คุณชายตู้ค่อยๆ คลายกำปั้นที่กำแน่น แล้วฮึ่มเสียงเย็นๆ พยักหน้า“ก็ช่างเถอะ มันก็คือแค่กลุ่มนักเรียน วันนี้ฉันจะใจดีสักครั้ง ปล่อยพวกเขาไป”แม้จะถูกข่มขู่ แต่ก็ยังต้องพูดจาให้ดูดีเห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจคำพูดพวกนี้“ได้ยินไหม? พวกเธอไปก่อน”หลินเฟิงหันไปมองที่อวี๋จื่อเสวียนและคนอื่นๆ“แต่... แล้วคุณล่ะ?”อวี๋จื่อเสวียนรู้ดีว่าหลินเฟิงทำเช่นนี้เพื่อช่วยพวกเธอแต่เธอก็ยังมีความสงสัยในตัวหลินเฟิงเมื่อสักครู่ ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกลังเลการเดินออกไปแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกผิดท่าทางของหลินเฟิงในตอนนี้ทำให้ดูเหมือนกับฮีโร่ในหนัง เขาสามารถแสดงความสงบและพลังออกมาได้ ซึ่งทำให้สาว ๆ ทุกคนรู้สึกชื่นชมเขาอย่างมาก“อย่าห่วงผม พวกเธอกับอาอวี๋รีบกลับบ้านไปเถอะ ผมจะตามไปเดี๋ยวนี้”หลินเฟิงยิ้มอย่างสงบ ไม่ได้สนใจคุณชายตู้และคนอื่นๆ ตรงหน้าเลยตอนนี้การกระทำของเขาก็ดูเหมือนจะทำให้คุณชายตู้เคลียร์พื้นที่เช่นกันเพราะสิ่งที่เขากำลังจะทำในไม่ช้า คงไม่ใช่เรื่องที่นักเรียนกลุ่มนี้สามารถมองเห็นได้“ทำอะไรอยู่ อย่ามัวแต่ยืนนิ่งอยู่! รีบไป!”ชายที่ใส่ชุดสูทขมวดคิ้วตะโกนใส่นักเรียน“ครับๆ เ
“ฉันออกมาเพื่อสร้างฐานะ เพื่อเงิน”“ไม่ใช่เพื่ออะไรที่ไม่มีสาระที่เกี่ยวกับหน้า”คุณชายตู้หาที่นั่งแล้วกล่าวว่า “ฉันสามารถมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ ไม่เหมือนเด็กหัวรั้นแบบแก ฉันผ่านช่วงที่จะเสี่ยงชีวิตไปนานแล้ว”“ตอนนี้ฉันอยากได้สิ่งที่ฉันต้องการ ต้องพึ่งพาตัวนี้”Comment by -: คุณชายตู้ชี้ไปที่หัวของตัวเอง “ไม่ใช่ตัวนี้”เขาแกว่งกำปั้นอีกครั้ง “เป็นไง? เจ้าหนุ่ม สนใจไหม?”“น่าสนใจอยู่”หลินเฟิงลูบคางของตน ในใจเขาคิดว่าแก๊งใต้ดินในเมืองจิงช่างแตกต่างจากที่เจียงโจวจริงๆ มองการณ์ไกลมากกว่าคนในที่เล็กๆ เหล่านั้นมากนัก“ฉันขอบอกความจริงกับแกบ้าง”หลินเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “ที่ฉันให้กลุ่มนักเรียนออกไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะทำให้ฉันเสียสมาธิ แต่เป็นเพราะฉันต้องเตรียมเคลียร์ที่นี่”แม้ว่าหลินเฟิงจะแสดงออกถึงการยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขากลับมีสัญญาณการฆ่าที่ทำให้คุณชายตู้รู้สึกเหมือนใบหน้าจะกระตุกไปเล็กน้อย“แต่ว่าคำพูดของแกเมื่อกี้ดูน่าสนใจ ทำให้ฉันเปลี่ยนใจในทันที”เมื่อหลินเฟิงพูดคำเหล่านี้ เสียงในใจของคุณชายตู้ก็สั่นไหวและไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เขานึกด่าตัวเองในใจว่า “เหี้ยเอ้ย เด็กค
“เป็นไง? ตอนนี้แกเริ่มมีความมั่นใจแล้วใช่ไหม?”หลินเฟิงมองไปที่คุณชายตู้และยิ้มด้วยความสนุกสนาน“แค๊กๆ...”มีฝุ่นละอองจำนวนมาก ทำให้คุณชายตู้และน้องชายของเขาหอบหายใจไม่หยุด“ด้วยความสามารถของแก... อยากจะช่วยฉันเป็นหัวหน้าแก๊ง น่าจะ... น่าจะไม่มีปัญหา”คุณชายตู้เช็ดเหงื่อที่ไหลออกจากใบหน้า ขณะพูดด้วยน้ำเสียงที่ติดขัดเขาอดไม่ไหวที่จะเช็ดเหงื่อจากหัว แล้วพูดว่า “แต่ว่าแค่การต่อสู้อย่างเดียวก็ไม่พอ หากฉันต้องการเป็นหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยาง หลายคนอาจจะไม่เห็นด้วย”“ถ้าหากไม่เห็นด้วย ก็ต้องใช้พลังทำให้พวกเขายอมรับ”“ส่วนที่เหลือ ก็เป็นหน้าที่ให้แกคิดหาวิธีเอาเอง”“ถ้าได้เป็นหัวหน้า แกก็น่าจะเข้าใจถึงข้อดีแน่นอน แกก็ต้องมีความพยายามบ้างใช่ไหม?”หลินเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้มเมื่อได้ยินคำนี้ มุมปากของคุณชายตู้กระตุก ในใจเขาก็นึกทดแทนอยู่ มองไปที่น้องชายของเขาพร้อมกับสายตาที่มีความผิดหวังมากขึ้น แกทำยังไงนะ ถึงไปยุ่งกับคนอันตรายแบบนี้ได้…”“ชื่อแกว่าอะไรนะ?”หลินเฟิงถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน “อ๊ะ... คุณชายหลิน ผมชื่อตู้ไหว” คุณชายตู้ตอบอย่างจริงจัง และเปลี่ยนการเรียกของตัวเองให้กับหลิน
“ทั้งหมดนี้ก็เพราะเจ้าเด็กบ้านี่ แกก่อเรื่องไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันจะไปยุ่งกับคนอันตรายแบบนี้ทำไม?!”“ดูสิ สุดท้ายทั้งแก๊งเลี่ยหยางจะต้องเดือดร้อนเพราะแก!”“พี่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน!”ชายที่ใส่ชุดสูทปิดหน้าฝั่งหนึ่งของเขา ในใจเขาก็รู้สึกอึดอัดจนถึงกับอยากร้องไห้เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้? เขาแค่ต้องการจีบสาวนักเรียน แต่ทำไมถึงได้เจอกับผู้คนที่มีพลังใหญ่ขนาดนี้?วันนี้ช่างโชคร้ายจริงๆโคตรซวย!แต่ในขณะที่ตู้ไหวโกรธ แววหน้าของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง และปลอบน้องชายของเขาว่า “ฉันเห็นว่าไอ้หนุ่มคนนั้นอาจจะมีฝีมือจริงๆ หากเขาสามารถช่วยฉันให้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางได้...”“งั้น พี่ เราก็จะรวยแล้วสิ?”ชายที่ใส่ชุดสูทรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที“เอาล่ะ เรื่องนี้แกกับฉันรู้กันแค่สองคน อย่าไปบอกคนอื่นนะ!”“เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อหัวหน้าแก๊งเลย!”......บนถนนฝั่งตรงข้ามคาราโอเกะ ในร้านอาหารที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงตามคำแนะนำของอวี๋จื่อเสวียน นักเรียนที่เพิ่งหนีออกมายังเบียดกันอยู่ที่หน้าต่างเพื่อดูเหตุการณ์“จื่อเสวียน นั่นหนุ่มที่เมื่อกี้เป็นญาติของเธอเหรอ? หน้าตา
หลงเสี่ยวจวิ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วพยักหน้า“ก็ได้ จื่อเสวียน เห็นแก่หน้าเธอ ฉันลองโทรหาพ่อของฉันฉันดูก็ได้ แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าคุณชายตู้จะปล่อยเขา ในเมื่อเรื่องที่ไอ้หมอนั่นทำมันเกินขอบเขตเกินไป”“นิสัยของคุณชายตู้แย่มาก ถ้าหากโมโหขึ้นมา เกรงว่าก็คงไม่ไว้หน้าพ่อของฉัน”“ไม่เป็นไร”อวี๋จื่อเสวียนฝืนยิ้มออกมาหลงเสี่ยวจวิ้นล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเดินไปที่มุมห้อง จากนั้นแสร้งทำเป็นกดเบอร์โทรศัพท์โทรออกไป และพยักหน้าไม่หยุดแต่ความเป็นจริง เขาไม่ได้โทรศัพท์หาพ่อของตัวเองด้วยซ้ำถึงแม้หลงเสี่ยวจวิ้นปากพูดว่าจะช่วยเหลือ แต่เขาก็รู้ว่า หากเขาขอความช่วยเหลือจากพ่อ นอกจากถูกด่าแล้ว ก็ไม่ได้รับสิ่งอื่นใดถ้าจะให้พ่อของเขาขอให้คุณชายตู้ไว้หน้า เรื่องนี้คงยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีกไม่อย่างนั้นเมื่อครู่นี้เขาก็คงไม่ถูกน้องชายของคุณชายตู้ตบหน้าโดยที่ไม่พูดพล่ำทำเพลงเลยด้วยซ้ำพูดถึงที่สุด ท่าทางของเขาแบบนี้ก็แค่แสร้งทำไปแบบนั้นสำหรับหลินเฟิงเขาจะเป็นจะตาย เกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วย?ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลินเฟิงแย่งหน้าแย่งตาเขาหลงเสี่ยวจวิ้นมองไปทางเด็กสาวที่
“อะไรนะ? ไอ้หมอนั่นออกมาจริง ๆ แล้วเหรอ?”หลงเสี่ยวจวิ้นมองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ตรงฟุตบาทฝ่ายตรงข้าม ในใจก็รู้สึกตกตะลึงเขาคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะปลอดภัยเพราะว่าเขาไม่ได้โทรศัพท์ไปหาพ่อของเขาด้วยซ้ำ จึงไม่มีเหตุการณ์ที่เขาให้พ่อไปขอความเมตตาจากคุณชายตู้ส่วนเรื่องที่หลินเฟิงจะออกมาได้หรือไม่นั้นเขาไม่เพียงไม่มีความหวัง ถึงขั้นที่สาปแช่งหลินเฟิงให้ตายไวไว“คุณไม่เป็นไรนะ?”ทุกคนเดินออกจากร้านอาหาร อวี๋จื่อเสวียนเดินเข้าไปถามหลินเฟิงเป็นคนแรก“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่วนหน้า จากนั้นขมวดคิ้วพูดว่า: “ฉันให้เธอกับอาอวี๋กลับไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอยังไม่กลับไปอีก?”“จื่อเสวียนกลัวว่าคุณจะถูกคุณชายตู้ฆ่าตาย ให้พวกเราทุกคนรอคุณอยู่ที่นี่”“คิดไม่ถึงว่าคุณจะไม่เป็นไรจริง ๆ ดูท่าวันนี้คุณชายตู้ท่านนั้นจะอารมณ์ดีไม่เบาสินะ”ผู้หญิงคนหนึ่งยืนออกมาแล้วยิ้มพูด“เขาอารมณ์ดี?”หลินเฟิงเบะปาก “เป็นเพราะฉันอารมณ์ดีต่างหาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันอารมณ์ดี เขาคงจบเห่ไปนานแล้ว”หลินเฟิงพูดออกมาแบบนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการเผยสายตากระอึกกระอักออกมาทันทีเด็กสาวผมสั้นยิ่งฉีกยิ้มพูดขึ้นมาโดย
ชุมชนกลางเมือง บ้านหลังเล็กที่มีลานบ้านขนาดย่อมหลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนเพิ่งจะถึงบ้าน ก็เห็นอาอวี๋ที่รออยู่หน้าบ้านเป็นเวลานานแล้วอาอวี๋ถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ และร้อนรนอย่างมากในตอนที่เห็นหลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนกลับมาอย่างปลอดภัย ถึงได้ถอนหายใจอย่างแรง และเดินเข้าไปยิ้มพูด:“คุณหลินเฟิง เมื่อครู่ผมโทรศัพท์ไปหาคุณหลานเฟยแล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะช่วยคุณออกมาได้เร็วขนาดนี้”“หึหึ ไม่ต้องแล้ว อาอวี๋ คุณรีบโทรศัพท์ไปแจ้งคุณหลานเฟย ให้เธอไม่ต้องมาแล้ว”“ดีดีดี”อาอวี๋รีบโทรศัพท์ไป เห็นได้ชัดว่า หลินเฟิงได้ยินน้ำเสียงที่จนปัญญาของหลานเฟย“เอาโทรศัพท์ให้หลินเฟิง”อาอวี๋ยื่นโทรศัพท์ไปให้หลินเฟิงด้วยความระมัดระวัง ส่วนหลานเฟยก็พูดอยู่ในโทรศัพท์ด้วยความจนปัญญา: “คุณหลินเฟิง เพิ่งวันแรกก็ก่อเรื่องให้ฉันแล้วเหรอ?”“อย่าโทษผม”หลินเฟิงเหลือบมองอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้างกาย จากนั้นยิ้มพูด: “มีพวกคนโง่กลุ่มหนึ่งจะจัดการอาอวี๋ ผมถึงได้ลงมือ”“อาอวี๋...”ในตอนที่หลานเฟยพูดถึงอาอวี๋คำพูดก็หยุดชะงัก จากนั้นเธอก็ถอนหายใจแรง ๆ พูดว่า:“ต่อไปเรื่องของอาอวี๋คุณไม่ต้องยุ่งแล้ว เอาเป็นว่า อาอวี๋
ปากไม่พูด แต่ทั้งสองคนต่างเป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างมากอวี๋จื่อเสวียนถึงแม้จะมีความคิดต่อต้าน แต่ในตอนที่เห็นพ่อตกอยู่ในอันตราย เธอก็ยื่นมือออกมาโดยไม่สนสิ่งใด ๆกลับกันนั้น อาอวี๋ก็เป็นแบบนี้ดังนั้นหลินเฟิงถึงได้กล้าชี้ขาดว่า อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้เป็นเด็กเกเรอะไร เพียงแต่แค่มีความคิดต่อต้านก็เท่านั้นในวัยนี้เป็นเรื่องปกติ“อ่อใช่คุณหลินเฟิง คุณดูสิครับผมมัวแต่พูดคุยกับคุณ ดึกขนาดนี้แล้ว คุณรีบไปพักผ่อนเถอะ ผมเตรียมห้องไว้ให้คุณตั้งนานแล้ว”ขณะพูด อาอวี๋ก็พาหลินเฟิงเดินขึ้นไปชั้นบนห้องของหลินเฟิงอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านภายในห้องถึงแม้จะตกแต่งไม่หรูหรา แต่สะอาดสะอ้าน สิ่งของที่ต้องใช้ก็มีครบครันหมด“ไม่ทราบว่าคุณหลินพอใจไหมครับ?”อาอวี๋ถามอย่างเป็นกังวล“ไม่เลว วางใจเถอะ ผมไม่ได้เรียกร้องสูงขนาดนั้น”การตอบกลับของหลินเฟิงทำให้อาอวี๋“ขอบคุณครับอาอวี๋”“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ผมต้องขอบคุณคุณถึงจะถูก ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณ วันนี้ผมกับลูกสาวของผมคงจะซวยแล้ว”อาอวี๋โค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดประตูห้องกลางดึกหลินเฟิงถอดเสื้อคลุมออกแล้วนอนลงบนเตียง มองดูพระจันทร์ตรงหน้าต่างหลังคา