“ทั้งหมดนี้ก็เพราะเจ้าเด็กบ้านี่ แกก่อเรื่องไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันจะไปยุ่งกับคนอันตรายแบบนี้ทำไม?!”“ดูสิ สุดท้ายทั้งแก๊งเลี่ยหยางจะต้องเดือดร้อนเพราะแก!”“พี่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน!”ชายที่ใส่ชุดสูทปิดหน้าฝั่งหนึ่งของเขา ในใจเขาก็รู้สึกอึดอัดจนถึงกับอยากร้องไห้เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้? เขาแค่ต้องการจีบสาวนักเรียน แต่ทำไมถึงได้เจอกับผู้คนที่มีพลังใหญ่ขนาดนี้?วันนี้ช่างโชคร้ายจริงๆโคตรซวย!แต่ในขณะที่ตู้ไหวโกรธ แววหน้าของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง และปลอบน้องชายของเขาว่า “ฉันเห็นว่าไอ้หนุ่มคนนั้นอาจจะมีฝีมือจริงๆ หากเขาสามารถช่วยฉันให้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางได้...”“งั้น พี่ เราก็จะรวยแล้วสิ?”ชายที่ใส่ชุดสูทรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที“เอาล่ะ เรื่องนี้แกกับฉันรู้กันแค่สองคน อย่าไปบอกคนอื่นนะ!”“เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อหัวหน้าแก๊งเลย!”......บนถนนฝั่งตรงข้ามคาราโอเกะ ในร้านอาหารที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงตามคำแนะนำของอวี๋จื่อเสวียน นักเรียนที่เพิ่งหนีออกมายังเบียดกันอยู่ที่หน้าต่างเพื่อดูเหตุการณ์“จื่อเสวียน นั่นหนุ่มที่เมื่อกี้เป็นญาติของเธอเหรอ? หน้าตา
หลงเสี่ยวจวิ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วพยักหน้า“ก็ได้ จื่อเสวียน เห็นแก่หน้าเธอ ฉันลองโทรหาพ่อของฉันฉันดูก็ได้ แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าคุณชายตู้จะปล่อยเขา ในเมื่อเรื่องที่ไอ้หมอนั่นทำมันเกินขอบเขตเกินไป”“นิสัยของคุณชายตู้แย่มาก ถ้าหากโมโหขึ้นมา เกรงว่าก็คงไม่ไว้หน้าพ่อของฉัน”“ไม่เป็นไร”อวี๋จื่อเสวียนฝืนยิ้มออกมาหลงเสี่ยวจวิ้นล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเดินไปที่มุมห้อง จากนั้นแสร้งทำเป็นกดเบอร์โทรศัพท์โทรออกไป และพยักหน้าไม่หยุดแต่ความเป็นจริง เขาไม่ได้โทรศัพท์หาพ่อของตัวเองด้วยซ้ำถึงแม้หลงเสี่ยวจวิ้นปากพูดว่าจะช่วยเหลือ แต่เขาก็รู้ว่า หากเขาขอความช่วยเหลือจากพ่อ นอกจากถูกด่าแล้ว ก็ไม่ได้รับสิ่งอื่นใดถ้าจะให้พ่อของเขาขอให้คุณชายตู้ไว้หน้า เรื่องนี้คงยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีกไม่อย่างนั้นเมื่อครู่นี้เขาก็คงไม่ถูกน้องชายของคุณชายตู้ตบหน้าโดยที่ไม่พูดพล่ำทำเพลงเลยด้วยซ้ำพูดถึงที่สุด ท่าทางของเขาแบบนี้ก็แค่แสร้งทำไปแบบนั้นสำหรับหลินเฟิงเขาจะเป็นจะตาย เกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วย?ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลินเฟิงแย่งหน้าแย่งตาเขาหลงเสี่ยวจวิ้นมองไปทางเด็กสาวที่
“อะไรนะ? ไอ้หมอนั่นออกมาจริง ๆ แล้วเหรอ?”หลงเสี่ยวจวิ้นมองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ตรงฟุตบาทฝ่ายตรงข้าม ในใจก็รู้สึกตกตะลึงเขาคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะปลอดภัยเพราะว่าเขาไม่ได้โทรศัพท์ไปหาพ่อของเขาด้วยซ้ำ จึงไม่มีเหตุการณ์ที่เขาให้พ่อไปขอความเมตตาจากคุณชายตู้ส่วนเรื่องที่หลินเฟิงจะออกมาได้หรือไม่นั้นเขาไม่เพียงไม่มีความหวัง ถึงขั้นที่สาปแช่งหลินเฟิงให้ตายไวไว“คุณไม่เป็นไรนะ?”ทุกคนเดินออกจากร้านอาหาร อวี๋จื่อเสวียนเดินเข้าไปถามหลินเฟิงเป็นคนแรก“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่วนหน้า จากนั้นขมวดคิ้วพูดว่า: “ฉันให้เธอกับอาอวี๋กลับไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอยังไม่กลับไปอีก?”“จื่อเสวียนกลัวว่าคุณจะถูกคุณชายตู้ฆ่าตาย ให้พวกเราทุกคนรอคุณอยู่ที่นี่”“คิดไม่ถึงว่าคุณจะไม่เป็นไรจริง ๆ ดูท่าวันนี้คุณชายตู้ท่านนั้นจะอารมณ์ดีไม่เบาสินะ”ผู้หญิงคนหนึ่งยืนออกมาแล้วยิ้มพูด“เขาอารมณ์ดี?”หลินเฟิงเบะปาก “เป็นเพราะฉันอารมณ์ดีต่างหาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันอารมณ์ดี เขาคงจบเห่ไปนานแล้ว”หลินเฟิงพูดออกมาแบบนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการเผยสายตากระอึกกระอักออกมาทันทีเด็กสาวผมสั้นยิ่งฉีกยิ้มพูดขึ้นมาโดย
ชุมชนกลางเมือง บ้านหลังเล็กที่มีลานบ้านขนาดย่อมหลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนเพิ่งจะถึงบ้าน ก็เห็นอาอวี๋ที่รออยู่หน้าบ้านเป็นเวลานานแล้วอาอวี๋ถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ และร้อนรนอย่างมากในตอนที่เห็นหลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนกลับมาอย่างปลอดภัย ถึงได้ถอนหายใจอย่างแรง และเดินเข้าไปยิ้มพูด:“คุณหลินเฟิง เมื่อครู่ผมโทรศัพท์ไปหาคุณหลานเฟยแล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะช่วยคุณออกมาได้เร็วขนาดนี้”“หึหึ ไม่ต้องแล้ว อาอวี๋ คุณรีบโทรศัพท์ไปแจ้งคุณหลานเฟย ให้เธอไม่ต้องมาแล้ว”“ดีดีดี”อาอวี๋รีบโทรศัพท์ไป เห็นได้ชัดว่า หลินเฟิงได้ยินน้ำเสียงที่จนปัญญาของหลานเฟย“เอาโทรศัพท์ให้หลินเฟิง”อาอวี๋ยื่นโทรศัพท์ไปให้หลินเฟิงด้วยความระมัดระวัง ส่วนหลานเฟยก็พูดอยู่ในโทรศัพท์ด้วยความจนปัญญา: “คุณหลินเฟิง เพิ่งวันแรกก็ก่อเรื่องให้ฉันแล้วเหรอ?”“อย่าโทษผม”หลินเฟิงเหลือบมองอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้างกาย จากนั้นยิ้มพูด: “มีพวกคนโง่กลุ่มหนึ่งจะจัดการอาอวี๋ ผมถึงได้ลงมือ”“อาอวี๋...”ในตอนที่หลานเฟยพูดถึงอาอวี๋คำพูดก็หยุดชะงัก จากนั้นเธอก็ถอนหายใจแรง ๆ พูดว่า:“ต่อไปเรื่องของอาอวี๋คุณไม่ต้องยุ่งแล้ว เอาเป็นว่า อาอวี๋
ปากไม่พูด แต่ทั้งสองคนต่างเป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างมากอวี๋จื่อเสวียนถึงแม้จะมีความคิดต่อต้าน แต่ในตอนที่เห็นพ่อตกอยู่ในอันตราย เธอก็ยื่นมือออกมาโดยไม่สนสิ่งใด ๆกลับกันนั้น อาอวี๋ก็เป็นแบบนี้ดังนั้นหลินเฟิงถึงได้กล้าชี้ขาดว่า อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้เป็นเด็กเกเรอะไร เพียงแต่แค่มีความคิดต่อต้านก็เท่านั้นในวัยนี้เป็นเรื่องปกติ“อ่อใช่คุณหลินเฟิง คุณดูสิครับผมมัวแต่พูดคุยกับคุณ ดึกขนาดนี้แล้ว คุณรีบไปพักผ่อนเถอะ ผมเตรียมห้องไว้ให้คุณตั้งนานแล้ว”ขณะพูด อาอวี๋ก็พาหลินเฟิงเดินขึ้นไปชั้นบนห้องของหลินเฟิงอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านภายในห้องถึงแม้จะตกแต่งไม่หรูหรา แต่สะอาดสะอ้าน สิ่งของที่ต้องใช้ก็มีครบครันหมด“ไม่ทราบว่าคุณหลินพอใจไหมครับ?”อาอวี๋ถามอย่างเป็นกังวล“ไม่เลว วางใจเถอะ ผมไม่ได้เรียกร้องสูงขนาดนั้น”การตอบกลับของหลินเฟิงทำให้อาอวี๋“ขอบคุณครับอาอวี๋”“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ผมต้องขอบคุณคุณถึงจะถูก ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณ วันนี้ผมกับลูกสาวของผมคงจะซวยแล้ว”อาอวี๋โค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดประตูห้องกลางดึกหลินเฟิงถอดเสื้อคลุมออกแล้วนอนลงบนเตียง มองดูพระจันทร์ตรงหน้าต่างหลังคา
เวลาดึกขนาดนี้แอบย่องเข้ามาในห้องของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง แถมยังนั่งลงบนเตียงโดยไม่สนใจใยดีตัวเองมาส่งให้ถึงที่ ในฐานะผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะทั่วไป จะไม่คิดซี้ซั้วได้อย่างไร“เอาเป็นว่าขอโทษที่มารบกวนคุณดึกขนาดนี้แล้ว”อวี๋จื่อเสวียนปรับสีหน้าของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นเธอมองไปทางหลินเฟิง และพูดอย่างจริงจัง:“คุณชื่อหลินเฟิงใช่ไหม? ที่ฉันมาหาคุณดึกขนาดนี้ อันที่จริงเพราะมีเรื่องจะขอร้อง”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”หลินเฟิงก็ขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อย เขาโบกมือพูด: “พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไร?”“วันนี้ฉันเห็นคุณต่อสู้เก่งมาก คุณบอกฉันได้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร? คุณมีพลังพิเศษบางอย่างเหรอ?”อวี๋จื่อเสวียนสายตาเผยความแปลกประหลาดออกมา“พลังพิเศษบ้าบออะไรกัน...”หลินเฟิงพูดอย่างจนใจ: “ฉันเป็นนักบู๊ นักบู๊ที่ฝึกฝนกำลังภายในและศิลปะการต่อสู้”“ความสามารถของฉันแข็งแกร่งมากพอ อย่าว่าแต่เรื่องในวันนี้ ต่อให้มีคนมากขึ้นอีกหลายร้อยคนฉันก็ไม่แพ้”“ชิ...”อวี๋จื่อเสวียนเบะปาก คิดแค่ว่าหลินเฟิงกำลังคุยโวโอ้อวด เธอพูดด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อถือ: “คุณนี่ขี้โม้จริง ๆ เลยนะ! คุณช่วยเก็บอาการนิสัยแย่ ๆ ของตัวเ
“ฮะ?”อวี๋จื่อเสวียนเกาศีรษะ จากนั้นก็ถามหลินเฟิงว่า: “งั้นคุณช่วยฉันดูหน่อยสิ ถ้าหากฉันเป็นสุดยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศล่ะ?”“อาจจะไม่เยอะมาก”หลินเฟิงส่ายหน้าพูดว่า: “ยื่นมือออกมา”“อ่อ”อวี๋จื่อเสวียนยื่นมือออกมาอย่างว่าง่าย“ฟังให้ดีนะ ฉันจะปล่อยพลังชี่แท้เข้าสู่ร่างกายของเธอ ถ้าหากเธอสามารถสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนของพลังชี่แท้ เช่นนั้นก็หมายความว่าเธอมีใบผ่านในการเข้าสู่ทางบู๊ ไม่อย่างนั้น ความพยายามทุกอย่างก็ไม่มีประโยชน์”หลินเฟิงพูดด้วยความจริงจัง“เดี๋ยวก่อน คำพูดนี้ของนายทำไมถึงไม่น่าเชื่อถือแบบนี้ คุณคงไม่ได้อยากจะเอาเปรียบฉันหรอกนะ?”อวี๋จื่อเสวียนดึงมือกลับทันที และมองหลินเฟิงด้วยใบหน้าระแวงนี่จึงทำให้สีหน้าของหลินเฟิงแข็งทื่อทันที“เธอไม่อยากเรียนก็ช่างเถอะ”หลินเฟิงก็กลัดกลุ้มใจ ในหัวของเด็กคนนี้หุนหันพลันแล่นคิดแต่เรื่องอะไรน่ะ ดึก ๆ ดื่น ๆ เขาไม่มีอารมณ์มาเล่นกับยัยเด็กคนนี้หรอก“เอ่อ...”เห็นสีหน้าจนใจของหลินเฟิง ความสงสัยในสายตาของอวี๋จื่อเสวียนก็ค่อย ๆ หายไป เธอยื่นมือออกมาช้า ๆ แล้วพูดว่า: “เอาล่ะเอาล่ะ ฉันล้อเล่น”“ตาลุงอย่างคุณ ทำไมถึงทนต่อการล้อ
ตราประทับบู๊นี้แข็งแรงเป็นอย่างมาก แม้แต่หลินเฟิงก็ไม่สามารถโยกย้ายได้อย่งง่ายดายเพียงแต่ตราประทับนี้ไม่ใช่ของไม่ดีอะไรหลังจากหลินเฟิงตรวจสอบดูก็ได้ข้อสรุปว่า เป็นเพียงแค่ตราประทับป้องกันเท่านั้น ไม่ส่งผลเสียอะไรต่อร่างกายมีข้อเสียเพียงหนึ่งเดียว อาจจะทำให้คนที่มีตราประทับไม่สามารถรวบรวมกำลังภายในภายในจุดตันเถียนได้เพราะว่าเมื่อกำลังภายในปรากฏภายในตัวของเธอ ตราประทับนี้ก็จะทำงาน จากนั้นจะสลายพลังชี่แท้ในทันทีดูท่าเส้นทางนักบู๊ของอวี๋จื่อเสวียนยังไม่เริ่มต้นก็เดินไปจนถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เพราะว่าตราประทับบู๊นี้ เธอไม่มีทางกลายเป็นนักบู๊ได้แต่ว่าจุดสำคัญอยู่ที่ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถสร้างตราประทับภายในร่างกายคนได้ อย่างน้อยต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพขั้นสูงสุดอีกทั้งยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากแท้จริงแล้วอวี๋จื่อเสวียนมีคุณค่าขนาดไหนกัน ถึงได้ทำให้ยอดฝีมือแดนแปรภาพเปลืองแรงสร้างตราประทับให้กับเธอ?อีกทั้งตราประทับนี้ยังไม่มั่นคงเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังจะส่งผลย้อนกลับไปที่เจ้าของ อันตรายอย่างมากหรือว่าเบื้องหลังอวี๋จื่อเสวียนมียอดฝีมืออยู่?และผู้มีฝีมือสูงส่งคนนี้อย่า