“แฮ่มแฮ่มแฮ่ม...”หลังจากที่หลินเฟิงพูดจบได้ไม่นาน ในที่สุดนายท่านตระกูลถังก็ดิ้นรนฟื้นขึ้นมา เขาลืมตาขึ้น และกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง“คุณพ่อ!”“ตาเฒ่า!”เห็นนายท่านตระกูลถังฟื้นขึ้นมา ถังเจี้ยนหยวนกับหญิงชราต่างก็เผยสีหน้าประหลาดใจเป็นอย่างมากออกมาส่วนหลงยวนที่อยู่ด้านข้าง หนังหน้ากลับกระตุก สีหน้าแย่อย่างถึงที่สุด“หึ”เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ส่งเสียงไม่พอใจ และพาลูกน้องของตระกูลหลงออกจากห้องนอนไปโดยตรง“เดี๋ยวก่อน คุณชายหลงยวน...”เมื่อเห็นหลงยวนจากไปด้วยความโมโห ถังเจิ้งเฉินที่เพิ่งจะเข้าประตูมานิ่งอึ้งครู่หนึ่ง ได้ยินเสียงของพี่ใหญ่ของตัวเอง“เจิ้งเฉิน รีบไปขวางคุณชายตระกูลหลงเอาไว้ ครั้งนี้โชคดีที่มีคุณชายหลง ถ้าหากไม่ใช่ว่าคุณชายหลงพาศาสตราจารย์โรเบิร์ตมา พ่อของเรายังไมรู้ว่าจะได้รับความทรมานที่มากมายแค่ไหน!”ถังเจิ้งเฉินไม่ได้พูดอะไร เขาเหลือบมองหลินเฟิง และรีบตามหลงยวนที่เดินจากไป จากนั้นก็ยิ้มแหยไปด้วย และพูดขอให้อยู่ต่อไปด้วยแต่ทว่าศาสตราจารย์โรเบิร์ตที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้ตามหลงยวนออกไป เขามองไปทางถังเจี้ยนหยวนด้วยความงุนงงและพูดว่า:“ผู้นำตระกูลถัง คุณ
“ตอนนี้ผมหวังว่าคุณจะสามารถทำตามที่เดิมพันกับผม ให้ผมได้เจอกับถังหว่านสักครั้ง”“ไม่ได้!”ถังเจี้ยนหยวนกับหญิงชราตะโกนออกมาเสียงดังแทบจะในขณะเดียวกันเห็นได้ชัดว่านายท่านตระกูลถังที่อยู่บนเตียงยังงุนงงกับสถานการณ์อยู่“คนผู้นี้คือ…”นายท่านตระกูลถังถูกประคองขึ้นมา และมองไปทางหลินเฟิงด้วยความอ่อนแอ“นี่คือผู้มีพระคุณของคุณครับ”คิดไม่ถึงว่าคนที่พูดแทนหลินเฟิงในตอนนี้ จะเป็นศาสตราจารย์โรเบิร์ต เขามองไปทางหลินเฟิงด้วยความเลื่อมใส จากนั้นประสานมือที่เป็นมารยาทไปทางหลินเฟิง ใช้น้ำเสียงที่กระอักกระอ่วน แต่ชัดเจนเป็นอย่างมากพูดว่า:“ถึงแม้ผมไม่รู้ว่าตระกูลของพวกคุณมีปัญหาอะไรกันแน่”“พวกคุณเล่นงานหมอหลินทุกทาง แต่หมอหลินยังคงรักษาผู้ป่วยจนหายโดยที่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องก่อนหน้านี้”“หมอหลินเป็นแพทย์แผนโบราณประเทศมังกรที่ลึกลับ แข็งแกร่ง น่าเชื่อถือและซื่อสัตย์มากที่สุดที่ผมเคยเจอมา“คุณเปลี่ยนแปลงความคิดที่ผมมีต่อการแพทย์แผนโบราณของประเทศมังกรมองดูสายตาที่เต็มไปด้วยความเลื่อมใสของของศาสตราจารย์โรเบิร์ต ในใจของหลินเฟิงก็มีความรู้สึกที่ดีต่อหมอต่างชาติคนนี้เป็นอย่างมากในช่วงน
“พอแล้ว!”ถังเจี้ยนหยวนระเบิดอารมณ์ที่พบเห็นได้ยากออกมาเขาไม่สามารถอดทนกับศาสตราจารย์ต่างชาติสมองทึ่ม ที่พูดพร่ำไม่หยุดคนนี้ คนคนนี้ไม่รู้จักการเข้าสังคมจริงๆ“บริวารหงเหล่ย เชิญศาสตราจารย์โรเบิร์ตออกไป ให้ค่ารักษากับเขาอย่างเพียงพอ จากนั้นก็ส่งแขก!”ถังเจี้ยนหยวนตะโกนออกคำสั่งด้วยเสียงทุ้มต่ำ“ครับ”บริวารวัยกลางคนท่านหนึ่งเดินเข้ามามองศาสตราจารย์โรเบิร์ตด้วย และหรี่ตาลง: “ศาสตราจารย์โรเบิร์ต เชิญเถอะครับ”“พวกคุณ พวกคุณทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง! พวกคุณ จะปฏิบัติต่อหมอที่มีจิตใจเมตตาและซื่อสัตย์แบบนี้ไม่ได้ ผมจะไปฟ้องพวกคุณ!”“ยินดีให้ไปฟ้องครับ”ถังเจี้ยนหยวนสีหน้านิ่งเฉย น้ำเสียงกลับเย็นชาอย่างถึงที่สุดเหมือนกับว่าเขายังเผยความเยาะหยันออกมาในคำพูดอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใส่ใจต่อการฟ้องร้องที่ศาสตราจารย์พูดถึงเลยด้วยซ้ำก็ถูกนั่นแหละตระกูลถังในฐานะสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองจิง ควบคุมโลกธุรกิจมานานขนาดนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มีไม้ตายก็แค่ศาสตราจารย์ต่างประเทศคนเดียว ต่อให้เขาทุ่มแรงทั้งหมดก็ไม่สามารถฟ้องร้องชนะตระกูลถังได้ความจริงก็น่าอนาถแบบนี้แหละมองดูศาสตราจารย์โ
“ถังหว่าน อยู่ในใจของพวกคุณมีค่าแค่เจ็ดหมื่นห้าพันล้านบาทงั้นเหรอ?”“ไม่พอเหรอ?”ถังเจี้ยนหยวนขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยดูท่าความชอบของหลินเฟิงใหญ่มากจริงๆ “ไม่”หลินเฟิงส่ายหน้าและยิ้มพูด:“บางทีอยู่ในสายตาของคุณ บนโลกนี้ไม่มีของที่เงินซื้อไม่ได้ แต่ในสายตาของผม เงินก็คือกระดาษไร้ค่า”“ไม่ว่าคุณจะเสนอราคาเท่าไหร่ ผมก็ไม่มีทางปล่อยถังหว่านไป เพราะว่าเธออยู่ในใจของผมนั้นไม่สามารถตีค่าได้”“หลินเฟิง!”หญิงชราที่อยู่ข้างๆ โมโหแล้ว เธอชี้หน้าด่าทอหลินเฟิง:“แกมันไอ้สารเลว ให้เกียรติแล้วยังไม่รับไว้อีก!”“หลินเฟิง คุณควรจะมีสติได้แล้ว”ถังเจี้ยนหยวนพูดตวาดด้วยความโมโห:“ผมไว้หน้าคุณและให้โอกาสคุณหลายครั้งแล้ว ถ้าหากคุณยังดื้อรั้นแบบนี้ต่อไป...”“จะเป็นอย่างไร?”หลินเฟิงมองไปทางถังเจี้ยนหยวนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟด้วยท่าทางท้าทาย“บริวารตระกูลถัง ฟังคำสั่ง จับหลินเฟิง...ฆ่าทิ้งซะ!”เห็นหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะประนีประนอม ถังเจี้ยนหยวนก็โยนความเสแสร้งของตัวเองที่มาโดยตลอดทิ้งไป เขาออกคำสั่งโดยตรง จะให้หลินเฟิงตายไปที่นี่โดยตรงในเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยวางถังหว่าน งั้นก็
แต่เมื่อมองสีหน้าสิ้นหวังของพ่อตัวเอง และท่าทางน่าสงสาร สุดท้ายเขาก็กัดฟัง ก้มหัวให้หลินเฟิงแล้วพูดว่า:“หลินเฟิง เพียงแค่คุณรักษาพ่อของผมจนหาย ผมก็จะให้คุณไปพบหลานถังหว่าน เป็นอย่างไร?!”“ผมไม่เชื่อ”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วยิ้มบาง“คุณ...”ไม่รอให้ถังเจี้ยนหยวนพูด หลินเฟิงยกมือขึ้นห้ามแล้วพูดต่อไป สีหน้าของหลินเฟิงในตอนนี้เปลี่ยนไปเย็นชาแล้วหลินเฟิงพูดอย่างนิ่งเฉย:“เมื่อครู่ผมเห็นความสามารถในการตั้งตัวของตระกูลถังแล้ว การตกลงทางคำพูดที่ว่าไม่มีประโยชน์สำหรับคุณด้วยซ้ำ ในเมื่อตระกูลถังของคุณไม่มีทางรักษาคำพูด”“หรือว่าคุณยังคิดว่าคำพูดของคุณ ยังมีความน่าเชื่อถือสำหรับผมอีกงั้นเหรอ?”“งั้นคุณก็โง่เขลาจนน่ารักจริงๆ”หลินเฟิงเปิดโปงความกลบเกลื่อนของถังเจี้ยนหยวนโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่นิด นี่จึงทำให้ถังเจี้ยนหยวนโมโหจนตับจะระเบิดแต่เพื่อพ่อ เขาก็ยังทำหน้าบึ้งตึง และฝืนถามหลินเฟิง:“งั้นต้องทำอย่างไรคุณถึงจะยอมรักษาพ่อของผม?”“ผมต้องการเจอถังหว่าน ตอนนี้”หลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยครั้งนี้ถังเจี้ยนหยวนไม่ได้รีบร้อนที่จะพูดว่าไม่ได้ เขาส่ายหน้าแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า:“ถ้าหากหลังจาก
พูดจบ หลินเฟิงก็ยิ้มเยาะและเดินจากไป“เดี๋ยว...เดี๋ยวเดี๋ยว! เดี๋ยวสิ...”นายท่านล้มตัวลงบนเตียงและไถลลงบนพื้น เขาตะโกนร้องเรียกด้วยความเจ็บปวด และคลานไปทางหลินเฟิง“สหายน้อยหลิน ช่วยฉันด้วยนะ! ฉันไม่อยากตาย...ฉัน ฉันไม่อยากตายอย่างน่าเวทนาแบบนั้น!”ได้ยินเสียงตะโกนเรียกที่น่าอนาถของนายท่าน หญิงชราที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนใจขึ้นมา จึงรีบดึงลูกชายของตัวเองไว้ และพูดอย่างร้อนรน:“โอ๊ยฉันว่านะเจี้ยนหยวน นายรับปากเขาเถอะ! ก็แค่เจอหน้ากับหว่านเอ๋อร์เองไม่ใช่เหรอ? จะอะไรกันนักหนา!”“แม่ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่แม่คิดแบบนั้นนะครับ!”ถังเจี้ยนหยวนใบหน้าอัดอั้นเหมือนกับกาน้ำร้อน เขาดิ้นรนพูดอธิบาย:“ถ้าหากให้หลินเฟิงไปเจอกับหลานถังหว่าน ไม่ต้องพูดถึงนิสัยของหลานถังหว่าน ถ้าหากเธอตัดสินใจตามหลินเฟิงไป พวกเราจะขวางไว้ได้อย่างไร?”“กว่าผมจะพูดเกลี้ยกล่อม ทำให้เธอยอมรับการจัดการของตระกูลได้ ตอนนี้ถ้าหากเธอเจอกับหลินเฟิง ถ้าหากเปลี่ยนใจจะทำอย่างไร?”“อีกอย่าง คุณชายหลงยวนตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก”“ถ้าหากให้หลินเฟิงไปพบถังหว่าน เรื่องนี้จะปิดบังคุณชายหลงยวนได้อย่างไร ให้เขารับรู้ ตระกูลหลงจะมองตระกูลถัง
สาวสวยคนนี้ก็คือถังหว่านนั่นเองเธอมองเห็นหลินเฟิง จึงกระโดดเข้าใส่โดยไม่พูดพร่ำหลังจากสบตากันหลายวินาที เธอใช้ท่าทางเร่าร้อนที่ทำให้คนหวาดกลัว ขยับริมฝากของตัวเองเข้าไปอย่างแรงสัมผัสที่ชุ่มชื้นทำให้หลินเฟิงไม่สามารถถอนตัวออกได้“แค่กแค่ก...”ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทั้งสองคนถึงได้แยกออกจากกันเพราะเสียงกระแอมของคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ“ป้าจ้าว ป้าไออะไรกัน น่าเบื่อที่สุด!”ริมฝีปากแยก ถังหว่านก็เหลือบตามองคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความตำหนิ“ไม่ใช่ค่ะคุณหนูถังหว่าน คือว่า...”คนรับใช้ที่ถูกเรียกว่าป้าจ้าวส่งสายตาไปที่ด้านข้างไม่หยุดถังหว่านหันหน้ามองไป ถึงได้เห็นหลงยวน ผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างป้าจ้าวตอนนี้สีหน้าอึมครึมของหลงยวนเหมือนกับจะมีน้ำฝนหยดลงมาอย่าว่าแต่ท่าทางอบอุ่นที่โถมตัวเข้าไปหาโดยตรง ดูเพียงแค่เรื่องที่ถูกคนรับใช้เตือน ถึงได้สังเกตเห็นตัวเอง ก็รู้ว่าถังหว่านไม่ได้ใส่ใจเขาเลยด้วยซ้ำ“ถังหว่าน ผมต้องเตือนคุณสักหน่อย อีกสามวัน ก็คือวันแต่งงานของพวกเราแล้ว”หลงยวนพูดเหน็บแนมแบบนี้ประโยคหนึ่ง“หึ ใครจะแต่งงานกับคุณล่ะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว! ฉันจะไป
สำหรับจุดนี้ ถังหว่านมีสิทธิ์พูดมากที่สุดแน่นอนว่า หลินเฟิงดึงดูดถังหว่าน ไม่เพียงแค่หน้าตาของเขาวิธีการจัดการ ท่าทาง กลอุบายของหลินเฟิง ต่างก็ทำให้ถังหว่านหลงใหลอย่างสุดซึ้งถ้าหากถังหว่านไม่ได้เจอหลินเฟิง เช่นนั้นเธออาจจะฟังการจัดแจงของตระกูล และแต่งงานกับหลงยวนจริงๆ ก็ได้แต่ตอนนี้มีหลินเฟิงแล้ว เธอจึงไม่ได้รู้สึกชอบหลงยวนในเมื่อเทียบกับหลินเฟิง หลงยวนก็แค่หนุ่มที่พึ่งพาตระกูลถึงจะสามารถปีนไต่ขึ้นจนถึงสถานะในตอนนี้ได้ส่วนหลินเฟิง พึ่งพาแค่ตัวเองสร้างท้องฟ้าที่กว้างขวางออกมาได้ถ้าหากให้เวลาระยะหนึ่ง ความสำเร็จของหลินเฟิงจะต้องแซงหน้าหลงยวนไปถนนแถวหนึ่งอย่างแน่นอนสำหรับจุดนี้ ถังหว่านเชื่อมั่นโดยไม่มีข้อสงสัย“ฉันถังหว่านไม่เคยเชื่อโชคชะตาบ้าบออะไรมาก่อน ชีวิตของฉันฉันควบคุมเอง”ถังหว่านสีหน้าจริงจัง และมองไปทางหลงยวนแล้วพูดว่า:“คุณชายหลงยวน วันนี้ฉันบอกกับคุณอย่างเป็นทางการนะ ฉันไม่มีทางแต่งงานกับคุณ ฉันชอบหลินเฟิง รักหลินเฟิง ทั้งชีวิตจะแต่งงานแค่กับหลินเฟิงเท่านั้น”“การแต่งงานเกี่ยวดองกันของตระกูลหลงกับตระกูลถังงั้นเหรอ หึ ไปตายซะเถอะ!”“แม่เจ้า แม่คุณทูลหัวถัง
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท
รับสมัครพวกแก๊งเขี้ยวเขียวเหล่านี้ หลังจากที่หลินเฟิงจัดแจงพวกเขาให้พักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่งขึ้นรถ บนใบหน้าก็เผยความดิ้นรนที่แปลกประหลาดออกมา“เป็นอะไรไปหลินเฟิง มีตรงไหนผิดปกติงั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามขึ้นมา“ไม่ใช่”หลินเฟิงมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ ทอดถอนใจพูดว่า:“ฉันพูดความจริงกับนายแล้วกัน วันนั้นลูกค้าที่ชื่อคุณฉู่คนนั้นของคุณ อันที่จริงคือมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืด”“อะไรนะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานงุนงง ถึงแม้เธอคิดว่าคุณฉู่คนนั้นจะท่าทางไม่ธรรมดา อีกทั้งดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเบื้องหลัง แต่พูดว่าเป็นมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืดความแตกต่างของสถานะนี้มันมากเกินไปหน่อยแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกคอแห้งผาก มองไปทางหลินเฟิง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก: “ความหมายของคุณก็คือ...หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มเลิกการร่วมมือกับเธองั้นเหรอ?”“ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคร่งขรึมว่า:“เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังสถานะของเธอต่อหน้าผม แต่กลับบอกผมโดยตรงผ่านวิธีบางอย่าง“งั้นเธอ
หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ฉันไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรหรอกนะ เพียงแคร ต่อไปพวกนายห้ามทำความชั่วอีก”หลินเฟิงจับทรงผมโมฮอร์กของจิ่วเทา และสะบัดไปมาจากนั้นพูดว่า:“ตัดผมให้เรียบร้อย ฉันจะส่งคนมารับช่วงต่อ ส่งชุดฟอร์มที่เหมือนกันมาให้พวกนาย นับตั้งแต่วันนี้ พวกนายก็คือสมาชิกหน่วยใต้ดินของหน่วยรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว!”“ฮะ?”จิ่งเทาตั้งตัวไม่ทัน“ฮะอะไรกันล่ะ? หรือว่าพวกนายไม่เต็มใจ?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกอันธพาลเหล่านี้ พวกอันธพาลส่วนหนึ่งในนั้นคุกเข่าให้หลินเฟิงด้วยความซาบซึ้งทันทีในเมื่อการเป็นอันธพาล บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากเป็นจริงๆแต่เป็นเพราะเกิดมาฐานะไม่ดี ไม่มีความรู้อะไร และก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้สู้รบฆ่าฟันแต่ได้ยินข่าวที่พวกเขาถูกบริษัทใหญ่รับจ้าง คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าต่อต้าน แต่ก็มีคนเผยความหวังออกมาเช่นกัน“คือว่า…หัวหน้าหลิน มี…มีเงินเดินไหม?”อันธพาลคนหนึ่งถามขึ้นกล้าๆ กลัวๆ“พูดไร้สาระ ประกันสังคม 5 รายการ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 รายการ แล้วยังมีเงินเบี้ยเลี้ยง เงินค่าอาหาร หรือถ้าพวกนายอยากคลอดลูกข ก
หลินเฟิงคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า : ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันมีเงื่อนไขในการ่วมมืออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะยอมฟังหรือเปล่า?” “ เงื่อนไขอะไร?”ท่านจิ่วตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยแสงแห่งความหวังที่ผุดขึ้นในใจหากไม่ต้องออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ พวกเขาก็คงไม่อยากออกไปอย่างแน่นอน“ฉันจะจัดการแก๊งอีกสองแก๊งให้พวกนาย ทำให้พวกนายยังอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อต่อไปได้”“แน่นอน เงื่อนไขก็คือพวกนายจะต้องยอมเชื่อฟังหลี่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งก็คือ....”หลินเฟิงชี้ไปที่หลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดอย่างยิ้ม ๆว่า :“คนนี้ ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่”“อ่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนอันธพาลที่อยู่โยรอบ รวมถึงท่านจิ่วต่างก็รู้สึกสับสน“ทำไม? พวกนายไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้วอย่างจงใจ“ยอมสิ ยอมแน่นอน เพื่อนและครอบครัวของพวกพี่น้องหลายๆ คนของพวกเราต่างก็อยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ เว้นแต่ไม่มีทางเลือก พวกเราก็ไม่ยอมออกไปจากเมืองเจิ้งเต๋อหรอก เพียงแต่...”ท่านจิ่วรู้สึกลำบากใจ“เพียงแต่อะไร?”“เพียงแต่....”ท่านจิ่วจ้องมองไปที่หลินเฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆเขาก็อยากจะพูดว
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ