“พี่ใหญ่!”จีว่านหลัวไม่มีเวลาสนใจเด็กสารเลวที่อยู่ในมือแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองพบว่าพี่ใหญ่ของเขาไม่รู้ว่ายืนขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่หนวดเคราและผมของพี่ชายของเขาตั้งชัน ดวงตาแดงก่ำ หลอดเลือดเต้นแรง เหมือนกับสัตว์ดุร้ายที่บ้าบิ่น“นี่มัน…ถูกผีเข้าสิงงั้นเหรอ?!”ในใจของจีว่านหลัวเกิดคำนี้ขึ้นมาเขายังไม่ทันได้พูดจา ก็เห็นจีว่านจ่างพี่ใหญ่ของเขาปล่อยหมัดออกมาอีก โจมตีเขาที่ล้มลงอยู่บนพื้น“ไสหัวไป!”จีว่านหลัวโยนจีหาวที่อยู่ในมือไปข้างๆ ตัวเองกลับกลิ้งอยู่บนพื้นเหมือนกับน้ำเต้าอยู่หลายรอบ นี่ถึงได้หลบหมัดของพี่ชายได้อย่างเฉียดฉิวจีว่านหลัวตาแดง จากนั้นก็ปล่อยหมัดกระแทกพื้นจนเป็นหลุมลึกกว่าหนึ่งเมตร“พี่ใหญ่ ผมเอง ว่านหลัว! พี่เป็นอะไร? รีบฟื้นสิ!”น้ำเสียงกระวนกระวายของจีว่านหลัวไม่ได้เข้าหูของพี่ใหญ่ด้วยซ้ำ กลับกันนั้นจีว่านจ่างยิ่งบ้าระห่ำยิ่งกว่าเดิมเขาคำรามออกมา และวิ่งไปโจมตีจีว่านหลัวอีกครั้ง“เร็ว…ส่งคนไปหาคุณหลิน บอกว่า…บอกว่าจีหาวทำลายวิชานิ้วของคุณหลิน พี่ใหญ่…พี่ใหญ่ผีเข้าสิงแล้ว!”จีว่านหลัวสกัดกั้นไปด้วย ตะโกนให้บริวารตระกูลจีอไปรายงานคุณหลินส่วนตรงหน้าวิลล่าขอ
“หลินเฟิง”จีอวิ๋นเทียนไม่ได้หนี เขาก็เป็นนักบู๊ จึงรู้ว่าอยู่ต่อหน้ายอดฝีมือแดนแปรภาพอย่างหลินเฟิงการหนีไม่มีประโยชน์เขาทำใจให้สงบลง จากนั้นกัดฟันพูดด้วยความไม่เต็มใจยอมรับ:“ฉันให้นายสี่พันล้านบาท เพียงแต่หลังจากให้เงินนายแล้ว นายต้องรับปากฉัน นายต้องออกจากตระกูลจีทันที และไม่เข้ามายุ่งเรื่องตระกูลจีของฉันตลอดกาล!”“สหายหลิน...”ได้ยินคำพูดเหล่านี้ จีอวิ๋นเจี๋ยก็กระวนกระวายขึ้นมาถ้าหากตอนนี้หลินเฟิงเลือกที่จะจากไปเพราะเงินสี่พันล้านบาทจริงๆ งั้นวันนี้เขาต้องตายอย่างแน่นอนหลินเฟิงหยุดชะงัก และหยุดเดิน“จริงเหรอ?”หลินเฟิงมองไปทางจีอวิ๋นเทียนด้วยสีหน้านิ่งเฉย“จริงอยู่แล้ว ผมคุณชายของตระกูลจี อนาคตผู้นำตระกูลจี ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น พูดแล้วไม่กลับคำ”หลังจากจีอวิ๋นเทียนร้อนรน ในใจก็เกิดความเยาะหยันขึ้นมา“ดูท่าไอ้หมอนี่ก็เป็นแค่หน้าโง่ที่เห็นเงินแล้วตาลุกวาว เพียงแค่ใช้เงินสี่พันล้านบาทก็สามารถสั่งให้เขากลับไปได้ นี่ก็ถือว่าไม่ขาดทุน”“เปลี่ยนจากแพ้เป็นชนะ แค่เงินสี่พันล้านบาทเท่านั้นเอง!”“รอให้ฉันได้เป็นผู้นำตระกูลสำเร็จแล้ว ค่อยมาคิดบัญชีกับแก!”เพื่อหลีกเลี่ยงความน
จีอวิ๋นเทียนกระอักเลือดสีดำแดงออกมา เขาทรุดนั่งลงบนพื้น มองไปทางหลินเฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ และพูดด้วยความสั่นเทา: “แก...แกทำลายวิทยายุทธของฉัน...แก...แกกล้ามาก...”“พูดมากจริงๆ”หลินเฟิงส่ายหน้า และตบหน้าของเขาหนึ่งครั้งการตบหน้าครั้งนี้ ตบจนจีอวิ๋นเทียนฟันติดเลือดหลุดออกมาหลายซี่“นายมันเป็นสัตว์เดียรัจฉานที่เนรคน กล้าวางแผนลอบฆ่าพ่อแท้ๆ ของตัวเอง พูดว่านายเป็นสัตว์เดียรัจฉานยังนับว่าไว้หน้าแล้วนะ!”“แก...แกตบฉัน แกต้องตายแน่!”แกกล้าตบผู้นำตระกูลจีในอนาคต ที่ถิ่นของตระกูลจี...แก...แกตายแน่!”ไม่ว่าอย่างไรจีอวิ๋นเทียนก็คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะกล้าลงมือต่อเขา ทันใดนั้นก็อ้าปากที่มีลมรั่วและตะโกนด้วยความโมโหดุดัน“ช่างเถอะ”หลินเฟิงส่ายหน้า จากนั้นหันหน้ากลับไป ตบไหล่ของจีอวิ๋นเจี๋ย และพูดอย่างเรียบเฉย: “ไปเถอะ สหายจี ดูท่าคุณอยากจะระบายเต็มทีแล้ว”“ครับ!”จีอวิ๋นเจี๋ยพยักหน้าด้วยความหนักแน่นสำหรับพี่ชายที่ข่มเหง และเหยียดหยามเขาตั้งแต่เล็กจนโต เขาเกลียดชังจนถึงที่สุดแล้วถึงขั้นที่ว่าเพื่อไม่ให้เขาโมโห จีอวิ๋นเจี๋ยทำถึงที่สุดแล้ว ถึงกับยังประกาศว่าตัวเองชอบผู้ชาย และไม่มี
“จีอวิ๋นเจี๋ย แก...แกตายแน่...แก...”ไม่รอให้จีอวิ๋นเทียนเอะอะโวยวายด้วยความบ้าคลั่งอีกครั้ง จีอวิ๋นเจี๋ยก็ต่อยไปที่ใบหน้าของเขาทำให้คนทั้งคนกระแทกไปบนพื้นอย่างแรงลูกน้องของจีอวิ๋นเทียนที่อยู่รอบๆ เห็นแบบนี้ ก็รีบพุ่งเข้ามาจะช่วยเหลือจีอวิ๋นเทียน แต่หลินเฟิงเพียงแค่ก้าวออกไปหนึ่งก้าว พวกบอดี้การ์ดเหล่านี้ก็วิตกเกรงกลัวจนไม่กล้าลงมือ ไม่กล้าเข้ามา“ถ้าหากอยากตายพวกนายก็เข้ามาสิ”หลินเฟิงกอดอกด้วยสีหน้านิ่งฌแยนี่จึงทำให้พวกบอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆ พากันตกอยู่ในความลังเล“คุณ...คุณหลิน!”ในตอนนี้เอง รถกอล์ฟคันหนึ่งขับเข้ามา“ผู้นำตระกูลของพวกเราผีเข้าสิงแล้วครับ ขอร้องคุณ ช่วยผู้นำตระกูลของเราด้วยครับ!”“ผีเข้าสิง?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“ก่อนหน้านี้ผมบอกไว้แล้วไม่ใช่เหรอ อย่าแตะต้องร่างกายของผู้นำตระกูลจีตามอำเภอใจ? หรือว่าพวกคุณไม่ได้ทำตาม?”หลินเฟิงถามด้วยใบหน้าเย็นชา“พวกเรา...”บริวารที่มาขอความช่วยเหลือจากหลินเฟิงพูดขึ้นด้วยความกระอักกระอ่วน:“พวกเราทำตามแล้ว แต่ว่าเผลอชั่วขณะ ทำให้คุณชายน้อยจีหาวปีนขึ้นไปบนตัวของผู้นำตระกูลจี ดังนั้นถึงได้...”“ไม่ต้องพูดแล้ว”หลินเฟิง
“ถือว่านายโชคดีไป!”“อ่อก...”จีอวิ๋นเทียนอ้วกเป็นเลือดออกมา และขดตัวอยู่บนพื้น จากนั้นก็หมดสติไปทันทีไม่นานนัก หลินเฟิงนั่งรถกอล์ฟของบริวารคนนี้ กลับไปที่หน้าห้องนอนจีว่านจ่าง“เยี่ยมมาก”หลินเฟิงมองดูวิลล่าที่อยู่ตรงหน้า ที่ถูกจีว่านจ่างที่คลุ้มคลั่งทำลายไปกว่าครึ่ง บริวารที่จีว่านหลัวพามาที่อยู่บริเวรรอบๆ คนที่ตายก็ตายไป คนที่บาดเจ็บก็บาดเจ็บไปต่อให้ครั้งนี้ในตอนสุดท้ายจีว่านจ่างแคล้วคลาดปลอดภัยแต่ตระกูลจีก็ได้รับความเสียหายไม่น้อย“คุณหลินคุณมาแล้วเหรอครับ? เร็วครับ...คุณหลิน ช่วยคิดหาวิธี ช่วยพี่ชายของผมหน่อย!”จีว่านหลัวคุกเข่าขดตัวอยู่บนพื้น เขาเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของตัวเอง และมองไปทางหลินเฟิงด้วยความรู้สึกผิดถ้าหากรู้ว่าจีหาวนั่นทำเรื่องเลวร้าย เขาก็ควรจะตบเด็กเวรนั่นให้ตายไปล่วงหน้าซะเลย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดมากมายขนาดนี้“ผู้นำตระกูลจี...”หลินเฟิงมองจีว่านจ่างที่ผิวหนังแดงก่ำ และกำลังต่อสู้อยู่กับบริวารแดนแปรภาพของตระกูลจีสองสามคนที่อยู่ไกลออกไป สีหน้าของเขาก็เผยความประหลาดใจเล็กน้อยดูท่าแล้วตระกูลจีนี้ไม่เสียแรงที่เป็นตระกูลร่ำรวยและมีอ
“วิชาการป้องกันตัวที่แข็งแกร่งมาก”หลินเฟิงกวาดตามองจีว่านหลัว ในใจก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยดูท่าถึงแม้สำนักเสวียนเทียนจะรวบรวมเคล็ดลับบู๊โบราณเอาไว้ แต่มีเคล็ดลับวิชาบู๊บางอย่างก็ถูกแพร่กระจายไปที่อื่น แถมยังมีลักษณะเฉพาะของตัวเองแต่โชคดีที่หลินเฟิงฝึกบำเพ็ญหยวนชี่ทั้งห้านี่เป็นวิชาบู๊ขั้นพื้นฐานที่ตอนนั้นผู้ดูแลสำนักเสวียนเทียน สอนให้เขาด้วยตัวเองมีหยวนชี่ทั้งห้า เพียงแค่ศิลปะการป้องกันตัวไม่เกินธาตุทั้งห้า หลินเฟิงก็สามารถใช้หยวนชี่ทั้งห้ามองทะลุ เลียนแบบ และถึงขั้นที่ดัดแปลงได้นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมก่อนหน้านี้หลินเฟิงสามารถใช้วิชาบู๊ของคนอื่นได้ตามใจชอบ“เต่าหางมังกรดำกลับสู่ตำแหน่ง!”หลินเฟิงตะโกนเสียงต่ำ ทำตามวิชาบู๊ที่จีว่านหลัวใช้ออกมา เขาก็ปล่อยออกมากระบวนท่าหนึ่งเช่นกันหลินเฟิงรวบรวมพลังชี่แท้สีเหลืองเข้มไว้ที่ใต้เท้า จากนั้นเตะก้อนหินที่โจมตีมาจนกระเด็นออกไป“ปึง!”“ผู้นำตระกูล ล่วงเกินแล้วครับ!”ผู้อาวุโสชุดขาวที่หนวดยาวเปื้อนเลือดพุ่งไปที่ด้านข้างจีว่านจ่าง จากนั้นกดไหล่ข้างซ้ายของเขาเอาไว้“เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว”บริวารแดนแปรภาพวั
“ฮ่าฮ่าฮ่า...”จีอวิ๋นเทียนที่นอนหมอบอยู่บนพื้น ดวงตาข้างหนึ่งที่ยังถือว่าสมบูรณ์แบบมองไปข้างหน้า ในดวงตาเผยความตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก“สมควร...แกมันสมควรแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า...”จีอวิ๋นเทียีนใช้เสียงแหบแห้งของตัวเอง หัวเราะเสียงดังออกมาจนแสบแก้วหูแทบทุกคนเหมือนกับเห็นภาพเหตุการณ์ต่อไปนั่นก็คือศีรษะของหลินเฟิงระเบิดออกเหมือนกับแตงโมจีอวิ๋นเจี๋ยถึงขั้นจับประตูไว้แน่น และหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด“หือ”มองดูการโจมตีที่บ้าระห่ำของจีว่านจ่าง ในที่สุดหลินเฟิงก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตระกูลจีมีความสามารถที่อยากจะแทนที่ตระกูลหลิน และกลายเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวยของเมืองจิงแล้วคนผู้นี้ต่อให้ไม่มีสติ พลังที่ระเบิดออกมาก็ยังน่าหวาดกลัวถึงขนาดนี้ เกรงว่าความสามารถที่แท้จริงสามารถเทียบเทียมกับอาฝูที่อยู่ข้างกายพ่อของเขาได้แล้ว“แต่ว่า...”หลินเฟิงจะตายอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?“ปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์”หลินเฟิงพูดออกมาเสียงเบา ทันใดนั้นพลังชี่แท้สีแดงก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของหลินเฟิง เหมือนกับลมที่โหมพัดอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงกันหมดพลังชั่วร้ายที่ระ
“เอาล่ะ เลิกเหม่อได้แล้ว”สายตานิ่งเฉยของหลินเฟิงเรียกสติของคนตระกูลจีทั้งหมดที่สมองขาวโพลน“ผู้นำตระกูลจีถูกผมควบคุมเอาไว้แล้ว ถึงแม้แขนซ้ายของเขาจะหัก แต่เพียงแค่นอนรักษาอยู่บนเตียงไม่กี่วันก็เพียงพอแล้ว”หลินเฟิงเดินไปที่ด้านข้างจีอวิ๋นเจี๋ย และตบไหล่ของเขา“เอ่อ?”จีอวิ๋นเจี๋ยนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง ยังไม่เข้าใจความหมายของหลินเฟิง“ไปสิ”หลินเฟิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าจะให้เขาออกมาเก็บกวาดสถานการณ์พังพินาศ และนี่ก็สามารถช่วงชิงบารมีภายในตระกูลจีมาให้เขาอยู่ได้บ้างในที่สุด จีอวิ๋นเจี๋ยก็เข้าใจความหมายของหลินเฟิงแล้วเขามองไปทางหลินเฟิงด้วยความซับซ้อน และพยักหน้าให้หลินเฟิงอย่างหนักแน่นจีอวิ๋นเจี๋ยเดินเข้าไป ออกคำสั่งคนรับใช้ของตระกูลจีที่ยืนตกใจอยู่ข้างๆ ให้หามพ่อของเขาไปพักที่บ้านหลังอื่นจากนั้น เขาก็เดินเข้าไปอีก และให้พวกบอดี้การ์ด คุมตัวจีอวิ๋นเทียนที่นั่งมองศพลูกชายของตัวเองด้วยความเหม่อลอย“จีอวิ๋นเทียน! คุณพ่อถูกนายวางยาพิษใช่ไหม?! พูดมา!”เมื่อเผชิญหน้ากับการเค้นถามของจีอวิ๋นเจี๋ยต่อหน้าบริวารของตระกูลจี และจีว่านหลัว จีอวิ๋นเทียนรู้แล้วว่าแนวโน้มของตัวเองหมดไปแล้ว
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน