“นี่...”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“วิชาแพทย์ดั้งเดิมของประเทศมังกรให้ความสำคัญกับการมองการถามการดมและการคลำ สำหรับคำว่าการคลำ ไม่มีเรื่องของการสวมถุงมือ การสัมผัสถึงอุณหภูมิของผู้ป่วย และสภาพร่างกาย ผมต้องสัมผัสร่างกายของผู้ป่วย...”“อย่าพูดพล่าม!”เมื่อได้ยินคำแก้ตัวที่พูดไม่หยุดของหลินเฟิง หญิงชราก็หงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เธอบุ้ยปาก จนฟันปลอมเกือบจะหลุดออกมา“สวมถุงมือคู่นี้ นายไม่สวมถุงมือก็ไสหัวไป พวกเราไม่ได้ขอให้นายรักษา!”“นายที่เป็นไอ้หนุ่มยากจนที่มาจากสถานที่ห่างไกล คู่ควรที่จะสัมผัสร่างกายของนายท่านตระกูลถังด้วยงั้นเหรอ?”“นายไม่รังเกียจ แต่ฉันรังเกียจ!”คำพูดของหญิงชราเกือบจะทำให้หลินเฟิงอดกลั้นความโมโหไว้ไม่ไหวเขาอยากจะรักษา แต่ตระกูลถังนี้ข่มเหงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูท่าว่าไม่อยากให้เขารักษานายท่านตระกูลถังด้วยซ้ำ!“หึ”หลินเฟิงส่งเสียงไม่พอใจ เพื่อที่จะได้เจอถังหว่าน ก็ยังอดกลั้นเอาไว้ จากนั้นก็สวมถุงมืออย่างว่าง่าย“สหายหลินเฟิง คุณต้องระวังหน่อยนะ”หลินเฟิงสวมถุงมือไปด้วย หลงยวนที่อยู่ด้านหลังก็ยิ้มพูดไปด้วย: “อีกเดี๋ยววินิจฉัยสาเหตุของโรคผิดแล้วโยนความผิดไปที่ถุงมือล่ะ
“อย่ารีบร้อนสิครับ”หลินเฟิงจับคาง จากนั้นถามต่อว่า:“ยาสารคัดหลั่งกวางชะมด แต่ทุกครั้งทาน 5 กรัม ผสมน้ำดื่มเข้าไป ถูกต้องไหมครับ?”“ไอ้หนุ่ม ที่นายพูดมาไม่ถูกต้องสักข้อ”หญิงชราหมดความอดทนแล้ว เดินเข้าไปชี้หน้าต่าทอหลินเฟิงโดยตรง: “รีบไสหัวไป อย่ามาเสียเวลาของพวกเราอยู่ตรงนี้!”“หลินเฟิง ไม่อย่างนั้นคุณยอมแพ้ซะเถอะ”หลงยวนเห็นเขาประสบเคราะห์ก็รู้สึกดีใจ“ถูกต้อง หลินเฟิง คุณไปซะเถอะ ตระกูลถังของผมไม่กีดขวางคุณ แต่ต่อไปห้ามคุณเอ่ยถึงถังหว่านอีก และไม่อนุญาตให้คุณมาเหยียบที่ตระกูลถังอีกแม้แต่ครึ่งก้าว คุณได้ยินแล้วยัง?”ถังเจี้ยนหยวนก็เผยอำนาจของผู้นำตระกูลออกมา และพูดเสียงทุ้มต่ำ“หึ...”หลินเฟิงหรี่ตา สุดท้ายพยักหน้าพูดว่า: “ผมคิดว่าผมรู้แล้วว่านายท่านตระกูลถังโดนหนอนคุณไสยชนิดไหน”“ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ไม่ได้เป็นเพราะโสมภูเขา แต่เป็นการนำพาด้วยยาสารคัดหลั่งกวางชะมด ที่มากกว่า 5 กรัม และไม่ได้ดูดซึมเข้าในปากด้วยลักษณะเข้มข้น...”หลินเฟิงหยิบเข็มเงินที่พกติดตัวออกมาจากกระเป๋าหน้าอก จากนั้นมองไปทางผู้คนที่อยู่รอบๆ และพูดว่า:“ลำดับต่อไปผมจะทำการฝังเข็ม ถ้าหากข้อมูลที่พวกค
“กลับกัน พวกเราก็สามารถือโอกาส โยนความผิดไปใส่หลินเฟิงได้ ให้หว่านเอ๋อร์เกิดความรังเกียจต่อหลินเฟิง”“และทำให้พวกเรามีเหตุผลในการจัดการหลินเฟิงเพิ่มมากขึ้น”ประโยคสุดท้ายนี้ เป็นคำพูดที่ถังเจี้ยนหยวนขยับเข้าไปพูดข้างหูหญิงชราหญิงชราได้ยินคำพูดสุดท้ายของถังเจี้ยนหยวน ทันใดนั้นคิ้วที่ขมวดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก“งั้นก็ได้ เอาตามที่นายว่า!”หญิงชราพยักหน้าอย่างหนักแน่น และจึงได้ตอบตกลงหลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ เห็นการแอบกระซิบกระซาบของพวกเขา ชั่วพริบตาเดียวก็เดาออกได้ว่าคนเหล่านี้มีความคิดอะไรถึงแม้เขาจะไม่สนใจอะไร แต่ในใจก็ค่อนข้างโมโหอยู่ดีถ้าหากไม่ใช่เพราะหญิงชราไม่ให้เขาสัมผัสร่างกายกับผิวหนังของนายท่านตระกูลถัง งั้นหลินเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการหลอกล่อคำพูดของพวกเขาด้วยซ้ำก็สามารถหาสาเหตุอาการป่วยของนายท่านตระกูลถังออกมาได้อย่างแม่นยำนายท่านตระกูลถังถูกหนอนคุณไสย นั่นคือหนอนคุณไสยเน่าเฟะชนิดหนึ่งของเมืองหนานไห่ที่ไม่นับว่าเก่งอาจมากนักหนอนคุณไสยประเภทนี้ถ้าหากถูกคนกลืนเข้าไปในท้อง ควบคู่ยาชนิดพิเศษหรือวิธีการกระตุ้น ก็สามารถทำให้ตัวอ่อนฟักไข่เป็นตัว จากนั้นวางไข่และสร้างร
ตามการคาดเดาของหลินเฟิงหลังจากที่นายท่านตระกูลถังได้รับการรักษาของตัวเองแล้ว ก็น่าจะต้องฟื้นคืนสติขึ้นมาในเวลาห้านาที แล้วขับไข่ออกจากช่องท้องเขาบอกว่าสิบนาที แต่จริง ๆแล้วก็พอมีเวลาสเหลืออยู่บ้างสุดท้ายก็ไม่มีการรับรองได้ว่าว่าร่างกายของทุกคนจะเหมือนกัน และการปิดเป็นความลับก็เป็นรูปแบบการรักษาของหลินเฟิงเช่นกันแต่เมื่อมองเวลาที่ผ่านไปสิบนาทีแล้วนายท่านตระกูลถังที่อยู่บนเตียงยังคงไม่แสดงท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมา แม้แต่ใบหน้าก็ยังคงเป็นสีเขียวงคล้ำเหมือนเดิม ไม่มีท่าทางจะดีขึ้นด้วยซ้ำ“หรือว่าตอนที่ฉันถามไปเมื่อครู่นั้น พวกเขาจะโกหกหลอกลวงงั้นเหรอ?” หลังจากที่หลินเฟิงตรวจดูยาที่ตัวแองถือมา ผลที่ได้จึงทำให้เขาโกรธมากถ้าหากพวกเธอโกหกหลอกลวง ถ้าอย่างนั้นความคาดเดาของหลินเฟิงเกี่ยวกับหนอนคุณไสยก็จะไม่ถูกต้อง และวิธีการที่ใช้ก็จะไม่ถูกต้องเช่นกันถ้าเป็นแบบนี้มันก็จะไม่มีผลอะไรเลยอย่างเลวร้ายที่สุด ก็อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตของผู้ป่วยได้ในตอนที่หลินเฟิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา ถังเจี้ยนหยวนที่อยู่ด้านข้างก็ยกแขนของตัวเอง ขึ้นมา แล้วเหลือบมองไปที่ปาเต็กฟิลิปป์ที่บนข้อมือ ก่อนจะส
“ผมเป็นหมอน่ะถูกต้องแล้ว”หลินเฟิงยังอยากจะพยายามเป็นครั้งสุดท้าย และพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “แต่ผมไม่ใช่เทพเจ้า มันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะสรุปสาเหตุอาการป่วยของผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องติดต่อกับเขา!” “และผมก็ไม่อาจจะรักษานายท่านของคุณได้ ในเมื่อคุณปิดบังอาการป่วยและโกหกผม!”“มีผู้หญิงแบบนี้อย่างคุณ นายท่านตระกูลถังโชคไม่ดีจริง ๆ!”คำพูดสุดท้ายของหลินเฟิงนับว่าเป็นระเบิดที่ถูกจุดชนวนแล้วเพียงแค่เห็นคุณนายตระกูลถังกระโดดขึ้นมา แล้วตรงไหนกันที่เหมือนกับหญิงชราวันเจ็ดสิบปี?ความสามารถของเธอคล่องแคล่วมาก และต้องการที่จะข่วนใบหน้าและดวงตาของหลินเฟิงด้วยเล็บของเธออย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่เอะอะโวยวายก็พูดด่าไปด้วยว่า“ไอ้สารเลว แกนับประสาอะไร ถึงได้กล้ามาด่าฉัน?! วันนี้.....วันนี้ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้!”“เจี้ยนหยวน! เรียกผู้คุ้มกันทั้งหมดของตระกูลถังเข้ามา!”“ฉันจะทำให้ไอ้สารเลวคนนี้ตายทั้งเป็น!”เมื่อเผชิญหน้ากับแม่ที่บ้าคลั่งแบบนี้ ถังเจี้ยนหยวนก็ไม่ได้ก้าวไปเพื่อห้ามปราม แต่กลับมองไปที่หลินเฟิงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า“หลินเฟิง คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณพูดอะไรอยู่?!”“คำพูดเมื่อครู่ของคุณลองพูดอีกรอ
เขาเงยหน้าและเผชิญหน้ากับหลินเฟิง“เดี๋ยวก่อน”และในขณะนี้ หลงยวนก็ยืนขึ้นมา“ผู้นำตระกูลถัง จะจัดการกับหลินเฟิงอย่างไร พวกเราจะหารือเรื่องนี้ในภายหลัง แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าศาสตราจารย์โรเบิร์ตได้เห็นทักษะทางการแพทย์แบบดั้งเดิมของประเทศมังกรที่ไร้สาระของหลินเฟิงแล้ว”“ตอนนี้ก็ควรจะให้เขาได้เปิดประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญตัวจริงได้แล้ว”หลงยวนหัวเราะเยาะ“หลังจากที่เขาได้เห็นทักษะทางการแพทย์ที่แท้จริงแล้ว ค่อยฆ่าเขาก็ไม่สายเกินไปหรอก”ผลลัพธ์นี้คือสิ่งที่หลงยวนต้องการ หากจะโจมตีก็ต้องเริ่มจากจิตใจ เริ่มลงมือจากสองด้านของสรีรวิทยาหลินเฟิงที่สูญเสียท่าทางอวดดีไปอย่างสิ้นเชิง สีหน้าไม่มีชีวิตชีวาและคุกเข่าแทบเท้าด้วยความเสียใจ“พวกคุณคุยกันจบแล้วงใช่ไหม?”ศาสตราจารย์โรเบิร์ตที่ยืนรออยู่ด้านข้างอย่างหงุดหงิด“คุยจบแล้ว เชิญศาสตราจารย์โรเบิร์ตลงมือ ช่วยเหลือพ่อของผม”หลินเฟิงที่ถูกรายล้อมไปด้วยบริวารของตระกูลถังและตระกูลหลงอยู่ไกล ๆเพื่อที่จะได้รับการสนับสนุนจากบริวารตระกูลหลง จึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอของหลงยวนอยู่แล้วดังนั้นเขาจึงมองตรงไปที่โรเบิร์ตอย่างขอร้องด้วยความจริงใจ“ฮึ ศาส
“ฮะ?!”ความผิดปกติของนายท่านตระกูลถังแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเกินความคาดหมายของศาสตราจารย์โรเบิร์ตเขาถลึงตาโต และส่ายหน้าอย่างแรงพูดว่าเป็นไปไม่ได้อยู่หลายครั้ง จากนั้นก้มหน้าเริ่มค้นหากระเป๋าถือของตัวเอง“ศาสตราจารย์โรเบิร์ต นี่...พ่อของผมเป็นอะไรไปครับ?”ถังเจี้ยนหยวนเห็นภาพนี้ จึงรีบถามขึ้น“ผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อน นี่เป็นยาแก้พิษที่ทีมงานของเราคิดค้นขึ้นมาใหม่ล่าสุด เป็นแบบนี้ต่อไป น่าจะฆ่าพยาธิตายได้...แต่สถานการณ์แบบนี้...”โรเบิร์ตลุกลี้ลุกลนอย่างมาก เขาใช้เข็มฉีดสูบของเหลวสีเหลืองอ่อนอีกครั้งด้วยความสั่นเทา และมองไปรอบๆ จากนั้นพูดว่า:“พวกคุณ เร็ว...ใครก็ได้มาช่วยผมกดผู้ป่วยเอาไว้!”ได้ยินเสียงตะโกนของศาสตราจารย์โรเบิร์ต ถังเจี้ยนหยวนรีบเรียกบริวารตระกูลถังสองสามคนที่เพิ่งล้อมหลินเฟิงเอาไว้เมื่อครู่ ให้พวกเขาจับนายท่านที่คลุ้มคลั่งกดไว้บนเตียง“จับให้ดีล่ะ!”ศาสตราจารย์โรเบิร์ตลูบเหงื่อที่อยู่บนศีรษะ และฉีดของเหลวสีเหลืองอ่อนเข้าไปในหลอดเลือดของนายท่านตระกูลถัง“เอื๊อก...”ในที่สุดนายท่านตระกูลถังก็สงบลงแล้วเขาไม่สั่นเทาและกระตุกอีกแล้ว เลือดสีดำที่ไหลออกจากปากไม่หยุดก็
“ย้าก!”หลินเฟิงตบไปที่หน้าอกของนายท่านตระกูลถังเห็นเพียงแค่เลือดสีดำคล้ำพุ่งออกมาจากรูเล็กๆ เหมือนน้ำพุที่เกิดจากการแทงของเข็มเงิน“อ๊ากกกกก!”เสียงร้องอนาถของนายท่านตระกูลถัง ค่อยๆ ผ่อนคลายลง หลังจากที่เลือดสีดำคล้ำไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ “ยาของคุณมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เกิดปฏิกิริยากับหนอนคุณไสยที่อยู่ภายในตัว ตอนนี้หนอนคุณไสยฟักตัว และมุดเข้าไปในตับไตไส้พุงของนายท่านตระกูลถังแล้วหลินเฟิงมองศาสตราจารย์โรเบิร์ตด้วยสีหน้านิ่งเฉยส่วนคำพูดเรียบเฉยของหลินเฟิงทำให้ศาสตราจารย์โรเบิร์ตตั้งตัวกลับมาได้ เขามองไปทางหลินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ:“คุณทำไมถึงได้...”“การพัฒนาของวิชาแพทย์ต่างประเทศผมก็เคยเรียนมาไม่น้อย เพียงแต่ในตอนปกติขี้เกียจจะใช้ เพราะผลลัพธ์ไม่ดีเท่าการแพทย์ดั้งเดิมของประเทศมังกร”หลินเฟิงพูดอย่างเรียบง่ายประโยคหนึ่งหลังจากที่เลือดตรงหน้าอกของนายท่านตระกูลถังค่อยๆ เปลี่ยไปเป็นสีแดงหลินเฟิงยื่นมือออกมา และกดลงไปสองครั้งเพื่อผนึกจุดฝังเข็มที่มีเลือดออกมา จากนั้นเขาก็ใช้ฝ่ามือเมฆากดไปที่ท้องของนายท่านตระกูลถัง และตะโกนออกมา“พรวด!”คุณท่านตระกูลถังเงยหน้าขึ้นพ
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท
รับสมัครพวกแก๊งเขี้ยวเขียวเหล่านี้ หลังจากที่หลินเฟิงจัดแจงพวกเขาให้พักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่งขึ้นรถ บนใบหน้าก็เผยความดิ้นรนที่แปลกประหลาดออกมา“เป็นอะไรไปหลินเฟิง มีตรงไหนผิดปกติงั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามขึ้นมา“ไม่ใช่”หลินเฟิงมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ ทอดถอนใจพูดว่า:“ฉันพูดความจริงกับนายแล้วกัน วันนั้นลูกค้าที่ชื่อคุณฉู่คนนั้นของคุณ อันที่จริงคือมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืด”“อะไรนะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานงุนงง ถึงแม้เธอคิดว่าคุณฉู่คนนั้นจะท่าทางไม่ธรรมดา อีกทั้งดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเบื้องหลัง แต่พูดว่าเป็นมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืดความแตกต่างของสถานะนี้มันมากเกินไปหน่อยแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกคอแห้งผาก มองไปทางหลินเฟิง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก: “ความหมายของคุณก็คือ...หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มเลิกการร่วมมือกับเธองั้นเหรอ?”“ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคร่งขรึมว่า:“เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังสถานะของเธอต่อหน้าผม แต่กลับบอกผมโดยตรงผ่านวิธีบางอย่าง“งั้นเธอ
หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ฉันไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรหรอกนะ เพียงแคร ต่อไปพวกนายห้ามทำความชั่วอีก”หลินเฟิงจับทรงผมโมฮอร์กของจิ่วเทา และสะบัดไปมาจากนั้นพูดว่า:“ตัดผมให้เรียบร้อย ฉันจะส่งคนมารับช่วงต่อ ส่งชุดฟอร์มที่เหมือนกันมาให้พวกนาย นับตั้งแต่วันนี้ พวกนายก็คือสมาชิกหน่วยใต้ดินของหน่วยรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว!”“ฮะ?”จิ่งเทาตั้งตัวไม่ทัน“ฮะอะไรกันล่ะ? หรือว่าพวกนายไม่เต็มใจ?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกอันธพาลเหล่านี้ พวกอันธพาลส่วนหนึ่งในนั้นคุกเข่าให้หลินเฟิงด้วยความซาบซึ้งทันทีในเมื่อการเป็นอันธพาล บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากเป็นจริงๆแต่เป็นเพราะเกิดมาฐานะไม่ดี ไม่มีความรู้อะไร และก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้สู้รบฆ่าฟันแต่ได้ยินข่าวที่พวกเขาถูกบริษัทใหญ่รับจ้าง คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าต่อต้าน แต่ก็มีคนเผยความหวังออกมาเช่นกัน“คือว่า…หัวหน้าหลิน มี…มีเงินเดินไหม?”อันธพาลคนหนึ่งถามขึ้นกล้าๆ กลัวๆ“พูดไร้สาระ ประกันสังคม 5 รายการ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 รายการ แล้วยังมีเงินเบี้ยเลี้ยง เงินค่าอาหาร หรือถ้าพวกนายอยากคลอดลูกข ก
หลินเฟิงคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า : ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันมีเงื่อนไขในการ่วมมืออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะยอมฟังหรือเปล่า?” “ เงื่อนไขอะไร?”ท่านจิ่วตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยแสงแห่งความหวังที่ผุดขึ้นในใจหากไม่ต้องออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ พวกเขาก็คงไม่อยากออกไปอย่างแน่นอน“ฉันจะจัดการแก๊งอีกสองแก๊งให้พวกนาย ทำให้พวกนายยังอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อต่อไปได้”“แน่นอน เงื่อนไขก็คือพวกนายจะต้องยอมเชื่อฟังหลี่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งก็คือ....”หลินเฟิงชี้ไปที่หลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดอย่างยิ้ม ๆว่า :“คนนี้ ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่”“อ่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนอันธพาลที่อยู่โยรอบ รวมถึงท่านจิ่วต่างก็รู้สึกสับสน“ทำไม? พวกนายไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้วอย่างจงใจ“ยอมสิ ยอมแน่นอน เพื่อนและครอบครัวของพวกพี่น้องหลายๆ คนของพวกเราต่างก็อยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ เว้นแต่ไม่มีทางเลือก พวกเราก็ไม่ยอมออกไปจากเมืองเจิ้งเต๋อหรอก เพียงแต่...”ท่านจิ่วรู้สึกลำบากใจ“เพียงแต่อะไร?”“เพียงแต่....”ท่านจิ่วจ้องมองไปที่หลินเฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆเขาก็อยากจะพูดว
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ