หลี่ไห่หงจริงจังมากขนาดนี้ จนทำให้หลี่ฮุ่ยหรานทำได้แค่เพียงกลืนคำพูดที่จะพูดออกมาของตัวเองลงไปเพราะผลสุดท้ายของการเจรจาของหลี่ฮุ่ยหรานและถังหว่าน ก็ไม่มีอะไรมากไปว่าการสร้างโรงงานในเมื่อที่ดินที่เป็นที่ราบ และมีแม่น้ำแบบนี้ เป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมทางธรรมชาติชัด ๆถ้าหากทำเป็นโรงงานอย่างที่ว่า ยังไงก็ไม่มีวันขาดทุนแต่ถ้าหากเป็นฟาร์ม ก็พูดยากแล้วเมื่อเห็นความลังเลของหลี่ฮุ่ยหราน หลี่ไห่หงก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจว่า: “ฮุ่ยหราน ไม่ใช่ว่าเธอก็วางแผนที่จะเปลี่ยนฟาร์มของฉันให้เป็นโรงงานด้วยหรอกนะ?“ไม่ใช่ค่ะ”หลี่ฮุ่ยหรานรีบกล่าวปฏิเสธทันที ในขณะเดียวกันก็คิดถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆดูเหมือนว่าคุณปู่หลี่ไห่หงจะให้ความสำคัญกับฟาร์มนี้อย่างมาก และไม่ยอมที่จะให้มลพิษจากโรงงานมาทำลายทิวทัศน์ที่งดงามนี้แต่ปัญหาคือหากเพียงวางแผนและจัดการแค่ฟาร์ม ก็จะไม่สามารถทำกำไรได้จริง ๆไม่เพียงไม่ได้กำไร แต่จะขาดทุนจนไม่เหลืออะไรเลยเมื่อถึงเวลาอย่าบอกว่าคุณปู่หลี่ไห่หงชื่นชมความสามารถของตัวเองเลย เกรงว่าสุดท้ายแล้วก็จะจบลงด้วยความผิดหวังและขาดทุนไม่เพียงแต่จะสูญเสียคุณสมบัติในการแข่งขันเ
วันนี้นายท่านและหลี่ฮุ่ยหรานมีความเข้าใจกันที่ไม่เอ่ยถึงเรื่องของหลี่ไห่ซานทั้งสองคนต่างก็ไม่อยากเพิ่มความรู้สึกทุกข์ระทมขึ้นอีก“เหอะ สองเดือน?”ขณะที่ผู้หญิงทั้งสองกำลังซาบซึ้งใจเมื่อมองดูแผ่นหลังของหลี่ไห่หง หลิ่วเยว่ฟางที่อยู่ข้าง ๆก็แย่งสัญญาโอนจากมือของหลี่กงเฉิงมาสายตาของเธอก็เห็นราคาที่คุณปู่เขียนในลงสัญญาห้าร้อยล้านบาทเธอสูดลมหายใจ ก่อนจะแอบหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเอง แล้วเพิ่มเลขศูนย์ตัวสุดท้ายเพิ่มอีกหนึ่งตัวตอนนี้ก็กลายเป็นห้าพันล้านบาทแล้วจากนั้นเธอก็รีบยื่นสัญญาที่เปลี่ยนแปลงให้กับหลี่กงเฉิง และหลี่กงเฉิงก็มองเห็นราคาที่หลิ่วเยว่ฟางแก้ไขในสัญญาแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที“นี่คือเงินค้ำประกัน ถ้าหากว่าหลี่ฮุ่ยหรานทำไม่สำเร็จล่ะ? พวกเราจะไม่ขาดทุนครั้งใหญ่หรอกเหรอ?”“ให้คนนอกอย่างหลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้นำตระกูลหลี่เจียงหนานของเรา แล้วหน้าพวกเราจะเอาไปไว้ที่ไหน?!”“อย่าไปบอกคนอื่นล่ะ!”หลิ่วเยว่ฟางใช้เสียงต่ำคุกคามหลี่กงเฉิงขณะที่หลี่กงเฉิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็สังเกตเห็นแววตาของหลินเฟิงที่เปลี่ยนแปลงไป ก่อนจะรีบแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาไ
“ถังหว่าน ทำไมคุณ...คุณถึงทำแบบนี้!”หลี่ฮุ่ยหรานโมโหจนเกือบจะร้องไห้ออกมาถังหว่านกลับเข้ามาโอบหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ แล้วพูดจายั่วยวน: “อุ๊ย ๆ น้องหลี่ฮุ่ยหราน ทำไมเธอถึงร้องไห้แล้วล่ะ น่าสงสารจริง ๆ”“แต่ความจริงก็มักจะโหดร้ายแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะเป็นการงานหรือความรัก นี่เป็นสนามรบที่ฆ่าฟันคนโดยไม่มีความลังเลนะ!”“ความตื่นตัวของคุณยังไม่เพียงพอ”ถังหว่านยิ้มตาหยีแล้วส่ายนิ้วชี้ไปมา“คิดดูแล้ว ฉันจะช่วยคุณให้กลายเป็นผู้นำตระกูลหลี่อย่างง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไร?”“หรือจะช่วยให้คุณกลายเป็นผู้นำตระกูลหลี่แล้วมากดหัวฉันงั้นเหรอ?”“นี่เป็นการยกก้อนหินทุ่มใส่เท้าตัวเองชัด ๆ ฉันยังไม่ได้โง่เหมือนกับคุณขนาดนั้น”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานจะถูกถังหว่านพูดจนใจสลาย หลินเฟิงจึงรีบพูดขึ้นอย่างจนปัญญา: “เอาล่ะถังหว่าน คุณเลิกขู่ฮุ่ยหรานได้แล้ว ตกลงว่าคุณมีวิธีอะไรกันแน่?”“เอ๊ะ?”ถังหว่านมองไปทางหลินเฟิงด้วยใบหน้าตกตะลึง“ที่รัก คุณทำไมถึงคิดว่าฉันกำลังขู่เธอล่ะ? นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก ๆ เลยนะ ฉันสามารถถือโอกาสนี้เอาชนะหลี่ฮุ่ยหรานได้อย่างสิ้นเชิง”“ฉันพูดออกมาอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ฉันไม่มีวิธีอะไร
ถังหว่านแลบลิ้นหลี่ฮุ่ยหรานกลับขมวดคิ้วขึ้นมา“เอาล่ะ เรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่ผมจัดการ พวกคุณสองคนเพียงแค่ฟังคำสั่งของผมก็พอแล้ว เดือนนี้พวกคุณสองคนรับผิดชอบเรื่องโฆษณา หาคนที่มีหน้ามีตาในเมืองเจียงโจวมาสร้างแรงผลักดัน”“ยิ่งโอเวอร์ยิ่งดี”“ส่วนผม”หลินเฟิงเหลือบมองฟาร์ม และถอนหายใจพูดว่า: “เกรงว่าในช่วงเวลานี้ไม่สามารถออกจากที่นี่ได้แล้ว”“หลินเฟิง…”หลี่ฮุ่ยหรานซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเดิมทีเธออยากจะพึ่งพาตัวเองเพื่อให้ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลมา แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายยังต้องพึ่งพาหลินเฟิงให้ออกหน้าในขณะที่รู้สึกซาบซึ้ง ก็รู้สึกอับอายเล็กน้อยดูท่าก่อนหน้านี้ที่หลินเฟิงเคยพูดไว้ สามปีที่พวกเขาแต่งงานกัน ที่หลี่ซื่อกรุ๊ปสามารถพัฒนาจนใหญ่โตได้ เป็นเพราะพึ่งพาหลินเฟิง ประโยคนี้ไม่ได้โกหกเลยด้วยซ้ำ“เอาล่ะ ถ้าหากคุณสามารถจัดการได้ทุกเรื่อง งั้นยังจะมีผมเอาไว้ทำอะไร ไปทำงานซะเถอะ”หลินเฟิงตบศีรษะของหลี่ฮุ่ยหราน“อืม”หลี่ฮุ่ยหรานพยักหน้าอย่างว่าง่าย“หลินเฟิง คุณลำเอียงเกินไปแล้ว ทำไมถึงช่วยเหลือหลี่ฮุ่ยหรานทุกเรื่อง พอเป็นฉันกลับไม่สนใจไยดี? ฉันโกรธแล้วนะ!”ถังหว่านทำปากจู๋
“คุณชายหลิน คุณงานยุ่งหลายวันแล้ว ไม่สู้ให้ผมขับรถเถอะครับ”จ้าวเทียนหวามองไปทางหลินเฟิงที่หน้าซีดเซียว ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสาร ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่จ้าวเทียนหวาโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ของตระกูลเย่เมืองหนิงโจวกับหลินเฟิง ก็ผ่านไปห้าวันแล้วห้าวันนี้ หลินเฟิงไม่ได้หยุดพักเลยแม้แต่วินาทีเดียวเขาวางแผนด้านต่าง ๆ ของฟาร์มก่อน รวมทั้งน้ำพุร้อน และฟาร์มเพาะพันธุ์ ฟาร์มม้าและสวนผลไม้แผนการทั้งหมดก็เพื่อโฮมสเตย์ที่เพียบพร้อมจากนั้นก็ให้จ้าวเทียนหวาทุ่มเงินจำนวนมาก จ้างดีไซเนอร์อันดับหนึ่งของประเทศมังกรมาเพื่อออกแบบบโฮมสเตย์ที่หรูหราสวยงามให้พวกเขาหลินเฟิงเร่งรัดให้สร้างสิ่งก่อสร้างในโฮมสเตย์ให้เสร็จภายในเวลาหนึ่งเดือน ด้วยเหตุนี้ จ้าวเทียนหวาจึงจ้างทีมงานก่อสร้างมากกว่าพันคนเต็ม ๆ ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนภายหลัง หลินเฟิงให้ใบรายการกับจ้าวเทียนหวาให้เขาไปซื้อยาตามวัตถุดิบยาที่อยู่บนรายการ ในตอนที่จ้าวเทียนหวาถามขึ้นด้วยความสงสัยว่าใครกิน หลินเฟิงเพียงแค่ยิ้มอย่างลึกลับ และไม่ได้ตอบกลับในตอนที่ทั้งสองคนออกเดินทาง เป็นวันที่ห้าพอดีจ้าวเทียนหวามองดูหลินเฟิงนำวัตถุดิบยาหาย
ขี่ม้า ตกปลาและกิจกรรมบันเทิงอื่น ๆ กลับถูกหลินเฟิงทำเป็นโครงการการประลองการแข่งขันด้านกรีฑาผู้ชนะจะได้รับรางวัลและรางวัล คือการบริการขั้นสูงยิ่งกว่าในโฮมสเตย์หลินเฟิงถึงขั้นที่มีความคิดที่จะโฆษณาการแข่งขันเหล่านี้ออกไปเพื่อเพิ่มผู้เข้าร่วมจากภายนอกเมื่อได้ยินหลินเฟิงบอกเล่าการวงแผนที่ยิ่งใหญ่ จ้าวเทียนหวารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และอาสาตัวในทันที เขายากจะเป็นลูกค้าคนแรกที่ทำการจองหลินเฟิงจึงรับปากอย่างเต็มใจอยู่แล้วตอนนี้ทุกอย่างในโฮมสเตย์เป็นไปตามแผนแล้ว เขาที่เป็นหัวหน้าวางแผนก็ควรจะพักสักหน่อย เรื่องหลังจากนี้ก็มอบหมายให้จ้าวเทียนหวาไปจัดการแล้วสำหรับโฆษณาและการประชาสัมพันธ์สาวสวยทั้งสองคนมีความน่าสนใจกว่าเขาเยอะเลย?ทั้งสองคนพูดคุยกันบนรถ ไม่นานนักก็มาถึงเมืองหนิงโจวตระกูลเย่เลือกจัดงานประมูลที่ตลาดมืดแห่งหนึ่งดูท่าของสะสมมากมายของผู้นำตระกูลเย่ มีที่มาที่ไม่เป็นทางการ ไม่สามารถนำออกมาได้อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาตลาดมืดใต้ดินคนดีคนเลวอยู่ปะปนกัน ถึงแม้สมบัติล้ำค่ามีมากมาย แต่เมื่อเทียบกับโลกภายนอกราคานั้นแพงกว่า“คุณชายหลิน เชิญครับ”เห็นได้ชัดว่าจ้าวเทียนหวา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็รอดูได้เลย”หญิงสาวก็หัวเราะเยาะ และปะทะกับหลินเฟิงและจ้าวเทียนหวาอย่างดุเดือดด้วยเหตุนี้ จ้าวเทียนหวายังอยากจะพูดอะไร แต่ถูกหลินเฟิงขวางเอาไว้ก่อน“ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัว เป้าหมายของพวกเราก็คืองานประมูล”“ปล่อยให้นังหนูนี่ได้เปรียบซะแล้ว”จ้าวเทียนหวาหัวเราะเยาะถึงแม้ธุรกิจหลักของเขาจะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ไม่ได้หมายความว่าอำนาจภายในประเทศมังกรจะแย่ ไม่อย่างนั้นเขาจะตรวจสอบธาตุแท้ของตระกูลเย่ได้รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?หลังจากที่ของประมูลแต่ละชิ้นในงานประมูลถูกประมูลออกไป สมบัติล้ำค่าที่สำคัญจริง ๆ ก็เริ่มถูกยกขึ้นมาไม่นานนัก รากต้นไม้สีเหลือง ขนาดเท่ากำปั้นถูกวางไว้บนผ้าสีแดง และปรากฏในดวงตาของหลินเฟิง“ดูสิครับ! คุณชายหลิน นั่นก็คือรากต้นโพธิ์สินะครับ?!”จ้าวเทียนหวามีน้ำเสียงตื่นเต้นแต่ทว่าเขากลับไม่เห็นว่าหลินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย“แขกเหรื่อที่อยู่ในงานทุกท่าน นี่ก็คือสินค้าประมูลในลำดับต่อไป สมบัติล้ำค่าหนึ่งในของสะสมที่สำคัญที่สุดของพ่อฉัน และมักจะนำออกมาชื่นชมคิดไม่ถึงว่าพิธีกรก็คือลูกสาวของผู้นำตระกูลเย่เธอพูดแนะนำต่อทุกคนอย่างเ
วันนี้ หลินเฟิงถือว่าได้เปิดหูเปิดตาอีกครั้ง“หนึ่งพันห้าร้อยบาท ฉันเสนอหนึ่งพันห้าร้อยบาท”ผู้ชายที่สวมชุดลำลองยกป้ายขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากเสียงที่เอื่อยเฉื่อยของผู้ชายคนนี้ดังขึ้น ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบ“รากต้นโพธิ์เป็นของสำนักร้อยพิษ ถ้าหากใครกล้าแย่งกับสำนักร้อยพิษของฉัน งั้นก็แสดงว่าอยากมีปัญหากับสำนักร้อยพิษ”ชายวัยรุ่นเกาหน้าอกของตัวเองด้วยความเอื่อยเฉื่อย จากนั้นยิ้มตาหยีพูดว่า: “คนที่เป็นศัตรูกับสำนักร้อยพิษของฉัน พวกคุณก็น่าจะรู้จุดจบใช่ไหม?”หลังจากที่ผู้ชายคนนี้กวาดตามองรอบ ๆ คนที่สบตากับเขา ก็หนังหน้ากระตุก และถอยออกจากการแข่งขันอย่างรู้ตัวผิดใจกับสำนักร้อยพิษเมืองหนานไห่เรื่องแบบนี้ใครก็ไม่อยากทำเพราะว่าสำนักร้อยพิษทำอะไรก็มักจะเหี้ยมโหด และกำเริบเสิบสานไม่แน่คุณบาดหมางกับสำนักร้อยพิษเมื่อไหร่ ก็จะถูกพวกเขาจดจำความแค้นเอาไว้คนในสำนักของพวกเขาแอบมีคนวางจากคุณ วิธีการวางยามีความแปลกประหลาดหลากหลายวิธี สังเกตเห็นได้ยากสภาพหลังจากถูกยาพิษก็ทำให้คนกลัวจนตัวสั่นมีบางคนกลายเป็นหนองในทันที และก็มีบางคนร้องโอดครวญอยู่หลายคืนถึงจะเสียชีวิตเ
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน
“ใช่ครับ!”เริ่นโหย่วไฉพูดอย่างกระวนกระวาย: "คุณรีบพาคนมาที่นี่เร็วๆ เถอะครับ ทางด้านผม... ผมจะต้านไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว!"“ต้านไม่อยู่?”จางฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อยหรือว่าคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจียจะเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?ที่นี่เริ่นโหย่วไฉมีผู้คุ้มกันนับร้อยคน เขาคนเดียวสามารถจัดการผู้คุ้มกันทั้งหมดได้?”จางฉุนไม่เชื่อเรื่องนี้แต่ไม่นานความคิดอีกอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจเขาเริ่นโหย่วไฉคนนี้คงจะพูดเกินจริงไปมากอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเองเพิ่มมากขึ้นหลังจากสาปแช่งจิ้งจอกแก่แล้ว จางฉุนก็เพียงแต่เร่งฝีเท้าของลูกน้องเขาให้เร็วขึ้นเท่านั้นแต่ที่แปลกคือระหว่างทางกลับเงียบสงบมากและพวกยามโรงงานเสื้อผ้าที่อยู่ที่นี่แต่เดิมก็หายไปไหนไม่รู้"เดี๋ยวก่อน!"สวีโจวยื่นมือออกไปเพื่อหยุดทุกคนไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าเขาจ้องดูใบหน้าที่ใจร้อนของจางฉุนแล้วขมวดคิ้วพูด:“คุณ...จางฉุน หรือว่าคุณไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติบ้างหรือ?”“ไม่ปกติอะไร?”ในขณะนี้จางฉุนเอาแต่นึกถึงรูปร่างที่น่าสะพรึงกลัวและใบหน้าที่งดงามของอิ่นนั่วเจียเพียงเท่านั้นยิ่งระยะทางใกล้เข้ามา เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไฟที่อยู่ด้านล่
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา