“อะไรนะ?”“ทำไม?”ได้ยินคำประกาศของผู้นำตระกูล บริวารที่อยู่โดยรอบกับบอดี้การ์ดของตระกูลจีต่างก็ไม่เข้าใจการตัดสินใจของผู้นำตระกูลแต่บริวารแดนแปรภาพหลายๆ คนที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง ก็ขมวดคิ้วและครุ่นคิดถึงชื่อของหลินเฟิง ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างออกได้ทันที“หรือว่าหลินเฟิงคนนี้ก็คือคนของตระกูลหลินในเมืองจิง?!”“ทายาทของราชาหลินแห่งตอนใต้เมืองหนานโจว ?”แล้วคนทั้งหมดต่างก็พากันประหลาดใจและสับสน ทันใดนั้นจีว่านจ่างก็กระแอมออกมาสองครั้ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดังและพูดว่า:“วางใจเถอะเพื่อนสหายน้อยหลิน ผมจีว่านจ่างใช้ชีวมาหลายปีขนาดนี้แล้ว สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือคนที่ไม่รู้จักตอบแทนคุณคน”“คุณมีเงื่อนไขอะไร ก็พูดออกมาได้เลย!”“ผมรู้ สำหรับคุณเงินไม่ใช่สิ่งที่มีคุณค่าอะไรอีกต่อไปแล้ว คุณอยากได้อะไรก็แค่บอกผมมา!”“เพียงแค่ตระกูลจีของผมจัดการได้ ก็จะพยายามช่วยคุณอย่างเต็มที่อย่างแน่นอน!”“ใช่แล้วสหายหลิน คุณอย่าเกรงใจเด็ดขาด!”“สหายน้อยหลินเฟิง คุณบอกมาได้เลย!”เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของทุกคนในตระกูลจี หลินเฟิงก็ไตร่ตรองเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่จดหมายเชิญในมือของจีอวิ๋นเจี๋ยและพูอย่
อวี๋จื่อเสวียนยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่ตระกูลจี นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่มาในตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยอย่างเช่นตระกูลจี เธอเดินไปรอบ ๆอย่างตื่นเต้นภายใต้การนำทางของพ่อบ้านต่อให้จู่ ๆท้องฟ้าที่แจ่มใสจะมีฟ้าผ่าลงมากะทันหันเป็นผลพวงจากการต่อสู้ด้วยหมัดของหลินเฟิงและจีว่านจ่าง ก็ไม่ได้ทำให้เธอเสียสมาธิเลยแม้แต่น้อย“รอให้ฉันรวยแล้ว ต่อไปก็จะอยู่ในสถานที่แบบนี้!”เมื่ออวี๋จื่อเสวียนกับหลินเฟิงกลับไปที่ชุมชนกลางเมือง ก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจตอนนี้เมื่อเธอเห็นบ้านใต้หลังคาของพวกเขา จู่ ๆเธอก็รู้สึกว่าไม่มีตรงไหนที่ถูกใจเธอเลย“จริงสิ อาจารย์หลิน คุณไม่ใช่ว่าจะรักษาผู้นำตระกูลจีหรอกเหรอ? คุณรักษาหายแล้วงั้นเหรอ?”เมื่อพวกเขาเกือบจะถึงบ้าน อวี๋จื่อเสวียนเพิ่งจะนึกขึ้นได้จึงถามเรื่องสำคัญกับหลินเฟิงและเพื่อไม่ให้อวี๋จื่อเสวียนถามคำถามต่อไป หลินเฟิงจึงส่ายหน้าอย่างขอไปที“อ่อ ยังรักษาไม่หายเหรอ น่าเสียดาย เงินสี่พันล้านบาท....จุ๊จุ๊จุ๊ สี่พันล้านเลยนะ! ดูเหมือนว่าคุณจะไม่มีโชคด้านนี้นะ”อวี๋จื่อเสวียนส่ายหน้าด้วยความเสียดายอย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอไม่รู้ว่าคือ ตอนนี้เช็คสี่พันล้านของจีอ
เงาร่างนี้ประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เธอยื่นนิ้วออกไปจิ้มที่หน้าของหลินเฟิงเบา ๆและกระซิบว่า “อาจารย์หลิน?”“.....”หลินเฟิงยังคงแกล้งหลับ“อาจารย์หลิน คุณแกล้งหลับอยู่ใช่ไหม?”เงาดำที่ยืนอยู่หน้าเตียงของหลินเฟิง พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“.....”หลินเฟิงยังคงไม่ขยับเหมือนเดิม“ฮึ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็อย่ามาโทษฉันละกัน...”เงาดำเผยให้เห็นเค้าโครงใบหน้าภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหลังคาโปร่งแสง เป็นอวี๋จื่อเสวียนที่แต่งกายสไตล์ร็อคบวกกับวิกผมสีขาว เธอถอดรองเท้าของตัวเอง แล้วค่อย ๆเอารองเท้าของตัวเองไปไว้ข้างหน้าจมูกของหลินเฟิง ก่อนที่คิ้วของหลินเฟิงจะขมวดขึ้นทันที“พอแล้ว!”ทันใดนั้นหลินเฟิงก็รีบลุกขึ้นนั่งทันที พร้อมกับสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว“เธอโตเป็นสาวแล้ว วิ่งเข้าห้องของฉันดึกๆ ดื่นๆ เกิดอะไรขึ้น? ถ้าถูกอาอวี๋เห็นเข้า เขาจะมองฉันยังไง?”สีหน้าหลินเฟิงดูหงุดหงิด“แหะแหะ อาจารย์หลิน ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณแกล้งหลับ”อวี๋จื่อเสวียนหัวเราะแห้ง ๆ แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างรู้สึกผิด จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทางลึกลับ: “คือ...อาจารย์หลิน ฉันอยากจะขอร้องบางอย่างจากคุณ ได้หรือเปล่า?”“ช
“มันไม่ใช่อันตรายหรือไม่อันตราย แต่มัน....”“เอ่ออ...”อาอวี๋ไม่ได้พูดอะไรอีก“โอ๊ย พ่อก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่รำคาญเหรอ?!”“หนูแค่อยากจะออกไปเดินเล่น แล้วยังมียอดฝีมืออย่างอาจารย์หลินไปด้วย ยังจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก?”อวี๋จื่อเสวียนพูดอย่างหงุดหงิด:“พ่ออยากจะให้หนูอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีเพื่อนเลยใช่ไหม?”“ไม่ใช่แน่นอน ฉันอยากจะให้แกคบหาตามปกติ....”“แต่ในสายตาหนู พ่อไม่ปกติ!”อวี๋จื่อเสวียนตะโกนใส่อาอวี๋เสียงดัง ก่อนจะวิ่นหนีไปด้วยความโกรธ“เฮ้อ เด็กคนนี้....”“ไม่ต้องห่วงหรอกอาอวี๋ มีผมอยู่ เด็กคนนี้จะไม่เป็นอะไร”หลินเฟิงพยักหน้ากับอาอวี๋“ผมก็กลัวว่าคุณ.....”อาอวี๋ไม่สามารถพูดคำเหล่านี้ออกไปได้ เขาทำได้แค่เพียงถอนหายใจและนำกล่องเล็ก ๆไว้ในกระเป๋าของหลินเฟิง โดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ก่อนจะก้มหัวจากไปหลินเฟิงมองไปที่ด้านหลังของเขาด้วยความงุนงงแต่เมื่อเขาเห็นห่อที่อยู่ในกล่องเล็ก ๆที่อาอวี๋มอบให้ตัวเอง ก็ตกตะลึงทันทีแล้วหลินเฟิงก็เข้าใจทุกอย่างในทันที“อาอวี่...”หลินเฟิงที่กำลังจะอธิบาย อวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้าง ๆก็หันกลับมาและดึงแขนของหลินเฟิงไว้“ไปเถอะ ไปเถอ
ไม่เพียงแค่พูดโกหกเท่านั้น ทั้งยังเที่ยวกร่างไปทั่วอีกด้วย แถมยังหึงหวงไปทั่ว และไม่ต้องพูดถึงการโอ้อวดต่อหน้าคนอื่นอีก ทนไม่ไหวจริง ๆทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงไม่เคยสังเกตมาก่อนนะ?อวี๋จื่อเสวียนสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเอามือเท้าเอวมองหลงเสี่ยวจวิ้นและพูดว่า “หลงเสี่ยวจวิ้น ฉันจำได้ว่าพวกฉันไม่ได้เชิญคุณมานะ?”“เป็นหลินหลินที่เชิญฉันมานะ”หลงเสี่ยวจวิ้นสังเกตเห็นท่าทางของอวี๋จื่อเสวียนที่มีต่อเขาเปลี่ยนแปลงไป ก็ยิ่งเกลียดหลินเฟิงมากขึ้นไปอีก“เอาล่ะเอาล่ะ พวกเรายังมีการแสดงอยู่นะ จื่อเสวียน ใกล้ถึงคิวพวกเราขึ้นเวทีแล้ว คราวนี้เธอพร้อมแล้วหรือยัง?”เหยาหลินหลินที่อยู่ด้านข้างทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี“หึ นั้นมันแน่อยู่แล้ว”อวี๋จื่อเสวียนตบที่หน้าอกของตัวเอง แล้วมองไปทางหลินเฟิงด้วยความภูมิใจคล้ายกับเด็กที่อยากจะอวดอะไรให้คนอื่นดูสิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงถึงกับทำอะไรไม่ถูก“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันก็ไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”“ฉันจะรออยู่ตรงนี้ เธอออกมาเมื่อไรฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน”“ไม่ได้!”สีหน้าอวี๋จื่อเสวียนเย็นชาลงทันที“เพราะอะไรฉันถึงเรียกคุณมาที่นี่? คุณต้องเข้าไปกับฉัน อีกทั้งต้องไป
เหยาหลินหลินยิ้มจนเห็นลักยิ้มแล้วพูดว่า“นานวันเข้า ชื่อเสียงของพวกเราก็โด่งดังขึ้น ดังนั้นจึงมีบริษัทบันเทิงหลายแห่งติดต่อมาเพื่อดูการแสดงของพวกเรา”"ถ้าการแสดงของพวกเราผ่าน พวกเขาก็จะรับพวกเราเข้าไป ให้พวกเราได้เดบิวต์เป็นวงดนตรีอย่างเป็นทางการ""นี่เป็นความคิดของจื่อเสวียน ฉัน... ฉันและพี่ๆ น้องๆ คนอื่นๆ ครอบครัวไม่ค่อยมีฐานะ ดังนั้นพวกเราจึงต้องการโอกาสนี้มาก""ที่จื่อเสวียนพาคุณมาด้วย คงหวังว่าคุณจะช่วยเชียร์พวกเรา แน่นอนว่า..."เหยาหลินหลินยิ้มแหยๆ แล้วพูดว่า"ถ้าคุณไม่สนใจเรื่องวงดนตรีอะไรพวกนี้จริงๆ พวกเราก็ไม่บังคับคุณหรอก คุณแค่รอจื่อเสวียนอยู่ที่นี่ก็พอ"เมื่อได้ยินคำอธิบายของเหยาหลินหลิน หลินเฟิงก็ชะงักไปครู่หนึ่งเขามองอวี๋จื่อเสวียนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่า อาอวี๋ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ด้วยการมีตระกูลถังเป็นที่พึ่ง อวี๋จื่อเสวียนย่อมไม่ขาดแคลนเงินดูเหมือนว่าเธอตั้งวงดนตรีนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ พวกนี้"ที่แอบออกไปตอนดึกบ่อยๆ ก็เพราะเหตุผลนี้นี่เอง..."หลินเฟิงเข้าใจในใจ อดถอนหายใจไม่ได้เมื่อเหยาหลินหลินพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหลินเฟิงไม่ให้เ
"......"หลินเฟิงขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้เอาเรื่องเขาเพียงแค่หยิบแก้วน้ำใบใหญ่บนโต๊ะขึ้นมา รินน้ำให้ตัวเองดื่ม"เหอะ ไอ้ยากจน จะมาดื่มเหล้าของเสี่ยวจวิ้น ทั้งที่ไม่มีปัญญา หน้าไม่อาย"แสงไฟสลัว ดนตรีที่เร้าใจหลินเฟิงทำเป็นหูทวนลม ไม่แม้แต่จะมองติงเสี่ยวเจินในที่สุด เมื่อวงบนเวทีแสดงจบ ทุกคนในบาร์ก็ปรบมืออย่างกระตือรือร้นนักเรียนหญิงข้างหลินเฟิงก็หน้าแดงปรบมืออย่างสนุกสนาน"พี่สุดหล่อ คุณคิดว่าวงบนเวทีเป็นไงบ้างคะ หล่อมั้ย?"เธอหันไปถามหลินเฟิงด้วยรอยยิ้ม"ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องดนตรี แค่รู้สึกว่ามันหนวกหูไปหน่อย"หลินเฟิงตอบอย่างตรงไปตรงมา"เหอะ พวกบ้านนอกของแท้ ไม่เข้าใจแม้กระทั่งร็อคที่กำลังฮิต ไม่รู้หน้าด้านมานี่ทำไม"ติงเสี่ยวเจินพูดอย่างเย้ยหยันหลินเฟิงเริ่มเข้าใจแล้วติงเสี่ยวเจินคนนี้อยู่ฝ่ายหลงเสี่ยวจวิ้นเธอมองออกว่าหลินเฟิงไม่ถูกหลงเสี่ยวจวิ้นชอบ จึงตั้งใจดูหมิ่นหลินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อเอาใจหลงเสี่ยวจวิ้นความพยายามของเธอได้ผลเพียงเห็นหลงเสี่ยวจวิ้นเผยยิ้มบาง ยื่นมือพูดว่า: "เสี่ยวเจิน ไม่ต้องพูดแบบนั้นหรอก ท้ายที่สุดศิลปะพวกนี้สำหรับคนที่มาจากที่เล็กๆ บ
หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยตอนที่ได้ฟังเมื่อครู่ เสียงของเหยาหลินหลินยังคงธรรมดา แต่ตอนนี้เมื่อเสียงเพลงดังขึ้น บรรยากาศทั้งหมดของเหยาหลินหลินเปลี่ยนไปเสียงของเธอกลายเป็นทรงพลังมากบาร์ใต้ดินทั้งหมดเงียบสงบเพราะการร้องของเธอผู้คนที่กำลังดื่มกันอยู่รอบๆ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ต่างจ้องไปที่บนเวทีที่มีเด็กผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งตัวหรูหราและไม่ได้สวมใส่ของแบรนด์เนมเสียงของเธอไม่แพ้ศิลปินที่มีชื่อเสียงใดๆแม้แต่หลินเฟิงที่ไม่เข้าใจเรื่องดนตรีเลย ยังรู้สึกว่าเธอร้องได้ดีมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออวี๋จื่อเสวียนร่วมร้องประสาน เสียงของทั้งสองแทบจะทะลุผ่านบาร์ใต้ดินทั้งหมดทั้งห้องเงียบสนิท ผู้ชมตกอยู่ในความหลงใหล"ไม่เสียชื่อหลินหลินจริงๆ..." เด็กสาวข้างๆ หลินเฟิงกระซิบชมหลินเฟิงไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พยักหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจติงเสี่ยวเจินที่อยู่ข้างๆ มองดูพวกเด็กผู้หญิงบนเวทีที่ทุกคนกำลังจับตามอง ด้วยสีหน้าอิจฉาอย่างยิ่ง"หยดฝนเบาๆ ปล่อยให้ตกอย่างสบายใจ""ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะก้าวไปข้างหน้าแล้ว..."เมื่อเหยาหลินหลินร้องประโยคสุดท้ายจบ สถานที่ทั้งหมดนิ่งเงียบไปไม่กี่วินาทีก่อนจะร
“อะไรนะ?!”ได้ยินแล้วยังดวงตาของเหล่านักศึกษาแทบจะถลนออกมาแล้วพวกเขาพากันมองไปทางเจียงปิน ส่วนเจียงปินก็หนังหน้ากระตุก ถึงแม้จะประหม่าอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังฝืนยี้มบางและปรบมือทำท่าทางเหมือนเขารับรู้มานานแล้วนี่จึงดึงดูดความชื่นชมและความเลื่อมใสจากนักศึกษากลุ่มหนึ่งและนี่ยังไม่จบ“ต่อมาขอเชิญ ฉินเซี่ยวเทียน นายกรัฐมนตรีเมืองเจียงโจว!”“อิ่นนั่วเจีย ซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกร!”“ไป๋ชิงเฉี่ยน แห่งไป๋ซื่อกรุ๊ป”“ผู้จัดการถัง บริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง...”หลังจากที่อาของโจวเสี่ยวหาง หัวหน้าโจวพูดชื่อออกมาทีละคน เมืองเจียงโจวไม่ว่าจะเป็นทิศเหนือทิศใต้ ทั้งหมดเป็นคนมีหน้ามีตา กองกำลังทั้งหมดที่สามารถนำออกมาได้ต่างก็มาถึงหมดแล้วพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว กลายเป็นการรวมตัวกันของบุคคลใหญ่โตทันที“แม่เจ้า นี่มันบ้าอะไรกัน?!”“เชี่ย เหตุการณ์แบบนี้...ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!”เห็นบุคคลใหญ่โตยืนอยู่บนเวที คนเหล่านี้มาต่างบริษัทต่างๆ ในเมืองเจียงโจว ถึงขั้นมีบุคคลผู้มีอำนาจ ตระกูลและวงการในหลายสาขาใครคนไหนก็ได้ยืนออกมา เพียงแค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้เมืองเจียงโจว
ในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมของจางเต๋อหลิน สมาชิกผู้อาวุโสในสายวิชาชีพแพทย์จะมาปรากฏตัวแล้วทำไมผู้ว่าเจียงโจวถึงมาด้วย?เมื่อเห็นผู้ว่าเจียงโจวเดินออกมาจากด้านหลังเวทีโดยมีรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับโบกมือให้กับเหล่านักศึกษา เหล่านักศึกษาที่อยู่ในที่นั้นต่างก็ตกตะลึง แต่ก็ยังปรบมือกับอย่างกระตือรือร้นด้วยรูปแบบของผู้จบการศึกษารุ่นนี้ มันเกินความจริงไปหรือเปล่า?“หรือว่านักศึกษาเจียงปินจะเชิญมา?”ไม่รู้ว่าเป็นใครที่จู่ ๆพูดขึ้นมาท่ามกลางเหล่านักศึกษาทันใดนั้น เหล่านักศึกษาที่เข้าร่วมพิธีจบการศึกษาก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะมองไปที่เจียงปินที่รู้สึกสับสนอยู่ไม่ต่างกัน“อ่ะ? อ่อ....อ่อ ใช่ นักศึกษาทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนกไป ไม่ต้อง ไม่ต้อง หึหึ....”เจียงปินรีบยื่นมือออกไปปลอบใจนักศึกษาคนอื่น ๆเห็นได้ชัดว่าเขาได้ยอมรับแล้ว“ซี้ด...”นักศึกษาหลาย ๆคนต่างก็สูดอากาศเย็น ที่เจียงปินเชิญจางเต๋อหลินมาได้มันก็น่าเหลือเชื่อคราวนี้ผู้ว่าของเจียงโจวก็ยังได้รับเชิญมาอีกด้วย มันจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไปงั้นเหรอเบื้องหลังของเจียงปินจริ
“หึหึ พิธีรับปริญญาของปีนี้ต่างจากปีก่อน ๆเลยนะ”“เพราะว่ามีผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้เดินทางมาโดยเฉพาะ ดังนั้นก็เลยเชิญแขกผู้มีเกียรติที่สำคัญมากมากมายมามอบใบประกาศนียบัตรให้แก่นักเรียนของพวกเราในรุ่นนี้”“ที่มา ก็มีเชิญ....”“ท่านผู้นำอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจว ผู้อาวุโสจางเต๋อหลิน!”ขณะที่หัวหน้าโจวยื่นมือออกไปเรียนเชิญ จางเต๋อหลินก็เดินเข้ามาจากประตูด้านหลังพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและโบกมือทักทายเหล่านักเรียนที่อยู่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นรอยยิ้มของจางเต๋อหลิน รอยยิ้มที่พึงพอใจของเจียงปินก็แข็งทื่อทันทีเพราะในความประทับใจของเขา ผู้อาวุโสจางเต๋อหลินมักจะมีใบหน้าที่เขร่งครึมและจริงจังอย่างมาก ทั้งยังระวังภาพลักษณ์อีกด้วยทำไมถึงยิ้มได้กว้างขนาดนั้นล่ะ?แต่เหล่านักเรียนคนอื่น ๆไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วยแล้วพากันปรบมือกันอย่างกระตือรือร้น บางคนถึงขนาดปรบมือจนหน้าของตัวเองแดงต้องรู้ว่า นี่คือผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเจียงโจว!ผู้อาวุโสอย่างเขามามอบใบประกาศนียบัตรการสำเร็จการศึกษาด้วยตัวเอง ให้เกียรติกันเกินไปหน่อยหรือเปล่า?หากพูดออกไป เกรงว่าก็คงจะไม่มีใครเชื่อ
เพียงเพราะแค่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเจียงโจวโด่งดังอย่างมากถึงได้ถ่อมตัวมาสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวอีกทั้งหลินเสวี่ยฮุ่ยยังได้ยินมาว่า เจียงปินเหมือนจะแอบฝากตัวเป็นศิษย์ของจางเต๋อหลินด้วยได้ไหว้เจ้าสำนักของสำนักไป๋เกาเป็นอาจารย์ ไม่ธรรมดาเลยจากคำพูดของเขาเมื่อครู่สามารถดูออกได้ว่า เรื่องที่เขาไหว้จางเต๋อหลินเป็นอาจารย์ ไม่ใช่ข่าวลือที่ไม่มีมูลเลยดูท่าจะมีความเป็นไปได้สูงเจียงปินคนนี้ อนาคตก้าวไกลอย่างมากแต่สิ่งที่ทำให้หลินเสวี่ยฮุ่ยปวดหัวก็คือ เธอในฐานะดาวคณะของคณะแพทยศาสตร์ เจียงปินคนนี้เพิ่งกลับมาก็ตามตอแยเธอแน่นอนว่า หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้รู้สึกรังเกียจเจียงปินเจียงปินเป็นคนที่สุภาพกับคนอื่น เป็นคนที่กิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอด ถึงขึ้นที่โจวเสี่ยวหางก็จับคู่พวกเขาสองคนอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่า โจวเสี่ยวหางคิดว่า เจียงปินคนนี้เหมาะสมกับหลินเสวี่ยฮุ่ยมากกว่าหลินเฟิงแต่ทุกครั้งเจียงปินอยู่ต่อหน้าเธอ หลินเสวี่ยฮุ่ยมักจะชอบเอาเขาไปเปรียบเทียบกับหลินเฟิงจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร?ดังนั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยจึงตัดสินใจไม่ได้ชั่วคราวจึงปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยใ
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท