แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลินเฟิงก็หัวเราะเยาะออกมาแล้วพูดว่า"ดี ดี ดี คนหนึ่งทำหน้าดี อีกคนทำหน้าร้ายใช่ไหม""ไปให้พ้น"หลินเฟิงโบกมือเบาๆ อย่างเกียจคร้าน แล้วพูดว่า"ด้วยท่าทีของพวกคุณ คุณปู่ตระกูลถังตายไปก็ไม่เสียเปล่า ผมแนะนำให้คุณประหยัดแรงกลับไปจัดการเรื่องงานศพเถอะ""เรื่องนี้ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว""ว่าแต่"หลินเฟิงเดินกลับไปที่ห้องใต้หลังคา แต่ก็หยุดมองถังเจี้ยนหยวนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ในวันงานเลี้ยงประจำปีของพวกคุณ ผมจะไปเยี่ยม ถ้าผมรู้ว่าถังหว่านไม่ได้ต้องการแต่งงานกับตระกูลหลงอย่างจริงใจล่ะก็ หึ..."พูดจบ หลินเฟิงก็ปิดประตูเสียงดัง ทิ้งถังเจี้ยนหยวนและอาอวี๋ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม"ท่านประมุขตระกูลถัง นี้..."อาอวี๋ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี ถึงแม้ว่าถังเจี้ยนหยวนจะเป็นคนที่เขาไม่กล้าหือ แต่หลินเฟิงก็ไม่ใช่คนที่เขาจะละเมิดได้เขาตกอยู่ระหว่างกลาง ทำอะไรไม่ถูกถังเจี้ยนหยวนยืนนิ่ง ขบกรามแน่น สีหน้าสลับไปมาระหว่างโกรธและขาวซีด ขณะที่เขากำลังจะระเบิดอารมณ์ หลานเฟยก็เดินออกมา"ท่านประมุขตระกูลถัง ให้ฉันลองพูดกับคุณหลินเฟิงดูนะคะ""คุณ?"ถังเจี้ยนหยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง "คุณม
"พี่ใหญ่ เป็นไงบ้าง?"ถังเจิ้งเฉินรีบเดินเข้าไปถามเมื่อเห็นถังเจี้ยนหยวนเดินออกมาจากบ้านของอาอวี๋"หึ ยังต้องถามอีกเหรอ? เจ้าเด็กนั่นก็ต้องไม่ตกลงแน่นอน"อู๋เยว่เซี๋ยที่ยืนข้างๆ พูดอย่างเหน็บแนมว่า:"เพราะงั้นฉันถึงบอกว่าจุดเริ่มต้นพวกเราก็ทำผิดแล้ว ควรร่วมมือกับตระกูลหลง เรียกยอดฝีมือมาแล้วจับเจ้านั่นมัดไว้ที่เตียงของคุณปู่ตระกูลถัง""ถ้าเขาไม่รักษา ก็หักแขนเขาเสีย!""พี่สะใภ้ พูดน้อยๆ หน่อยเถอะ!"ถังเจิ้งเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นสีหน้าของพี่ชายไม่ดี รีบหยุดอย่างไม่สบอารมณ์ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทำเสียงเอะอะบอกให้เขาตามมาด้วย เรื่องก็คงไม่ยุ่งยากขนาดนี้"แล้วไงล่ะ? ฉันพูดผิดตรงไหน?"อู๋เยว่เซี๋ยเท้าสะเอวพูดว่า:"เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ ดูเหมือนเราต้องใช้กำลังแล้ว ถ้าจากไปแบบเงียบๆ แบบนี้ คุณจะให้คนอื่นมองตระกูลถังของเราอย่างไร?!""เพียะ!"ในขณะที่อู๋เยว่เซี๋ยยกคิ้วขึ้นและน้ำลายกระเด็น ถังเจี้ยนหยวนก็สุดจะทน ยกมือขึ้นแล้วตบหน้าของอู๋เยว่เซี๋ยด้วยเสียงดัง"อ๊า!"อู๋เยว่เซี๋ยทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เธอเอามือปิดหน้าของตัวเอง มองถังเจี้ยนหยวนด้วยความไม่เชื่อ พร้อมทั้งหยิบผ้าเช็ดหน้าช
"ในเมื่อเป็นแบบนี้..."ถังเจิ้งเฉินสูดหายใจลึก แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "วิธีของพี่ใหญ่ไม่ได้ผล งั้นผมคงต้องใช้กำลัง!""ถูกต้อง!"อู๋เยว่เซี๋ยดีใจแล้วพูดว่า "ถ้าไม่ได้ผลจริง ๆ ก็ลองสืบเรื่องราวเบื้องหลังของเด็กนี่แล้วจับตัวประกันมาสิ ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ยอมก้มหัวให้!""พวกเราตระกูลถังแห่งประเทศมังกร จะมาเสียเวลากับคนประเภทนี้ทำไม?"หลังจากพยักหน้า ถังเจิ้งเฉินก็นำคนบุกเข้าไปในบ้านของอาอวี๋"หลินเฟิง!"ยืนอยู่ในลานบ้าน ถังเจิ้งเฉินพูดด้วยสีหน้าเย็นชา"พี่ใหญ่ของผมเพิ่งพยายามพูดกับคุณดี ๆ แต่คุณกลับไม่ใส่ใจ คิดว่าตระกูลถังของเราเป็นลูกส้มง่าย ๆ ที่ใครก็มาเด็ดหรือยังไง?!""วันนี้คุณต้องรักษาพ่อของผม ไม่งั้นอย่าหาว่าผมจะส่งคนไปจับตัวประกันที่เจียงโจวนะ!"เมื่อได้ยินคำพูดของถังเจิ้งเฉิน หลินเฟิงภายในบ้านก็โกรธขึ้นมาทันทีจุดอ่อนที่สุดของเขาคือคนรอบข้างหากตระกูลถังกล้าแตะต้องหลี่ฮุ่ยหรานและคนอื่น ๆ หลินเฟิงก็ไม่ลังเลที่จะถอนรากถอนโคนตระกูลถังนี้แม้แต่ในเมื่อต้องไม่สนหน้าถังหว่านก็ตาม"ปัง!"พร้อมกับเสียงดังสนั่น ประตูห้องบนชั้นลอยก็แตกเป็นเสี่ยง ๆหลินเฟิงเดินออกมาจากข้
“เห็นแก่หน้าของถังหว่าน ฉันจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย”หลินเฟิงหรี่ตาและตะโกนออกไปว่า:“รีบหายไปจากสายตาของผมซะ! ไม่อย่างนั้น... พวกคุณทั้งหมดจะต้องตายที่นี่!”“หลินเฟิง คุณอวดดีเกินไปแล้ว!”ถังเจิ้งเฉินพูดด้วยสีหน้าโกรธว่า“คุณคิดว่า คุณจะสามารถเอาชนะตระกูลถังของพวกเราได้ด้วยตัวเองจริง ๆงั้นเหรอ?”“เฮ้อ”เมื่อได้ยินถังเจิ้งเฉินยังคงพูดข่มขู่อยู่ หลินเฟิงก็ถอนหายใจเบา ๆแล้วเงยหน้าขึ้นทันที“เป็นพวกคุณที่หาเรื่องตายเองนะ ผมให้โอกาสกับคุณแล้ว!”หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งตัวของหลินเฟิงก็กลายเป็นพายุโหมกระหน่ำในทันที“อะไรนะ?!”ถังเจิ้งเฉินยังไม่ทันที่จะตอบโต้กลับ หลินเฟิงก็ไปปรากฏที่ด้านหน้าของเขาและใช้นิ้วแตะที่หน้าผาก“นิ้วสวรรค์พังทลาย”หลินเฟิงขยับริมฝีปากเล็กน้อยและหรี่ตาลง“ท่านสาม ระวัง!”ทันใดนั้นยอดฝีมือแดนแปรภาพของตระกูลถังที่อยู่ด้านข้างก็ผลักถังเจิ้งเฉินออกไป จากนั้นพลังชี่ที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดจากปลายนิ้วของหลินเฟิงในทันที“ตูม!”ด้วยพลังชี่แท้ที่ระเบิดออกมามีลักษณะคล้ายกับมังกรหรือเสืออย่างคลุมเครือยอดฝีมือแดนแปรภาพของตระกูลถังที่ผลักถังเจิ้งเฉินออกไป คาด
“ให้ตายเถอะ อู๋เยว่เซี๋ย ไม่แปลกใจเลยที่พี่ใหญ่จะโกรธขนาดนี้....”ถังเจิ้งเฉินหลับตาลง ในใจเกิดความเสียใจอย่างไม่มีสื้นสุด“ปกป้องท่านสาม!”ผู้คุ้มกันตระกูลถังที่อยู่โดยรอบกลับมามีรู้สึกตัว ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย สุดท้ายเพียงแค่หลินเฟิงก้าวออกไป พลังชี่แท้ที่น่าสะพรึงกลัวก็ทะลักออกมาตามพื้นดินและพุ่งออกไปทั่วทุกทิศทางผู้คุ้มกันพวกนี้ก็เดินเซไปเซมาพร้อมกับส่งเสียงร้องทันทีถังเจิ้งเฉินมองไปเขาพบว่าผู้คุ้มกันส่วนใหญ่ของตระกูลถังถูกหลินเฟิงหักขาทั้งสองข้างในครั้งเดียว ก่อนที่ทั้งหมดจะนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นลำส่งเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว “จบแล้ว....จบสิ้นทุกอย่างแล้ว....”ถังเจิ้งเฉินหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง“คุณหลินเฟิง! ได้โปรด.....ได้โปรดหยุดเถอะ!”ในเวลานี้ เสียงของหลานเฟยก็ดังขึ้นมาด้านข้างทันที“หืม? หลานเฟย?”ถังเจิ้งเฉินมองดูไปด้วยความประหลาดใจ หลานเฟยที่ถือโทรศัพท์อยู่ วิ่งตรงไปที่หลินเฟิง โดยไม่สนใจผู้คุ้มกันตระกูลถังที่พิการและส่งเสียงกรีดร้องอยู่โดยรอบ“หลานเฟน หนีเร็ว ไปบอกพี่ใหญ่...”“แก้แค้นให้ฉันด้วย” คำไม่กี่คำนี้ติดอยู่ในลำคอของถังเจิ้งเ
“ได้...ได้ยิน”ถังเจิ้งเฉินตอบกลับด้วยความอับอาย“ฮึ่ม คุณจำสิ่งที่ฉันพูดตอนแรกได้หรือเปล่า? ฉันบอกว่าอย่าข่มขู่เขาด้วยความปลอดภัยของครอบครัวเขา ดูเหมือนว่าพวกคุณจะหูหนวกตาบอดกับสิ่งที่ฉันพูดนะ!”“จริงสิ ถึงแม้ว่าฉันอยากจะเห็นท่าทางหดหู่ของหลี่ฮุ่ยหร่านตอนอยู่ข้าง ๆฉัน แต่....”“สามี คุณลงมือเลยเถอะ!”“ต่อให้ฆ่าอาสามแล้ว ฉันก็ไม่โทษคุณหรอก!”เมื่อได้ยินถังหว่านพูดแบบนี้ทางโทรศัพท์ ถังเจิ้งเฉินก็หน้าซีดทันทีเขาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ก้มหัวลง ไม่ได้พูดต่ออะไรอีก“.....”หลินเฟิงก็เงียบไม่พูดอะไรถ้าถังหว่านร้องขอความเมตตา หลินเฟิงคงจะโกรธมาก และอาจจะไม่ฟังเธอด้วยแต่ถังหว่านเป็นคนฉลาดและรู้ว่าหลินเฟิงไม่สามารถย้อนแย้งแผนการได้เธอพูดอ้อมค้อมและเลือกยืนข้างหลินเฟิง สิ่งนี้กลับทำให้หลินเฟิงลังเลที่จะทำเล็กน้อยหากฆ่าถังเจิ้งเฉินไปแบบนี้ จะกลายเป็นหลินเฟิงที่ดูใจแคบเกินไป“เอาล่ะ เอาล่ะ”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ถังหว่านในโทรศัพท์ก็ถอนหายใจ ก่อนจะใช้น้ำเสียงออดอ้อน “สามี”“ไม่อย่างนั้นก็ปล่อยเขาไป? แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว? ครั้งเล็กๆ? ในเมื่อเขาก็เป็นอาสามของฉัน จะฆ่
ถังเจิ้งเฉินมองไปที่คราบเลือดและเศษซากที่แตกออกมา ก่อนจะถอนหายใจและพูดว่า“มาสร้างสุสานให้คุณเจิ้นเถอะ เรื่องในวันนี้ ฉันก็โชคดีแล้วที่เขาช่วยชีวิตได้ทันพอดี”“ท่านสาม หรือว่า....”ผู้คุ้มกันตระกูลถังเหลือบมองไปที่แผ่นหลังของหลินเฟิง ก่อนจะกระซิบเสียงเบาข้าง ๆหูของถังเจิ้งเฉิน“แล้วพวกเราต้องเข้าไปดูเขาที่ตระกูลถังหรือเปล่าครับ?”“ฉันจำได้ว่าผู้นำตระกูลออกคำสั่ง ไม่อนุญาตให้หลินเฟิงติดต่อกับคุณหนูถังหว่านใช่ไหม? แม้แต่คุยโทรศัพท์ก็ไม่ได้” “ คุณหลานเฟยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้นำตระกูลอย่างโจ่งแจ้ง ต้องบังคับใช้กฎในตระกูลกับเธอไหมครับ?”“กฎในตระกูล?”ถังเจิ้งเฉินส่ายหน้าไปมา และหัวเราะเยาะหยัน“หากไม่ใช่เพราะหลายเฟย เกรงว่าวันนี้พวกเราทั้งหมดต้องตายอยู่ที่นี่ แล้วยังจะบังคับใช้กฎในตระกูล....”“ ฉันรู้สึกว่ามีอีกคนหนึ่งที่ควรบังคับใช้กฎในตระกูลมากที่สุด”ใบหน้าของคนหนึ่งค่อย ๆปรากฏขึ้นมาในใจของถังเจิ้งเฉินนั้นก็คือ อู๋เยว่เซี๋ย ผู้เย่อหยิ่ง......ไม่นานหลังจากนั้น หลินเฟิงที่นั่งอยู่บนรถของหลานเฟย เข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลถังที่อยู่ในเมืองเป็นอย่างที่คิดไว้สไตล์ของสี่ตระกูลใหญ่ที
“ใช่ก็บ้าแล้ว!”หลินเฟิงตำหนิเสียงดังถังเจี้ยนหยวนด้วยน้ำเสียงเย็นชาต่อหน้าผู้คุ้มกันตระกูลถังที่อยู่โดยรอบ “ฉันกับถังหว่านไปทำข้อตกลงกันตอนไหน?”“เธอโทรศัพท์ให้ฉันมาเจอเธอ”“การช่วยพ่อของคุณเป็นเพียงเรื่องง่าย ไม่ว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉัน ตระกูลถังของพวกคุณอย่าได้คือจะเอาศอก!”ต่อให้ใครก็ตามที่โดนตำหนิเสียงดังแบบนี้ ก็ล้วนไม่มีสีหน้าที่ดีได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถังเจี้ยนหยวน ผู้นำตระกูล หนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยของเมืองจิงครั้งที่แล้วคนที่เขาตำหนิเสียงดังแบบนี้ ก็คือพ่อของเขานอกจากพ่อของเขา ใครก็ตามที่อยู่ข้างนอกเมื่อเห็นเขาแล้วไม่เคารพบ้าง? หรือถึงกับคุกเข่าและหมอบลงก็มีแม้แต่ผู้นำตระกูลหลงและตระกูลสือหม่า ก็ต้องแสดงความเคารพเมื่อเห็นเขาแต่ตัวเองโดนหลินเฟิงตำหนิเสียงดังจริง ๆงั้นเหรอ?หลินเฟิงเป็นใคร?“คุณหลิน คุณระวังหน่อย! ถ้าคุณยังกล้าพูดแบบนี้กับผู้นำตระกูลถังอีก ก็ลองดู!”บริวารของตระกูลถังหลาย ๆคนที่อยู่ข้าง ๆ ก้าวออกมาพวกเขาล้วนเป็นบริวารยอดฝีมือแดนแปรภาพที่ได้รับการว่าจ้างจากตระกูลถังเป็นเงินจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นก็ยังเป็นผู้อาวุโสของกลุ่ม
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท
รับสมัครพวกแก๊งเขี้ยวเขียวเหล่านี้ หลังจากที่หลินเฟิงจัดแจงพวกเขาให้พักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่งขึ้นรถ บนใบหน้าก็เผยความดิ้นรนที่แปลกประหลาดออกมา“เป็นอะไรไปหลินเฟิง มีตรงไหนผิดปกติงั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามขึ้นมา“ไม่ใช่”หลินเฟิงมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ ทอดถอนใจพูดว่า:“ฉันพูดความจริงกับนายแล้วกัน วันนั้นลูกค้าที่ชื่อคุณฉู่คนนั้นของคุณ อันที่จริงคือมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืด”“อะไรนะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานงุนงง ถึงแม้เธอคิดว่าคุณฉู่คนนั้นจะท่าทางไม่ธรรมดา อีกทั้งดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเบื้องหลัง แต่พูดว่าเป็นมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืดความแตกต่างของสถานะนี้มันมากเกินไปหน่อยแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกคอแห้งผาก มองไปทางหลินเฟิง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก: “ความหมายของคุณก็คือ...หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มเลิกการร่วมมือกับเธองั้นเหรอ?”“ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคร่งขรึมว่า:“เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังสถานะของเธอต่อหน้าผม แต่กลับบอกผมโดยตรงผ่านวิธีบางอย่าง“งั้นเธอ
หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ฉันไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรหรอกนะ เพียงแคร ต่อไปพวกนายห้ามทำความชั่วอีก”หลินเฟิงจับทรงผมโมฮอร์กของจิ่วเทา และสะบัดไปมาจากนั้นพูดว่า:“ตัดผมให้เรียบร้อย ฉันจะส่งคนมารับช่วงต่อ ส่งชุดฟอร์มที่เหมือนกันมาให้พวกนาย นับตั้งแต่วันนี้ พวกนายก็คือสมาชิกหน่วยใต้ดินของหน่วยรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว!”“ฮะ?”จิ่งเทาตั้งตัวไม่ทัน“ฮะอะไรกันล่ะ? หรือว่าพวกนายไม่เต็มใจ?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกอันธพาลเหล่านี้ พวกอันธพาลส่วนหนึ่งในนั้นคุกเข่าให้หลินเฟิงด้วยความซาบซึ้งทันทีในเมื่อการเป็นอันธพาล บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากเป็นจริงๆแต่เป็นเพราะเกิดมาฐานะไม่ดี ไม่มีความรู้อะไร และก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้สู้รบฆ่าฟันแต่ได้ยินข่าวที่พวกเขาถูกบริษัทใหญ่รับจ้าง คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าต่อต้าน แต่ก็มีคนเผยความหวังออกมาเช่นกัน“คือว่า…หัวหน้าหลิน มี…มีเงินเดินไหม?”อันธพาลคนหนึ่งถามขึ้นกล้าๆ กลัวๆ“พูดไร้สาระ ประกันสังคม 5 รายการ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 รายการ แล้วยังมีเงินเบี้ยเลี้ยง เงินค่าอาหาร หรือถ้าพวกนายอยากคลอดลูกข ก
หลินเฟิงคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า : ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันมีเงื่อนไขในการ่วมมืออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะยอมฟังหรือเปล่า?” “ เงื่อนไขอะไร?”ท่านจิ่วตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยแสงแห่งความหวังที่ผุดขึ้นในใจหากไม่ต้องออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ พวกเขาก็คงไม่อยากออกไปอย่างแน่นอน“ฉันจะจัดการแก๊งอีกสองแก๊งให้พวกนาย ทำให้พวกนายยังอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อต่อไปได้”“แน่นอน เงื่อนไขก็คือพวกนายจะต้องยอมเชื่อฟังหลี่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งก็คือ....”หลินเฟิงชี้ไปที่หลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดอย่างยิ้ม ๆว่า :“คนนี้ ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่”“อ่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนอันธพาลที่อยู่โยรอบ รวมถึงท่านจิ่วต่างก็รู้สึกสับสน“ทำไม? พวกนายไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้วอย่างจงใจ“ยอมสิ ยอมแน่นอน เพื่อนและครอบครัวของพวกพี่น้องหลายๆ คนของพวกเราต่างก็อยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ เว้นแต่ไม่มีทางเลือก พวกเราก็ไม่ยอมออกไปจากเมืองเจิ้งเต๋อหรอก เพียงแต่...”ท่านจิ่วรู้สึกลำบากใจ“เพียงแต่อะไร?”“เพียงแต่....”ท่านจิ่วจ้องมองไปที่หลินเฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆเขาก็อยากจะพูดว
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ