วันนี้นายท่านและหลี่ฮุ่ยหรานมีความเข้าใจกันที่ไม่เอ่ยถึงเรื่องของหลี่ไห่ซานทั้งสองคนต่างก็ไม่อยากเพิ่มความรู้สึกทุกข์ระทมขึ้นอีก“เหอะ สองเดือน?”ขณะที่ผู้หญิงทั้งสองกำลังซาบซึ้งใจเมื่อมองดูแผ่นหลังของหลี่ไห่หง หลิ่วเยว่ฟางที่อยู่ข้าง ๆก็แย่งสัญญาโอนจากมือของหลี่กงเฉิงมาสายตาของเธอก็เห็นราคาที่คุณปู่เขียนในลงสัญญาห้าร้อยล้านบาทเธอสูดลมหายใจ ก่อนจะแอบหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเอง แล้วเพิ่มเลขศูนย์ตัวสุดท้ายเพิ่มอีกหนึ่งตัวตอนนี้ก็กลายเป็นห้าพันล้านบาทแล้วจากนั้นเธอก็รีบยื่นสัญญาที่เปลี่ยนแปลงให้กับหลี่กงเฉิง และหลี่กงเฉิงก็มองเห็นราคาที่หลิ่วเยว่ฟางแก้ไขในสัญญาแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที“นี่คือเงินค้ำประกัน ถ้าหากว่าหลี่ฮุ่ยหรานทำไม่สำเร็จล่ะ? พวกเราจะไม่ขาดทุนครั้งใหญ่หรอกเหรอ?”“ให้คนนอกอย่างหลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้นำตระกูลหลี่เจียงหนานของเรา แล้วหน้าพวกเราจะเอาไปไว้ที่ไหน?!”“อย่าไปบอกคนอื่นล่ะ!”หลิ่วเยว่ฟางใช้เสียงต่ำคุกคามหลี่กงเฉิงขณะที่หลี่กงเฉิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็สังเกตเห็นแววตาของหลินเฟิงที่เปลี่ยนแปลงไป ก่อนจะรีบแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาไ
“ถังหว่าน ทำไมคุณ...คุณถึงทำแบบนี้!”หลี่ฮุ่ยหรานโมโหจนเกือบจะร้องไห้ออกมาถังหว่านกลับเข้ามาโอบหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ แล้วพูดจายั่วยวน: “อุ๊ย ๆ น้องหลี่ฮุ่ยหราน ทำไมเธอถึงร้องไห้แล้วล่ะ น่าสงสารจริง ๆ”“แต่ความจริงก็มักจะโหดร้ายแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะเป็นการงานหรือความรัก นี่เป็นสนามรบที่ฆ่าฟันคนโดยไม่มีความลังเลนะ!”“ความตื่นตัวของคุณยังไม่เพียงพอ”ถังหว่านยิ้มตาหยีแล้วส่ายนิ้วชี้ไปมา“คิดดูแล้ว ฉันจะช่วยคุณให้กลายเป็นผู้นำตระกูลหลี่อย่างง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไร?”“หรือจะช่วยให้คุณกลายเป็นผู้นำตระกูลหลี่แล้วมากดหัวฉันงั้นเหรอ?”“นี่เป็นการยกก้อนหินทุ่มใส่เท้าตัวเองชัด ๆ ฉันยังไม่ได้โง่เหมือนกับคุณขนาดนั้น”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานจะถูกถังหว่านพูดจนใจสลาย หลินเฟิงจึงรีบพูดขึ้นอย่างจนปัญญา: “เอาล่ะถังหว่าน คุณเลิกขู่ฮุ่ยหรานได้แล้ว ตกลงว่าคุณมีวิธีอะไรกันแน่?”“เอ๊ะ?”ถังหว่านมองไปทางหลินเฟิงด้วยใบหน้าตกตะลึง“ที่รัก คุณทำไมถึงคิดว่าฉันกำลังขู่เธอล่ะ? นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก ๆ เลยนะ ฉันสามารถถือโอกาสนี้เอาชนะหลี่ฮุ่ยหรานได้อย่างสิ้นเชิง”“ฉันพูดออกมาอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ฉันไม่มีวิธีอะไร
ถังหว่านแลบลิ้นหลี่ฮุ่ยหรานกลับขมวดคิ้วขึ้นมา“เอาล่ะ เรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่ผมจัดการ พวกคุณสองคนเพียงแค่ฟังคำสั่งของผมก็พอแล้ว เดือนนี้พวกคุณสองคนรับผิดชอบเรื่องโฆษณา หาคนที่มีหน้ามีตาในเมืองเจียงโจวมาสร้างแรงผลักดัน”“ยิ่งโอเวอร์ยิ่งดี”“ส่วนผม”หลินเฟิงเหลือบมองฟาร์ม และถอนหายใจพูดว่า: “เกรงว่าในช่วงเวลานี้ไม่สามารถออกจากที่นี่ได้แล้ว”“หลินเฟิง…”หลี่ฮุ่ยหรานซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเดิมทีเธออยากจะพึ่งพาตัวเองเพื่อให้ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลมา แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายยังต้องพึ่งพาหลินเฟิงให้ออกหน้าในขณะที่รู้สึกซาบซึ้ง ก็รู้สึกอับอายเล็กน้อยดูท่าก่อนหน้านี้ที่หลินเฟิงเคยพูดไว้ สามปีที่พวกเขาแต่งงานกัน ที่หลี่ซื่อกรุ๊ปสามารถพัฒนาจนใหญ่โตได้ เป็นเพราะพึ่งพาหลินเฟิง ประโยคนี้ไม่ได้โกหกเลยด้วยซ้ำ“เอาล่ะ ถ้าหากคุณสามารถจัดการได้ทุกเรื่อง งั้นยังจะมีผมเอาไว้ทำอะไร ไปทำงานซะเถอะ”หลินเฟิงตบศีรษะของหลี่ฮุ่ยหราน“อืม”หลี่ฮุ่ยหรานพยักหน้าอย่างว่าง่าย“หลินเฟิง คุณลำเอียงเกินไปแล้ว ทำไมถึงช่วยเหลือหลี่ฮุ่ยหรานทุกเรื่อง พอเป็นฉันกลับไม่สนใจไยดี? ฉันโกรธแล้วนะ!”ถังหว่านทำปากจู๋
“คุณชายหลิน คุณงานยุ่งหลายวันแล้ว ไม่สู้ให้ผมขับรถเถอะครับ”จ้าวเทียนหวามองไปทางหลินเฟิงที่หน้าซีดเซียว ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสาร ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่จ้าวเทียนหวาโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ของตระกูลเย่เมืองหนิงโจวกับหลินเฟิง ก็ผ่านไปห้าวันแล้วห้าวันนี้ หลินเฟิงไม่ได้หยุดพักเลยแม้แต่วินาทีเดียวเขาวางแผนด้านต่าง ๆ ของฟาร์มก่อน รวมทั้งน้ำพุร้อน และฟาร์มเพาะพันธุ์ ฟาร์มม้าและสวนผลไม้แผนการทั้งหมดก็เพื่อโฮมสเตย์ที่เพียบพร้อมจากนั้นก็ให้จ้าวเทียนหวาทุ่มเงินจำนวนมาก จ้างดีไซเนอร์อันดับหนึ่งของประเทศมังกรมาเพื่อออกแบบบโฮมสเตย์ที่หรูหราสวยงามให้พวกเขาหลินเฟิงเร่งรัดให้สร้างสิ่งก่อสร้างในโฮมสเตย์ให้เสร็จภายในเวลาหนึ่งเดือน ด้วยเหตุนี้ จ้าวเทียนหวาจึงจ้างทีมงานก่อสร้างมากกว่าพันคนเต็ม ๆ ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนภายหลัง หลินเฟิงให้ใบรายการกับจ้าวเทียนหวาให้เขาไปซื้อยาตามวัตถุดิบยาที่อยู่บนรายการ ในตอนที่จ้าวเทียนหวาถามขึ้นด้วยความสงสัยว่าใครกิน หลินเฟิงเพียงแค่ยิ้มอย่างลึกลับ และไม่ได้ตอบกลับในตอนที่ทั้งสองคนออกเดินทาง เป็นวันที่ห้าพอดีจ้าวเทียนหวามองดูหลินเฟิงนำวัตถุดิบยาหาย
ขี่ม้า ตกปลาและกิจกรรมบันเทิงอื่น ๆ กลับถูกหลินเฟิงทำเป็นโครงการการประลองการแข่งขันด้านกรีฑาผู้ชนะจะได้รับรางวัลและรางวัล คือการบริการขั้นสูงยิ่งกว่าในโฮมสเตย์หลินเฟิงถึงขั้นที่มีความคิดที่จะโฆษณาการแข่งขันเหล่านี้ออกไปเพื่อเพิ่มผู้เข้าร่วมจากภายนอกเมื่อได้ยินหลินเฟิงบอกเล่าการวงแผนที่ยิ่งใหญ่ จ้าวเทียนหวารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และอาสาตัวในทันที เขายากจะเป็นลูกค้าคนแรกที่ทำการจองหลินเฟิงจึงรับปากอย่างเต็มใจอยู่แล้วตอนนี้ทุกอย่างในโฮมสเตย์เป็นไปตามแผนแล้ว เขาที่เป็นหัวหน้าวางแผนก็ควรจะพักสักหน่อย เรื่องหลังจากนี้ก็มอบหมายให้จ้าวเทียนหวาไปจัดการแล้วสำหรับโฆษณาและการประชาสัมพันธ์สาวสวยทั้งสองคนมีความน่าสนใจกว่าเขาเยอะเลย?ทั้งสองคนพูดคุยกันบนรถ ไม่นานนักก็มาถึงเมืองหนิงโจวตระกูลเย่เลือกจัดงานประมูลที่ตลาดมืดแห่งหนึ่งดูท่าของสะสมมากมายของผู้นำตระกูลเย่ มีที่มาที่ไม่เป็นทางการ ไม่สามารถนำออกมาได้อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาตลาดมืดใต้ดินคนดีคนเลวอยู่ปะปนกัน ถึงแม้สมบัติล้ำค่ามีมากมาย แต่เมื่อเทียบกับโลกภายนอกราคานั้นแพงกว่า“คุณชายหลิน เชิญครับ”เห็นได้ชัดว่าจ้าวเทียนหวา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็รอดูได้เลย”หญิงสาวก็หัวเราะเยาะ และปะทะกับหลินเฟิงและจ้าวเทียนหวาอย่างดุเดือดด้วยเหตุนี้ จ้าวเทียนหวายังอยากจะพูดอะไร แต่ถูกหลินเฟิงขวางเอาไว้ก่อน“ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัว เป้าหมายของพวกเราก็คืองานประมูล”“ปล่อยให้นังหนูนี่ได้เปรียบซะแล้ว”จ้าวเทียนหวาหัวเราะเยาะถึงแม้ธุรกิจหลักของเขาจะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ไม่ได้หมายความว่าอำนาจภายในประเทศมังกรจะแย่ ไม่อย่างนั้นเขาจะตรวจสอบธาตุแท้ของตระกูลเย่ได้รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?หลังจากที่ของประมูลแต่ละชิ้นในงานประมูลถูกประมูลออกไป สมบัติล้ำค่าที่สำคัญจริง ๆ ก็เริ่มถูกยกขึ้นมาไม่นานนัก รากต้นไม้สีเหลือง ขนาดเท่ากำปั้นถูกวางไว้บนผ้าสีแดง และปรากฏในดวงตาของหลินเฟิง“ดูสิครับ! คุณชายหลิน นั่นก็คือรากต้นโพธิ์สินะครับ?!”จ้าวเทียนหวามีน้ำเสียงตื่นเต้นแต่ทว่าเขากลับไม่เห็นว่าหลินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย“แขกเหรื่อที่อยู่ในงานทุกท่าน นี่ก็คือสินค้าประมูลในลำดับต่อไป สมบัติล้ำค่าหนึ่งในของสะสมที่สำคัญที่สุดของพ่อฉัน และมักจะนำออกมาชื่นชมคิดไม่ถึงว่าพิธีกรก็คือลูกสาวของผู้นำตระกูลเย่เธอพูดแนะนำต่อทุกคนอย่างเ
วันนี้ หลินเฟิงถือว่าได้เปิดหูเปิดตาอีกครั้ง“หนึ่งพันห้าร้อยบาท ฉันเสนอหนึ่งพันห้าร้อยบาท”ผู้ชายที่สวมชุดลำลองยกป้ายขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากเสียงที่เอื่อยเฉื่อยของผู้ชายคนนี้ดังขึ้น ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบ“รากต้นโพธิ์เป็นของสำนักร้อยพิษ ถ้าหากใครกล้าแย่งกับสำนักร้อยพิษของฉัน งั้นก็แสดงว่าอยากมีปัญหากับสำนักร้อยพิษ”ชายวัยรุ่นเกาหน้าอกของตัวเองด้วยความเอื่อยเฉื่อย จากนั้นยิ้มตาหยีพูดว่า: “คนที่เป็นศัตรูกับสำนักร้อยพิษของฉัน พวกคุณก็น่าจะรู้จุดจบใช่ไหม?”หลังจากที่ผู้ชายคนนี้กวาดตามองรอบ ๆ คนที่สบตากับเขา ก็หนังหน้ากระตุก และถอยออกจากการแข่งขันอย่างรู้ตัวผิดใจกับสำนักร้อยพิษเมืองหนานไห่เรื่องแบบนี้ใครก็ไม่อยากทำเพราะว่าสำนักร้อยพิษทำอะไรก็มักจะเหี้ยมโหด และกำเริบเสิบสานไม่แน่คุณบาดหมางกับสำนักร้อยพิษเมื่อไหร่ ก็จะถูกพวกเขาจดจำความแค้นเอาไว้คนในสำนักของพวกเขาแอบมีคนวางจากคุณ วิธีการวางยามีความแปลกประหลาดหลากหลายวิธี สังเกตเห็นได้ยากสภาพหลังจากถูกยาพิษก็ทำให้คนกลัวจนตัวสั่นมีบางคนกลายเป็นหนองในทันที และก็มีบางคนร้องโอดครวญอยู่หลายคืนถึงจะเสียชีวิตเ
หลงเซียวใบหน้าเต็มไปด้วยความลำพองใจแข่งผู้อยู่เบื้องหลัง?ตั้งแต่เล็กจนโต เธอหลงเซียวไม่เคยกลัวมาก่อน!หนุ่มเอื่อยเฉื่อยก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดจา เขารู้ดีว่าหลงเซียวเป็นคนที่รับมือได้ยากมาก มีเรื่องกับเธอ ก็เท่ากับว่ามีเรื่องกับน้องชายของเธอนั่นก็คือจอมมารของสำนักหลงผาน“เอ๊ะ ใจเสาะจริง ๆ น่าเบื่อหลงเซียวถอนหายใจด้วยความเสียดาย และนั่งกลับไปบนที่นั่งของตัวเองสายตาของเธอกวาดตามองหลินเฟิงที่อยู่ด้านข้างเหมือนไม่ได้ใส่ใจเดิมคิดว่าหลังจากหลินเฟิงได้ยินชื่อของเธอแล้วจะตกใจ หรือถึงขั้นที่คุกเข่าลงทันทีแต่คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้ยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย ไม่ได้มีท่าทีตกใจด้วยซ้ำถึงขั้นที่ไม่ได้มองเธอสักนิดด้วยซ้ำนั่งอยู่ตรงที่นั่งของตัวเองอย่างนิ่งเฉยแบบนั้น มองข้ามการแสดงเมื่อครู่ของเธอไปโดยสิ้นเชิง“ไม่ เขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ถูกทำให้ตกใจ เพียงแค่แสร้งทำเป็นนิ่งเฉยเท่านั้น เพียงเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองเอาไว้เท่านั้น”หลงเซียวเริ่มคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในใจเต็มไปด้วยความเหยียดหยามที่มีต่อหลินเฟิง“คุณหลงเซียวเสนอราคาสองพันล้านห้าร้อยล้านบาท?”ลูกสาวตระกูลเย่ที่อยู่บนเวทีสีหน้าแย่มา
ในที่สุดเสียงตะโกนร้องของหลี่ฮุ่ยหรานก็ทำให้กำแพงของจางกุ้ยหลานพังทลายก่อนที่เธอจะกระโดดลงจากเตียงแล้วพุ่งไปที่กำแพง“ฮุ่ยหราน แม่ขอโทษ แม่ก็ไม่มีทางแล้วเหมือนกัน ให้แม่ตายตอนนี้ เพื่อชดใช้หนี้ของลูก...”จางกุ้ยหลานร้องสะอื้น พร้อมทั้งกระแทกใส่กำแพงอย่างแรงกระแทกไปเพียงสองครั้ง ผ้าก๊อซบนหัวของเธอก็เริ่มมีเลือดไหลออกอีกครั้ง“หยุดนะ!”หลี่ฮุ่ยหรานคว้าแม่ของตัวเองไว้ ก่อนจะตะโกนว่า :“แม่เอาการฆ่าตัวตายมาข่มขู่อยู่ตรงนี้ แล้วจะเอาชีวิตมาชดใช้หนี้ของหนูได้ยังไง? แทนที่แม่จะคิดหาวิธีดี ๆว่าควรจะเอาเงินกลับมาได้ยังไง!”“ตอนนี้แม่หาหลี่เหวินเชา ให้เขารีบมาที่นี่!”หลี่ฮุ่ยหรานพูดขึ้นด้วยความโกรธ“ได้ได้ได้....”จางกุ้นหลานเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะรีบต่อสายหาหลี่เหวินเชาทันทีแต่เสียงดังไม่กี่ครั้ง หลี่เหวินเชาก็ตัดสายไป“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”หลี่ฮุ่ยหรานมองไปที่หลินเฟิงอย่างสงสัย หรือว่าหลี่เหวินเชาจะถูกน้องชายของโจวเซวียโหลวจับตัวไปแล้ว?“ผมโทรเอง”หลินเฟิงเดินเข้ามา แล้วเอาหมายเลขโทรศัพท์มือถือของหลี่เหวินเชาจากจางกุ้ยหลานและกดโทรออกเสียงดังขึ้นสองครั้ง หลี่เหวินเชา
หลังจากที่ทุกคนพูดถึงหลี่เหวินเชากันสักพัก หลี่ฮุ่ยหรานก็กลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง“แล้วบาดแผลของแม่เป็นยังไงบ้าง?”“เมื่อหาหลี่เหวินเชาไม่เจอ และก็ไม่เห็นโจวเซวียโหลว คุณป้าก็เลยทำได้เพียงไปเอาเงินที่เจี้ยนหงกรุ๊ป”“แต่เจี้ยนหงกรุ๊ปกลับให้เหตุผลว่าคุณป้าเซ็นสัญญาที่ไม่สามารถคืนเงินได้ ดังนั้นคุณป้าก็เลยเอะอะโวยวายกับพวกเขา ผลสุดท้ายก็เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกับพวกเขา และไม่ระวังจนหัวไปกระแทกกับกำแพงเข้า”จางซินแบมือออก พร้อมกับอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“แม่ แม่นี่นะ......เฮ้อ แม่นี่เลอะเลือนแล้วจริง ๆ!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้ว่า จริง ๆแล้วเรื่องในครั้งนี้ไม่ควรตำหนิจางกุ้ยหลาน ถ้าจะตำหนิ ก็ทำได้เพียงตำหนิลูกชายที่เธอให้กำเนิดมานั้นช่างชั่วช้าเกินไปหลังจากที่หลอกแม่ของตัวเองแล้ว ก็หันหลังกลับไปหลอกพี่สาวของตัวเอง และถึงขนาดขายพี่สาวของตัวเองเพื่อเงินอีกด้วยพูดได้แค่ว่า ไอ้สารเลวที่ชั่วร้ายไร้ยางอาย“แม่ ไม่ต้องกังวล คราวนี้พวกคุณเสียเงินไปเท่าไหร? ให้หนูดูหน่อยว่าจะสามารถช่วยพวกคุณโปะช่วงโหว่ได้ชั่วคราวหรือไม่”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วก่อนจะถามขึ้นว่า :จางกุ้ยหลานอ้าปาก แต่กลับพูดไม่อ
ในตอนนี้จางซินเดินเข้ามาจากด้านนอกห้องพักผู้ป่วย เธอเห็นหลี่ฮุ่ยหรานก็ถอนหายใจออกมา“พี่ พี่รีบช่วยคุณป้าเถอะ”“ทำไมเหรอ?”ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิด แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังฝืนเอ่ยปากออกมา“ฉันพูดเองแล้วกัน”จางกุ้ยหลานสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไว เมื่อครู่ยังมีสีหน้าไม่ยินยอม ตอนนี้กลับหน้าบิดเบี้ยวเธออยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ทำได้เพียงทอดถอนใจพูดว่า:“ฮุ่ยหราน แม่...แม่ทำผิดต่อลูก!”พูดจบ เธอก็จะชนเข้ากับกำแพงถึงแม้เห็นได้ชัดว่าเสแสร้งแกล้งทำ แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังรีบขวางจางกุ้ยหลานที่อารมณ์วู่วามเอาไว้“แม่ แม่เป็นอะไรกันแน่?”หลี่ฮุ่ยหรานฟังอย่างงุนงง จางกุ้ยหลานสร้างเรื่องอะไรให้เธออีก?“พี่ พี่รู้จักโจวโจวเสวียโหลวหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองเจิ้งเต๋อไหม?”จางซินที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นมา“โจวเสวียโหลว?”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินชื่อนี้ หัวใจก็ใจกระตุก“ฉันรู้จัก ทำไมเหรอ?”“ไม่กี่วันก่อน เหวินเชากลับมา พอเขามาถึงเจียงโจว ก็มาหาฉันด้วยความรีบร้อน บอกว่ามีธุรกิจใหญ่...”จางกุ้ยหลานพูดทั้งสะอึกสะอื้น“ธุรกิจใหญ่ที่หลี่เหวินเชาพูดถึง ก็คือที่ดินผืนหนึ่งที่อยู่ในมือของโจวเสวียโหลว”จาง
แถมน้องชายคนนี้ก็ยังมีส่วนร่วมในขั้นตอนทั้งหมดอีกด้วยหลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจ และพูดว่า :“โจวเสวียโหลวไม่นับประสาอะไร แต่น้องชายคนนี้ของเขาเป็นถึงเสาหลักของเจี้ยนหงกรุ๊ปทั้งหมด แถมเขาก็ยังอยู่ในที่ลับมาโดยตลอดอีกด้วย”“ครั้งนี้ตั้งใจใช้นายเป็นเครื่องมือ ก็เป็นความคิดของเขาด้วย”“เมื่อครู่เขาบอกฉันหมดแล้ว”“งั้น...งั้นจะทำยังไงดี? ผมควรจะทำยังไงดี? พี่ ไม่อยากตาย! พี่ ขอร้องล่ะ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วยนะ!”หลี่เหวินเชาตกใจมากจนล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นหากให้น้องชายของโจวเซวียโหลวรู้ว่าเขาคือคนที่ฆ่าโจวเซวียโหลวละก็ งั้นตัวเขาที่ไม่มีอำนาจและไม่มีใครปกป้องจะต้องเจอจุดจบที่น่าสังเวชมากแน่ ๆ“เหอะ เดิมทีฉันจะปล่อยโจวเซวียโหลวไปแล้ว แต่นายกลับยืนกรานที่จะเอาชีวิตเขา ตอนนี้นายเลยต้องมารับผลที่ตัวเองก่อไว้”หลินเฟิงกอดอก เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการที่จะจัดการเรื่องวุ่นวายนี้“หลี่เหวินเชา หลินเฟิงพูดถูกแล้ว แกต้องรับผิดชอบด้วยตัวแกเอง”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเย็นชาว่า“แกคงไม่คิดว่าหลังจากที่แกวางแผนทำร้ายฉันแล้ว และยังอยากได้บริษัทและความบริสุทธิ์ของฉัน ฉันจะยังช่วยแกโดยไม่คำนึงถึงความแค้นใ
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ดีว่าถูกใครทำร้ายในเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้านี้เมื่อวานหลี่เหวินเชากลับมาพึ่งพาเธอ เดิมทีเธอคิดว่าหลี่เหวินเชาไม่เหมือนกับจางซิน ดังนั้นเธอจึงจัดการตำแหน่งที่ว่างให้หลี่เหวินเชาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาหลี่เหวินเชาจะหักหลังเธอ“หากแกไม่ใช่น้องชายของฉัน ฉันคงฆ่าแกไปนานแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานดุด่าเสียงดังลั่นและในตอนที่โดนด่า หลี่เหวินเชาก็ทำได้เพียงหดคอและก้มหน้าลงหลินเฟิงที่ไม่เคยเห็นหลี่ฮุ่ยหรานโกรธมากขนาดนี้มาก่อน รีบเอื้อมมือไปปลอบใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโถมตัวเข้าหาหลินเฟิงโดยตรงพร้อมกับร้องไห้ในวินาทีถัดมา“หลินเฟิง มันเป็นเพราะอะไร เพราะอะไรกัน....”“คนในครอบครัวของฉันต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดได้ยังไง?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ที่แล้ว”หลินเฟิงตบหลังของหลี่ฮุ่ยหรานเบา ๆ พร้อมกับปลอบโยนเธออย่างระมัดระวัง“พี่ ขอโทษ....ผม....ผมก็ ถูกบังคับไม่มีทางเลือกเหมือนกัน....”หลี่เหวินเชาอธิบายอย่างอึกอักไม่กล้าพูด“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากฟังแกอธิบาย”หลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งจริง ๆเธอใช้เวลาไม่นานก็จัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว พร้อมกับ
“ผู้หญิงคนนั้นผมบังเอิญเจอตอนกำลังคุยเรื่องธุรกิจที่ประเทศเวน่า เธอ....เธอเป็นฝ่ายยั่วยวนผมและให้ผม...แค่กแค่ก.....”“ให้ผมลงทุนที่ดินสองผืน จนได้กำไรไม่น้อย”ประธานโจวพูดอย่างอ่อนแรงว่า :“ด้วยเหตุนี้ผมก็ตกหลุมพลางของเธอ และไว้ใจเธอมาก”“แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอหนีไปจากผมแล้วแถม...แถมยังเอาทรัพย์สินส่วนใหญ่ของบริษัทผมไปด้วย แค่กแค่กแค่ก...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ประธานโจวก็โกรธมากอย่างเห็นได้ชัด“หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผม...ผมก็คงไม่หวาดกลัวว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปจะดีเด่นขึ้นมา....”“เป็นแบบนี้นี่เอง”หลินเฟิงรู้สึกสะเทือนใจประธานโจวบอกว่าเขาพบกับฉู่ฮวาจิ่นที่ประเทศเวน่าหรือว่าฉู่ฮวาจิ่นคนนี้จะเป็นคนประเทศเวน่า?“ใช่....ใช่แล้ว คุณ...คุณชายหลิน”ประธานโจวที่เห็นว่าหลินเฟิงสนใจผู้หญิงคนนั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงรีบพูดว่า:“ผู้หญิงคนนั้นแพ้ดอกลิลลี่ อีกทั้งแพ้อย่างรุนแรง”“แพ้ดอกลิลลี่?”หลินเฟิงแอบจดจำไว้ในใจ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เลือกที่จะฆ่าประธานโจวโดยตรง แต่ถามเขาเกี่ยวกับฉู่ฮวาจิ่น ก็ยังได้ข้อมูลอะไรบางอย่างด้วยแน่นอนว่า เรื่องก็อาจจะเป็นเรื่องที่โกหกขึ้นมาแต่เมื่อ
นี่เป็นร่างกายที่เหมือนกับเทพเพียงแต่พลังชี่แท้ของเขายังคงเป็นขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน“ถ้าหากฉันเรียนรู้ที่จะลอยตัวได้ และปล่อยคาถา ก็จะเป็นเทพจริงๆ แล้วใช่ไหม?”“หรือพูดว่า...ขอบเขตเทพ?”หลินเฟิงลังเลเล็กน้อยหรือว่าร่างกายของเขาตอนนี้ได้บรรลุขอบเขตเทพแล้ว?นี่คือระดับขั้นที่อยู่เหนือแดนแปรภาพยอดฝีมือขอบเขตเทพทั่วทั้งประเทศมังกร สามารถใช้นิ้วนับได้หลินเฟิงตั้งสติ กวาดสายตามองลูกสมุนที่คุกเข่ากราบเขาอยู่รอบๆ ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ไสหัวไป”“ครับครับครับ ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราไสหัวไป จะไปเดี๋ยวนี้ครับ”“รีบไป...ไม่ รีบไสหัวไป ไสหัวไปสิ...”มองดูพวกลูกสมุนหลายสิบคนที่ทิ้งอาวุธหนีไป หลินเฟิงกลับไม่ได้ตามไปโจมตีเขาไม่ใช่คนที่ฆ่าไม่เลือก คนเหล่านี้ถึงแม้จะมีโทษประหาร แต่ไม่มีความท่าทีจะต่อสู้แล้ว แลก็ไม่ได้ขวางทางหลินเฟิงเช่นนั้นหลินเฟิงก็ขี้เกียจจะสนใจ“เอาล่ะ”หลินเฟิงยื่นมือไปจับคอเสื้อของหลี่เหวินเชา เหมือนกับยกลูกไก่ขึ้นมาส่วนประธานโจว ตอนนี้หน้าเละเทะ คนทั้งคนเหลือลมหายใจอยู่แค่เพียงครึ่งเดียวดูท่าเพื่อที่จะรอดชีวิต หลี่เหวินเชาลงมือไดด้อย่างไ
“พรวด!”หลินเฟิงไม่ได้ใช้พลังชี่แท้ เขายกเท้าขึ้น เตะร่างกายท่อนบนของหานเวยจนระเบิดออกมองดูเลือดสดและเนื้อที่กระเด็นไปทั่ว สีหน้าของประธานโจวกับหลี่เหวินเชาเปลี่ยนไปซีดขาวโดยสิ้นเชิง“นี่...นี่เขาแม่งใช่คนเหรอ?”ประธานโจวเหลือบมองหลี่เหวินเชา อยากจะตบหน้าเขาต่อหน้าทุกคน เขาแม่งเชิญพญายมมาจากที่ไหนกัน?หรือว่าตั้งใจอยากจะฆ่าเขางั้นเหรอ?“ผม...เป็นไปได้ยังไง...”หลี่เหวินเชาหน้าตาโศกเศร้า สีหน้าของเขาแย่ยิ่งกว่าประธานโจว คนทั้งคนแทบเหมือนกับถูกสูบกระดูกอ่อน ตัวอ่อนทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างสั่นเทาถ้าหากหลินเฟิงตามมาจะไม่ฆ่าเขาได้ในทันทีเลยเหรอ?นึกถึงเรื่องเลห่านี้ที่ตัวเองทำ และคำพูดรุนแรงที่เขาพูดกับหลินเฟิงเมื่อครู่นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะตบหน้าตัวเอง“นี่...ทำยังไงดี?”หลี่เหวินเชางุนงงไปหมด เขาพยายามคิดหาวิธีให้ตัวเองรอดชีวิตไปได้ และในตอนนี้เอง เขาก็เห็นสายตาที่ดุเดือดของประธานโจวที่มีต่อเขาเช่นเดียวกันหลี่เหวินเชาที่กำลังกระวนกระวายในตอนแรก เป็นเหมือนกับหมาป่าที่ถูกต้อนจนสิ้นหวัง กลับเผยสายตาดุดันออกมาใส่ประธานโจว “ทั้งหมดเป็นเพราะแกข่มขู่ฉัน! แม่งเอ๊ย!”หลี่เหวิน
ตอนนี้ ทุกคนต่างคิดว่าคนที่พ่ายแพ้และมีเลือดไหลออกมาก็คือหลินเฟิงแต่...“แค่กแค่กแค่ก.พี่ใหญ่ รีบ...รีบหนี”เสียงไอที่อ่อนแรงดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกควัน“อะไรกัน?!”หานเวยที่กุมข้อมือที่หักของตัวเอง คุกเข่าอยู่บนพื้นถลึงตาโต เขาได้ยินอะไร?เขาเหมือนกับได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของน้องชายตัวเองแถมยังให้เขาหนีไปอีก?ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?ไม่ถึงสองวินาที ควันฝุ่นหายไปจนหมด ในที่สุดหานเวยก็เห็นภาพตรงหน้าแล้วเห็นเพียงแค่หลินเฟิงยื่นหมัดออกมาอย่างเงียบสงบคิดไม่ถึงว่าจะโจมตีโดนหน้าอกของหานกั๋วโดยตรงแบบนี้!ศพของหานกั๋วห้อยอยู่ที่แขนของหลินเฟิง แขนกับศีรษะตก ไม่มีลมหายใจแล้ว!“อะไร?!”หานเวยตกตะลึงจนหน้าถอดสี น้องชายของเขาถูกหมัดธรรมดาๆ แบบนี้...ฆ่าตายงั้นเหรอ?!”“ฮะ?!”หลี่เหวินเชาก็แสดงความตกตะลึงออกมากับผลลัพธ์แบบนี้เป็นเพราะเขารู้ว่าหลินเฟิงก็เป็นนักบู๊ถึงแม้จจะออกจากเมืองเจียงโจวไประยะหนึ่งแล้ว แต่เขาได้ยินมาจากที่ต่างๆ ว่าความสามารถของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากด้วยเหตุนี้ เขาจึงเตือนประธานโจวโดยเฉพาะและประธานโจวก็ไม่ได้สะเพร่า จ่ายเงินไปก้อนใหญ่ เชิญพี่น้องตระกูลหาน