หลี่ไห่หงยิ้มอีกครั้ง: “ไก่ เป็ด ปลาและห่าน ยังมีหมูกับแพะ แม้แต่บ่อน้ำขนาดใหญ่ก็ยังมี....”“พวกนี้ล้วนเป็นสมบัติที่ฉันหาบริหารมาหลายปี”หลี่ไห่หงมองดูฟาร์มที่ไม่มีที่สิ้นสุดแห่งนี้ด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก“แต่ก็ขาดทุนทั้งหมดไม่ใช่เหรอ”หลิ่วเยว่ฟางที่อยู่ข้าง ๆพูดประโยคอย่างนี้ขึ้นมาทำร้ายบรรยากาศทันใดนั้น สีหน้าของคุณปู่ก็ดูไม่ดีเมื่อหลี่กงเฉิงเห็นแบบนี้ ก็รีบเข้ามาจัดการให้เรื่องมันคลี่คลาย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“ฮุ่ยหราน พ่อของฉันใช้ความคิดและกำลังมากเกินไปกับฟาร์มแห่งนี้ ฉันอยากให้เขาอยู่อย่างสงบสุข เพราะงั้นก็เลยคิดจะให้คนอื่นมาดูแลฟาร์มนี้แทน”“ถูกต้อง”สีหน้าของนายท่านผ่อนคลายลง ก่อนจะถอนหายใจและพูดว่า: “หลังจากพี่ไห่ซานจากไป ฉันก็รู้สึกว่าสุขภาพของตัวเองย่ำแย่ลง ฟาร์มแห่งนี้ ฉันไม่มีแรงทำอีกต่อไปแล้ว”“คุณปู่หง คุณพูดอะไรน่ะ สุขภาพของคุณยังแข็งแรงนะคะ!”“คุณว่าไหมหลินเฟิง?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบมองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ข้าง ๆหลินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหราน เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากและพยักหน้า“ถูกต้อง”อย่างไรก็ตาม หลี่กงเฉิงก็สังเกตเห็นความลั
หลี่ไห่หงจริงจังมากขนาดนี้ จนทำให้หลี่ฮุ่ยหรานทำได้แค่เพียงกลืนคำพูดที่จะพูดออกมาของตัวเองลงไปเพราะผลสุดท้ายของการเจรจาของหลี่ฮุ่ยหรานและถังหว่าน ก็ไม่มีอะไรมากไปว่าการสร้างโรงงานในเมื่อที่ดินที่เป็นที่ราบ และมีแม่น้ำแบบนี้ เป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมทางธรรมชาติชัด ๆถ้าหากทำเป็นโรงงานอย่างที่ว่า ยังไงก็ไม่มีวันขาดทุนแต่ถ้าหากเป็นฟาร์ม ก็พูดยากแล้วเมื่อเห็นความลังเลของหลี่ฮุ่ยหราน หลี่ไห่หงก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจว่า: “ฮุ่ยหราน ไม่ใช่ว่าเธอก็วางแผนที่จะเปลี่ยนฟาร์มของฉันให้เป็นโรงงานด้วยหรอกนะ?“ไม่ใช่ค่ะ”หลี่ฮุ่ยหรานรีบกล่าวปฏิเสธทันที ในขณะเดียวกันก็คิดถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆดูเหมือนว่าคุณปู่หลี่ไห่หงจะให้ความสำคัญกับฟาร์มนี้อย่างมาก และไม่ยอมที่จะให้มลพิษจากโรงงานมาทำลายทิวทัศน์ที่งดงามนี้แต่ปัญหาคือหากเพียงวางแผนและจัดการแค่ฟาร์ม ก็จะไม่สามารถทำกำไรได้จริง ๆไม่เพียงไม่ได้กำไร แต่จะขาดทุนจนไม่เหลืออะไรเลยเมื่อถึงเวลาอย่าบอกว่าคุณปู่หลี่ไห่หงชื่นชมความสามารถของตัวเองเลย เกรงว่าสุดท้ายแล้วก็จะจบลงด้วยความผิดหวังและขาดทุนไม่เพียงแต่จะสูญเสียคุณสมบัติในการแข่งขันเ
วันนี้นายท่านและหลี่ฮุ่ยหรานมีความเข้าใจกันที่ไม่เอ่ยถึงเรื่องของหลี่ไห่ซานทั้งสองคนต่างก็ไม่อยากเพิ่มความรู้สึกทุกข์ระทมขึ้นอีก“เหอะ สองเดือน?”ขณะที่ผู้หญิงทั้งสองกำลังซาบซึ้งใจเมื่อมองดูแผ่นหลังของหลี่ไห่หง หลิ่วเยว่ฟางที่อยู่ข้าง ๆก็แย่งสัญญาโอนจากมือของหลี่กงเฉิงมาสายตาของเธอก็เห็นราคาที่คุณปู่เขียนในลงสัญญาห้าร้อยล้านบาทเธอสูดลมหายใจ ก่อนจะแอบหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเอง แล้วเพิ่มเลขศูนย์ตัวสุดท้ายเพิ่มอีกหนึ่งตัวตอนนี้ก็กลายเป็นห้าพันล้านบาทแล้วจากนั้นเธอก็รีบยื่นสัญญาที่เปลี่ยนแปลงให้กับหลี่กงเฉิง และหลี่กงเฉิงก็มองเห็นราคาที่หลิ่วเยว่ฟางแก้ไขในสัญญาแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที“นี่คือเงินค้ำประกัน ถ้าหากว่าหลี่ฮุ่ยหรานทำไม่สำเร็จล่ะ? พวกเราจะไม่ขาดทุนครั้งใหญ่หรอกเหรอ?”“ให้คนนอกอย่างหลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้นำตระกูลหลี่เจียงหนานของเรา แล้วหน้าพวกเราจะเอาไปไว้ที่ไหน?!”“อย่าไปบอกคนอื่นล่ะ!”หลิ่วเยว่ฟางใช้เสียงต่ำคุกคามหลี่กงเฉิงขณะที่หลี่กงเฉิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็สังเกตเห็นแววตาของหลินเฟิงที่เปลี่ยนแปลงไป ก่อนจะรีบแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาไ
“ถังหว่าน ทำไมคุณ...คุณถึงทำแบบนี้!”หลี่ฮุ่ยหรานโมโหจนเกือบจะร้องไห้ออกมาถังหว่านกลับเข้ามาโอบหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ แล้วพูดจายั่วยวน: “อุ๊ย ๆ น้องหลี่ฮุ่ยหราน ทำไมเธอถึงร้องไห้แล้วล่ะ น่าสงสารจริง ๆ”“แต่ความจริงก็มักจะโหดร้ายแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะเป็นการงานหรือความรัก นี่เป็นสนามรบที่ฆ่าฟันคนโดยไม่มีความลังเลนะ!”“ความตื่นตัวของคุณยังไม่เพียงพอ”ถังหว่านยิ้มตาหยีแล้วส่ายนิ้วชี้ไปมา“คิดดูแล้ว ฉันจะช่วยคุณให้กลายเป็นผู้นำตระกูลหลี่อย่างง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไร?”“หรือจะช่วยให้คุณกลายเป็นผู้นำตระกูลหลี่แล้วมากดหัวฉันงั้นเหรอ?”“นี่เป็นการยกก้อนหินทุ่มใส่เท้าตัวเองชัด ๆ ฉันยังไม่ได้โง่เหมือนกับคุณขนาดนั้น”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานจะถูกถังหว่านพูดจนใจสลาย หลินเฟิงจึงรีบพูดขึ้นอย่างจนปัญญา: “เอาล่ะถังหว่าน คุณเลิกขู่ฮุ่ยหรานได้แล้ว ตกลงว่าคุณมีวิธีอะไรกันแน่?”“เอ๊ะ?”ถังหว่านมองไปทางหลินเฟิงด้วยใบหน้าตกตะลึง“ที่รัก คุณทำไมถึงคิดว่าฉันกำลังขู่เธอล่ะ? นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก ๆ เลยนะ ฉันสามารถถือโอกาสนี้เอาชนะหลี่ฮุ่ยหรานได้อย่างสิ้นเชิง”“ฉันพูดออกมาอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ฉันไม่มีวิธีอะไร
ถังหว่านแลบลิ้นหลี่ฮุ่ยหรานกลับขมวดคิ้วขึ้นมา“เอาล่ะ เรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่ผมจัดการ พวกคุณสองคนเพียงแค่ฟังคำสั่งของผมก็พอแล้ว เดือนนี้พวกคุณสองคนรับผิดชอบเรื่องโฆษณา หาคนที่มีหน้ามีตาในเมืองเจียงโจวมาสร้างแรงผลักดัน”“ยิ่งโอเวอร์ยิ่งดี”“ส่วนผม”หลินเฟิงเหลือบมองฟาร์ม และถอนหายใจพูดว่า: “เกรงว่าในช่วงเวลานี้ไม่สามารถออกจากที่นี่ได้แล้ว”“หลินเฟิง…”หลี่ฮุ่ยหรานซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเดิมทีเธออยากจะพึ่งพาตัวเองเพื่อให้ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลมา แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายยังต้องพึ่งพาหลินเฟิงให้ออกหน้าในขณะที่รู้สึกซาบซึ้ง ก็รู้สึกอับอายเล็กน้อยดูท่าก่อนหน้านี้ที่หลินเฟิงเคยพูดไว้ สามปีที่พวกเขาแต่งงานกัน ที่หลี่ซื่อกรุ๊ปสามารถพัฒนาจนใหญ่โตได้ เป็นเพราะพึ่งพาหลินเฟิง ประโยคนี้ไม่ได้โกหกเลยด้วยซ้ำ“เอาล่ะ ถ้าหากคุณสามารถจัดการได้ทุกเรื่อง งั้นยังจะมีผมเอาไว้ทำอะไร ไปทำงานซะเถอะ”หลินเฟิงตบศีรษะของหลี่ฮุ่ยหราน“อืม”หลี่ฮุ่ยหรานพยักหน้าอย่างว่าง่าย“หลินเฟิง คุณลำเอียงเกินไปแล้ว ทำไมถึงช่วยเหลือหลี่ฮุ่ยหรานทุกเรื่อง พอเป็นฉันกลับไม่สนใจไยดี? ฉันโกรธแล้วนะ!”ถังหว่านทำปากจู๋
“คุณชายหลิน คุณงานยุ่งหลายวันแล้ว ไม่สู้ให้ผมขับรถเถอะครับ”จ้าวเทียนหวามองไปทางหลินเฟิงที่หน้าซีดเซียว ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสาร ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่จ้าวเทียนหวาโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ของตระกูลเย่เมืองหนิงโจวกับหลินเฟิง ก็ผ่านไปห้าวันแล้วห้าวันนี้ หลินเฟิงไม่ได้หยุดพักเลยแม้แต่วินาทีเดียวเขาวางแผนด้านต่าง ๆ ของฟาร์มก่อน รวมทั้งน้ำพุร้อน และฟาร์มเพาะพันธุ์ ฟาร์มม้าและสวนผลไม้แผนการทั้งหมดก็เพื่อโฮมสเตย์ที่เพียบพร้อมจากนั้นก็ให้จ้าวเทียนหวาทุ่มเงินจำนวนมาก จ้างดีไซเนอร์อันดับหนึ่งของประเทศมังกรมาเพื่อออกแบบบโฮมสเตย์ที่หรูหราสวยงามให้พวกเขาหลินเฟิงเร่งรัดให้สร้างสิ่งก่อสร้างในโฮมสเตย์ให้เสร็จภายในเวลาหนึ่งเดือน ด้วยเหตุนี้ จ้าวเทียนหวาจึงจ้างทีมงานก่อสร้างมากกว่าพันคนเต็ม ๆ ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนภายหลัง หลินเฟิงให้ใบรายการกับจ้าวเทียนหวาให้เขาไปซื้อยาตามวัตถุดิบยาที่อยู่บนรายการ ในตอนที่จ้าวเทียนหวาถามขึ้นด้วยความสงสัยว่าใครกิน หลินเฟิงเพียงแค่ยิ้มอย่างลึกลับ และไม่ได้ตอบกลับในตอนที่ทั้งสองคนออกเดินทาง เป็นวันที่ห้าพอดีจ้าวเทียนหวามองดูหลินเฟิงนำวัตถุดิบยาหาย
ขี่ม้า ตกปลาและกิจกรรมบันเทิงอื่น ๆ กลับถูกหลินเฟิงทำเป็นโครงการการประลองการแข่งขันด้านกรีฑาผู้ชนะจะได้รับรางวัลและรางวัล คือการบริการขั้นสูงยิ่งกว่าในโฮมสเตย์หลินเฟิงถึงขั้นที่มีความคิดที่จะโฆษณาการแข่งขันเหล่านี้ออกไปเพื่อเพิ่มผู้เข้าร่วมจากภายนอกเมื่อได้ยินหลินเฟิงบอกเล่าการวงแผนที่ยิ่งใหญ่ จ้าวเทียนหวารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และอาสาตัวในทันที เขายากจะเป็นลูกค้าคนแรกที่ทำการจองหลินเฟิงจึงรับปากอย่างเต็มใจอยู่แล้วตอนนี้ทุกอย่างในโฮมสเตย์เป็นไปตามแผนแล้ว เขาที่เป็นหัวหน้าวางแผนก็ควรจะพักสักหน่อย เรื่องหลังจากนี้ก็มอบหมายให้จ้าวเทียนหวาไปจัดการแล้วสำหรับโฆษณาและการประชาสัมพันธ์สาวสวยทั้งสองคนมีความน่าสนใจกว่าเขาเยอะเลย?ทั้งสองคนพูดคุยกันบนรถ ไม่นานนักก็มาถึงเมืองหนิงโจวตระกูลเย่เลือกจัดงานประมูลที่ตลาดมืดแห่งหนึ่งดูท่าของสะสมมากมายของผู้นำตระกูลเย่ มีที่มาที่ไม่เป็นทางการ ไม่สามารถนำออกมาได้อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาตลาดมืดใต้ดินคนดีคนเลวอยู่ปะปนกัน ถึงแม้สมบัติล้ำค่ามีมากมาย แต่เมื่อเทียบกับโลกภายนอกราคานั้นแพงกว่า“คุณชายหลิน เชิญครับ”เห็นได้ชัดว่าจ้าวเทียนหวา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็รอดูได้เลย”หญิงสาวก็หัวเราะเยาะ และปะทะกับหลินเฟิงและจ้าวเทียนหวาอย่างดุเดือดด้วยเหตุนี้ จ้าวเทียนหวายังอยากจะพูดอะไร แต่ถูกหลินเฟิงขวางเอาไว้ก่อน“ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัว เป้าหมายของพวกเราก็คืองานประมูล”“ปล่อยให้นังหนูนี่ได้เปรียบซะแล้ว”จ้าวเทียนหวาหัวเราะเยาะถึงแม้ธุรกิจหลักของเขาจะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ไม่ได้หมายความว่าอำนาจภายในประเทศมังกรจะแย่ ไม่อย่างนั้นเขาจะตรวจสอบธาตุแท้ของตระกูลเย่ได้รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?หลังจากที่ของประมูลแต่ละชิ้นในงานประมูลถูกประมูลออกไป สมบัติล้ำค่าที่สำคัญจริง ๆ ก็เริ่มถูกยกขึ้นมาไม่นานนัก รากต้นไม้สีเหลือง ขนาดเท่ากำปั้นถูกวางไว้บนผ้าสีแดง และปรากฏในดวงตาของหลินเฟิง“ดูสิครับ! คุณชายหลิน นั่นก็คือรากต้นโพธิ์สินะครับ?!”จ้าวเทียนหวามีน้ำเสียงตื่นเต้นแต่ทว่าเขากลับไม่เห็นว่าหลินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย“แขกเหรื่อที่อยู่ในงานทุกท่าน นี่ก็คือสินค้าประมูลในลำดับต่อไป สมบัติล้ำค่าหนึ่งในของสะสมที่สำคัญที่สุดของพ่อฉัน และมักจะนำออกมาชื่นชมคิดไม่ถึงว่าพิธีกรก็คือลูกสาวของผู้นำตระกูลเย่เธอพูดแนะนำต่อทุกคนอย่างเ