จีอวิ๋นเทียนหรี่ตาลง บอดี้การ์ดกับบริวารของตระกูลจีที่อยู่รอบๆ ล้อมเข้ามาด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด“จีอวิ๋นเทียน นายอยากจะทำอะไร?!”จีอวิ๋นเจี๋ยตะโกนขึ้นด้วยเสียงดุดัน“ทำอะไรงั้นเหรอ?”“หึ”จีอวิ๋นเทียนส่งเสียงเยาะหยัน และหรี่ตาลง: “จีอวิ๋นเทียน เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้วฉันก็ไม่ปิดบังนายแล้ว ถูกแล้วล่ะ ที่พ่อถูกพิษ เป็นฝีมือของฉันจริงๆ”“ใครใช้ใหไอ้แก่นั่นมอบกจิการของตระกูลให้กับแกกันล่ะ?!”“เขาหาเรื่องใส่ตัวเอง!”จีอวิ๋นเทียนหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า: “อีกทั้งไม่เพียงแค่ฉัน แม่เลี้ยงก็เข้าร่วมด้วย และก็คนที่วางยาก็คือเธอ!”“พวกแก...”จีอวิ๋นเจี๋ยมองไปทางลูกน้องของจีอวิ๋นเทียนที่ล้อมรอบเข้ามา เขาทั้งตกตะลึงทั้งโมโห และตะโกนพูดว่า: “หรือว่านายลืมอารองไปแล้วงั้นเหรอ? เรื่องนี้ถ้าหากอารองรับรู้...”“วางใจเถอะ ไอ้โง่นั่นจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาล”จีอวิ๋นเทียนหลุดขำออกมา:“โทษไอ้สารเลวนั่นเลย คิดไม่ถึงว่าจะยื้อเวลาของฉันนานขนาดนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะหวาดกลัวบริวารเหล่านั้นของเขา ฉันคงจะแตกกับเขาไปนานแล้ว!”“แต่ไม่เป็นไร”จีอวิ๋นเทียนหัวเราะด้วยความดุดันแล้วพูดว่า:“ฉันเจรจากับตระก
“อะไร?”“นี่มันพลังอะไรกัน?”วิธีการต่อสู้ที่บ้าระห่ำของหลินเฟิงแบบนี้ ทำให้บอดี้การ์ดของตระกูลจีทุกคนหัวใจบีบรัดแม้แต่จีอวิ๋นเจี๋ยที่อยู่ข้างกายหลินเฟิงก็ยังนิ่งอึ้งอยู่ครึ่งวินาที“ย้ากกก!”แต่ในเมื่อตระกูลจีเป็นตระกูลร่ำรวย อีกทั้งมีกำลังที่จะแทนที่ตระกูลหลินที่ลึกลับ และกลายเป็นสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองจิงบริวารที่อยู่ใต้บัญชาก็ไม่ได้มีฝีมือกระจอกเห็นเพียงแค่บริวารอายุสี่สิบกว่าๆ คนนี้ถีบรถลินคอล์นเพิ่มความยาวที่ลอยมาจนกลายเป็นสองท่อน“หือ?”ในตอนที่บริวารคนนี้ก้มหน้าหาเงาของหลินเฟิง เขากลับรู้สึกได้ถึงลมโหมกระหน่ำที่เย็นเยือกจากใบหน้าด้านข้างของตัวเองในทันทียังไม่ทันได้หันหน้ามองไป ฝ่าเท้าของหลินเฟิงก็เตะไปที่ใบหน้าครึ่งหนึ่งของบริวาร จนกระทั่งเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งที่กลางอากาศ และอ้วกออกมาเป็นเลือดจำนวนมาก“อะไรน่ะ?!”ต่อให้เป็นจีอวิ๋นเทียนที่ยืนชมการต่อสู้อยู่ข้างๆ ก็ไม่เห็นว่าหลินเฟิงปรากฏตัวขึ้นที่กลางอากาศตั้งแต่ตอนไหนมีเพียงบริวารอีกสองคนที่ยืนอยู่บนพื้นที่ไกลออกไปพวกเขาเป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียน พอจะเห็นหลินเฟิงลอยขึ้นไปกลางอากาศ พร้อมกับรถลินคอล์น“คนผู้
“พี่ใหญ่!”จีว่านหลัวไม่มีเวลาสนใจเด็กสารเลวที่อยู่ในมือแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองพบว่าพี่ใหญ่ของเขาไม่รู้ว่ายืนขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่หนวดเคราและผมของพี่ชายของเขาตั้งชัน ดวงตาแดงก่ำ หลอดเลือดเต้นแรง เหมือนกับสัตว์ดุร้ายที่บ้าบิ่น“นี่มัน…ถูกผีเข้าสิงงั้นเหรอ?!”ในใจของจีว่านหลัวเกิดคำนี้ขึ้นมาเขายังไม่ทันได้พูดจา ก็เห็นจีว่านจ่างพี่ใหญ่ของเขาปล่อยหมัดออกมาอีก โจมตีเขาที่ล้มลงอยู่บนพื้น“ไสหัวไป!”จีว่านหลัวโยนจีหาวที่อยู่ในมือไปข้างๆ ตัวเองกลับกลิ้งอยู่บนพื้นเหมือนกับน้ำเต้าอยู่หลายรอบ นี่ถึงได้หลบหมัดของพี่ชายได้อย่างเฉียดฉิวจีว่านหลัวตาแดง จากนั้นก็ปล่อยหมัดกระแทกพื้นจนเป็นหลุมลึกกว่าหนึ่งเมตร“พี่ใหญ่ ผมเอง ว่านหลัว! พี่เป็นอะไร? รีบฟื้นสิ!”น้ำเสียงกระวนกระวายของจีว่านหลัวไม่ได้เข้าหูของพี่ใหญ่ด้วยซ้ำ กลับกันนั้นจีว่านจ่างยิ่งบ้าระห่ำยิ่งกว่าเดิมเขาคำรามออกมา และวิ่งไปโจมตีจีว่านหลัวอีกครั้ง“เร็ว…ส่งคนไปหาคุณหลิน บอกว่า…บอกว่าจีหาวทำลายวิชานิ้วของคุณหลิน พี่ใหญ่…พี่ใหญ่ผีเข้าสิงแล้ว!”จีว่านหลัวสกัดกั้นไปด้วย ตะโกนให้บริวารตระกูลจีอไปรายงานคุณหลินส่วนตรงหน้าวิลล่าขอ
“หลินเฟิง”จีอวิ๋นเทียนไม่ได้หนี เขาก็เป็นนักบู๊ จึงรู้ว่าอยู่ต่อหน้ายอดฝีมือแดนแปรภาพอย่างหลินเฟิงการหนีไม่มีประโยชน์เขาทำใจให้สงบลง จากนั้นกัดฟันพูดด้วยความไม่เต็มใจยอมรับ:“ฉันให้นายสี่พันล้านบาท เพียงแต่หลังจากให้เงินนายแล้ว นายต้องรับปากฉัน นายต้องออกจากตระกูลจีทันที และไม่เข้ามายุ่งเรื่องตระกูลจีของฉันตลอดกาล!”“สหายหลิน...”ได้ยินคำพูดเหล่านี้ จีอวิ๋นเจี๋ยก็กระวนกระวายขึ้นมาถ้าหากตอนนี้หลินเฟิงเลือกที่จะจากไปเพราะเงินสี่พันล้านบาทจริงๆ งั้นวันนี้เขาต้องตายอย่างแน่นอนหลินเฟิงหยุดชะงัก และหยุดเดิน“จริงเหรอ?”หลินเฟิงมองไปทางจีอวิ๋นเทียนด้วยสีหน้านิ่งเฉย“จริงอยู่แล้ว ผมคุณชายของตระกูลจี อนาคตผู้นำตระกูลจี ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น พูดแล้วไม่กลับคำ”หลังจากจีอวิ๋นเทียนร้อนรน ในใจก็เกิดความเยาะหยันขึ้นมา“ดูท่าไอ้หมอนี่ก็เป็นแค่หน้าโง่ที่เห็นเงินแล้วตาลุกวาว เพียงแค่ใช้เงินสี่พันล้านบาทก็สามารถสั่งให้เขากลับไปได้ นี่ก็ถือว่าไม่ขาดทุน”“เปลี่ยนจากแพ้เป็นชนะ แค่เงินสี่พันล้านบาทเท่านั้นเอง!”“รอให้ฉันได้เป็นผู้นำตระกูลสำเร็จแล้ว ค่อยมาคิดบัญชีกับแก!”เพื่อหลีกเลี่ยงความน
จีอวิ๋นเทียนกระอักเลือดสีดำแดงออกมา เขาทรุดนั่งลงบนพื้น มองไปทางหลินเฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ และพูดด้วยความสั่นเทา: “แก...แกทำลายวิทยายุทธของฉัน...แก...แกกล้ามาก...”“พูดมากจริงๆ”หลินเฟิงส่ายหน้า และตบหน้าของเขาหนึ่งครั้งการตบหน้าครั้งนี้ ตบจนจีอวิ๋นเทียนฟันติดเลือดหลุดออกมาหลายซี่“นายมันเป็นสัตว์เดียรัจฉานที่เนรคน กล้าวางแผนลอบฆ่าพ่อแท้ๆ ของตัวเอง พูดว่านายเป็นสัตว์เดียรัจฉานยังนับว่าไว้หน้าแล้วนะ!”“แก...แกตบฉัน แกต้องตายแน่!”แกกล้าตบผู้นำตระกูลจีในอนาคต ที่ถิ่นของตระกูลจี...แก...แกตายแน่!”ไม่ว่าอย่างไรจีอวิ๋นเทียนก็คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะกล้าลงมือต่อเขา ทันใดนั้นก็อ้าปากที่มีลมรั่วและตะโกนด้วยความโมโหดุดัน“ช่างเถอะ”หลินเฟิงส่ายหน้า จากนั้นหันหน้ากลับไป ตบไหล่ของจีอวิ๋นเจี๋ย และพูดอย่างเรียบเฉย: “ไปเถอะ สหายจี ดูท่าคุณอยากจะระบายเต็มทีแล้ว”“ครับ!”จีอวิ๋นเจี๋ยพยักหน้าด้วยความหนักแน่นสำหรับพี่ชายที่ข่มเหง และเหยียดหยามเขาตั้งแต่เล็กจนโต เขาเกลียดชังจนถึงที่สุดแล้วถึงขั้นที่ว่าเพื่อไม่ให้เขาโมโห จีอวิ๋นเจี๋ยทำถึงที่สุดแล้ว ถึงกับยังประกาศว่าตัวเองชอบผู้ชาย และไม่มี
“จีอวิ๋นเจี๋ย แก...แกตายแน่...แก...”ไม่รอให้จีอวิ๋นเทียนเอะอะโวยวายด้วยความบ้าคลั่งอีกครั้ง จีอวิ๋นเจี๋ยก็ต่อยไปที่ใบหน้าของเขาทำให้คนทั้งคนกระแทกไปบนพื้นอย่างแรงลูกน้องของจีอวิ๋นเทียนที่อยู่รอบๆ เห็นแบบนี้ ก็รีบพุ่งเข้ามาจะช่วยเหลือจีอวิ๋นเทียน แต่หลินเฟิงเพียงแค่ก้าวออกไปหนึ่งก้าว พวกบอดี้การ์ดเหล่านี้ก็วิตกเกรงกลัวจนไม่กล้าลงมือ ไม่กล้าเข้ามา“ถ้าหากอยากตายพวกนายก็เข้ามาสิ”หลินเฟิงกอดอกด้วยสีหน้านิ่งฌแยนี่จึงทำให้พวกบอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆ พากันตกอยู่ในความลังเล“คุณ...คุณหลิน!”ในตอนนี้เอง รถกอล์ฟคันหนึ่งขับเข้ามา“ผู้นำตระกูลของพวกเราผีเข้าสิงแล้วครับ ขอร้องคุณ ช่วยผู้นำตระกูลของเราด้วยครับ!”“ผีเข้าสิง?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“ก่อนหน้านี้ผมบอกไว้แล้วไม่ใช่เหรอ อย่าแตะต้องร่างกายของผู้นำตระกูลจีตามอำเภอใจ? หรือว่าพวกคุณไม่ได้ทำตาม?”หลินเฟิงถามด้วยใบหน้าเย็นชา“พวกเรา...”บริวารที่มาขอความช่วยเหลือจากหลินเฟิงพูดขึ้นด้วยความกระอักกระอ่วน:“พวกเราทำตามแล้ว แต่ว่าเผลอชั่วขณะ ทำให้คุณชายน้อยจีหาวปีนขึ้นไปบนตัวของผู้นำตระกูลจี ดังนั้นถึงได้...”“ไม่ต้องพูดแล้ว”หลินเฟิง
“ถือว่านายโชคดีไป!”“อ่อก...”จีอวิ๋นเทียนอ้วกเป็นเลือดออกมา และขดตัวอยู่บนพื้น จากนั้นก็หมดสติไปทันทีไม่นานนัก หลินเฟิงนั่งรถกอล์ฟของบริวารคนนี้ กลับไปที่หน้าห้องนอนจีว่านจ่าง“เยี่ยมมาก”หลินเฟิงมองดูวิลล่าที่อยู่ตรงหน้า ที่ถูกจีว่านจ่างที่คลุ้มคลั่งทำลายไปกว่าครึ่ง บริวารที่จีว่านหลัวพามาที่อยู่บริเวรรอบๆ คนที่ตายก็ตายไป คนที่บาดเจ็บก็บาดเจ็บไปต่อให้ครั้งนี้ในตอนสุดท้ายจีว่านจ่างแคล้วคลาดปลอดภัยแต่ตระกูลจีก็ได้รับความเสียหายไม่น้อย“คุณหลินคุณมาแล้วเหรอครับ? เร็วครับ...คุณหลิน ช่วยคิดหาวิธี ช่วยพี่ชายของผมหน่อย!”จีว่านหลัวคุกเข่าขดตัวอยู่บนพื้น เขาเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของตัวเอง และมองไปทางหลินเฟิงด้วยความรู้สึกผิดถ้าหากรู้ว่าจีหาวนั่นทำเรื่องเลวร้าย เขาก็ควรจะตบเด็กเวรนั่นให้ตายไปล่วงหน้าซะเลย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดมากมายขนาดนี้“ผู้นำตระกูลจี...”หลินเฟิงมองจีว่านจ่างที่ผิวหนังแดงก่ำ และกำลังต่อสู้อยู่กับบริวารแดนแปรภาพของตระกูลจีสองสามคนที่อยู่ไกลออกไป สีหน้าของเขาก็เผยความประหลาดใจเล็กน้อยดูท่าแล้วตระกูลจีนี้ไม่เสียแรงที่เป็นตระกูลร่ำรวยและมีอ
“วิชาการป้องกันตัวที่แข็งแกร่งมาก”หลินเฟิงกวาดตามองจีว่านหลัว ในใจก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยดูท่าถึงแม้สำนักเสวียนเทียนจะรวบรวมเคล็ดลับบู๊โบราณเอาไว้ แต่มีเคล็ดลับวิชาบู๊บางอย่างก็ถูกแพร่กระจายไปที่อื่น แถมยังมีลักษณะเฉพาะของตัวเองแต่โชคดีที่หลินเฟิงฝึกบำเพ็ญหยวนชี่ทั้งห้านี่เป็นวิชาบู๊ขั้นพื้นฐานที่ตอนนั้นผู้ดูแลสำนักเสวียนเทียน สอนให้เขาด้วยตัวเองมีหยวนชี่ทั้งห้า เพียงแค่ศิลปะการป้องกันตัวไม่เกินธาตุทั้งห้า หลินเฟิงก็สามารถใช้หยวนชี่ทั้งห้ามองทะลุ เลียนแบบ และถึงขั้นที่ดัดแปลงได้นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมก่อนหน้านี้หลินเฟิงสามารถใช้วิชาบู๊ของคนอื่นได้ตามใจชอบ“เต่าหางมังกรดำกลับสู่ตำแหน่ง!”หลินเฟิงตะโกนเสียงต่ำ ทำตามวิชาบู๊ที่จีว่านหลัวใช้ออกมา เขาก็ปล่อยออกมากระบวนท่าหนึ่งเช่นกันหลินเฟิงรวบรวมพลังชี่แท้สีเหลืองเข้มไว้ที่ใต้เท้า จากนั้นเตะก้อนหินที่โจมตีมาจนกระเด็นออกไป“ปึง!”“ผู้นำตระกูล ล่วงเกินแล้วครับ!”ผู้อาวุโสชุดขาวที่หนวดยาวเปื้อนเลือดพุ่งไปที่ด้านข้างจีว่านจ่าง จากนั้นกดไหล่ข้างซ้ายของเขาเอาไว้“เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว”บริวารแดนแปรภาพวั
“อะไรนะ?!”ได้ยินแล้วยังดวงตาของเหล่านักศึกษาแทบจะถลนออกมาแล้วพวกเขาพากันมองไปทางเจียงปิน ส่วนเจียงปินก็หนังหน้ากระตุก ถึงแม้จะประหม่าอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังฝืนยี้มบางและปรบมือทำท่าทางเหมือนเขารับรู้มานานแล้วนี่จึงดึงดูดความชื่นชมและความเลื่อมใสจากนักศึกษากลุ่มหนึ่งและนี่ยังไม่จบ“ต่อมาขอเชิญ ฉินเซี่ยวเทียน นายกรัฐมนตรีเมืองเจียงโจว!”“อิ่นนั่วเจีย ซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกร!”“ไป๋ชิงเฉี่ยน แห่งไป๋ซื่อกรุ๊ป”“ผู้จัดการถัง บริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง...”หลังจากที่อาของโจวเสี่ยวหาง หัวหน้าโจวพูดชื่อออกมาทีละคน เมืองเจียงโจวไม่ว่าจะเป็นทิศเหนือทิศใต้ ทั้งหมดเป็นคนมีหน้ามีตา กองกำลังทั้งหมดที่สามารถนำออกมาได้ต่างก็มาถึงหมดแล้วพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว กลายเป็นการรวมตัวกันของบุคคลใหญ่โตทันที“แม่เจ้า นี่มันบ้าอะไรกัน?!”“เชี่ย เหตุการณ์แบบนี้...ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!”เห็นบุคคลใหญ่โตยืนอยู่บนเวที คนเหล่านี้มาต่างบริษัทต่างๆ ในเมืองเจียงโจว ถึงขั้นมีบุคคลผู้มีอำนาจ ตระกูลและวงการในหลายสาขาใครคนไหนก็ได้ยืนออกมา เพียงแค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้เมืองเจียงโจว
ในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมของจางเต๋อหลิน สมาชิกผู้อาวุโสในสายวิชาชีพแพทย์จะมาปรากฏตัวแล้วทำไมผู้ว่าเจียงโจวถึงมาด้วย?เมื่อเห็นผู้ว่าเจียงโจวเดินออกมาจากด้านหลังเวทีโดยมีรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับโบกมือให้กับเหล่านักศึกษา เหล่านักศึกษาที่อยู่ในที่นั้นต่างก็ตกตะลึง แต่ก็ยังปรบมือกับอย่างกระตือรือร้นด้วยรูปแบบของผู้จบการศึกษารุ่นนี้ มันเกินความจริงไปหรือเปล่า?“หรือว่านักศึกษาเจียงปินจะเชิญมา?”ไม่รู้ว่าเป็นใครที่จู่ ๆพูดขึ้นมาท่ามกลางเหล่านักศึกษาทันใดนั้น เหล่านักศึกษาที่เข้าร่วมพิธีจบการศึกษาก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะมองไปที่เจียงปินที่รู้สึกสับสนอยู่ไม่ต่างกัน“อ่ะ? อ่อ....อ่อ ใช่ นักศึกษาทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนกไป ไม่ต้อง ไม่ต้อง หึหึ....”เจียงปินรีบยื่นมือออกไปปลอบใจนักศึกษาคนอื่น ๆเห็นได้ชัดว่าเขาได้ยอมรับแล้ว“ซี้ด...”นักศึกษาหลาย ๆคนต่างก็สูดอากาศเย็น ที่เจียงปินเชิญจางเต๋อหลินมาได้มันก็น่าเหลือเชื่อคราวนี้ผู้ว่าของเจียงโจวก็ยังได้รับเชิญมาอีกด้วย มันจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไปงั้นเหรอเบื้องหลังของเจียงปินจริ
“หึหึ พิธีรับปริญญาของปีนี้ต่างจากปีก่อน ๆเลยนะ”“เพราะว่ามีผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้เดินทางมาโดยเฉพาะ ดังนั้นก็เลยเชิญแขกผู้มีเกียรติที่สำคัญมากมากมายมามอบใบประกาศนียบัตรให้แก่นักเรียนของพวกเราในรุ่นนี้”“ที่มา ก็มีเชิญ....”“ท่านผู้นำอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจว ผู้อาวุโสจางเต๋อหลิน!”ขณะที่หัวหน้าโจวยื่นมือออกไปเรียนเชิญ จางเต๋อหลินก็เดินเข้ามาจากประตูด้านหลังพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและโบกมือทักทายเหล่านักเรียนที่อยู่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นรอยยิ้มของจางเต๋อหลิน รอยยิ้มที่พึงพอใจของเจียงปินก็แข็งทื่อทันทีเพราะในความประทับใจของเขา ผู้อาวุโสจางเต๋อหลินมักจะมีใบหน้าที่เขร่งครึมและจริงจังอย่างมาก ทั้งยังระวังภาพลักษณ์อีกด้วยทำไมถึงยิ้มได้กว้างขนาดนั้นล่ะ?แต่เหล่านักเรียนคนอื่น ๆไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วยแล้วพากันปรบมือกันอย่างกระตือรือร้น บางคนถึงขนาดปรบมือจนหน้าของตัวเองแดงต้องรู้ว่า นี่คือผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเจียงโจว!ผู้อาวุโสอย่างเขามามอบใบประกาศนียบัตรการสำเร็จการศึกษาด้วยตัวเอง ให้เกียรติกันเกินไปหน่อยหรือเปล่า?หากพูดออกไป เกรงว่าก็คงจะไม่มีใครเชื่อ
เพียงเพราะแค่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเจียงโจวโด่งดังอย่างมากถึงได้ถ่อมตัวมาสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวอีกทั้งหลินเสวี่ยฮุ่ยยังได้ยินมาว่า เจียงปินเหมือนจะแอบฝากตัวเป็นศิษย์ของจางเต๋อหลินด้วยได้ไหว้เจ้าสำนักของสำนักไป๋เกาเป็นอาจารย์ ไม่ธรรมดาเลยจากคำพูดของเขาเมื่อครู่สามารถดูออกได้ว่า เรื่องที่เขาไหว้จางเต๋อหลินเป็นอาจารย์ ไม่ใช่ข่าวลือที่ไม่มีมูลเลยดูท่าจะมีความเป็นไปได้สูงเจียงปินคนนี้ อนาคตก้าวไกลอย่างมากแต่สิ่งที่ทำให้หลินเสวี่ยฮุ่ยปวดหัวก็คือ เธอในฐานะดาวคณะของคณะแพทยศาสตร์ เจียงปินคนนี้เพิ่งกลับมาก็ตามตอแยเธอแน่นอนว่า หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้รู้สึกรังเกียจเจียงปินเจียงปินเป็นคนที่สุภาพกับคนอื่น เป็นคนที่กิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอด ถึงขึ้นที่โจวเสี่ยวหางก็จับคู่พวกเขาสองคนอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่า โจวเสี่ยวหางคิดว่า เจียงปินคนนี้เหมาะสมกับหลินเสวี่ยฮุ่ยมากกว่าหลินเฟิงแต่ทุกครั้งเจียงปินอยู่ต่อหน้าเธอ หลินเสวี่ยฮุ่ยมักจะชอบเอาเขาไปเปรียบเทียบกับหลินเฟิงจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร?ดังนั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยจึงตัดสินใจไม่ได้ชั่วคราวจึงปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยใ
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท