"หึหึ"ถังเจี้ยนหยวนแสนจะอ่อนโยน ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า"ยังไงก็ตาม ตระกูลถังของเราเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของประเทศมังกร ค่าตอบแทนที่ให้ไม่ขี้เหนียวแน่นอน""นั่นก็ไม่แน่"หลินเฟิงหัวเราะเยาะ"นั่นคือหลินเฟิง?"ในขณะนั้นเอง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา หัวหน้ากลุ่มคือถังเจิ้งเฉิน น้องชายคนที่สามของถังเจี้ยนหยวนและเป็นอาของถังหว่าน"เจิ้งเฉิน ผมไม่ได้บอกคุณแล้วเหรอว่าไม่ต้องตามมา?"ถังเจี้ยนหยวนขมวดคิ้ว จากนั้นเขาหันไปมองหลานเฟยข้าง ๆ ขมวดคิ้วแล้วถาม "หลานเฟย หรือว่าคุณเป็นคนบอกตำแหน่งให้เจิ้งเฉินรู้?""ฉัน..."หลานเฟยต้องการจะแก้ต่างอะไรบางอย่าง แต่บุคคลสำคัญเหล่านี้ยากที่จะหลอกลวงได้ เธอจึงได้แค่ก้มหัว ยอมรับกลาย ๆ"หึ เขานี่เหรอคืออาจารย์ที่หมอเทวดาเลี่ยวพูดถึง? หนุ่มขนาดนี้? หลานเฟย เธอจะไม่หลอกผมอยู่ใช่ไหม?"ถังเจิ้งเฉินมองหลินเฟิงแวบหนึ่งแล้วหันไปมองหลานเฟยด้วยความสงสัย"คุณหลินเฟิงมีฝีมือการแพทย์...หาที่เปรียบไม่ได้ ฉันไม่ได้โกหกเลย"หลานเฟยพยักหน้าอย่างระมัดระวัง"หึ ไอ้หนุ่ม"ถังเจิ้งเฉินก้าวเข้ามาข้างหน้า โดยมีผู้คุ้มกันของตระกูลถังจำนวนมากอยู่เบื้องหลัง รวมถึงหนึ่
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลินเฟิงก็หัวเราะเยาะออกมาแล้วพูดว่า"ดี ดี ดี คนหนึ่งทำหน้าดี อีกคนทำหน้าร้ายใช่ไหม""ไปให้พ้น"หลินเฟิงโบกมือเบาๆ อย่างเกียจคร้าน แล้วพูดว่า"ด้วยท่าทีของพวกคุณ คุณปู่ตระกูลถังตายไปก็ไม่เสียเปล่า ผมแนะนำให้คุณประหยัดแรงกลับไปจัดการเรื่องงานศพเถอะ""เรื่องนี้ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว""ว่าแต่"หลินเฟิงเดินกลับไปที่ห้องใต้หลังคา แต่ก็หยุดมองถังเจี้ยนหยวนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ในวันงานเลี้ยงประจำปีของพวกคุณ ผมจะไปเยี่ยม ถ้าผมรู้ว่าถังหว่านไม่ได้ต้องการแต่งงานกับตระกูลหลงอย่างจริงใจล่ะก็ หึ..."พูดจบ หลินเฟิงก็ปิดประตูเสียงดัง ทิ้งถังเจี้ยนหยวนและอาอวี๋ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม"ท่านประมุขตระกูลถัง นี้..."อาอวี๋ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี ถึงแม้ว่าถังเจี้ยนหยวนจะเป็นคนที่เขาไม่กล้าหือ แต่หลินเฟิงก็ไม่ใช่คนที่เขาจะละเมิดได้เขาตกอยู่ระหว่างกลาง ทำอะไรไม่ถูกถังเจี้ยนหยวนยืนนิ่ง ขบกรามแน่น สีหน้าสลับไปมาระหว่างโกรธและขาวซีด ขณะที่เขากำลังจะระเบิดอารมณ์ หลานเฟยก็เดินออกมา"ท่านประมุขตระกูลถัง ให้ฉันลองพูดกับคุณหลินเฟิงดูนะคะ""คุณ?"ถังเจี้ยนหยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง "คุณม
"พี่ใหญ่ เป็นไงบ้าง?"ถังเจิ้งเฉินรีบเดินเข้าไปถามเมื่อเห็นถังเจี้ยนหยวนเดินออกมาจากบ้านของอาอวี๋"หึ ยังต้องถามอีกเหรอ? เจ้าเด็กนั่นก็ต้องไม่ตกลงแน่นอน"อู๋เยว่เซี๋ยที่ยืนข้างๆ พูดอย่างเหน็บแนมว่า:"เพราะงั้นฉันถึงบอกว่าจุดเริ่มต้นพวกเราก็ทำผิดแล้ว ควรร่วมมือกับตระกูลหลง เรียกยอดฝีมือมาแล้วจับเจ้านั่นมัดไว้ที่เตียงของคุณปู่ตระกูลถัง""ถ้าเขาไม่รักษา ก็หักแขนเขาเสีย!""พี่สะใภ้ พูดน้อยๆ หน่อยเถอะ!"ถังเจิ้งเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นสีหน้าของพี่ชายไม่ดี รีบหยุดอย่างไม่สบอารมณ์ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทำเสียงเอะอะบอกให้เขาตามมาด้วย เรื่องก็คงไม่ยุ่งยากขนาดนี้"แล้วไงล่ะ? ฉันพูดผิดตรงไหน?"อู๋เยว่เซี๋ยเท้าสะเอวพูดว่า:"เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ ดูเหมือนเราต้องใช้กำลังแล้ว ถ้าจากไปแบบเงียบๆ แบบนี้ คุณจะให้คนอื่นมองตระกูลถังของเราอย่างไร?!""เพียะ!"ในขณะที่อู๋เยว่เซี๋ยยกคิ้วขึ้นและน้ำลายกระเด็น ถังเจี้ยนหยวนก็สุดจะทน ยกมือขึ้นแล้วตบหน้าของอู๋เยว่เซี๋ยด้วยเสียงดัง"อ๊า!"อู๋เยว่เซี๋ยทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เธอเอามือปิดหน้าของตัวเอง มองถังเจี้ยนหยวนด้วยความไม่เชื่อ พร้อมทั้งหยิบผ้าเช็ดหน้าช
"ในเมื่อเป็นแบบนี้..."ถังเจิ้งเฉินสูดหายใจลึก แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "วิธีของพี่ใหญ่ไม่ได้ผล งั้นผมคงต้องใช้กำลัง!""ถูกต้อง!"อู๋เยว่เซี๋ยดีใจแล้วพูดว่า "ถ้าไม่ได้ผลจริง ๆ ก็ลองสืบเรื่องราวเบื้องหลังของเด็กนี่แล้วจับตัวประกันมาสิ ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ยอมก้มหัวให้!""พวกเราตระกูลถังแห่งประเทศมังกร จะมาเสียเวลากับคนประเภทนี้ทำไม?"หลังจากพยักหน้า ถังเจิ้งเฉินก็นำคนบุกเข้าไปในบ้านของอาอวี๋"หลินเฟิง!"ยืนอยู่ในลานบ้าน ถังเจิ้งเฉินพูดด้วยสีหน้าเย็นชา"พี่ใหญ่ของผมเพิ่งพยายามพูดกับคุณดี ๆ แต่คุณกลับไม่ใส่ใจ คิดว่าตระกูลถังของเราเป็นลูกส้มง่าย ๆ ที่ใครก็มาเด็ดหรือยังไง?!""วันนี้คุณต้องรักษาพ่อของผม ไม่งั้นอย่าหาว่าผมจะส่งคนไปจับตัวประกันที่เจียงโจวนะ!"เมื่อได้ยินคำพูดของถังเจิ้งเฉิน หลินเฟิงภายในบ้านก็โกรธขึ้นมาทันทีจุดอ่อนที่สุดของเขาคือคนรอบข้างหากตระกูลถังกล้าแตะต้องหลี่ฮุ่ยหรานและคนอื่น ๆ หลินเฟิงก็ไม่ลังเลที่จะถอนรากถอนโคนตระกูลถังนี้แม้แต่ในเมื่อต้องไม่สนหน้าถังหว่านก็ตาม"ปัง!"พร้อมกับเสียงดังสนั่น ประตูห้องบนชั้นลอยก็แตกเป็นเสี่ยง ๆหลินเฟิงเดินออกมาจากข้
“เห็นแก่หน้าของถังหว่าน ฉันจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย”หลินเฟิงหรี่ตาและตะโกนออกไปว่า:“รีบหายไปจากสายตาของผมซะ! ไม่อย่างนั้น... พวกคุณทั้งหมดจะต้องตายที่นี่!”“หลินเฟิง คุณอวดดีเกินไปแล้ว!”ถังเจิ้งเฉินพูดด้วยสีหน้าโกรธว่า“คุณคิดว่า คุณจะสามารถเอาชนะตระกูลถังของพวกเราได้ด้วยตัวเองจริง ๆงั้นเหรอ?”“เฮ้อ”เมื่อได้ยินถังเจิ้งเฉินยังคงพูดข่มขู่อยู่ หลินเฟิงก็ถอนหายใจเบา ๆแล้วเงยหน้าขึ้นทันที“เป็นพวกคุณที่หาเรื่องตายเองนะ ผมให้โอกาสกับคุณแล้ว!”หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งตัวของหลินเฟิงก็กลายเป็นพายุโหมกระหน่ำในทันที“อะไรนะ?!”ถังเจิ้งเฉินยังไม่ทันที่จะตอบโต้กลับ หลินเฟิงก็ไปปรากฏที่ด้านหน้าของเขาและใช้นิ้วแตะที่หน้าผาก“นิ้วสวรรค์พังทลาย”หลินเฟิงขยับริมฝีปากเล็กน้อยและหรี่ตาลง“ท่านสาม ระวัง!”ทันใดนั้นยอดฝีมือแดนแปรภาพของตระกูลถังที่อยู่ด้านข้างก็ผลักถังเจิ้งเฉินออกไป จากนั้นพลังชี่ที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดจากปลายนิ้วของหลินเฟิงในทันที“ตูม!”ด้วยพลังชี่แท้ที่ระเบิดออกมามีลักษณะคล้ายกับมังกรหรือเสืออย่างคลุมเครือยอดฝีมือแดนแปรภาพของตระกูลถังที่ผลักถังเจิ้งเฉินออกไป คาด
“ให้ตายเถอะ อู๋เยว่เซี๋ย ไม่แปลกใจเลยที่พี่ใหญ่จะโกรธขนาดนี้....”ถังเจิ้งเฉินหลับตาลง ในใจเกิดความเสียใจอย่างไม่มีสื้นสุด“ปกป้องท่านสาม!”ผู้คุ้มกันตระกูลถังที่อยู่โดยรอบกลับมามีรู้สึกตัว ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย สุดท้ายเพียงแค่หลินเฟิงก้าวออกไป พลังชี่แท้ที่น่าสะพรึงกลัวก็ทะลักออกมาตามพื้นดินและพุ่งออกไปทั่วทุกทิศทางผู้คุ้มกันพวกนี้ก็เดินเซไปเซมาพร้อมกับส่งเสียงร้องทันทีถังเจิ้งเฉินมองไปเขาพบว่าผู้คุ้มกันส่วนใหญ่ของตระกูลถังถูกหลินเฟิงหักขาทั้งสองข้างในครั้งเดียว ก่อนที่ทั้งหมดจะนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นลำส่งเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว “จบแล้ว....จบสิ้นทุกอย่างแล้ว....”ถังเจิ้งเฉินหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง“คุณหลินเฟิง! ได้โปรด.....ได้โปรดหยุดเถอะ!”ในเวลานี้ เสียงของหลานเฟยก็ดังขึ้นมาด้านข้างทันที“หืม? หลานเฟย?”ถังเจิ้งเฉินมองดูไปด้วยความประหลาดใจ หลานเฟยที่ถือโทรศัพท์อยู่ วิ่งตรงไปที่หลินเฟิง โดยไม่สนใจผู้คุ้มกันตระกูลถังที่พิการและส่งเสียงกรีดร้องอยู่โดยรอบ“หลานเฟน หนีเร็ว ไปบอกพี่ใหญ่...”“แก้แค้นให้ฉันด้วย” คำไม่กี่คำนี้ติดอยู่ในลำคอของถังเจิ้งเ
“ได้...ได้ยิน”ถังเจิ้งเฉินตอบกลับด้วยความอับอาย“ฮึ่ม คุณจำสิ่งที่ฉันพูดตอนแรกได้หรือเปล่า? ฉันบอกว่าอย่าข่มขู่เขาด้วยความปลอดภัยของครอบครัวเขา ดูเหมือนว่าพวกคุณจะหูหนวกตาบอดกับสิ่งที่ฉันพูดนะ!”“จริงสิ ถึงแม้ว่าฉันอยากจะเห็นท่าทางหดหู่ของหลี่ฮุ่ยหร่านตอนอยู่ข้าง ๆฉัน แต่....”“สามี คุณลงมือเลยเถอะ!”“ต่อให้ฆ่าอาสามแล้ว ฉันก็ไม่โทษคุณหรอก!”เมื่อได้ยินถังหว่านพูดแบบนี้ทางโทรศัพท์ ถังเจิ้งเฉินก็หน้าซีดทันทีเขาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ก้มหัวลง ไม่ได้พูดต่ออะไรอีก“.....”หลินเฟิงก็เงียบไม่พูดอะไรถ้าถังหว่านร้องขอความเมตตา หลินเฟิงคงจะโกรธมาก และอาจจะไม่ฟังเธอด้วยแต่ถังหว่านเป็นคนฉลาดและรู้ว่าหลินเฟิงไม่สามารถย้อนแย้งแผนการได้เธอพูดอ้อมค้อมและเลือกยืนข้างหลินเฟิง สิ่งนี้กลับทำให้หลินเฟิงลังเลที่จะทำเล็กน้อยหากฆ่าถังเจิ้งเฉินไปแบบนี้ จะกลายเป็นหลินเฟิงที่ดูใจแคบเกินไป“เอาล่ะ เอาล่ะ”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ถังหว่านในโทรศัพท์ก็ถอนหายใจ ก่อนจะใช้น้ำเสียงออดอ้อน “สามี”“ไม่อย่างนั้นก็ปล่อยเขาไป? แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว? ครั้งเล็กๆ? ในเมื่อเขาก็เป็นอาสามของฉัน จะฆ่
ถังเจิ้งเฉินมองไปที่คราบเลือดและเศษซากที่แตกออกมา ก่อนจะถอนหายใจและพูดว่า“มาสร้างสุสานให้คุณเจิ้นเถอะ เรื่องในวันนี้ ฉันก็โชคดีแล้วที่เขาช่วยชีวิตได้ทันพอดี”“ท่านสาม หรือว่า....”ผู้คุ้มกันตระกูลถังเหลือบมองไปที่แผ่นหลังของหลินเฟิง ก่อนจะกระซิบเสียงเบาข้าง ๆหูของถังเจิ้งเฉิน“แล้วพวกเราต้องเข้าไปดูเขาที่ตระกูลถังหรือเปล่าครับ?”“ฉันจำได้ว่าผู้นำตระกูลออกคำสั่ง ไม่อนุญาตให้หลินเฟิงติดต่อกับคุณหนูถังหว่านใช่ไหม? แม้แต่คุยโทรศัพท์ก็ไม่ได้” “ คุณหลานเฟยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้นำตระกูลอย่างโจ่งแจ้ง ต้องบังคับใช้กฎในตระกูลกับเธอไหมครับ?”“กฎในตระกูล?”ถังเจิ้งเฉินส่ายหน้าไปมา และหัวเราะเยาะหยัน“หากไม่ใช่เพราะหลายเฟย เกรงว่าวันนี้พวกเราทั้งหมดต้องตายอยู่ที่นี่ แล้วยังจะบังคับใช้กฎในตระกูล....”“ ฉันรู้สึกว่ามีอีกคนหนึ่งที่ควรบังคับใช้กฎในตระกูลมากที่สุด”ใบหน้าของคนหนึ่งค่อย ๆปรากฏขึ้นมาในใจของถังเจิ้งเฉินนั้นก็คือ อู๋เยว่เซี๋ย ผู้เย่อหยิ่ง......ไม่นานหลังจากนั้น หลินเฟิงที่นั่งอยู่บนรถของหลานเฟย เข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลถังที่อยู่ในเมืองเป็นอย่างที่คิดไว้สไตล์ของสี่ตระกูลใหญ่ที
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน