับคนอื่น เป็นคนที่กิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอด ถึงขึ้นที่โจวเสี่ยวหางก็จับคู่พวกเขาสองคนอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่า โจวเสี่ยวหางคิดว่า เจียงปินคนนี้เหมาะสมกับหลินเสวี่ยฮุ่ยมากกว่าหลินเฟิงแต่ทุกครั้งเจียงปินอยู่ต่อหน้าเธอ หลินเสวี่ยฮุ่ยมักจะชอบเอาเขาไปเปรียบเทียบกับหลินเฟิงจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร?ดังนั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยจึงตัดสินใจไม่ได้ชั่วคราวจึงปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยใ
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท