“ทั้งหมดนี้ก็เพราะเจ้าเด็กบ้านี่ แกก่อเรื่องไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันจะไปยุ่งกับคนอันตรายแบบนี้ทำไม?!”“ดูสิ สุดท้ายทั้งแก๊งเลี่ยหยางจะต้องเดือดร้อนเพราะแก!”“พี่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน!”ชายที่ใส่ชุดสูทปิดหน้าฝั่งหนึ่งของเขา ในใจเขาก็รู้สึกอึดอัดจนถึงกับอยากร้องไห้เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้? เขาแค่ต้องการจีบสาวนักเรียน แต่ทำไมถึงได้เจอกับผู้คนที่มีพลังใหญ่ขนาดนี้?วันนี้ช่างโชคร้ายจริงๆโคตรซวย!แต่ในขณะที่ตู้ไหวโกรธ แววหน้าของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง และปลอบน้องชายของเขาว่า “ฉันเห็นว่าไอ้หนุ่มคนนั้นอาจจะมีฝีมือจริงๆ หากเขาสามารถช่วยฉันให้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางได้...”“งั้น พี่ เราก็จะรวยแล้วสิ?”ชายที่ใส่ชุดสูทรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที“เอาล่ะ เรื่องนี้แกกับฉันรู้กันแค่สองคน อย่าไปบอกคนอื่นนะ!”“เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อหัวหน้าแก๊งเลย!”......บนถนนฝั่งตรงข้ามคาราโอเกะ ในร้านอาหารที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงตามคำแนะนำของอวี๋จื่อเสวียน นักเรียนที่เพิ่งหนีออกมายังเบียดกันอยู่ที่หน้าต่างเพื่อดูเหตุการณ์“จื่อเสวียน นั่นหนุ่มที่เมื่อกี้เป็นญาติของเธอเหรอ? หน้าตา
หลงเสี่ยวจวิ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วพยักหน้า“ก็ได้ จื่อเสวียน เห็นแก่หน้าเธอ ฉันลองโทรหาพ่อของฉันฉันดูก็ได้ แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าคุณชายตู้จะปล่อยเขา ในเมื่อเรื่องที่ไอ้หมอนั่นทำมันเกินขอบเขตเกินไป”“นิสัยของคุณชายตู้แย่มาก ถ้าหากโมโหขึ้นมา เกรงว่าก็คงไม่ไว้หน้าพ่อของฉัน”“ไม่เป็นไร”อวี๋จื่อเสวียนฝืนยิ้มออกมาหลงเสี่ยวจวิ้นล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเดินไปที่มุมห้อง จากนั้นแสร้งทำเป็นกดเบอร์โทรศัพท์โทรออกไป และพยักหน้าไม่หยุดแต่ความเป็นจริง เขาไม่ได้โทรศัพท์หาพ่อของตัวเองด้วยซ้ำถึงแม้หลงเสี่ยวจวิ้นปากพูดว่าจะช่วยเหลือ แต่เขาก็รู้ว่า หากเขาขอความช่วยเหลือจากพ่อ นอกจากถูกด่าแล้ว ก็ไม่ได้รับสิ่งอื่นใดถ้าจะให้พ่อของเขาขอให้คุณชายตู้ไว้หน้า เรื่องนี้คงยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีกไม่อย่างนั้นเมื่อครู่นี้เขาก็คงไม่ถูกน้องชายของคุณชายตู้ตบหน้าโดยที่ไม่พูดพล่ำทำเพลงเลยด้วยซ้ำพูดถึงที่สุด ท่าทางของเขาแบบนี้ก็แค่แสร้งทำไปแบบนั้นสำหรับหลินเฟิงเขาจะเป็นจะตาย เกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วย?ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลินเฟิงแย่งหน้าแย่งตาเขาหลงเสี่ยวจวิ้นมองไปทางเด็กสาวที่
“อะไรนะ? ไอ้หมอนั่นออกมาจริง ๆ แล้วเหรอ?”หลงเสี่ยวจวิ้นมองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ตรงฟุตบาทฝ่ายตรงข้าม ในใจก็รู้สึกตกตะลึงเขาคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะปลอดภัยเพราะว่าเขาไม่ได้โทรศัพท์ไปหาพ่อของเขาด้วยซ้ำ จึงไม่มีเหตุการณ์ที่เขาให้พ่อไปขอความเมตตาจากคุณชายตู้ส่วนเรื่องที่หลินเฟิงจะออกมาได้หรือไม่นั้นเขาไม่เพียงไม่มีความหวัง ถึงขั้นที่สาปแช่งหลินเฟิงให้ตายไวไว“คุณไม่เป็นไรนะ?”ทุกคนเดินออกจากร้านอาหาร อวี๋จื่อเสวียนเดินเข้าไปถามหลินเฟิงเป็นคนแรก“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่วนหน้า จากนั้นขมวดคิ้วพูดว่า: “ฉันให้เธอกับอาอวี๋กลับไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอยังไม่กลับไปอีก?”“จื่อเสวียนกลัวว่าคุณจะถูกคุณชายตู้ฆ่าตาย ให้พวกเราทุกคนรอคุณอยู่ที่นี่”“คิดไม่ถึงว่าคุณจะไม่เป็นไรจริง ๆ ดูท่าวันนี้คุณชายตู้ท่านนั้นจะอารมณ์ดีไม่เบาสินะ”ผู้หญิงคนหนึ่งยืนออกมาแล้วยิ้มพูด“เขาอารมณ์ดี?”หลินเฟิงเบะปาก “เป็นเพราะฉันอารมณ์ดีต่างหาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันอารมณ์ดี เขาคงจบเห่ไปนานแล้ว”หลินเฟิงพูดออกมาแบบนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการเผยสายตากระอึกกระอักออกมาทันทีเด็กสาวผมสั้นยิ่งฉีกยิ้มพูดขึ้นมาโดย
ชุมชนกลางเมือง บ้านหลังเล็กที่มีลานบ้านขนาดย่อมหลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนเพิ่งจะถึงบ้าน ก็เห็นอาอวี๋ที่รออยู่หน้าบ้านเป็นเวลานานแล้วอาอวี๋ถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ และร้อนรนอย่างมากในตอนที่เห็นหลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนกลับมาอย่างปลอดภัย ถึงได้ถอนหายใจอย่างแรง และเดินเข้าไปยิ้มพูด:“คุณหลินเฟิง เมื่อครู่ผมโทรศัพท์ไปหาคุณหลานเฟยแล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะช่วยคุณออกมาได้เร็วขนาดนี้”“หึหึ ไม่ต้องแล้ว อาอวี๋ คุณรีบโทรศัพท์ไปแจ้งคุณหลานเฟย ให้เธอไม่ต้องมาแล้ว”“ดีดีดี”อาอวี๋รีบโทรศัพท์ไป เห็นได้ชัดว่า หลินเฟิงได้ยินน้ำเสียงที่จนปัญญาของหลานเฟย“เอาโทรศัพท์ให้หลินเฟิง”อาอวี๋ยื่นโทรศัพท์ไปให้หลินเฟิงด้วยความระมัดระวัง ส่วนหลานเฟยก็พูดอยู่ในโทรศัพท์ด้วยความจนปัญญา: “คุณหลินเฟิง เพิ่งวันแรกก็ก่อเรื่องให้ฉันแล้วเหรอ?”“อย่าโทษผม”หลินเฟิงเหลือบมองอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้างกาย จากนั้นยิ้มพูด: “มีพวกคนโง่กลุ่มหนึ่งจะจัดการอาอวี๋ ผมถึงได้ลงมือ”“อาอวี๋...”ในตอนที่หลานเฟยพูดถึงอาอวี๋คำพูดก็หยุดชะงัก จากนั้นเธอก็ถอนหายใจแรง ๆ พูดว่า:“ต่อไปเรื่องของอาอวี๋คุณไม่ต้องยุ่งแล้ว เอาเป็นว่า อาอวี๋
ปากไม่พูด แต่ทั้งสองคนต่างเป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างมากอวี๋จื่อเสวียนถึงแม้จะมีความคิดต่อต้าน แต่ในตอนที่เห็นพ่อตกอยู่ในอันตราย เธอก็ยื่นมือออกมาโดยไม่สนสิ่งใด ๆกลับกันนั้น อาอวี๋ก็เป็นแบบนี้ดังนั้นหลินเฟิงถึงได้กล้าชี้ขาดว่า อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้เป็นเด็กเกเรอะไร เพียงแต่แค่มีความคิดต่อต้านก็เท่านั้นในวัยนี้เป็นเรื่องปกติ“อ่อใช่คุณหลินเฟิง คุณดูสิครับผมมัวแต่พูดคุยกับคุณ ดึกขนาดนี้แล้ว คุณรีบไปพักผ่อนเถอะ ผมเตรียมห้องไว้ให้คุณตั้งนานแล้ว”ขณะพูด อาอวี๋ก็พาหลินเฟิงเดินขึ้นไปชั้นบนห้องของหลินเฟิงอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านภายในห้องถึงแม้จะตกแต่งไม่หรูหรา แต่สะอาดสะอ้าน สิ่งของที่ต้องใช้ก็มีครบครันหมด“ไม่ทราบว่าคุณหลินพอใจไหมครับ?”อาอวี๋ถามอย่างเป็นกังวล“ไม่เลว วางใจเถอะ ผมไม่ได้เรียกร้องสูงขนาดนั้น”การตอบกลับของหลินเฟิงทำให้อาอวี๋“ขอบคุณครับอาอวี๋”“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ผมต้องขอบคุณคุณถึงจะถูก ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณ วันนี้ผมกับลูกสาวของผมคงจะซวยแล้ว”อาอวี๋โค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดประตูห้องกลางดึกหลินเฟิงถอดเสื้อคลุมออกแล้วนอนลงบนเตียง มองดูพระจันทร์ตรงหน้าต่างหลังคา
เวลาดึกขนาดนี้แอบย่องเข้ามาในห้องของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง แถมยังนั่งลงบนเตียงโดยไม่สนใจใยดีตัวเองมาส่งให้ถึงที่ ในฐานะผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะทั่วไป จะไม่คิดซี้ซั้วได้อย่างไร“เอาเป็นว่าขอโทษที่มารบกวนคุณดึกขนาดนี้แล้ว”อวี๋จื่อเสวียนปรับสีหน้าของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นเธอมองไปทางหลินเฟิง และพูดอย่างจริงจัง:“คุณชื่อหลินเฟิงใช่ไหม? ที่ฉันมาหาคุณดึกขนาดนี้ อันที่จริงเพราะมีเรื่องจะขอร้อง”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”หลินเฟิงก็ขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อย เขาโบกมือพูด: “พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไร?”“วันนี้ฉันเห็นคุณต่อสู้เก่งมาก คุณบอกฉันได้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร? คุณมีพลังพิเศษบางอย่างเหรอ?”อวี๋จื่อเสวียนสายตาเผยความแปลกประหลาดออกมา“พลังพิเศษบ้าบออะไรกัน...”หลินเฟิงพูดอย่างจนใจ: “ฉันเป็นนักบู๊ นักบู๊ที่ฝึกฝนกำลังภายในและศิลปะการต่อสู้”“ความสามารถของฉันแข็งแกร่งมากพอ อย่าว่าแต่เรื่องในวันนี้ ต่อให้มีคนมากขึ้นอีกหลายร้อยคนฉันก็ไม่แพ้”“ชิ...”อวี๋จื่อเสวียนเบะปาก คิดแค่ว่าหลินเฟิงกำลังคุยโวโอ้อวด เธอพูดด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อถือ: “คุณนี่ขี้โม้จริง ๆ เลยนะ! คุณช่วยเก็บอาการนิสัยแย่ ๆ ของตัวเ
“ฮะ?”อวี๋จื่อเสวียนเกาศีรษะ จากนั้นก็ถามหลินเฟิงว่า: “งั้นคุณช่วยฉันดูหน่อยสิ ถ้าหากฉันเป็นสุดยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศล่ะ?”“อาจจะไม่เยอะมาก”หลินเฟิงส่ายหน้าพูดว่า: “ยื่นมือออกมา”“อ่อ”อวี๋จื่อเสวียนยื่นมือออกมาอย่างว่าง่าย“ฟังให้ดีนะ ฉันจะปล่อยพลังชี่แท้เข้าสู่ร่างกายของเธอ ถ้าหากเธอสามารถสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนของพลังชี่แท้ เช่นนั้นก็หมายความว่าเธอมีใบผ่านในการเข้าสู่ทางบู๊ ไม่อย่างนั้น ความพยายามทุกอย่างก็ไม่มีประโยชน์”หลินเฟิงพูดด้วยความจริงจัง“เดี๋ยวก่อน คำพูดนี้ของนายทำไมถึงไม่น่าเชื่อถือแบบนี้ คุณคงไม่ได้อยากจะเอาเปรียบฉันหรอกนะ?”อวี๋จื่อเสวียนดึงมือกลับทันที และมองหลินเฟิงด้วยใบหน้าระแวงนี่จึงทำให้สีหน้าของหลินเฟิงแข็งทื่อทันที“เธอไม่อยากเรียนก็ช่างเถอะ”หลินเฟิงก็กลัดกลุ้มใจ ในหัวของเด็กคนนี้หุนหันพลันแล่นคิดแต่เรื่องอะไรน่ะ ดึก ๆ ดื่น ๆ เขาไม่มีอารมณ์มาเล่นกับยัยเด็กคนนี้หรอก“เอ่อ...”เห็นสีหน้าจนใจของหลินเฟิง ความสงสัยในสายตาของอวี๋จื่อเสวียนก็ค่อย ๆ หายไป เธอยื่นมือออกมาช้า ๆ แล้วพูดว่า: “เอาล่ะเอาล่ะ ฉันล้อเล่น”“ตาลุงอย่างคุณ ทำไมถึงทนต่อการล้อ
ตราประทับบู๊นี้แข็งแรงเป็นอย่างมาก แม้แต่หลินเฟิงก็ไม่สามารถโยกย้ายได้อย่งง่ายดายเพียงแต่ตราประทับนี้ไม่ใช่ของไม่ดีอะไรหลังจากหลินเฟิงตรวจสอบดูก็ได้ข้อสรุปว่า เป็นเพียงแค่ตราประทับป้องกันเท่านั้น ไม่ส่งผลเสียอะไรต่อร่างกายมีข้อเสียเพียงหนึ่งเดียว อาจจะทำให้คนที่มีตราประทับไม่สามารถรวบรวมกำลังภายในภายในจุดตันเถียนได้เพราะว่าเมื่อกำลังภายในปรากฏภายในตัวของเธอ ตราประทับนี้ก็จะทำงาน จากนั้นจะสลายพลังชี่แท้ในทันทีดูท่าเส้นทางนักบู๊ของอวี๋จื่อเสวียนยังไม่เริ่มต้นก็เดินไปจนถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เพราะว่าตราประทับบู๊นี้ เธอไม่มีทางกลายเป็นนักบู๊ได้แต่ว่าจุดสำคัญอยู่ที่ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถสร้างตราประทับภายในร่างกายคนได้ อย่างน้อยต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพขั้นสูงสุดอีกทั้งยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากแท้จริงแล้วอวี๋จื่อเสวียนมีคุณค่าขนาดไหนกัน ถึงได้ทำให้ยอดฝีมือแดนแปรภาพเปลืองแรงสร้างตราประทับให้กับเธอ?อีกทั้งตราประทับนี้ยังไม่มั่นคงเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังจะส่งผลย้อนกลับไปที่เจ้าของ อันตรายอย่างมากหรือว่าเบื้องหลังอวี๋จื่อเสวียนมียอดฝีมืออยู่?และผู้มีฝีมือสูงส่งคนนี้อย่า
จ้าวหลิงเยว่ท่าทางทะเล้นเหมือนอย่างเคย“หึ เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เจอเรื่องอะไรที่จัดการเองไม่ได้?”หลินเฟิงยังรู้สึกชอบเด็กสาวที่สดใสคนนี้อย่างมาก“อ๊ะ…ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์หลิน”จ้าวหลิงเยว่หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดอย่างมีลับลมคมใน: “คือว่า อาจารย์หลิน ปู่ของฉันตาแก่หนังเหนียวคนนั้นถูกคนจับตัวไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”เรียกปู่ของตัวเองว่าตาแก่หนังเหนียว หลินเฟิงฟังแล้วหน้าบึ้งตึง“ฉันได้สืบจากหลายๆ ฝ่ายในที่สุดก็หาจุดที่ปู่ของฉันถูกจับไว้ได้แล้ว”“จากนั้น หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฉันก็สร้างแผนอัจฉริยะขึ้นมา สุดท้าย ฉันก็สามารถบุกเข้าไปในค่ายฐานที่คุณปุ่ถูกคุมขังได้!”ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กคนนี้ หลินเฟิงรีบถามขึ้นว่า:“เป็นยังไง? ช่วยปู่ของเธอออกมาได้ไหม?”“ไม่ได้”จ้าวหลิงเยว่กระแอมด้วยความเขินอาย และพูดอย่างมีเหตุมีผล:“ผลปรากฏว่าฉันก็ถูกพวกเขาจับได้”“เธอ…”หลินเฟิงถูกประโยคนี้ของจ้าวหลิงเยว่ทำให้โมโหจนหัวเราะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ถูกผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แย่งไป ผู้ชายคนนี้พูดจาโผงผาง เห็นได้ชัดว่าเป็นกิริยาของพวกอันธพาล“ฮัลโหล นายก็คืออาจารย์ของเด็ก
หลินเฟิงไม่ได้หยุดอยู่ที่ตระกูลเฝิงนานนักเขาบำรุงรักษาร่างกายให้หยินหลิง จากนั้นนำยาอมตะเลือดราชันย์เกือบทั้งหมดที่มีอยู่บนตัวมอบให้เธอ และกำชับเธอให้รักษาความปลอดภัยจึงได้ออกจากตระกูลเฝิงก่อนจากไป หลินเฟิงไม่เพียงเห็นผู้คุ้มกันสองคนก่อนหน้านี้คุกเข่าเลียนแบบสุนัขเห่าอยู่ที่หน้าประตูแถมยังถูกเฝิงอวี้ที่ฟื้นคืนสติ ค้ำไม้เท้า เดินออกมาส่งด้วยสีหน้าหดหู่“ผมได้ทราบความเป็นไปเป็นมาของเรื่องราวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือความสามารถของหมอเทวดาหลิน ไม่ใช่คนที่ผมเฝิงอวี้อู่จะเทียบได้”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจหรือเปล่าหรือเป็นเพราะหมดสติเดือนกว่าๆ จึงทำให้เขาดูขาดชี่และเลือดตอนนี้เขาสีหน้าซีดเซียว ในดวงตาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด“คุณเป็นคนแรกที่ผมเฝิงอวี้อู่เลื่อมใสจากใจ จุดนี้ เกรงว่าจอมมารคนนั้นของสำนักหลงผานก็ยังทำไม่ได้”“รอให้บาดแผลหายดี ผมจะต้องไปเยี่ยมเยือนถึงที่ ขอคำชี้แนะจากคุณ”เฝิงอวี้อู่แพ้เป็น และก็ปล่อยวางได้เขาไม่เคยคิดว่าหลินเฟิง ศัตรูที่เขาเคยดูถูกและใส่ร้ายในอดีต จะมาช่วยเขาโดยไม่สนใจความแค้นในอดีตถึงแม้จะเป็นเพราะหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรแ
หลินเฟิงเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน“แต่ว่า....พวกเราหมั้นกันแล้วนะ....นี่ จะไม่ปฏิบัติ ก็ไม่ได้หรือเปล่า?”“อุ๊ปส์ พี่หลินเฟิง พี่จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ สิ่งที่เด็ก ๆพูดจะถือว่าเป็นการหมั้นหมายก็ได้เหรอ?”“ทำได้แน่นอน ฉันหลินเฟิง พูดคำไหนคำนั้น!”......หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็ขับรถกลับมาตามเส้นทางเดิมเมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลเฝิงอีกครั้ง เขาก็เอาเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่มาให้กับเฝิงหลีที่ถูกแขวนไว้อย่างอนาถที่หน้าประตูศีรษะของชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำเมื่อศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือดนั้น ถูกโยนไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง เฝิงหลีก็ลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดเขาจ้องศีรษะที่หลินเฟิงโยนเข้ามาด้วยความหวาดกลัว แล้วตะโกนออกมาเสียงดังลั่นว่า :“หลินเฟิง แกต้องตายแน่.....แกต้องตายอย่างแน่นอน!”“แกกล้าฆ่าผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษ หลินเฟิง ใครก็ช่วยแกไม่ได้แล้ว!”“ฉันได้เริ่มใช้งานยาเลือดตะขาบแล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน!”“เหอะ...”หลินเฟิงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยเฝิงหลีก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีเวลาเหลือมากนัก จึงได้สาปแช่งและเยาะเย้ยอย่างบ้าคลั่งส่วนเลือดที่เฝิงหลีบอกมานั้นหลินเฟิ
คิดไม่ถึงว่าสาวน้อยคนนี้จะจำเรื่องราวที่สำนักเสินฉือได้ด้วยขณะนี้หลินเฟิงที่กำลังขับรถหรูของเฝิงหลีด้วยความรู้สึกเขินอายหยินหลิงที่นั่งเงียบ ๆตรงเบาะผู้โดยสาร ก็เผยรอยยิ้มที่ไม่ใส่ใจออกมา“พี่หลินเฟิง ฉันรู้ว่าพี่ชอบพี่ฮุ่ยหรานกับพี่ถังหว่าน ฉันก็พอมองเรื่องนั้นออก ดังนั้นก็เลยไม่อยากจะรบกวนพวกพี่”หยินหลิงที่กำลังเล่นผมของตัวเองอยู่ที่ตรงที่นั่งข้างคนขับ พร้อมกับพูดเบา ๆว่า :“ฉันก็อยากจะใช้เรื่องของกลุ่มพันธมิตรบู๊มาโดยตลอด เพื่อให้ฉันไม่ว่างคิดอะไรเพ้อเจ้อ แต่ทุกครั้งที่เจอพี่....”หยินหลิงชะงักไปชั่วครู่ และก้มหน้าลงพร้อมกับพึมพำว่า :“มันก็ทำให้สภาพจิตใจที่ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วมันยุ่งวุ่นวายขึ้นมาอีก”“พี่หลินเฟิง พี่วางใจเถอะ หลังจากนี้ฉันจะพยายามไม่มาเจอพวกพี่อีกแล้ว พี่ก็ไม่ต้องเก็บฉันไปใส่ใจหรอก...”“แค่จากนี้ไปพี่จะต้องระวังให้มากขึ้นก็เท่านั้น”“กองกำลังภายในประเทศมังกรสลับซับซ้อนอย่างมาก หากก้าวพลาดก็จะตกลงไปในเหวลึก ถึงแม้ตอนนี้พี่จะแข็งแกร่งพอแล้ว แต่หมัดสองหมัดก็ไม่สามารถชนะสี่มือได้...”เมื่อได้ยินหยินหลิงพูดเบา ๆอยู่ด้านข้างในใจของหลินเฟิงก็เกิดความรู้ส
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ