หลงเซียวเพิ่งจะพูดประโยคนี้ออกมา เธอก็คิดได้ว่าไม่ถูกต้องเพราะว่าเมื่อเธอยอมรับแบบนี้ ก็กลายเป็นยอมรับว่าเธอเคยร่วมมือกับจีอวิ๋นเทียนของตระกูลจี วางแผนลอบทำร้ายผู้นำตระกูลจีคนปัจจุบันไม่ใช่เหรอ?นี่เป็นปัญการสมาคมของตระกูลที่รุนแรงเป็นอย่างมากถ้าหากถูกแพร่งพรายออกไป จะต้องถูกโลกภายนอกรังเกียจ ชื่อเสียงป่นปี้อีกอย่างถึงแม้ตระกูลหลงจะธุรกิจใหญ่โต ไม่ได้หวาดกลัวตระกูลจี แต่ถ้าหากทำให้ตระกูลจีโมโห ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถลอบกัดตระกูลหลงได้นี่เป็นความแค้นเคืองที่ไม่จำเป็นอย่างมากคิดได้ถึงตรงนี้ หลงเซียวก็รีบเปลี่ยนคำพูดในทันที:“ฉันหลงเซียวมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณชายจีอวิ๋นเทียนของตระกูลจี เห็นเขาได้รับการปฏิบัติแบบนี้ ในฐานะเพื่อนจึงทนดูไม่ได้ก็เท่านั้นเอง”“สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลจีของพวกคุณ ฉันไม่ได้อยากจะยุ่งสักหน่อย”หลงเซียวพูดอย่างเย็นชา“งั้นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลจีในวันนี้ จึงเป็นเรื่องภายในของตระกูลจี ถ้าหากคุณหลงเซียวไม่ใช่คนที่สมรู้ร่วมคิดกับจีอวิ๋นเทียน งั้นก็เชิญเถอะครับ”ในคำพูดของจีอวิ๋นเจี๋ยมีความหมายแอบแฝง จึงทำให้หลงเซียวพูดไม่ออกถ้าหากเธอฝืนท
ถึงตอนนั้นข่าวลือเรื่องการลอบฆ่าผู้นำตระกูลอื่นที่ร่ำรวยก็แพร่กระจายออกไป หากคนอื่นได้ยินเข้า ชื่อเสียงของตระกูลหลงจะต้องได้รับผลกระทบครั้งใหญ่อย่างแน่นอน มันเลวร้ายยิ่งกว่าการโจมตีที่หลงเซียวได้รับที่ในเมืองหนิงโจวตอนนี้หลงเซียวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ ด้วยซ้ำถ้าเธอแสดงพิรุธออกมาจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงจีว่านจ่าง ต่อให้เธอกลับไปที่ตระกูลหลง ผู้อาวุโสของตระกูลหลงก็ไม่สามารถปล่อยเธอไปได้เช่นกันในเมื่อเรื่องในคราวนี้ มีลักษณะเลวร้ายเกินไปถึงเวลาทุกคนในเมืองจิงก็จะตกอยู่ในอันตราย และเส้นทางของตระกูลหลงก็จะลำบากอย่างมาก“ไม่ไม่ไม่”หลงเซียวเอ่ยออกมาเสียงทุ้มต่ำ “ครั้งนี้ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อื่น เพียงแค่....ใช่แล้ว เพียงแค่ตระกูลหลงของฉันกำลังจะแต่งงานกับตระกูลถังในอีกไม่กี่วัน นี่ก็คือจดหมายเชิญ”“ถึงตอนนั้นเชิญตระกูลจีส่งตัวแทนไปเข้าร่วมงานแต่งของหลงยวนพี่ใหญ่ของฉันด้วยนะคะ”“เหอะ งานแต่งเกี่ยวดองอีกแล้วงั้นเหรอ....”จีว่านจ่างโบกมือเหมือนกับขับไล่ และพูดเยาะเย้ยว่า: “ผมรู้แล้ว คุณไปเถอะ”“ถ้าอย่างนั้น....ผู้นำตระกูลจี หลงเซียวขอตัวก่อน”หลังจากยกมือคำนับแล้ว ห
“อะไรนะ?”“ทำไม?”ได้ยินคำประกาศของผู้นำตระกูล บริวารที่อยู่โดยรอบกับบอดี้การ์ดของตระกูลจีต่างก็ไม่เข้าใจการตัดสินใจของผู้นำตระกูลแต่บริวารแดนแปรภาพหลายๆ คนที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง ก็ขมวดคิ้วและครุ่นคิดถึงชื่อของหลินเฟิง ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างออกได้ทันที“หรือว่าหลินเฟิงคนนี้ก็คือคนของตระกูลหลินในเมืองจิง?!”“ทายาทของราชาหลินแห่งตอนใต้เมืองหนานโจว ?”แล้วคนทั้งหมดต่างก็พากันประหลาดใจและสับสน ทันใดนั้นจีว่านจ่างก็กระแอมออกมาสองครั้ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดังและพูดว่า:“วางใจเถอะเพื่อนสหายน้อยหลิน ผมจีว่านจ่างใช้ชีวมาหลายปีขนาดนี้แล้ว สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือคนที่ไม่รู้จักตอบแทนคุณคน”“คุณมีเงื่อนไขอะไร ก็พูดออกมาได้เลย!”“ผมรู้ สำหรับคุณเงินไม่ใช่สิ่งที่มีคุณค่าอะไรอีกต่อไปแล้ว คุณอยากได้อะไรก็แค่บอกผมมา!”“เพียงแค่ตระกูลจีของผมจัดการได้ ก็จะพยายามช่วยคุณอย่างเต็มที่อย่างแน่นอน!”“ใช่แล้วสหายหลิน คุณอย่าเกรงใจเด็ดขาด!”“สหายน้อยหลินเฟิง คุณบอกมาได้เลย!”เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของทุกคนในตระกูลจี หลินเฟิงก็ไตร่ตรองเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่จดหมายเชิญในมือของจีอวิ๋นเจี๋ยและพูอย่
อวี๋จื่อเสวียนยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่ตระกูลจี นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่มาในตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยอย่างเช่นตระกูลจี เธอเดินไปรอบ ๆอย่างตื่นเต้นภายใต้การนำทางของพ่อบ้านต่อให้จู่ ๆท้องฟ้าที่แจ่มใสจะมีฟ้าผ่าลงมากะทันหันเป็นผลพวงจากการต่อสู้ด้วยหมัดของหลินเฟิงและจีว่านจ่าง ก็ไม่ได้ทำให้เธอเสียสมาธิเลยแม้แต่น้อย“รอให้ฉันรวยแล้ว ต่อไปก็จะอยู่ในสถานที่แบบนี้!”เมื่ออวี๋จื่อเสวียนกับหลินเฟิงกลับไปที่ชุมชนกลางเมือง ก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจตอนนี้เมื่อเธอเห็นบ้านใต้หลังคาของพวกเขา จู่ ๆเธอก็รู้สึกว่าไม่มีตรงไหนที่ถูกใจเธอเลย“จริงสิ อาจารย์หลิน คุณไม่ใช่ว่าจะรักษาผู้นำตระกูลจีหรอกเหรอ? คุณรักษาหายแล้วงั้นเหรอ?”เมื่อพวกเขาเกือบจะถึงบ้าน อวี๋จื่อเสวียนเพิ่งจะนึกขึ้นได้จึงถามเรื่องสำคัญกับหลินเฟิงและเพื่อไม่ให้อวี๋จื่อเสวียนถามคำถามต่อไป หลินเฟิงจึงส่ายหน้าอย่างขอไปที“อ่อ ยังรักษาไม่หายเหรอ น่าเสียดาย เงินสี่พันล้านบาท....จุ๊จุ๊จุ๊ สี่พันล้านเลยนะ! ดูเหมือนว่าคุณจะไม่มีโชคด้านนี้นะ”อวี๋จื่อเสวียนส่ายหน้าด้วยความเสียดายอย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอไม่รู้ว่าคือ ตอนนี้เช็คสี่พันล้านของจีอ
เงาร่างนี้ประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เธอยื่นนิ้วออกไปจิ้มที่หน้าของหลินเฟิงเบา ๆและกระซิบว่า “อาจารย์หลิน?”“.....”หลินเฟิงยังคงแกล้งหลับ“อาจารย์หลิน คุณแกล้งหลับอยู่ใช่ไหม?”เงาดำที่ยืนอยู่หน้าเตียงของหลินเฟิง พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“.....”หลินเฟิงยังคงไม่ขยับเหมือนเดิม“ฮึ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็อย่ามาโทษฉันละกัน...”เงาดำเผยให้เห็นเค้าโครงใบหน้าภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหลังคาโปร่งแสง เป็นอวี๋จื่อเสวียนที่แต่งกายสไตล์ร็อคบวกกับวิกผมสีขาว เธอถอดรองเท้าของตัวเอง แล้วค่อย ๆเอารองเท้าของตัวเองไปไว้ข้างหน้าจมูกของหลินเฟิง ก่อนที่คิ้วของหลินเฟิงจะขมวดขึ้นทันที“พอแล้ว!”ทันใดนั้นหลินเฟิงก็รีบลุกขึ้นนั่งทันที พร้อมกับสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว“เธอโตเป็นสาวแล้ว วิ่งเข้าห้องของฉันดึกๆ ดื่นๆ เกิดอะไรขึ้น? ถ้าถูกอาอวี๋เห็นเข้า เขาจะมองฉันยังไง?”สีหน้าหลินเฟิงดูหงุดหงิด“แหะแหะ อาจารย์หลิน ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณแกล้งหลับ”อวี๋จื่อเสวียนหัวเราะแห้ง ๆ แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างรู้สึกผิด จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทางลึกลับ: “คือ...อาจารย์หลิน ฉันอยากจะขอร้องบางอย่างจากคุณ ได้หรือเปล่า?”“ช
“มันไม่ใช่อันตรายหรือไม่อันตราย แต่มัน....”“เอ่ออ...”อาอวี๋ไม่ได้พูดอะไรอีก“โอ๊ย พ่อก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่รำคาญเหรอ?!”“หนูแค่อยากจะออกไปเดินเล่น แล้วยังมียอดฝีมืออย่างอาจารย์หลินไปด้วย ยังจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก?”อวี๋จื่อเสวียนพูดอย่างหงุดหงิด:“พ่ออยากจะให้หนูอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีเพื่อนเลยใช่ไหม?”“ไม่ใช่แน่นอน ฉันอยากจะให้แกคบหาตามปกติ....”“แต่ในสายตาหนู พ่อไม่ปกติ!”อวี๋จื่อเสวียนตะโกนใส่อาอวี๋เสียงดัง ก่อนจะวิ่นหนีไปด้วยความโกรธ“เฮ้อ เด็กคนนี้....”“ไม่ต้องห่วงหรอกอาอวี๋ มีผมอยู่ เด็กคนนี้จะไม่เป็นอะไร”หลินเฟิงพยักหน้ากับอาอวี๋“ผมก็กลัวว่าคุณ.....”อาอวี๋ไม่สามารถพูดคำเหล่านี้ออกไปได้ เขาทำได้แค่เพียงถอนหายใจและนำกล่องเล็ก ๆไว้ในกระเป๋าของหลินเฟิง โดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ก่อนจะก้มหัวจากไปหลินเฟิงมองไปที่ด้านหลังของเขาด้วยความงุนงงแต่เมื่อเขาเห็นห่อที่อยู่ในกล่องเล็ก ๆที่อาอวี๋มอบให้ตัวเอง ก็ตกตะลึงทันทีแล้วหลินเฟิงก็เข้าใจทุกอย่างในทันที“อาอวี่...”หลินเฟิงที่กำลังจะอธิบาย อวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้าง ๆก็หันกลับมาและดึงแขนของหลินเฟิงไว้“ไปเถอะ ไปเถอ
ไม่เพียงแค่พูดโกหกเท่านั้น ทั้งยังเที่ยวกร่างไปทั่วอีกด้วย แถมยังหึงหวงไปทั่ว และไม่ต้องพูดถึงการโอ้อวดต่อหน้าคนอื่นอีก ทนไม่ไหวจริง ๆทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงไม่เคยสังเกตมาก่อนนะ?อวี๋จื่อเสวียนสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเอามือเท้าเอวมองหลงเสี่ยวจวิ้นและพูดว่า “หลงเสี่ยวจวิ้น ฉันจำได้ว่าพวกฉันไม่ได้เชิญคุณมานะ?”“เป็นหลินหลินที่เชิญฉันมานะ”หลงเสี่ยวจวิ้นสังเกตเห็นท่าทางของอวี๋จื่อเสวียนที่มีต่อเขาเปลี่ยนแปลงไป ก็ยิ่งเกลียดหลินเฟิงมากขึ้นไปอีก“เอาล่ะเอาล่ะ พวกเรายังมีการแสดงอยู่นะ จื่อเสวียน ใกล้ถึงคิวพวกเราขึ้นเวทีแล้ว คราวนี้เธอพร้อมแล้วหรือยัง?”เหยาหลินหลินที่อยู่ด้านข้างทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี“หึ นั้นมันแน่อยู่แล้ว”อวี๋จื่อเสวียนตบที่หน้าอกของตัวเอง แล้วมองไปทางหลินเฟิงด้วยความภูมิใจคล้ายกับเด็กที่อยากจะอวดอะไรให้คนอื่นดูสิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงถึงกับทำอะไรไม่ถูก“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันก็ไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”“ฉันจะรออยู่ตรงนี้ เธอออกมาเมื่อไรฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน”“ไม่ได้!”สีหน้าอวี๋จื่อเสวียนเย็นชาลงทันที“เพราะอะไรฉันถึงเรียกคุณมาที่นี่? คุณต้องเข้าไปกับฉัน อีกทั้งต้องไป
เหยาหลินหลินยิ้มจนเห็นลักยิ้มแล้วพูดว่า“นานวันเข้า ชื่อเสียงของพวกเราก็โด่งดังขึ้น ดังนั้นจึงมีบริษัทบันเทิงหลายแห่งติดต่อมาเพื่อดูการแสดงของพวกเรา”"ถ้าการแสดงของพวกเราผ่าน พวกเขาก็จะรับพวกเราเข้าไป ให้พวกเราได้เดบิวต์เป็นวงดนตรีอย่างเป็นทางการ""นี่เป็นความคิดของจื่อเสวียน ฉัน... ฉันและพี่ๆ น้องๆ คนอื่นๆ ครอบครัวไม่ค่อยมีฐานะ ดังนั้นพวกเราจึงต้องการโอกาสนี้มาก""ที่จื่อเสวียนพาคุณมาด้วย คงหวังว่าคุณจะช่วยเชียร์พวกเรา แน่นอนว่า..."เหยาหลินหลินยิ้มแหยๆ แล้วพูดว่า"ถ้าคุณไม่สนใจเรื่องวงดนตรีอะไรพวกนี้จริงๆ พวกเราก็ไม่บังคับคุณหรอก คุณแค่รอจื่อเสวียนอยู่ที่นี่ก็พอ"เมื่อได้ยินคำอธิบายของเหยาหลินหลิน หลินเฟิงก็ชะงักไปครู่หนึ่งเขามองอวี๋จื่อเสวียนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่า อาอวี๋ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ด้วยการมีตระกูลถังเป็นที่พึ่ง อวี๋จื่อเสวียนย่อมไม่ขาดแคลนเงินดูเหมือนว่าเธอตั้งวงดนตรีนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ พวกนี้"ที่แอบออกไปตอนดึกบ่อยๆ ก็เพราะเหตุผลนี้นี่เอง..."หลินเฟิงเข้าใจในใจ อดถอนหายใจไม่ได้เมื่อเหยาหลินหลินพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหลินเฟิงไม่ให้เ