ถังเจิ้งเฉินมองไปที่คราบเลือดและเศษซากที่แตกออกมา ก่อนจะถอนหายใจและพูดว่า“มาสร้างสุสานให้คุณเจิ้นเถอะ เรื่องในวันนี้ ฉันก็โชคดีแล้วที่เขาช่วยชีวิตได้ทันพอดี”“ท่านสาม หรือว่า....”ผู้คุ้มกันตระกูลถังเหลือบมองไปที่แผ่นหลังของหลินเฟิง ก่อนจะกระซิบเสียงเบาข้าง ๆหูของถังเจิ้งเฉิน“แล้วพวกเราต้องเข้าไปดูเขาที่ตระกูลถังหรือเปล่าครับ?”“ฉันจำได้ว่าผู้นำตระกูลออกคำสั่ง ไม่อนุญาตให้หลินเฟิงติดต่อกับคุณหนูถังหว่านใช่ไหม? แม้แต่คุยโทรศัพท์ก็ไม่ได้” “ คุณหลานเฟยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้นำตระกูลอย่างโจ่งแจ้ง ต้องบังคับใช้กฎในตระกูลกับเธอไหมครับ?”“กฎในตระกูล?”ถังเจิ้งเฉินส่ายหน้าไปมา และหัวเราะเยาะหยัน“หากไม่ใช่เพราะหลายเฟย เกรงว่าวันนี้พวกเราทั้งหมดต้องตายอยู่ที่นี่ แล้วยังจะบังคับใช้กฎในตระกูล....”“ ฉันรู้สึกว่ามีอีกคนหนึ่งที่ควรบังคับใช้กฎในตระกูลมากที่สุด”ใบหน้าของคนหนึ่งค่อย ๆปรากฏขึ้นมาในใจของถังเจิ้งเฉินนั้นก็คือ อู๋เยว่เซี๋ย ผู้เย่อหยิ่ง......ไม่นานหลังจากนั้น หลินเฟิงที่นั่งอยู่บนรถของหลานเฟย เข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลถังที่อยู่ในเมืองเป็นอย่างที่คิดไว้สไตล์ของสี่ตระกูลใหญ่ที
“ใช่ก็บ้าแล้ว!”หลินเฟิงตำหนิเสียงดังถังเจี้ยนหยวนด้วยน้ำเสียงเย็นชาต่อหน้าผู้คุ้มกันตระกูลถังที่อยู่โดยรอบ “ฉันกับถังหว่านไปทำข้อตกลงกันตอนไหน?”“เธอโทรศัพท์ให้ฉันมาเจอเธอ”“การช่วยพ่อของคุณเป็นเพียงเรื่องง่าย ไม่ว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉัน ตระกูลถังของพวกคุณอย่าได้คือจะเอาศอก!”ต่อให้ใครก็ตามที่โดนตำหนิเสียงดังแบบนี้ ก็ล้วนไม่มีสีหน้าที่ดีได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถังเจี้ยนหยวน ผู้นำตระกูล หนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยของเมืองจิงครั้งที่แล้วคนที่เขาตำหนิเสียงดังแบบนี้ ก็คือพ่อของเขานอกจากพ่อของเขา ใครก็ตามที่อยู่ข้างนอกเมื่อเห็นเขาแล้วไม่เคารพบ้าง? หรือถึงกับคุกเข่าและหมอบลงก็มีแม้แต่ผู้นำตระกูลหลงและตระกูลสือหม่า ก็ต้องแสดงความเคารพเมื่อเห็นเขาแต่ตัวเองโดนหลินเฟิงตำหนิเสียงดังจริง ๆงั้นเหรอ?หลินเฟิงเป็นใคร?“คุณหลิน คุณระวังหน่อย! ถ้าคุณยังกล้าพูดแบบนี้กับผู้นำตระกูลถังอีก ก็ลองดู!”บริวารของตระกูลถังหลาย ๆคนที่อยู่ข้าง ๆ ก้าวออกมาพวกเขาล้วนเป็นบริวารยอดฝีมือแดนแปรภาพที่ได้รับการว่าจ้างจากตระกูลถังเป็นเงินจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นก็ยังเป็นผู้อาวุโสของกลุ่ม
“จะพูดมากไร้สาระกับเขาไปทำไม? จัดการฆ่าเขาซะ”บริวารแก่พูดอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก“ฉันก็คิดอย่างนั้น”ชายชราหลังค่อมวัยห้าสิบกว่าออกก็พูดเสริม“เหอะ ไอ้หนู อย่าโทษพวกเรา ล่ะ ถ้าจะโทษก็โทษที่ตัวคุณเองที่ไม่รู้สถานการณ์ ผู้นำตระกูลถังอ่อนข้อให้คุณแล้ว แต่คุณยอม!”สถานการณ์อยู่ในช่วงเวลาที่วิกฤติ ตอนที่ยอดฝีมือทุกคนเตรียมพร้อมที่รวมพลังเพื่อจัดการกับหลินเฟิง จู่ ๆประตูใหญ่ห้องรับแขกก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง“หืม?”ไม่เพียงแค่หลินเฟิง ถังเจี้ยนหยวนกับัเหล่ายอดฝีมือตระกูลถังต่างก็หันกลับไปมอง“หลินเฟิง พวกเราเจอกันอีกแล้ว”คนที่เข้าประตูมาในเวลานี้ก็คือ คุณชายใหญ่ของตระกูลหลง หลงยวน ที่มีผมสั้นและแววตาดุร้าย “ฉันจำได้ว่าฉันเคยบอกคุณไปแล้วว่าไม่อนุญาตให้คุณมาที่เมืองจิงใช่ไหม? ในเมื่อคุณกล้ามา ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคุณพร้อมที่จะตายแล้ว”หลงยวนยืนในจุดเดียวกัน และตามด้วยยอดฝีมือแดนแปรภาพหลายคน ซึ่งจริง ๆแล้วหนึ่งในนั้นยังเป็นแดนแปรภาพขั้นสูงสุดขณะที่หายใจเข้าออก หลินเฟิงก็เพิ่มความกดดันเป็นสองเท่ากลายเป็นหลินเฟิงที่ควมคุมสถานการณ์เอาไว้ทันที“ผู้...ผู้ป่วยอยู่ที่ไหน? ผม
“ถ้าหากคุณแค่เหยียดหยามผมหลินเฟิงเพียงคนเดียว งั้นผมอาจจะไม่ใส่ใจอะไร แต่คุณกลับกล้าดูถูกวิชาแพทย์ดั้งเดิมของประเทศมังกร งั้นผมจำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับคุณแล้ว”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำด้วยใบหน้าเย็นชาวิชาแพทย์ทั้งตัวของเขาได้เรียนรู้มาจากสำนักเสวียนเทียน เป็นแบบดั้งเดิมมากที่สุด สืบทอดวิชาแพทย์ดั้งเดิมประเทศมังกรที่เก่าแก่มากที่สุดในตอนที่วิชาแพทย์ดั้งเดิมของประเทศมังกรช่วยชีวิตคนใกล้ตายและรักษาผู้บาดเจ็บ วิชาแพทย์ต่างประเทศกำลังทำอะไรอยู่?แค่เป็นโรคกลากเกลื้อนที่เท้าก็จะตัดเท้าทิ้ง!อีกทั้งยังเป็นชนิดที่ไม่ฉีดยาชา จะเป็นจะตายแล้วแต่ชะตากรรมและคนจนถึงตอนนี้ กลับกลายเป็นคนเหล่านี้มาดูถูกวิชาแพทย์ดั้งเดิมของประเทศมังกร? เขานับประสาอะไรงั้นเหรอ?ท่าทางของหลินเฟิงตรงกับความต้องการของหลงยวนครั้งที่แล้วอยู่ที่เมืองเจียงโจว หลงยวนสามารถพูดได้ว่าศักดิ์ศรีของเขาที่มีมาหลายปีหายไปจนหมดสิ้นเขากลับถึงที่ตระกูล ก็ไม่กล้าพูดตอนนี้ได้เจอกับหลินเฟิงที่เมืองจิงอีกครั้งงั้นก็ต้อง “ต้อนรับ” เขาเป็นอย่างดี นำความอับอายที่หลินเฟิงเคยมอบให้เขา เอาคืนกลับให้หลินเฟิงเป็นร้อยเท่าและโจมต
หลินเฟิงเงียบขรึมอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นและตอบตกลงดูท่าว่านี่คือเงื่อนไขที่เป็นเส้นตายของตระกูลถังแล้ว ถ้าหากเสนอเงื่อนไขอื่นอีก เกรงว่าตระกูลถังก็จะโมโหแล้วและวันนี้โชคก็ไม่ดีบังเอิญเจอกับหลงยวนที่นี่ และบริวารแดนแปรภาพที่เป็นลูกน้องของหลงยวนต่อให้หลินเฟิงลงมือที่นี่ ก็ไม่ได้เปรียบเท่าไหร่นักเอาเป็นว่า ช่วงเวลานี้ให้เขาได้เจอหน้าถังหว่านก็พอแล้วเขาจำเป็นต้องถามเรื่องบางเรื่องกับถังหว่านให้ชัดเจนเห็นหลินเฟิงตอบตกลง ถังเจี้ยนหยวนที่อยู่ไกลออกไปก็โล่งอกอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นเพราะข่าวที่น้องสามของตัวเองส่งมาหลินเฟิงไม่เพียงมีพลังระดับแดนแปรภาพอีกทั้งเกรงว่ายังจะเป็นแดนแปรภาพขั้นสูงสุดอีกด้วย ถ้าหากทำให้เขาโมโห งั้นเรื่องราวก็คงจะจัดการได้ยากจริงๆ“ผู้ป่วยอยู่ที่ไหน? พวกคุณ...เร็ว เร็วหน่อยไม่ได้เหรอ?”ศาสตราจารย์โรเบิร์ตที่หัวล้านมีสีหน้าหงุดหงิด เขารู้สึกไม่ชินความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงแบบนี้ของประเทศมังกรเป็นอย่างมาก“ศาสตราจารย์โรเบิร์ตพูดได้ถูกต้อง ไปเถอะครับ ช่วยพ่อของผมก่อนเป็นเรื่องสำคัญ”เมื่อพูดคุยถึงเงื่อนไขกันเสร็จแล้ว ถังเจี้ยนหยวนสั่งให้ลูกน้องขับร
“นี่...”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“วิชาแพทย์ดั้งเดิมของประเทศมังกรให้ความสำคัญกับการมองการถามการดมและการคลำ สำหรับคำว่าการคลำ ไม่มีเรื่องของการสวมถุงมือ การสัมผัสถึงอุณหภูมิของผู้ป่วย และสภาพร่างกาย ผมต้องสัมผัสร่างกายของผู้ป่วย...”“อย่าพูดพล่าม!”เมื่อได้ยินคำแก้ตัวที่พูดไม่หยุดของหลินเฟิง หญิงชราก็หงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เธอบุ้ยปาก จนฟันปลอมเกือบจะหลุดออกมา“สวมถุงมือคู่นี้ นายไม่สวมถุงมือก็ไสหัวไป พวกเราไม่ได้ขอให้นายรักษา!”“นายที่เป็นไอ้หนุ่มยากจนที่มาจากสถานที่ห่างไกล คู่ควรที่จะสัมผัสร่างกายของนายท่านตระกูลถังด้วยงั้นเหรอ?”“นายไม่รังเกียจ แต่ฉันรังเกียจ!”คำพูดของหญิงชราเกือบจะทำให้หลินเฟิงอดกลั้นความโมโหไว้ไม่ไหวเขาอยากจะรักษา แต่ตระกูลถังนี้ข่มเหงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูท่าว่าไม่อยากให้เขารักษานายท่านตระกูลถังด้วยซ้ำ!“หึ”หลินเฟิงส่งเสียงไม่พอใจ เพื่อที่จะได้เจอถังหว่าน ก็ยังอดกลั้นเอาไว้ จากนั้นก็สวมถุงมืออย่างว่าง่าย“สหายหลินเฟิง คุณต้องระวังหน่อยนะ”หลินเฟิงสวมถุงมือไปด้วย หลงยวนที่อยู่ด้านหลังก็ยิ้มพูดไปด้วย: “อีกเดี๋ยววินิจฉัยสาเหตุของโรคผิดแล้วโยนความผิดไปที่ถุงมือล่ะ
“อย่ารีบร้อนสิครับ”หลินเฟิงจับคาง จากนั้นถามต่อว่า:“ยาสารคัดหลั่งกวางชะมด แต่ทุกครั้งทาน 5 กรัม ผสมน้ำดื่มเข้าไป ถูกต้องไหมครับ?”“ไอ้หนุ่ม ที่นายพูดมาไม่ถูกต้องสักข้อ”หญิงชราหมดความอดทนแล้ว เดินเข้าไปชี้หน้าต่าทอหลินเฟิงโดยตรง: “รีบไสหัวไป อย่ามาเสียเวลาของพวกเราอยู่ตรงนี้!”“หลินเฟิง ไม่อย่างนั้นคุณยอมแพ้ซะเถอะ”หลงยวนเห็นเขาประสบเคราะห์ก็รู้สึกดีใจ“ถูกต้อง หลินเฟิง คุณไปซะเถอะ ตระกูลถังของผมไม่กีดขวางคุณ แต่ต่อไปห้ามคุณเอ่ยถึงถังหว่านอีก และไม่อนุญาตให้คุณมาเหยียบที่ตระกูลถังอีกแม้แต่ครึ่งก้าว คุณได้ยินแล้วยัง?”ถังเจี้ยนหยวนก็เผยอำนาจของผู้นำตระกูลออกมา และพูดเสียงทุ้มต่ำ“หึ...”หลินเฟิงหรี่ตา สุดท้ายพยักหน้าพูดว่า: “ผมคิดว่าผมรู้แล้วว่านายท่านตระกูลถังโดนหนอนคุณไสยชนิดไหน”“ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ไม่ได้เป็นเพราะโสมภูเขา แต่เป็นการนำพาด้วยยาสารคัดหลั่งกวางชะมด ที่มากกว่า 5 กรัม และไม่ได้ดูดซึมเข้าในปากด้วยลักษณะเข้มข้น...”หลินเฟิงหยิบเข็มเงินที่พกติดตัวออกมาจากกระเป๋าหน้าอก จากนั้นมองไปทางผู้คนที่อยู่รอบๆ และพูดว่า:“ลำดับต่อไปผมจะทำการฝังเข็ม ถ้าหากข้อมูลที่พวกค
“กลับกัน พวกเราก็สามารถือโอกาส โยนความผิดไปใส่หลินเฟิงได้ ให้หว่านเอ๋อร์เกิดความรังเกียจต่อหลินเฟิง”“และทำให้พวกเรามีเหตุผลในการจัดการหลินเฟิงเพิ่มมากขึ้น”ประโยคสุดท้ายนี้ เป็นคำพูดที่ถังเจี้ยนหยวนขยับเข้าไปพูดข้างหูหญิงชราหญิงชราได้ยินคำพูดสุดท้ายของถังเจี้ยนหยวน ทันใดนั้นคิ้วที่ขมวดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก“งั้นก็ได้ เอาตามที่นายว่า!”หญิงชราพยักหน้าอย่างหนักแน่น และจึงได้ตอบตกลงหลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ เห็นการแอบกระซิบกระซาบของพวกเขา ชั่วพริบตาเดียวก็เดาออกได้ว่าคนเหล่านี้มีความคิดอะไรถึงแม้เขาจะไม่สนใจอะไร แต่ในใจก็ค่อนข้างโมโหอยู่ดีถ้าหากไม่ใช่เพราะหญิงชราไม่ให้เขาสัมผัสร่างกายกับผิวหนังของนายท่านตระกูลถัง งั้นหลินเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการหลอกล่อคำพูดของพวกเขาด้วยซ้ำก็สามารถหาสาเหตุอาการป่วยของนายท่านตระกูลถังออกมาได้อย่างแม่นยำนายท่านตระกูลถังถูกหนอนคุณไสย นั่นคือหนอนคุณไสยเน่าเฟะชนิดหนึ่งของเมืองหนานไห่ที่ไม่นับว่าเก่งอาจมากนักหนอนคุณไสยประเภทนี้ถ้าหากถูกคนกลืนเข้าไปในท้อง ควบคู่ยาชนิดพิเศษหรือวิธีการกระตุ้น ก็สามารถทำให้ตัวอ่อนฟักไข่เป็นตัว จากนั้นวางไข่และสร้างร
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท
รับสมัครพวกแก๊งเขี้ยวเขียวเหล่านี้ หลังจากที่หลินเฟิงจัดแจงพวกเขาให้พักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่งขึ้นรถ บนใบหน้าก็เผยความดิ้นรนที่แปลกประหลาดออกมา“เป็นอะไรไปหลินเฟิง มีตรงไหนผิดปกติงั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามขึ้นมา“ไม่ใช่”หลินเฟิงมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ ทอดถอนใจพูดว่า:“ฉันพูดความจริงกับนายแล้วกัน วันนั้นลูกค้าที่ชื่อคุณฉู่คนนั้นของคุณ อันที่จริงคือมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืด”“อะไรนะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานงุนงง ถึงแม้เธอคิดว่าคุณฉู่คนนั้นจะท่าทางไม่ธรรมดา อีกทั้งดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเบื้องหลัง แต่พูดว่าเป็นมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืดความแตกต่างของสถานะนี้มันมากเกินไปหน่อยแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกคอแห้งผาก มองไปทางหลินเฟิง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก: “ความหมายของคุณก็คือ...หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มเลิกการร่วมมือกับเธองั้นเหรอ?”“ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคร่งขรึมว่า:“เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังสถานะของเธอต่อหน้าผม แต่กลับบอกผมโดยตรงผ่านวิธีบางอย่าง“งั้นเธอ
หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ฉันไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรหรอกนะ เพียงแคร ต่อไปพวกนายห้ามทำความชั่วอีก”หลินเฟิงจับทรงผมโมฮอร์กของจิ่วเทา และสะบัดไปมาจากนั้นพูดว่า:“ตัดผมให้เรียบร้อย ฉันจะส่งคนมารับช่วงต่อ ส่งชุดฟอร์มที่เหมือนกันมาให้พวกนาย นับตั้งแต่วันนี้ พวกนายก็คือสมาชิกหน่วยใต้ดินของหน่วยรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว!”“ฮะ?”จิ่งเทาตั้งตัวไม่ทัน“ฮะอะไรกันล่ะ? หรือว่าพวกนายไม่เต็มใจ?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกอันธพาลเหล่านี้ พวกอันธพาลส่วนหนึ่งในนั้นคุกเข่าให้หลินเฟิงด้วยความซาบซึ้งทันทีในเมื่อการเป็นอันธพาล บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากเป็นจริงๆแต่เป็นเพราะเกิดมาฐานะไม่ดี ไม่มีความรู้อะไร และก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้สู้รบฆ่าฟันแต่ได้ยินข่าวที่พวกเขาถูกบริษัทใหญ่รับจ้าง คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าต่อต้าน แต่ก็มีคนเผยความหวังออกมาเช่นกัน“คือว่า…หัวหน้าหลิน มี…มีเงินเดินไหม?”อันธพาลคนหนึ่งถามขึ้นกล้าๆ กลัวๆ“พูดไร้สาระ ประกันสังคม 5 รายการ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 รายการ แล้วยังมีเงินเบี้ยเลี้ยง เงินค่าอาหาร หรือถ้าพวกนายอยากคลอดลูกข ก
หลินเฟิงคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า : ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันมีเงื่อนไขในการ่วมมืออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะยอมฟังหรือเปล่า?” “ เงื่อนไขอะไร?”ท่านจิ่วตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยแสงแห่งความหวังที่ผุดขึ้นในใจหากไม่ต้องออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ พวกเขาก็คงไม่อยากออกไปอย่างแน่นอน“ฉันจะจัดการแก๊งอีกสองแก๊งให้พวกนาย ทำให้พวกนายยังอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อต่อไปได้”“แน่นอน เงื่อนไขก็คือพวกนายจะต้องยอมเชื่อฟังหลี่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งก็คือ....”หลินเฟิงชี้ไปที่หลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดอย่างยิ้ม ๆว่า :“คนนี้ ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่”“อ่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนอันธพาลที่อยู่โยรอบ รวมถึงท่านจิ่วต่างก็รู้สึกสับสน“ทำไม? พวกนายไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้วอย่างจงใจ“ยอมสิ ยอมแน่นอน เพื่อนและครอบครัวของพวกพี่น้องหลายๆ คนของพวกเราต่างก็อยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ เว้นแต่ไม่มีทางเลือก พวกเราก็ไม่ยอมออกไปจากเมืองเจิ้งเต๋อหรอก เพียงแต่...”ท่านจิ่วรู้สึกลำบากใจ“เพียงแต่อะไร?”“เพียงแต่....”ท่านจิ่วจ้องมองไปที่หลินเฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆเขาก็อยากจะพูดว
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ